ตอนที่ 586 เจ้าโง่
ลี่เจินมองไป๋จิ่งด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ ทำให้เขาพูดสรุปแผนการของตัวเองมาทีเดียวอีกครั้ง
สุดท้ายเธอก็มองไป๋จิ่งด้วยสายตาที่เหมือนกับว่ามองคนโง่อยู่ “โอเค แม่รู้แล้ว”
ไป๋จิ่งมีเครื่องหมายคำถามเต็มใบหน้า โอเค แม่รู้แล้ว คือคำตอบอะไร
เขาเพิ่งจะเตรียมถาม โดนแม่เขาอุดปากเข้าไปอีกครั้ง “เจ้าโง่อย่างลูกอย่าพูดอะไรมั่วซั่วเลย”
ไป๋จิ่งคิดอย่างจริงจัง เขาออกจะฉลาดขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าจะโดนแม่เขาหยามกันแบบนี้
เขายังเชื่อมาตลอดว่าตัวเองประสบความสำเร็จมากทีเดียว ตอนนี้เหลือแค่ความหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเองเพียงน้อยนิดที่ในที่สุดแล้วถูกแม่เขาโจมตีไปเรียบร้อยแล้ว
……
ไป๋จิ่งเห็นลี่เจินจูงมือเล็กๆ ของมั่วไป๋ เขาก็อดไม่ได้ที่จะขบกรามแน่น
ตั้งนานแล้วที่เขาไม่ได้จับมือเล็กๆ ของมั่วไป๋ คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะถูกแม่เขาชิงตัดหน้า ไป๋จิ่งมองดูทั้งสองคนนั่งอยู่บนโซฟา ลำไส้ก็ปั่นป่วนไปหมด
มั่วไป๋วางตัวไม่ถูก รู้สึกตัวเองมองอะไรไม่ทะลุปรุโปร่งเริ่มมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ ตื่นขึ้นมากจะถูกไป๋จิ่งมาตัวมาถึงที่นี่ กว่าจะมองความคิดนี้เป็นเรื่องตลกได้ไม่ใช่ง่ายๆ คิดไม่ถึงว่าวันนี้แม่ไป๋จิ่งจะโผล่มาทำให้เขาตกใจแทบตาย
อีกอย่าง…
แววตาที่เธอมองตัวเขาเอง…แปลกมาก…
มั่วไป๋คิดเชื่อมโยงไปตอนที่เธอเข้ามาพร้อมประโยคว่าลูกสะใภ้โดยไม่ได้ตั้งใจ…มั่วไป๋ปวดหัว เขาชักจะกระวนกระวายใจ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
ตอนนี้เขากับไป๋จิ่งไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันทั้งนั้น แม่ไป๋จิ่งยังทำท่าเหมือนว่าตัวเองกับไป๋จิ่งมีความสัมพันธ์กันอย่างไรอย่างนั้น
มั่วไป๋ไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไร ถึงจะทำให้แม่ไป๋จิ่งไม่เข้าใจผิดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขาเองกับไป๋จิ่ง
“ไป๋จิ่งรังแกเราบ่อยๆ เลยใช่ไหม ครั้งหน้าถ้าเจ้าตัวแสบรังแกเราอีก เราบอกพี่ได้เลยนะ พี่รับรองจะช่วยเราสั่งสอนเขา”
มั่วไป๋อยากจะชักมือกลับมา แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เขาเพิ่งอยากจะดึงมือออก ลี่เจินก็คว้าเอาไว้ทันที
แรงเยอะมากถึงขีดสุด มั่วไป๋เกรงใจที่จะเหวี่ยงกับผู้อาวุโส เขาจึงจำใจต้องปล่อยให้ลี่เจินดึงมือไปอย่างว่าง่าย
ไป๋จิ่งยืนอยู่ข้างๆ ต้องเห็นความวางตัวไม่ถูกบนใบหน้าของมั่วไป๋อยู่แล้ว
‘ก็ใช่ มั่วไป๋เป็นคนเงียบๆ ขนาดนั้น จู่ๆ มาถูกแม่เขาออกแรงดึงไปแบบนั้น จะไม่สบอารมณ์ก็ไม่แปลก’
ไป๋จิ่งครุ่นคิดแล้วเอ่ยปากขึ้น “แม่ แม่มามีธุระอะไรเหรอครับ”
ขณะที่เขาพูดอยู่นั้นก็ยักคิ้วเล็กน้อยให้ลี่เจิน บอกเป็นนัยว่าให้เธอรีบปล่อยมือออก
