ตอนที่ 332 ทำให้นายออกจากกลุ่ม
“ยังไม่รู้ ผมคิดว่าซุนซิ่งไม่น่าไว้ใจ เขารู้อะไรมาก็เอาไปพูดหมด ถึงตอนนั้นผมต้องแย่แน่” ชุยหังตอบ
ซ่งไข่เอ่ยบอก “ถ้าอย่างนั้นฉันจะช่วยปูทางก่อนก็แล้วกัน นายมีเหตุผลอะไรดีๆ บ้างไหม”
ชุยหังครุ่นคิดอยู่สักพักจึงเอ่ยตอบ “ก่อนที่ผมจะมารายงานตัว ผมเคยไปผ่าตัดแก้ไขสายตาสั้นมาและต้องพักฟื้นอยู่หนึ่งเดือนจนตอนนี้สายตาเป็นปกติแล้ว หรือแค่บอกว่าค่าสายตาของผมกลับมาแย่อีกครั้งก็ได้”
ซ่งไข่คิดว่าเหตุผลที่เสนอมาค่อนข้างดี ครอบครัวน่าจะกังวลเกี่ยวกับเงินที่ใช้จ่ายไป
นอกจากนี้การมองเห็นมีผลต่ออนาคตของชุยหังและเชื่อว่าพวกเขาน่าจะเข้าใจ
“มีอะไรที่ฉันต้องระวังอีกไหม ทางที่ดีนายควรบอกฉันให้ละเอียดเลยดีกว่า ถ้าตอนที่คุยกับโทรศัพท์แล้วฉันตอบคำถามของพ่อแม่นายไม่ได้เลยมันจะแย่” ซ่งไข่เอ่ยถาม
ชุยหังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “อันที่จริงก็ไม่มีอะไรแล้ว ผมเข้ามาด้วยระบบ Green Chanel ทำเรื่องกู้เงินเรียน ส่วนเหตุผลที่ผมไม่ได้กลับบ้านช่วงตรุษจีน ในเมื่อคุณบอกว่าเป็นอาจารย์ของผม งั้นก็บอกว่าคุณช่วยผมติดต่อเรื่องงานก็แล้วกัน”
“ฉันช่วยนายติดต่อเรื่องงานเหรอ อาจารย์ของนายทำหน้าที่ได้ครอบคลุมเหลือเกินนะ” ซ่งไข่เอ่ยบอก
ชุยหังรู้สึกอายเล็กน้อย แต่ตอนนี้เขาก็คิดได้เพียงเท่านี้
ถ้ามีอะไรผิดพลาดขึ้นมาก็คงจบกัน
ชุยหังเอ่ยตอบ “ผมจะส่งเบอร์มือถือของพ่อไปให้ แล้วคุณก็จัดการเรียบเรียงภาษาของตัวเองก็พอแล้ว”
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะลองดูแล้วกัน ถามอะไรนายก็ไม่มีประโยชน์” ซ่งไข่เอ่ยบอก
แม้ว่าเขาบ่นแต่ก็ยอมช่วยเหลือ ชุยหังจึงรู้สึกขอบคุณที่ยอมให้ความช่วยเหลือ
ชุยหังวางสายและรีบส่งเบอร์มือถือของพ่อไปให้เขาทันที
หลังจากนั้นเขาก็รออยู่ทางนี้อย่างใจจดใจจ่อเหมือนกับมดที่อยู่บนหม้อร้อนๆ ซึ่งไม่มีทางที่จะใจเย็นลงได้ เพราะกังวลว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นที่บ้านจริงๆ
หลังจากคิดเรื่องนี้มาสักพัก เขาก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะซุนซิ่ง ครอบครัวของเขาก็ไม่รู้เรื่องนี้
จากนั้นเขาก็เจอกลุ่มวีแชทตอนมอปลายที่พวกเขาไม่เคยใช้มานาน เขาจึงเข้าไปในกลุ่มและแท็กข้อความถึงทุกคนในกลุ่ม จากนั้นก็ส่งข้อความว่าซุนซิ่งกับหานไท่จูทำงานขายตรงอยู่ที่เมืองไท่อัน
จากนั้นกลุ่มที่เงียบมานานก็เหมือนกับหม้อระเบิด ทันใดนั้นก็เริ่มครึกครื้นขึ้นมา
ทุกคนต่างก็ไม่เชื่อและคิดว่าต้องไม่ใช่ความจริงอย่างแน่นอน
