ตอนที่ 412 คุณออกไปก่อน
ถ้าหาผู้หญิงแต่งงานด้วยมันไปเสียตั้งแต่แรก จะมีเรื่องมากมายขนาดนี้ได้ที่ไหนกัน
แต่ว่าพอคิดว่าคบกับซือเหยี่ยนได้ เหมือนว่าเรื่องราวจะมากมายขึ้นสักหน่อยก็ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรเขากับซือเหยี่ยนก็ตัวสูง แรงเยอะ หนังหนา ทนมือทนเท้าเป็นพิเศษ
เขาเงยหน้ามองซือเหยี่ยนแวบหนึ่ง ถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ “รอพวกเราจัดการเรื่องพ่อแม่ฉันได้แล้ว ค่อยไปจัดการเรื่องพ่อแม่ของนายก็แล้วกัน”
โดนรุมกระหน่ำมาเป็นคู่ เขาก็จะรับไม่ไหวแล้ว ถ้าพ่อแม่ซือเหยี่ยนรู้อีก ถึงตอนนั้นทั้งสองฝ่ายต่างมารุมทึ้ง เขาจะต้องชะตาขาดแล้วจริงๆ
ซือเหยี่ยนยกยิ้มมุมปากขึ้น “ได้”
เห็นแววตาเป็นกังวลของเจียงมู่เฉินแบบนั้น อีกนิดซือเหยี่ยนเกือบจะทนไม่ไหว บอกเจียงมู่เฉินไปตรงๆ ถึงเรื่องที่เขาจัดการทางฝั่งพ่อแม่เขาไว้แล้ว
‘ช่างเถอะ ให้เจ้าหมอนี่ร้อนใจให้ตัวเองสักหน่อยก็ดี’
ทั้งวันจะได้ไม่ให้เขาสบายใจเลยสักนิด
เจียงมู่เฉินคิดไม่ถึงว่าซือเหยี่ยนเจ้าหมอนี่เวลาปกติจะเล่นแง่ใส่ตัวเองก็ช่างเถอะ แต่ในเวลาแบบนี้ยังเล่นแง่กับตัวเองอีก
กว่าทั้งสองคนจะเดินมาถึงห้องพักผู้ป่วย คุณแม่เจียงก็รู้สึกตัวตื่นแล้ว กำลังพูดคุยกับคุณพ่อเจียงอยู่
เจียงมู่เฉินเอื้อมมือไปคว้าซือเหยี่ยนไว้ก่อน ซือเหยี่ยนเงยหน้าขึ้นมอง
“รอสักหน่อยแล้วค่อยเข้าไปเถอะ”
เจียงมู่เฉินรั้งซือเหยี่ยนไว้ให้ยืนอยู่หน้าประตู ทั้งสองคนเหมือนกับเทพอารักษ์ประตูไม่มีผิด
เขารู้ว่าตอนนี้คุณแม่เจียงเพิ่งจะตื่น ต้องอารมณ์เสียอยู่แล้ว ถ้าเวลานี้ตัวเองกับซือเหยี่ยนปรากฏตัว คุณแม่เจียงต้องโกรธมากอย่างแน่นอน
เจียงมู่เฉินไม่อยากให้ซือเหยี่ยนเข้าไป อย่างแรกคือกลัวแม่เขาจะอารมณ์เดือดดาล เตียงคนไข้ยังไม่ทันอุ่น ก็ถูกเข็นกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉินอีกรอบ
อย่างที่สองคือไม่อยากให้ซือเหยี่ยนเข้าไปรับคำต่อว่า
ซือเหยี่ยนเป็นดอกไม้บนยอดเขาสูงในใจเขา จะมาโดนด่อทอไปมาได้อย่างไร ต่อให้เป็นแม่เขาก็ไม่ได้นะ
“คุณคิดจะให้พวกเราสองคนยืนอยู่หน้าประตูตลอดเลยเหรอ” น้ำเสียงของซือเหยี่ยนเจือความติดตลกอยู่ในนั้น
เจียงมู่เฉินถลึงตาใส่เขา “นี่มันเวลาอะไรกันแล้ว นายยังจะมามีอารมณ์ขันอีก”