ลี่เจินก้มหน้าลงมองมือมั่วไป๋ ในใจคิดว่าเธอจับมือเขาออกจะนานไปสักหน่อยแล้ว
ถึงแม้ว่าจะเสียดายอยู่บ้าง แต่ก็ยังปล่อยมือมั่วไป๋ไปอยู่ดี
มือมั่วไป๋ได้รับอิสระคืนมา เขาโล่งใจทันที เขารู้สึกว่าบรรยากาศข้างล่างนี้แปลกเกินไปแล้วจริงๆ จึงรีบเอ่ยกับลี่เจินสักประโยคสองประโยค หาข้ออ้างแล้วก็อยากจะไปทันที
“พี่ พี่ครับ…ผมรู้สึกไม่ค่อยสบาย ขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะครับ”
พอลี่เจินเห็น รีบเอ่ยถามอย่างร้อนใจทันที “ไม่เป็นไรใช่ไหม อยากให้พี่ไปตามหมอมาดูเราไหม” พูดไปก็ถลึงตาใส่ไป๋จิ่ง “ลูกก็ด้วย ไม่รู้เหรอว่ามั่วไป๋ฉันไม่สบาย ไม่รู้จักสนใจระวังอีก”
ไป๋จิ่งอยู่ต่อหน้าลี่เจิน โดนต่อว่าจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว มีหรือจะกล้าโต้แย้ง เขาพยักหน้าทันที “ตอนนี้ผมจะรีบไปตามหมอมาครับ”
“ไม่เป็นไรครับ หมอไม่ต้อง กลับไปพักผ่อนก็ดีแล้วครับ”
ลี่เจินเห็นแบบนี้ก็กวาดสายตามองไป๋จิ่ง “งั้นมั่วไป๋ก็ขึ้นไปพักผ่อนดีๆ พี่จะทำของอร่อยๆ ให้เรากินนะ”
สายตาลี่เจินบอกใบ้ให้ไป๋จิ่งรีบตามขึ้นไปด้วย
ลี่เจินมองตามเจ้าลูกชายจอมซื่อบื้อของเธอไป จีบคนก็จีบไม่ติด ตามระดับไอคิวของลูกชายเธอเกรงว่าชาติหน้าก็พาลูกสะใภ้กลับบ้านมาไม่ได้
ลูกชายเธอคนเดียวคนนี้ของเธอ ถึงแม้ว่าจะซื่อบื้อไปสักหน่อย แต่อย่างอื่นเขาก็ยังดีมากทีเดียว
‘ช่างเถอะๆ ในฐานะแม่มาช่วยลูกชายก็แล้วกัน’
ตอนที่ 587 เชื่อนายกับผีสิ
ไป๋จิ่งตามมั่วไป๋ขึ้นชั้นบนไปจนกระทั่งเข้าห้อง
มั่วไป๋ถึงได้ออกแรงดึงไป๋จิ่งเข้าไป “ตกลงแล้วนายพูดอะไรกับแม่นายกันแน่”
เหตุการณ์เมื่อครู่นี้ มั่วไป๋วางตัวไม่ถูกอับอายจนจะแทรกแผ่นดินหนีไม่ทันแล้ว ถ้าไม่ใช่ว่าไม่มีที่ให้เจาะลงไป เขาก็เจาะลงไปเองตั้งแต่แรกแล้ว
ไป๋จิ่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “ผมไม่ได้พูดอะไร”
ไป๋จิ่งหัวเราะเยาะ “ฉันเชื่อนายกับผีสิ นายไม่ได้พูดอะไร แต่แม่นายจ้องฉันด้วยสายตาแบบนั้นได้นี่นะ”
ไป๋จิ่งเอ่ยถามอย่างไม่กลัวตาย “สายตาอะไร”
“นายว่าสายตาอะไร แบบลูก…สะใภ้…อะไรแบบนั้นไง…”
มั่วไป๋พูดไปก็หยุดชะงักกะทันหัน หลังจากนั้นก็ถลึงตาใส่ไป๋จิ่ง “นายทำอะไรพิเรนทร์อีกใช่ไหม ไป๋จิ่ง นายทำแบบนี้ไม่สนุกเลยนะ นายรู้ไหม”
ไป๋จิ่งยืนอยู่ต่อหน้ามั่วไป๋ รอเขาพูดจบถึงค่อยได้เอ่ยออกมา “ผมแค่บอกกับแม่ผมว่าผมรักคุณก็เท่านั้นเอง ไม่ได้พูดอะไรอย่างอื่นทั้งนั้น ท่านรู้ว่าพวกเราไม่ได้คบกัน…
…ท่านใจดีกับคุณขนาดนี้ เพราะท่านชอบคุณ”
มั่วไป๋ตะลึงงัน ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าไป๋จิ่งจงใจพูดกับลี่เจิน บอกว่าพวกเขาเป็นคนรักกัน ดังนั้นลี่เจินถึงได้เข้าใจผิด
แต่ตอนนี้ลี่เจินเองก็รู้ว่าเขากับไป๋จิ่งเลิกกันแล้ว ทำไมยังใจดีกับเขาได้ขนาดนี้
