สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 259 ป้ายทองที่ใช้ได้ไม่อั้น

ซูจิ่นซีตรวจชีพจร พบว่าอาการป่วยก่อนหน้านี้ยังคงมีอยู่

“ท่านอ๋อง มือซ้ายเพคะ”

เยี่ยโยวเหยายื่นมือซ้ายออกมาอีกครั้ง

ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ยื่นมือซ้ายออกมาเท่านั้น เขายังกางฝ่ามือออกมาข้างหน้าซูจิ่นซีอีกด้วย

ซูจิ่นซีมองเห็นอย่างชัดเจน กลางฝ่ามือซ้ายของเยี่ยโยวเหยานั้นเรียบเนียนละเอียดอ่อน มีรอยหนังหยาบกร้านจากการถือกระบี่เป็นเวลานานไม่กี่แห่ง นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีอันใด

หรือว่าบาดเจ็บที่แขนซ้าย?

“อีกสักครู่หลังรับประทานอาหารเสร็จ หม่อมฉันจะฝังเข็มให้ท่าน! อาการบาดเจ็บของท่านอ๋องยังไม่หายดี หากเป็นเช่นนี้ต่อไปอาจสร้างปัญหาให้กับร่างกายส่วนบนได้เพคะ”

“ได้! ” เยี่ยโยวเหยาไม่ปฏิเสธ

แม้ซูจิ่นซีจะไม่ทราบ ทว่าก่อนหน้านี้ตรงกลางฝ่ามือของเยี่ยโยวเหยามีรอยแผลเป็นที่เกิดจากหมุดกร่อนรักอยู่จริงๆ เวลานี้มันหายไปไหนแล้ว? ทั้งหมอเทวดาหวายังเคยเห็นเองกับตา!

หลังจากรับประทานอาการเที่ยงเรียบร้อยแล้ว เยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซีก็ไปยังตำหนักฝูอวิ๋น

ตอนฝังเข็ม เยี่ยโยวเหยาจำเป็นต้องถอดเสื้อผ้า

เมื่อถอดเสื้อออก ซูจิ่นซีเห็นอย่างชัดเจนว่า แขนซ้ายของเยี่ยโยวเหยาไม่มีรอยแผลเป็นอันใด ไม่เพียงแต่แขนซ้ายเท่านั้น แขนขวาก็ไม่มีเช่นกัน แผลเป็นทั้งหมดของเขาล้วนอยู่บริเวณหลังและหน้าอก

แม้จะเป็นหมอพิษ ทว่าครั้งนี้จุดประสงค์ของซูจิ่นซีไม่ธรรมดา และไม่เหมือนครั้งก่อนที่เพียงฝังเข็มบริเวณแขนให้เยี่ยโยวเหยาเพียงอย่างเดียว เมื่อแน่ใจว่ามือซ้ายและแขนซ้ายของเยี่ยโยวเหยาล้วนไม่มีแผลเป็น ซูจิ่นซีจึงเริ่มฝังเข็มให้เยี่ยโยวเหยา คาดไม่ถึงว่า จู่ๆ ใบหน้าของซูจิ่นซีก็แดงระเรื่อขึ้นมา ผ่านไปครู่หนึ่ง เข็มที่ถือในมือยังไม่มีการตอบสนอง

“เป็นอันใด? ” เยี่ยโยวเหยาถาม

“ไม่ ไม่มีอันใด” ซูจิ่นซีรีบพูดกลบเกลื่อน ด้วยเกรงว่าเยี่ยโยวเหยาจะหันกลับมาเห็นใบหน้าอันแดงก่ำของนาง “ร่างกายของท่านอ๋อง เหตุใดจึงมีบาดแผลมากมายถึงเพียงนี้ รอยแผลเหล่านี้มาได้อย่างไรเพคะ? ”

ปีแล้วปีเล่าที่ฝึกฝนพลังปีศาจ ค่ำคืนหนาวเหน็บไร้ความปรานีนับครั้งไม่ถ้วน แส้แต่ละเส้น รอยกระบี่แต่ละรอยที่อยู่บนร่างกาย เพื่อเตือนให้เยี่ยโยวเหยาจดจำภารกิจของประเทศชาติ และไม่ลืมความแค้นของชาติบ้านเมือง

หากต้องการยืนอยู่เหนือผู้อื่น ต้องการเข้มแข็งกว่าผู้อื่น ต้องการเป็นที่ยำเกรงของผู้คน เยี่ยโยวเหยาต้องแลกมาด้วยสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถทำได้

การฝึกฝนนักฆ่าแต่ละคนของวิหารวิญญาณนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เยี่ยโยวเหยาในฐานะที่เป็นผู้บัญชาการสูงสุดของเหล่านักฆ่าและขุนพลผีแห่งวิหารวิญญาณ เขาได้รับการฝึกฝนจนทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงภาพลักษณ์ความน่ากลัว