ซือเหยี่ยนถอนหายใจ เห็นใบหน้าที่ดูตื่นตระหนกของเขา ก็เอื้อมมือไปบีบคลึงใบหน้าเขา “เอางี้ คุณเข้าไปก่อน ผมจะโทรศัพท์อยู่ข้างๆ นี้ ที่บริษัทมีเรื่องด่วนนิดหน่อยพอดี”
ทันทีที่ได้ยินว่าบริษัทมีเรื่องด่วน เจียงมู่เฉินก็รีบเอ่ย “มีเรื่องด่วน นายก็กลับไปเถอะ ถึงยังไงแม่ฉันก็ไม่เป็นไรแล้ว”
ซือเหยี่ยนยิ้มหัวเราะ ไม่ได้พูดอะไร พูดแค่เพียงว่า “ผมไปโทรศัพท์อยู่ข้างๆ นี้ก่อนนะ”
เจียงมู่เฉินพยักหน้า “ไปเถอะ”
ซือเหยี่ยนเดินไปยังระเบียงทางเดินด้านข้างห่างจากห้องพักผู้ป่วยอยู่พอสมควร เขามองดูเจียงมู่เฉินที่เตรียมจะเดินเข้าไปข้างในก็ยิ้มหัวเราะออกมา
เขาหยิบมือถือขึ้นมา กดสายโทรออกไป
“พ่อกับแม่ อยู่ที่ไหนกันแล้วครับ”
ซือเหยี่ยนหยุดลงสักพัก ก่อนจะเอ่ยต่อ “น้าเจียงเข้าโรงพยาบาล พ่อกับแม่อยากจะมาเยี่ยมสักหน่อยไหมครับ”
ไม่รู้ว่าทางปลายสายนั้นพูดอะไร ซือเหยี่ยนขานรับ “อืม” เสียงเดียวแล้วก็วางสายไป
หลังจากวางสายแล้ว ซือเหยี่ยนมองดูมือถือ ตามความเร็วในการเดินทางมาของพ่อแม่เขาคงจะไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็น่าจะถึงแล้ว
เขาเก็บมือถือเข้าไป เดินมุ่งหน้าไปยังห้องพักผู้ป่วยอย่างไม่หวั่นเกรง
เพิ่งจะเดินถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเจียงมู่เฉินกำลังอธิบายให้คุณแม่เจียงฟัง
ซือเหยี่ยนหัวใจบีบคั้นในทันใด เขาผลักประตูเดินเข้าไปโดยไม่ได้ขออนุญาตใดใด คุณแม่เจียงที่อยู่บนเตียงเดิมทีมีสีหน้าเย็นชา ตอนนี้หลังจากเห็นหน้าซือเหยี่ยนแล้ว สีหน้าก็ยิ่งเย็นชาเข้าไปอีก
พอเจียงมู่เฉินเห็นซือเหยี่ยนเดินเข้ามาโดยไม่คาดคิด ก็ตกใจเกือบจะฉี่ราดในพริบตาเดียวนั้นทันที
เขารีบเข้าไปส่งสายตาสื่อสารกับอีกฝ่าย
แทบอยากจะถามเสียงดังเสียเดี๋ยวนี้ว่าตัวเขาเองพรวดพราดเข้ามาทำไม
ซือเหยี่ยนยิ้ม โค้งคำนับให้คุณแม่เจียง “ขออภัยด้วยนะครับ เพราะปัญหาของผม จึงทำให้น้าเจียงต้องเข้าโรงพยาบาล”
คุณแม่เจียงสีหน้าบึ้งตึงไม่พูดไม่จาสักคำ
เขาเอียงหน้ามองเจียงมู่เฉินแวบหนึ่ง “เฉินเฉิน ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับน้าเจียงกับอาเจียงกันตามลำพัง คุณออกไปก่อนนะ”
เจียงมู่เฉินต้องไม่ยอมไปอยู่แล้ว ทิ้งซือเหยี่ยนไว้คนเดียวที่นี่ ไม่รู้ว่าจะโดนพ่อแม่เขาเล่นงานจนตายในไม่กี่นาทีนี้หรือเปล่า
“ไม่ได้ ฉันจะไม่ออกไป”
ซือเหยี่ยนก้มหน้ามองเจียงมู่เฉินให้ลึกเข้าไปในแววตา ทำให้รู้ว่าถ้าเขายังไม่ออกไป ก็จะจ้องมองดูเขาอยู่อย่างนี้ไปตลอด
เจียงมู่เฉินโดนเขามองจนหมดหนทาง “รู้แล้วๆ ฉันจะออกไปก่อน”
ตอนที่ 413 พ่อแม่ซือเหยี่ยนปรากฏตัว
ซือเหยี่ยนพยักหน้ารับ ขณะที่เจียงมู่เฉินเดินออกจากข้างกายเขาไป ก็ฉวยโอกาสตอนที่คุณแม่เจียงคุณพ่อเจียงไม่ทันได้สังเกต รีบส่งมือไปบีบมือเจียงมู่เฉินอย่างรวดเร็ว
ราวกับอยากจะบอกเจียงมู่เฉินว่าเขาไม่เป็นไร
เจียงมู่เฉินเดินออกจากห้องพักฟื้นไปด้วยความกระวนกระวายใจ เขายืนอยู่ข้างๆ คิดเตรียมจะฟังว่าพวกเขาจะพูดอะไรกัน
ผลปรากฏว่าขาสูงยาวของซือเหยี่ยนแค่ยื่นมา ประตูก็ปิดลงโดยไม่ลังเลเลยสักนิด
เจียงมู่เฉินมองดูประตูอย่างเหงาหงอย เอาหูแนบประตูแอบฟัง แต่จะทำอย่างไรได้ระบบกันเสียงของห้องพักผู้ป่วยวีไอพีทำมาดีเกินไปแล้วจริงๆ
เขาแทบอยากจะเอาหูยัดใส่ในประตูอยู่แล้ว แต่ก็ยังฟังไม่ออกแม้สักคำเดียว
เจียงมู่เฉินมืดแปดด้านอยู่ข้างนอก จะร้อนใจตายแล้วจริงๆ นี่ก็อยู่ข้างในมายี่สิบนาทีแล้ว ทำไมซือเหยี่ยนยังไม่ออกมาสักที
‘คงจะไม่ใช่ว่าถูกพ่อแม่เขาตีจนพิการหรอกใช่ไหม’
เจียงมู่เฉินยิ่งคิดยิ่งอกสั่นขวัญแขวน ร้อนรนจนทนไม่ไหวถอยหลังไปเพื่อเปิดประตู
ขณะที่เขาอดจะเตรียมลงมือจริงๆ อยู่นั้น ประตูจากข้างในก็ถูกเปิดออกมา
ซือเหยี่ยนเดินออกมาจากข้างในเสร็จสรรพ เจียงมู่เฉินเห็นก็รีบดึงตัวคนเข้ามาทันที “เป็นยังไงบ้าง พ่อแม่ฉันตีนายไหม”
ซือเหยี่ยนไม่ได้ตอบเขา แต่สายตากลับมองตามมือที่เจียงมู่เฉินยื่นมา
เขากระแอมไอเบาๆ เสียงต่ำเอ่ยขึ้น “พ่อแม่ผมมาแล้ว”
ห้าคำสั้นๆ เจียงมู่เฉินก็แข็งทื่อเป็นหินไปในพริบตา นี่ นี่เวลานี้พ่อแม่ซือเหยี่ยนมาได้ยังไงกัน
เงาร่างของคนสองคนจากมุมไกลก็เดินใกล้เข้ามา เจียงมู่เฉินไม่กล้าเงยหน้ามอง กลัวจะเห็นใบหน้าสองใบหน้านั้นของพ่อแม่ซือเหยี่ยน
“เฉินเฉิน” พ่อแม่ซือเหยี่ยนกลับไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาคิดมากขนาดนี้เอาไว้ เสียงต่ำเอ่ยเรียกทันที
เจียงมู่เฉินตาลุกวาว ดูท่าว่าพวกเขายังไม่ได้รู้เรื่องสินะ
เขาเงยหน้าเอ่ยทักทายพ่อแม่ซือเหยี่ยน “อาซือ น้าเหวิน สวัสดีครับ”
แม่ของซือเหยี่ยนยังมองเขาด้วยแววตารักใคร่เอ็นดู “เฉินเฉินช่วงนี้ทำไมผอมขนาดนี้ อย่าไปเอาตามคนอื่น กินเยอะๆ หน่อยถึงจะดูดีนะ”
