ซูจิ่นซีตรวจชีพจร พบว่าอาการป่วยก่อนหน้านี้ยังคงมีอยู่
“ท่านอ๋อง มือซ้ายเพคะ”
เยี่ยโยวเหยายื่นมือซ้ายออกมาอีกครั้ง
ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ยื่นมือซ้ายออกมาเท่านั้น เขายังกางฝ่ามือออกมาข้างหน้าซูจิ่นซีอีกด้วย
ซูจิ่นซีมองเห็นอย่างชัดเจน กลางฝ่ามือซ้ายของเยี่ยโยวเหยานั้นเรียบเนียนละเอียดอ่อน มีรอยหนังหยาบกร้านจากการถือกระบี่เป็นเวลานานไม่กี่แห่ง นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีอันใด
หรือว่าบาดเจ็บที่แขนซ้าย?
“อีกสักครู่หลังรับประทานอาหารเสร็จ หม่อมฉันจะฝังเข็มให้ท่าน! อาการบาดเจ็บของท่านอ๋องยังไม่หายดี หากเป็นเช่นนี้ต่อไปอาจสร้างปัญหาให้กับร่างกายส่วนบนได้เพคะ”
“ได้! ” เยี่ยโยวเหยาไม่ปฏิเสธ
แม้ซูจิ่นซีจะไม่ทราบ ทว่าก่อนหน้านี้ตรงกลางฝ่ามือของเยี่ยโยวเหยามีรอยแผลเป็นที่เกิดจากหมุดกร่อนรักอยู่จริงๆ เวลานี้มันหายไปไหนแล้ว? ทั้งหมอเทวดาหวายังเคยเห็นเองกับตา!
หลังจากรับประทานอาการเที่ยงเรียบร้อยแล้ว เยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซีก็ไปยังตำหนักฝูอวิ๋น
ตอนฝังเข็ม เยี่ยโยวเหยาจำเป็นต้องถอดเสื้อผ้า
เมื่อถอดเสื้อออก ซูจิ่นซีเห็นอย่างชัดเจนว่า แขนซ้ายของเยี่ยโยวเหยาไม่มีรอยแผลเป็นอันใด ไม่เพียงแต่แขนซ้ายเท่านั้น แขนขวาก็ไม่มีเช่นกัน แผลเป็นทั้งหมดของเขาล้วนอยู่บริเวณหลังและหน้าอก
แม้จะเป็นหมอพิษ ทว่าครั้งนี้จุดประสงค์ของซูจิ่นซีไม่ธรรมดา และไม่เหมือนครั้งก่อนที่เพียงฝังเข็มบริเวณแขนให้เยี่ยโยวเหยาเพียงอย่างเดียว เมื่อแน่ใจว่ามือซ้ายและแขนซ้ายของเยี่ยโยวเหยาล้วนไม่มีแผลเป็น ซูจิ่นซีจึงเริ่มฝังเข็มให้เยี่ยโยวเหยา คาดไม่ถึงว่า จู่ๆ ใบหน้าของซูจิ่นซีก็แดงระเรื่อขึ้นมา ผ่านไปครู่หนึ่ง เข็มที่ถือในมือยังไม่มีการตอบสนอง
“เป็นอันใด? ” เยี่ยโยวเหยาถาม
“ไม่ ไม่มีอันใด” ซูจิ่นซีรีบพูดกลบเกลื่อน ด้วยเกรงว่าเยี่ยโยวเหยาจะหันกลับมาเห็นใบหน้าอันแดงก่ำของนาง “ร่างกายของท่านอ๋อง เหตุใดจึงมีบาดแผลมากมายถึงเพียงนี้ รอยแผลเหล่านี้มาได้อย่างไรเพคะ? ”
ปีแล้วปีเล่าที่ฝึกฝนพลังปีศาจ ค่ำคืนหนาวเหน็บไร้ความปรานีนับครั้งไม่ถ้วน แส้แต่ละเส้น รอยกระบี่แต่ละรอยที่อยู่บนร่างกาย เพื่อเตือนให้เยี่ยโยวเหยาจดจำภารกิจของประเทศชาติ และไม่ลืมความแค้นของชาติบ้านเมือง
หากต้องการยืนอยู่เหนือผู้อื่น ต้องการเข้มแข็งกว่าผู้อื่น ต้องการเป็นที่ยำเกรงของผู้คน เยี่ยโยวเหยาต้องแลกมาด้วยสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถทำได้
การฝึกฝนนักฆ่าแต่ละคนของวิหารวิญญาณนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เยี่ยโยวเหยาในฐานะที่เป็นผู้บัญชาการสูงสุดของเหล่านักฆ่าและขุนพลผีแห่งวิหารวิญญาณ เขาได้รับการฝึกฝนจนทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงภาพลักษณ์ความน่ากลัว
คืนวันที่เต็มไปด้วยความมืดมน เยี่ยโยวเหยาไม่ต้องการพูดถึง
ดังนั้นเขาจึงนิ่งเงียบ ไม่พูดอันใด
ซูจิ่นซีเคยชินกับเยี่ยโยวเหยาที่เป็นแบบนี้ นางไม่ได้ถามอันใดอีก ทำเพียงฝังเข็มให้เยี่ยโยวเหยาต่อ