มีคนถามชุยหังว่าเขารู้ได้อย่างไร
ชุยหังอธิบายไปตามตรงว่าเขาเกือบจะถูกหลอก หลังจากไปที่นั่นมือถือของเขาก็ถูกยึดไว้และแทบไม่ได้ออกมาเลย ถ้าตัวเองไม่หาวิธีติดต่อกับโลกภายนอกก็คงไม่มีทางออกไปได้
ด้วยความโกรธ เขาจึงเล่าว่าเขาต้องหาเงินไปลงทุนที่นั่นเท่าไหร่และต้องหาคนไปเพิ่มอีกกี่คน
ส่งผลให้ทุกคนพูดถึงเรื่องนี้
คนที่กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้องต้องรู้สึกอาย
ชุยหังยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นเมื่อเห็นเขาออกจากกลุ่มไปแล้ว ขอโทษตัวเองก่อนออกจากกลุ่มไม่ได้เหรอ
‘ถ้าเป็นลูกผู้ชายทำไมถึงมาก่อกวนลับหลังเขาและยังทำร้ายถึงพ่อแม่ของเขาด้วย’
ชุยหังบอกกับคนในกลุ่มว่า ซุนซิ่งกลับมาแล้วแต่ไปบอกพ่อแม่ของเขาว่าเขาอยู่ที่บริษัทขายตรงจนทำให้พ่อแม่ของเขาเป็นห่วงมาก เขาไม่เคยสนใจว่าซุนซิ่งทำอะไรและเขาไม่ใช่คนที่ชอบวิจารณ์คนอื่นในทางไม่ดีลับหลัง
ทุกคนต่างก็แสดงความเข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่ควรโทษชุยหัง
ตอนนี้ชุยหังยิ่งรู้สึกกังวลว่าซ่งไข่จะคุยกับพ่อแม่ของตัวเองอย่างไร
ตอนที่ 333 คุยเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเห็นคนในกลุ่มกำลังคุยกัน ชุยหังก็ไม่อยากจะพูดอะไรแล้วเพราะตัวเองได้พูดในสิ่งที่สมควรพูดแล้ว
ถ้าพวกเขาไม่ทำกับตัวเองแบบนี้ เขาก็ไม่คิดที่จะเปิดเผยตัวตนของพวกเขา
ควรเหลือเส้นทางไว้ให้ผู้อื่นบ้าง ครั้งหน้าอาจมีโอกาสได้พบกันอีก
แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ต้องการให้ตัวเองเหลือทางไว้ให้พวกเขาแล้ว ดังนั้นตัวเองจึงต้องพูดออกไป
หลังจากนั้นหันไท่จูคนนั้นยังคงด่าชุยหังอยู่ในกลุ่มว่า [ไอ้เนรคุณ ไอ้คนอกตัญญู ไม่รู้คุณคน เสแสร้ง]
เมื่อชุยหังเห็นข้อความก็ไม่ได้รู้สึกกลัว เขาจึงเขาไปในกลุ่มแชทอีกครั้ง จากนั้นก็แท็กข้อความไปถามเขาว่า [ฉันอกตัญญูยังไง ฉันลืมบุญคุณนายยังไงเหรอ ฉันไม่ได้มีเงินไปกับนาย ไม่ใช่เหยื่อรายต่อไปของนายเรียกว่าเสแสร้งเหรอ ฉันเสแสร้งยังไง ไม่เคยเสแสร้งกับนายนะ นายรู้ว่าฉันไปที่นั่นแต่กลับซ่อนตัวไว้ สองสามวันต่อมาทำเป็นว่าตัวเองเพิ่งกลับมา สนุกเหรอ]
หันไท่จูยังคงด่าสาปแช่งชุยหังอยู่ในนั้น แต่สุดท้ายเขาก็ถูกแอดมินกลุ่มเตะออกจากกลุ่มไปแล้ว
หลังจากนั้นทุกคนต่างก็ปลอบใจชุยหังและบอกว่าไม่ต้องไปทะเลาะกับคนแบบนั้น
ชุยหังยังบอกกับทุกคนในกลุ่มว่าเขาไม่ได้อยากทะเลาะกับพวกเขา ทุกคนต่างมีทางเลือกของตัวเองและเส้นทางของตัวเอง เขาไม่ได้อยากเข้าไปยุ่ง แต่พวกเขามาพูดแบบนั้นกับพ่อแม่ของตัวเอง ตอนนี้ทุกคนในครอบครัวเป็นห่วงตัวเอง พ่อแม่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขา เขาจึงอดไม่ได้ที่จะไม่พูดอะไรเลย
ทุกคนล้วนอยู่ข้างชุยหังและพวกเขามีข้อสงสัยอย่างมากเกี่ยวกับซุนซิ่งและหันไท่จู
เพื่อนร่วมชั้นไม่เคยมีใครเห็นพวกเขามาสามปีแล้ว
เมื่อเห็นกลุ่มค่อยๆ เงียบลงอีกครั้ง ชุยหังก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
คนแบบนั้นตัวเองจะไม่ยอมให้พวกเขาอีกแล้ว
ถ้าหากพวกเขาอยากมาเผชิญหน้า ตัวเองก็ไม่กลัว
โชคดีที่ทุกคนไม่ได้พูดถึงเรื่องเวยปั๋วของชุยหัง พวกเขาไม่ใช่คนโง่จึงรู้ว่าอะไรควรหลีกเลี่ยง
ในที่สุดซ่งไข่ก็โทรกลับมาหาเขา ชุยหังรู้สึกตื่นเต้นมากตอนที่กำลังรอสายของเขาอยู่
เขารับสายและเอ่ยถาม “สวัสดีครับ ครูฝึกซ่ง เป็นยังไงบ้างครับ”
ครูฝึกซ่งหัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ฉันออกหน้านะ ก็ต้องทำได้อยู่แล้ว”
“จริงเหรอ มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ” ชุยหังไม่ค่อยอยากจะเชื่อ
ตอนที่พ่อและแม่คุยกับตัวเองน้ำเสียงดุเหมือนมั่นใจว่าตัวเองตอนนี้ทำเรื่องไม่ดี ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไร พวกเขาก็เหมือนไม่อยากฟัง
‘ตอนนี้ซ่งไข่พูดด้วยไม่กี่ประโยคก็ยอมเชื่อแล้ว?’
“จริงๆ แล้วพ่อแม่ของนายเป็นคนเรียบง่ายมากไม่ได้คิดอะไรซับซ้อน แค่ได้ยินเพื่อนร่วมชั้นของนายเล่าเรื่องสมจริงก็เชื่อแล้ว ตอนที่ฉันโทรไปหาพวกเขาบอกว่าเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของนาย พวกเขาไม่สงสัยเลย ฉันบอกว่านายอยู่ที่โรงเรียนเป็นเด็กดีมากเพราะประหยัดเงินมากเกินไป พวกเขาก็เลยรู้สึกทุกข์ใจมาก”
ชุยหังไม่รู้ว่าจะอธิบายความในใจของเขาในตอนนั้นอย่างไร แต่เขารู้สึกโล่งใจมาก
“แล้วพวกเขาไม่ได้ถามอะไรอีกเหรอ”
“ถาม ก็ถามว่างานนั้นของนายช่วงตรุษจีนเป็นยังไงบ้าง ฉันก็บอกไปว่างานนั้นฉันเป็นคนช่วยนายหาเอง เพราะที่โรงเรียนมีบันทึกไว้ซึ่งจะรวมอยู่ในหน่วยกิตของนายในอนาคต ถึงพวกเขาจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่คิดว่ามันต้องมีประโยชน์กับนายแน่ๆ” ซ่งไข่พูดไป
“ขอบคุณคุณมากจริงๆ ครูฝึกซ่ง ไม่งั้นผมคงบ้าไปแล้ว” ชุยหังเอ่ยบอก “ถ้างั้น ผมเลี้ยงข้าวคุณนะ”
“ถ้ากินข้าวช่างมันเถอะ นายเก็บเงินไว้เถอะ นายให้ในสิ่งที่ฉันต้องการนายไม่ได้หรอก” ซ่งไข่พูด
ชุยหังรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้จริงๆ
บางสิ่งก็เป็นเรื่องที่เกินความคาดหมาย