เจียงมู่เฉินรีบพยักหน้า “ขอบคุณครับน้าเหวิน”
ซือเหยี่ยนเห็นแม่เขาแทบอยากจะตะครุบเจียงมู่เฉิน ก็รีบเอื้อมมือไปคว้าตัวเธอมา “แม่ครับ อาเจียงกับน้าเจียงอยู่ข้างใน”
เวลานี้เองเหวินฮุ่ยถึงได้นึกถึงเรื่องหลักที่ตัวเองมาในวันนี้ เธอยิ้มพลางปล่อยมือเจียงมู่เฉินที่เธอจับไว้อยู่ “เฉินเฉิน งั้นน้าเข้าไปดูแม่ของเฉินเฉินก่อน วันไหนมีเวลาก็มากับซือเหยี่ยนมากินข้าวที่บ้านน้านะ”
เจียงมู่เฉินพยักหน้าทันที “ได้ครับ น้าเหวิน”
หลังจากทั้งสองคนเข้าไป เจียงมู่เฉินกำลังเตรียมตัวจะเดินตามเข้าไป ซือเหยี่ยนก็รั้งเขาไว้เสียก่อน
“นายดึงฉันไว้ทำไม”
ซือเหยี่ยนถอนหายใจอย่างจนใจ “คุณจะเข้าไปทำไม”
เจียงมู่เฉินหน้าซื่อตาใส “เข้าไปดูไง ถ้าหากตีกันขึ้นมา ยังมีคนจับแยกได้นะ”
ซือเหยี่ยนกุมขมับแล้ว หาแฟนแบบนี้ได้ ชาติที่แล้วเขาไม่ได้ทำอะไรดีๆ มาใช่ไหม
ไม่พูดจา พร้อมลากตัวคนเดินไปทั้งอย่างนี้
เจียงมู่เฉินตามหลังซือเหยี่ยนไป โต้แย้งอย่างทำอะไรไม่ได้ “นายจะลากฉันไปไหน…
…เดี๋ยวพ่อแม่นายกับพ่อแม่ฉันตีกันขึ้นมาจะทำยังไง…
…ว่ามาสิ ตอนนี้พ่อแม่นายดีกับฉันขนาดนี้ เดี๋ยวออกมาจะใช้สายตาแค้นเคืองมองฉันเป็นศัตรูหรือเปล่า”
เจียงมู่เฉินคิดแล้วก็อดจะบรรยายภาพไม่ได้ “สายตาแบบฉันคือผู้ชายเลวๆ ที่พานายเสียคน”
ซือเหยี่ยนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “พลังจินตนาการของคุณนี่ไม่เอาไปเขียนบทนี้เสียดายแย่เลย”
เจียงมู่เฉินยังกำลังคิดเรื่องพ่อแม่ซือเหยี่ยนอยู่ เมื่อครู่เห็นเขาเหมือนมาหาลูกชายตัวเองไม่มีผิด เดี๋ยวพอคุยกับแม่เขาแล้ว พบว่าเขาคือผู้ชายเลวๆ ที่พาซือเหยี่ยนเสียคน
‘ถึงเวลานั้นจะโกรธจนอยากจะตวาดด่าไล่ฆ่าเขาหรือเปล่า’
พอคิดถึงตรงนี้ เจียงมู่เฉินก็รู้สึกถึงหนังศีรษะที่หดเกร็ง รู้สึกถึงวันที่น่าเวทนาของเขากับซือเหยี่ยนในที่สุดก็มาถึงแล้ว
ถึงเวลานั้นพ่อแม่ทั้งสองตระกูลหารือกัน หาแนวทางให้พวกเขาเลิกกันออกมาได้ ถึงเวลานั้นจันทร์พุธศุกร์เป็นพ่อแม่เขา อังคารพฤหัสเสาร์เป็นพ่อแม่ซือเหยี่ยน วันอาทิตย์ทั้งสี่คนเข้ามารุมพร้อมๆ กัน
ถึงเวลานั้นชีวิตนี้ของเขากับซือเหยี่ยนยังจะผ่านไปได้หรือเปล่า
คิดมาขนาดนี้ เจียงมู่เฉินก็รู้สึกได้ถึงอนาคตที่มืดบอดแล้ว