“มั่วไป๋ คุณอย่าคิดมากเลย ท่านก็แค่ชอบคุณ ดังนั้นจึงอยากคุยกับคุณเยอะๆ หลายปีมานี้แม่ผมใช้ชีวิตคนเดียวมาโดยตลอด แล้วก็ไม่ได้มีคนที่ชอบด้วย ปีนึงผมเจอหน้าแม่ผมไม่กี่ครั้งเอง…
…ท่านอายุมากแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็รู้สึกเหงาได้บ้าง”
มือมั่วไป๋ที่กำหมัดเพราะโมโหเมื่อครู่นี้ผ่อนคลายลง แต่ก็ยังรู้สึกว่าแปลกประหลาดอยู่ไม่เบา
ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับไป๋จิ่งเดินทีก็วุ่นวายมากอยู่แล้ว ตอนนี้ยังมีลี่เจินเพิ่มขึ้นมาอีก
มั่วไป๋ปวดหัวจนเอามือกุมหัว
ยิ่งไม่รู้ว่าจะจัดวางตัวเองได้อย่างไร
ไป๋จิ่งคิดว่ามั่วไป๋เพิ่งจะผ่าตัดมายังอยู่ในช่วงพักฟื้น ไม่อยากให้เขาหนักใจจนเกินไป ไป๋จิ่งเอื้อมมือไปจับมือเขาที่กุมหัวอยู่ลง เสียงต่ำเอ่ยขึ้น “แม่ผมดีกับคุณ นายก็รับไว้ ไม่ต้องคิดอะไรมากขนาดนั้น มองว่าเธอเป็นผู้ใหญ่ธรรมดาคนหนึ่งก็ได้แล้ว”
มั่วไป๋คอตกเหมือนแมวอย่างไรอย่างนั้น
ไป๋จิ่งอยากจะเอื้อมมือไปลูบหัวเขา แต่ก็ไม่กล้าเอื้อมมือออกไป กลัวว่าลูบแล้วจะไม่สงบ กลับทำให้มั่วไป๋โมโหขึ้นมาแทน
“ผมจะลงไปก่อน คุณพักผ่อนให้ดี ตอนเย็นกินข้าว ผมจะมาเรียกคุณ”
หลังจากไป๋จิ่งพูดจบ ถึงค่อยเดินออกไปด้วยความอาลัยอาวรณ์
มั่วไป๋มองดูประตูที่ถูกปิดลง ไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ว่าต้องการจะพูดอะไร เดิมทีเขาตัดสินใจ ไม่ว่าไป๋จิ่งจะทำอะไร พูดอะไร เขาก็จะดึงดันดื้อรั้น
ทำให้ไป๋จิ่งตีอกชกลมไปเอง ไม่ตอบสนองอะไรทั้งนั้น
แต่ตอนนี้แม่ไป๋จิ่งปรากฏตัว เขาจะใช้ท่าทีที่มีต่อไป๋จิ่งกับแม่ไป๋จิ่งไม่ได้
มั่วไป๋ครุ่นคิดอยู่ตั้งนานสองนาน คิดวิธีการใดๆ ไม่ออกจริงๆ
ขณะที่มั่วไป๋กำลังจะเตรียมหาอะไรทำ ไป๋จิ่งก็วนกลับมาอีก เดินกลับมาเคาะประตูอีกครั้ง
มั่วไป๋เอื้อมมือไปเปิดประตู มองไป๋จิ่ง “เป็นอะไรไปอีก”
ไป๋จิ่งยิ้มหัวเราะสักพัก “ถ้าคุณร้อนใจ ไปดูที่ห้องข้างๆ ได้นะ”
พูดจบก็เดินออกไปอีกครั้ง
ไป๋จิ่งทิ้งทวนประโยคนี้แล้วก็ไปทันที มั่วไป๋ไม่รู้ว่าเขาหมายความว่าอะไร แต่ว่าถึงอย่างไรตอนนี้ก็ไม่มีอะไรทำ เขาจึงตัดสินใจเข้าไปดูเสียเลยว่าตกลงแล้วมีอะไร
มั่วไป๋ดึงประตูเปิดออก ไป๋จิ่งลงไปชั้นล่างแล้ว เขาออกจากห้องมุ่งหน้าเดินไปทางซ้ายมือของตัวเอง
ไป๋จิ่งบอกว่าเป็นห้องข้างๆ นอกจากห้องนี้แล้วก็ไม่มีห้องอื่นอีกแล้ว
ห้องทางขวาของเขาคือห้องของไป๋จิ่ง
มั่วไป๋ยืนหน้าประตู ยื่นมือไปเปิดประตู มั่วไปเบลอเพียงชั่วพริบตา รอจนเขามองเห็นของข้างในชัดเจน เขาก็เงียบงันอยู่เป็นเวลานาน
ข้างในเป็นห้องสตูดิโอวาดรูปเหมือนกับห้องสตูดิโอห้องนั้นในคอนโดมิเนียมของมั่วไป๋
ไม่ใช่เพียงเท่านี้ แม้กระทั่งภาพที่อยู่ข้างในทั้งหมดก็วางอยู่ที่นี่
อีกอย่างไป๋จิ่งยังเพิ่มชั้นวางภาพ รวมถึงอุปกรณ์เครื่องมือและสีในการวาดรูปอีกด้วย
กลายเป็นห้องสตูดิโอใหม่ทั้งหมดห้องหนึ่งไปแล้ว
Related