คืนวันที่เต็มไปด้วยความมืดมน เยี่ยโยวเหยาไม่ต้องการพูดถึง

ดังนั้นเขาจึงนิ่งเงียบ ไม่พูดอันใด

ซูจิ่นซีเคยชินกับเยี่ยโยวเหยาที่เป็นแบบนี้ นางไม่ได้ถามอันใดอีก ทำเพียงฝังเข็มให้เยี่ยโยวเหยาต่อ

แม้ที่แขนซ้ายและมือซ้ายของเยี่ยโยวเหยาจะไม่พบรอยแผลเป็นใดๆ ทว่าเรื่องที่ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บนั้นเป็นความจริง

การฝังเข็มครั้งนี้ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์เสียทีเดียว เพราะมันสามารถบรรเทาอาการบาดเจ็บภายในร่างกายของเยี่ยโยวเหยาได้

“การฝังเข็มของหม่อมฉันสามารถบรรเทาได้ระยะหนึ่ง หากมีโอกาส ท่านอ๋องต้องให้หมอหลวงอวิ๋นตรวจดูให้ละเอียดอีกครั้งนะเพคะ! ”

อย่างไรเสีย คนที่ซูจิ่นซีไว้ใจมีเพียงอวิ๋นจิ่นผู้เดียวเท่านั้น วิชาแพทย์ของเขาดีที่สุดในแคว้นจงหนิง

“ตกลง! ” เยี่ยโยวเหยาตอบรับ

ตอนที่ฝังเข็ม ซูจิ่นซีจะมีสมาธิจดจ่ออย่างมาก ท่าทางที่ดูจริงจังเคร่งขรึมนั้นน่าดึงดูดยิ่งนัก

เยี่ยโยวเหยาหันศีรษะไปมองซูจิ่นซีอย่างไม่มีเหตุผล

ตอนที่ซูจิ่นซีเพิ่งเข้ามายังจวนโยวอ๋องและได้พบกับเยี่ยโยวเหยา นางมักแสดงท่าทีหวาดกลัวอยู่เสมอ ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป นางพยายามทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น จนสามารถยืนหยัดต่อหน้าเยี่ยโยวเหยาที่มักแสดงใบหน้าเย็นชาและไร้อารมณ์

แต่ในเวลานี้ คาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะไม่หวาดกลัวเยี่ยโยวเหยาแม้แต่น้อย

สตรีนางนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว

อืม ใช่ มีหลายอย่างที่แตกต่างออกไป…

อย่างเช่น นางยังทำงานอย่างมุ่งมั่นเช่นเดิม ซูจิ่นซีที่อยู่ตรงหน้านี้ยังคงเป็นซูจิ่นซีคนนั้น ทว่าในเวลานี้นางกลับดูน่าสนใจมากขึ้น ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงบางอย่างที่ยากจะอธิบายได้

แววตาสับสนของเยี่ยโยวเหยามองซูจิ่นซีเป็นเวลานาน นานมาก…

“ท่านอ๋อง เรียบร้อยแล้วเพคะ! ” ซูจิ่นซีเก็บเข็มเงินเล่มสุดท้ายเรียบร้อย ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความมั่นใจและมีความสุขหลังทำงานเสร็จสิ้น นางแย้มยิ้มอย่างสดใสให้เยี่ยโยวเหยา

ทว่าเยี่ยโยวเหยากลับจ้องมองซูจิ่นซีอย่างไม่ละสายตา ไม่มีการตอบสนองใดๆ

“ท่านอ๋อง… ท่านอ๋อง! ” ซูจิ่นซียื่นมือออกมากวัดแกว่งด้านหน้าเยี่ยโยวเหยา

เยี่ยโยวเหยาคืนสติในทันที พลางหันหน้าหนี

“ท่านอ๋อง เรียบร้อยแล้ว ท่านสามารถใส่เสื้อผ้าได้แล้วเพคะ”

เยี่ยโยวเหยาลุกขึ้นยืนสวมเสื้อผ้า

ซูจิ่นซีเก็บกระเป๋าใส่เข็มเงิน “ท่านอ๋อง ตอนบ่ายหม่อมฉันจะไปซื้อชาดแดงที่ร้านจวีเซียงฟางสักหน่อย”

เยี่ยโยวเหยาไม่ได้คิดอันใดมาก “อืม! ”

“ท่านอ๋อง เมื่อฝังเข็มเสร็จแล้ว ตอนบ่ายท่านควรนอนพักผ่อนจะดีที่สุด หากมีเรื่องอันใดค่อยทำวันพรุ่งนี้ก็ยังไม่สาย หลังจากฝังเข็มแล้วควรพักผ่อนให้เพียงพอ จะช่วยทำให้ร่างกายของท่านฟื้นตัวได้ดีเพคะ”