แม้ที่แขนซ้ายและมือซ้ายของเยี่ยโยวเหยาจะไม่พบรอยแผลเป็นใดๆ ทว่าเรื่องที่ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บนั้นเป็นความจริง
การฝังเข็มครั้งนี้ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์เสียทีเดียว เพราะมันสามารถบรรเทาอาการบาดเจ็บภายในร่างกายของเยี่ยโยวเหยาได้
“การฝังเข็มของหม่อมฉันสามารถบรรเทาได้ระยะหนึ่ง หากมีโอกาส ท่านอ๋องต้องให้หมอหลวงอวิ๋นตรวจดูให้ละเอียดอีกครั้งนะเพคะ! ”
อย่างไรเสีย คนที่ซูจิ่นซีไว้ใจมีเพียงอวิ๋นจิ่นผู้เดียวเท่านั้น วิชาแพทย์ของเขาดีที่สุดในแคว้นจงหนิง
“ตกลง! ” เยี่ยโยวเหยาตอบรับ
ตอนที่ฝังเข็ม ซูจิ่นซีจะมีสมาธิจดจ่ออย่างมาก ท่าทางที่ดูจริงจังเคร่งขรึมนั้นน่าดึงดูดยิ่งนัก
เยี่ยโยวเหยาหันศีรษะไปมองซูจิ่นซีอย่างไม่มีเหตุผล
ตอนที่ซูจิ่นซีเพิ่งเข้ามายังจวนโยวอ๋องและได้พบกับเยี่ยโยวเหยา นางมักแสดงท่าทีหวาดกลัวอยู่เสมอ ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป นางพยายามทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น จนสามารถยืนหยัดต่อหน้าเยี่ยโยวเหยาที่มักแสดงใบหน้าเย็นชาและไร้อารมณ์
แต่ในเวลานี้ คาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะไม่หวาดกลัวเยี่ยโยวเหยาแม้แต่น้อย
สตรีนางนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว
อืม ใช่ มีหลายอย่างที่แตกต่างออกไป…
อย่างเช่น นางยังทำงานอย่างมุ่งมั่นเช่นเดิม ซูจิ่นซีที่อยู่ตรงหน้านี้ยังคงเป็นซูจิ่นซีคนนั้น ทว่าในเวลานี้นางกลับดูน่าสนใจมากขึ้น ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงบางอย่างที่ยากจะอธิบายได้
แววตาสับสนของเยี่ยโยวเหยามองซูจิ่นซีเป็นเวลานาน นานมาก…
“ท่านอ๋อง เรียบร้อยแล้วเพคะ! ” ซูจิ่นซีเก็บเข็มเงินเล่มสุดท้ายเรียบร้อย ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความมั่นใจและมีความสุขหลังทำงานเสร็จสิ้น นางแย้มยิ้มอย่างสดใสให้เยี่ยโยวเหยา
ทว่าเยี่ยโยวเหยากลับจ้องมองซูจิ่นซีอย่างไม่ละสายตา ไม่มีการตอบสนองใดๆ
“ท่านอ๋อง… ท่านอ๋อง! ” ซูจิ่นซียื่นมือออกมากวัดแกว่งด้านหน้าเยี่ยโยวเหยา
เยี่ยโยวเหยาคืนสติในทันที พลางหันหน้าหนี
“ท่านอ๋อง เรียบร้อยแล้ว ท่านสามารถใส่เสื้อผ้าได้แล้วเพคะ”
เยี่ยโยวเหยาลุกขึ้นยืนสวมเสื้อผ้า
ซูจิ่นซีเก็บกระเป๋าใส่เข็มเงิน “ท่านอ๋อง ตอนบ่ายหม่อมฉันจะไปซื้อชาดแดงที่ร้านจวีเซียงฟางสักหน่อย”
เยี่ยโยวเหยาไม่ได้คิดอันใดมาก “อืม! ”
“ท่านอ๋อง เมื่อฝังเข็มเสร็จแล้ว ตอนบ่ายท่านควรนอนพักผ่อนจะดีที่สุด หากมีเรื่องอันใดค่อยทำวันพรุ่งนี้ก็ยังไม่สาย หลังจากฝังเข็มแล้วควรพักผ่อนให้เพียงพอ จะช่วยทำให้ร่างกายของท่านฟื้นตัวได้ดีเพคะ”
เมื่อก่อนตอนที่ซูจิ่นซีฝังเข็มให้เยี่ยโยวเหยา นางไม่เคยเตือนเรื่องพวกนี้ ทว่าครั้งนี้นางมีจุดประสงค์ที่แตกต่างออกไป
“ตอนบ่ายข้าอยู่ที่ตำหนัก ไม่ออกไปที่ใด”
“เช่นนั้นก็ดีมากเพคะ หม่อมฉันจะให้แม่นมฮวาปรุงยาสมุนไพรเพื่อบำรุงร่างกายให้ท่าน”
“ได้”
ซูจิ่นซีพูดจบ ก็คำนับเยี่ยโยวเหยาแล้วเดินออกจากประตูไป
“แม่นมฮวา ทำน้ำแกงไก่ตุ๋นโสมได้หรือไม่? ” ซูจิ่นซีถามแม่นมฮวาที่ประตูเรือนอวิ๋นไค
น้ำแกงไก่ตุ๋นโสม?
แม่นมฮวาตกตะลึงในทันที!
ทว่าพระชายาสั่งห้ามนางพูดคำหกคำนี้ ดังนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมา แม่นมฮวาจึงไม่กล้าพูดถึงคำเหล่านี้ อย่าว่าแต่ต่อหน้าพระชายาเลย ลับหลังนางก็ไม่กล้าพูดถึง เพราะกลัวว่าจะมีผู้ใดที่ไม่ระวัง พลั้งปากพูดออกมาต่อหน้าพระชายา
กลับคาดไม่ถึงว่า วันนี้ จู่ๆ พระชายาจะพูดขึ้นมาเอง
“น้ำแกงไก่… ตุ๋นโสม? ”
“ปรุงมาหนึ่งหม้อให้ท่านอ๋องดื่มบำรุงร่างกาย”
ให้ท่านอ๋องบำรุงร่างกาย???
สิ่งที่แม่นมฮวาชอบที่สุดก็คือ การที่เยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซีมีความรักใคร่อันดีต่อกัน
พอได้ยินซูจิ่นซีพูดว่าจะบำรุงร่างกายให้เยี่ยโยวเหยา จู่ๆ แม่นมฮวาก็เกิดความคิดเพี้ยนๆ ขึ้นในใจ ทว่าไม่กล้าแสดงออกทางสีหน้า
หลังถูกซูจิ่นซีตักเตือนไปถึงสองครั้ง แม่นมฮวาก็ไม่กล้าพูดจาเหลวไหลอีก
“มี มี มีเพคะ! พระชายา ก่อนหน้านี้พ่อบ้านเพิ่งนำโสมเข้ามาชุดหนึ่ง บ่าวจะรีบออกไปซื้อไก่ บ่าวจะไปเลือกด้วยตัวเองเพคะ” แม่นมฮวาพูดพลางวิ่งออกไปนอกจวนด้วยความรวดเร็ว
ซูจิ่นซีเดินไปที่เรือนอวิ๋นไคอย่างไม่รีบเร่ง นางให้ลวี่หลีจัดแจงสิ่งของให้นางเรียบร้อยแล้ว จากนั้นทั้งสองก็เดินออกประตูไป
ตอนที่กำลังจะเดินออกไป พ่อบ้านเดินมาหาซูจิ่นซีและมอบป้ายทองใบหนึ่งให้นาง
“พระชายา นี่เป็นป้ายทองที่ท่านอ๋องมอบไว้ให้ท่าน ท่านสามารถนำไปซื้อสินค้าในร้านค้าของแคว้นจงหนิงได้อย่างไม่จำกัดจำนวนเงิน โดยจำนวนเงินทั้งหมดจะถูกบันทึกไว้ในนามของท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
ป้ายทองที่ใช้ได้ไม่อั้น?
สามารถใช้ได้อย่างไม่จำกัดจำนวนเงิน?
เจ๋งมาก!
ความจริงแล้วซูจิ่นซีไม่รู้ว่า นี่คือเงื่อนไขพิเศษของแคว้นจงหนิง แม้แต่ฮ่องเต้และไท่จื่อก็ไม่ได้รับเงื่อนไขพิเศษเช่นนี้ ทั้งแคว้นจงหนิงมีป้ายทองเพียงสามใบ และทั้งหมดอยู่ในมือของเยี่ยโยวเหยา
ซูจิ่นซีถือป้ายทองในมือเดินออกจากประตูกับลวี่หลีอย่างเงียบงัน ทว่าในใจของนางกลับมีความกังวล เยี่ยโยวเหยามอบป้ายทองให้นางหมายความว่าอย่างไรกันแน่?
เพียงให้นางไปซื้อของธรรมดาจริงหรือ?
เขาคงไม่ได้สงสัยอันใดใช่หรือไม่?