เมื่อก่อนตอนที่ซูจิ่นซีฝังเข็มให้เยี่ยโยวเหยา นางไม่เคยเตือนเรื่องพวกนี้ ทว่าครั้งนี้นางมีจุดประสงค์ที่แตกต่างออกไป

“ตอนบ่ายข้าอยู่ที่ตำหนัก ไม่ออกไปที่ใด”

“เช่นนั้นก็ดีมากเพคะ หม่อมฉันจะให้แม่นมฮวาปรุงยาสมุนไพรเพื่อบำรุงร่างกายให้ท่าน”

“ได้”

ซูจิ่นซีพูดจบ ก็คำนับเยี่ยโยวเหยาแล้วเดินออกจากประตูไป

“แม่นมฮวา ทำน้ำแกงไก่ตุ๋นโสมได้หรือไม่? ” ซูจิ่นซีถามแม่นมฮวาที่ประตูเรือนอวิ๋นไค

น้ำแกงไก่ตุ๋นโสม?

แม่นมฮวาตกตะลึงในทันที!

ทว่าพระชายาสั่งห้ามนางพูดคำหกคำนี้ ดังนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมา แม่นมฮวาจึงไม่กล้าพูดถึงคำเหล่านี้ อย่าว่าแต่ต่อหน้าพระชายาเลย ลับหลังนางก็ไม่กล้าพูดถึง เพราะกลัวว่าจะมีผู้ใดที่ไม่ระวัง พลั้งปากพูดออกมาต่อหน้าพระชายา

กลับคาดไม่ถึงว่า วันนี้ จู่ๆ พระชายาจะพูดขึ้นมาเอง

“น้ำแกงไก่… ตุ๋นโสม? ”

“ปรุงมาหนึ่งหม้อให้ท่านอ๋องดื่มบำรุงร่างกาย”

ให้ท่านอ๋องบำรุงร่างกาย???

สิ่งที่แม่นมฮวาชอบที่สุดก็คือ การที่เยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซีมีความรักใคร่อันดีต่อกัน

พอได้ยินซูจิ่นซีพูดว่าจะบำรุงร่างกายให้เยี่ยโยวเหยา จู่ๆ แม่นมฮวาก็เกิดความคิดเพี้ยนๆ ขึ้นในใจ ทว่าไม่กล้าแสดงออกทางสีหน้า

หลังถูกซูจิ่นซีตักเตือนไปถึงสองครั้ง แม่นมฮวาก็ไม่กล้าพูดจาเหลวไหลอีก

“มี มี มีเพคะ! พระชายา ก่อนหน้านี้พ่อบ้านเพิ่งนำโสมเข้ามาชุดหนึ่ง บ่าวจะรีบออกไปซื้อไก่ บ่าวจะไปเลือกด้วยตัวเองเพคะ” แม่นมฮวาพูดพลางวิ่งออกไปนอกจวนด้วยความรวดเร็ว

ซูจิ่นซีเดินไปที่เรือนอวิ๋นไคอย่างไม่รีบเร่ง นางให้ลวี่หลีจัดแจงสิ่งของให้นางเรียบร้อยแล้ว จากนั้นทั้งสองก็เดินออกประตูไป

ตอนที่กำลังจะเดินออกไป พ่อบ้านเดินมาหาซูจิ่นซีและมอบป้ายทองใบหนึ่งให้นาง

“พระชายา นี่เป็นป้ายทองที่ท่านอ๋องมอบไว้ให้ท่าน ท่านสามารถนำไปซื้อสินค้าในร้านค้าของแคว้นจงหนิงได้อย่างไม่จำกัดจำนวนเงิน โดยจำนวนเงินทั้งหมดจะถูกบันทึกไว้ในนามของท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”

ป้ายทองที่ใช้ได้ไม่อั้น?

สามารถใช้ได้อย่างไม่จำกัดจำนวนเงิน?

เจ๋งมาก!

ความจริงแล้วซูจิ่นซีไม่รู้ว่า นี่คือเงื่อนไขพิเศษของแคว้นจงหนิง แม้แต่ฮ่องเต้และไท่จื่อก็ไม่ได้รับเงื่อนไขพิเศษเช่นนี้ ทั้งแคว้นจงหนิงมีป้ายทองเพียงสามใบ และทั้งหมดอยู่ในมือของเยี่ยโยวเหยา

ซูจิ่นซีถือป้ายทองในมือเดินออกจากประตูกับลวี่หลีอย่างเงียบงัน ทว่าในใจของนางกลับมีความกังวล เยี่ยโยวเหยามอบป้ายทองให้นางหมายความว่าอย่างไรกันแน่?

เพียงให้นางไปซื้อของธรรมดาจริงหรือ?

เขาคงไม่ได้สงสัยอันใดใช่หรือไม่?

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset