บทที่ 1571 นึกไม่ถึงว่าจะดูการ์ตูนอยู่
ผู้อาวุโสสูงสุดนั่งจิบชาในมืออย่างสบายใจ เขามองเยี่ยหวันหวั่นแล้วยิ้มบอกว่า “ท่านหัวหน้า วางใจเถอะครับ ผลการพิสูจน์จริงร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอน ไม่มีทางมีปัญหาอะไรแน่นอน”
เยี่ยหวันหวั่นไม่สงสัยคำพูดของผู้อาวุโสสูงสุดอยู่แล้ว แต่ไม่เคยนึกเลยว่าเนี่ยอู๋โยวที่อยู่ในตระกูลเนี่ยตอนนี้ จะเป็นตัวปลอมจริงๆ…
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว ห้ามบอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด” เยี่ยหวันหวั่นมองผู้อาวุโสสูงสุดแล้วกำชับ
ผู้อาวุโสสูงสุดลุกขึ้นพยักหน้า “ท่านหัวหน้าสบายใจได้ครับ ผมรู้ดีว่าอะไรควรพูดไม่ควรพูด”
เอ่ยจบ ผู้อาวุโสสูงสุดก็หมุนตัวเดินออกจากห้องไป
พอผู้อาวุโสสูงสุดออกไป เยี่ยหวันหวั่นก็หยิบเอกสารฉบับนั้นขึ้นมา เธอขมวดคิ้วแน่น ไม่นึกเลยว่าคำไหว้วานของอี้สุ่ยหานจะก่อให้เกิดคลื่นลูกใหญ่อย่างนี้
ไม่นาน เยี่ยหวันหวั่นออกจากพันธมิตรอู๋เว่ย ขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านของอี้สุ่ยหาน
“อี้สุ่ยหาน…”
เยี่ยหวันหวั่นเคาะประตู ยืนตะโกนเรียกอยู่หน้าบ้าน
ครู่หนึ่ง ประตูบ้านถูกเปิดออก อี้สุ่ยหานใส่ชุดนอน มองเยี่ยหวันหวั่นด้วยท่าทางเหมือนคนเพิ่งตื่น
“จอมยุทธ์อี้ เรื่องที่คุณให้ฉันไปสืบคราวก่อน ได้เรื่องแล้วนะ” เยี่ยหวันหวั่นรีบเอ่ย
“อืม เข้ามาคุยข้างในสิ” อี้สุ่ยหานหันหลังเดินเข้าบ้าน “เข้ามาแล้วปิดประตูด้วย”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
พอเดินเข้าไปในบ้าน อี้สุ่ยหานนั่งลงบนโซฟาแล้วเปิดโทรทัศน์ดู
เยี่ยหวันหวั่นหันไปมองจอโทรทัศน์ มุมปากกระตุกเล็กน้อย…กะ…การ์ตูน…
“ได้เรื่องว่ายังไงบ้าง” อี้สุ่ยหานเอ่ยถามโดยไม่ยอมละสายตาจากจอโทรทัศน์ซักนิด
“อืม จอมยุทธ์อี้ เกิดเรื่องแล้ว…คุณหนูรองตระกูลเนี่ยคนนั้น ไม่ใช่ตัวจริง เป็นตัวปลอม” เยี่ยหวันหวั่นรีบกล่าว
“อ้อ…”
อี้สุ่ยหายพยักหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน “อีกเดี๋ยวค่อยว่ากัน…ดูตอนนี้จบก่อน…”
เยี่ยหวันหวั่นอึ้ง ช่วยจริงจังหน่อยได้ไหมเนี่ย การ์ตูนมันสนุกขนาดนั้นเลยรึไง?!
ถึงในใจจะคิดอย่างงี้ แต่เยี่ยหวันหวั่นกลับไม่กล้าพูดอะไร ทำได้แค่รอให้อี้สุ่ยหานดูการ์ตูนจนจบตอน
รอไปรอมา เวลาก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว
อี้สุ่ยหานทำหน้าเหมือนผิดหวังเล็กน้อย จากนั้นก็ยกรีโมตขึ้นกดปิดโทรทัศน์
“ผลการตรวจสอบเป็นยังไงบ้าง เมื่อกี้เธอว่าไงนะ” อี้สุ่ยหานนั่งบนโซฟา มองเยี่ยหวันหวั่นขณะถาม
เยี่ยหวันหวั่นถึงกับพูดไม่ออก บิดาเอ็งเถอะ…
“จอมยุทธ์อี้ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้วนะ คุณหนูรองตระกูลเนี่ย แม่ของถังถังเป็นตัวปลอม เธอไม่ใช่ตัวจริง” ท่ามกลางความจนใจ เยี่ยหวันหวั่นทำได้เพียงพูดทวนอีกครั้ง
“เธอรู้ได้ยังไง” อี้สุ่ยหานกล่าว
เยี่ยหวันหวั่นทำหน้างง “ก็คุณให้ฉันไปสืบไม่ใช่เหรอ?”
“อ้อ ตอนนั้นฉันแค่พูดไปอย่างงั้นเอง แล้วเธอมีหลักฐานไหม” อี้สุ่ยหานพูดด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
“มี” เยี่ยหวันหวั่นเดินเข้ามา แล้วยื่นเอกสารฉบับนั้นให้อี้สุ่ยหาน
อี้สุ่ยหานรับเอกสารไป จ้องอยู่ครู่หนึ่งก็กล่าวว่า “อ่านไม่ออก เธอบอกมาเลยแล้วกัน”
“นี่เป็นรายงานผลการพิสูจน์ความเป็นแม่ลูกของถังถังกับเนี่ยอู๋โญว DNA ของทั้งสองไม่ตรงกัน พวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดเลยซักนิด!” เยี่ยหวันหวั่นอธิบาย
“งั้นก็น่าแปลก ก่อนหน้านี้หน่วยงานนิติเวชหลายแห่งของรัฐอิสระได้ผลการพิสูจน์ออกมาเป็นเสียงเดียวกันหมด แต่ทำไมพอมาถึงมือเธอถึงได้ต่างออกไปได้ล่ะ” อี้สุ่ยหายเอ่ยอย่างครุ่นคิด
“เอ่อ…ฉันมีเพื่อนคนหนึ่งเปิดห้องวิจัยเล็กๆ เป็นของตัวเอง…ฉันขอให้เขาชันสูตรให้ จอมยุทธ์อี้ นี่เป็นเรื่องจริงจริงๆ นะ” เยี่ยหวันหวั่นกล่าว
“อืม…เข้าใจละ ขอบใจเธอมาก” อี้สุ่ยหานพยักหน้าให้เยี่ยหวันหวั่น
————————————————————————————-
บทที่ 1572 ไม่ได้ง่ายอย่างงั้น
เยี่ยหวันหวั่นกระตุกมุมปากเล็กน้อย มีอี้สุ่ยหานคอยออกหน้าให้ ปัญหาทุกอย่างย่อมแก้ไขได้
แต่เยี่ยหวันหวั่นยืนรออยู่ข้างโซฟาอยู่นาน กลับไม่เห็นอี้สุ่ยหานพูดอะไรต่อ
“จอมยุทธ์อี้ แล้วจะเอาไงต่อ?” เยี่ยหวันหวั่นมองอี้สุ่ยหาน แล้วถามอย่างอดไม่ได้
“เอาไงต่อ?” อี้สุ่ยหานทำหน้างง “จะเอาไงต่อก็ขึ้นอยู่กับเธอ”
“อะไรนะ?” เยี่ยหวันหวั่นงุนงง อี้สุ่ยหานจะไม่ยุ่งด้วยงั้นเหรอ?
“จอมยุทธ์อี้ คุณเป็นคนให้ฉันไปสืบ ตอนนี้พอสืบได้เรื่องคุณก็จะไม่ยุ่งแล้วงั้นเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นถาม
“เหตุเกิดจากเธอ ผลก็เริ่มจากเธอ นอกจากตระกูลโบราณ ฉันจะไม่มีวันยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการแข่งขันของกลุ่มอำนาจไหนในรัฐอิสระทั้งนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องปัญหาในครอบครัวเลย เธอไปคิดหาทางเอาเองเถอะ” อี้สุ่ยหานหาวหวอด
เยี่ยหวันหวั่นอึ้งงัน นี่ล้อกันเล่นรึเปล่าเนี่ย?!
เยี่ยหวันหวั่นสาบานได้เลย ถ้าไม่ใช่เพราะสู้เขาไม่ได้ เธอจะตีกบาลอี้สุ่ยหานให้แตก! อย่างงี้เขาเรียกว่าเอาแต่ชี้นิ้วสั่งแต่ไม่ยอมลงมือทำอะไร เขากลายมาเป็นอาจารย์ของถังถังได้ยังไง?
“ฉันง่วงแล้ว…จะนอนด้วยกันไหม” อี้สุ่ยหานเอนตัวลงบนโซฟา ดึงผ้าห่มคลุมตัว แล้วหันมาถามเยี่ยหวันหวั่น
เยี่ยหวันหวั่นถอนหายใจ “ไม่ล่ะ ฉันไปจัดการเรื่องนี้ก่อนดีกว่า”
“ตอนออกไปปิดประตูด้วยนะ”
เห็นเยี่ยหวันหวั่นลุกขึ้นเดินออกไป อี้สุ่ยหานจึงตะโกนไล่หลังมา
เยี่ยหวันหวั่นเอือมระอา ปิดบ้านพ่อเอ็งสิ!
“ได้เลยค่ะ จอมยุทธ์อี้!” เยี่ยหวันหวั่นยิ้มกว้าง แล้วปิดประตูบ้านอย่างเบามือ
……
พอกลับมาถึงพันธมิตรอู๋เว่ย เยี่ยหวันหวั่นก็เรียกเป่ยโต่วกับชีซิงมาหา
ตอนนี้ในพันธมิตร คนที่เยี่ยหวันหวั่นเชื่อใจมากที่สุดก็มีแค่สองคนนี้
พอเล่าเรื่องทั้งหมดให้เป่ยโต่วกับชีซิงฟัง พวกเขาสองคนก็มองหน้ากันอย่างแปลกใจ
“เป่ยโต่ว ถ้านายบอกเรื่องนี้กับใคร พรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงานอีก” เยี่ยหวันหวั่นหันไปบอกกับเป่ยโต่วด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เยี่ยหวันหวั่นอดห่วงเรื่องที่เป่ยโต่วเป็นคนปากสว่างไม่ได้จริงๆ แต่เรื่องอย่างนี้เยี่ยหวันหวั่นก็ยังเชื่อใจเขาได้อยู่
“พี่เฟิ่ง ดูพี่พูดเข้าสิ เรื่องไหนสำคัญไม่สำคัญผมแยกแยะได้หรอกน่า ให้ตายผมก็ไม่บอกใครหรอก” เป่ยโต่วรีบบอก
“พี่เฟิ่ง เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตระกูลเนี่ย แต่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวกับพันธมิตรอู๋เว่ยของเรา…แต่ถ้าพี่เฟิ่งเอาความจริงไปบอกตระกูลเนี่ย ตระกูลเนี่ยต้องรู้สึกซาบซึ้งต่อพันธมิตรอู๋ฌว่ยแน่ๆ ผมคิดว่าเรื่องนี้เข้าท่านะครับ” ชีซิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วกล่าว
“ถุย!” เป่ยโต่วขมวดคิ้ว “พี่เฟิ่ง ผมว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนที่เห็นภายนอกแน่ๆ ตระกูลเนี่ยเป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของรัฐอิสระ ถ้ายัยตัวปลอมนั่นไม่มีเส้นสายอยู่เบื้องหลัง จะปิดบังตระกูลเนี่ยได้ยังไง อีกอย่าง หน่วยงานนิติเวชหลายที่ของรัฐอิสระก็ให้ข้อเท็จจริงเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอก็คือคุณหนูรองของตระกูลเนี่ย ดูก็รู้ว่าอำนาจที่อยู่เบื้องหลังเธอน่ากลัวขนาดไหน!”
“แหม วันนี้พกสมองมาด้วยเหรอ?” เยี่ยหวันหวั่นจ้องเป่ยโต่ว ถึงขั้นวิเคราะห์เรื่องอย่างงี้เป็นด้วย
“พี่เฟิ่ง พี่ฟังผมพูดก่อน…พันธมิตรอู๋เว่ยของเรากับตระกูลเนี่ยไม่ถูกกันอยู่แล้ว เมื่อก่อนพี่เฟิ่งเคยมีเรื่องกับตระกูลเนี่ยไม่ใช่น้อยๆ คำพูดของหัวหน้าพันธมิตรอู๋เว่ย ตระกูลเนี่ยจะไปเชื่อได้ยังไง ไม่แน่พอถึงตอนนั้นพวกเขาจะคิดว่าพันธมิตรอู๋เว่ยกำลังยุแยงให้พวกเขาแตกกันเอง…อีกอย่าง ถ้าทำอย่างงั้นจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น ทำให้เนี่ยอู๋โยวตัวปลอมรู้ตัว ต่อไปจะเปิดโปงเธออีกก็คงยากกว่าเดิม”
เป่ยโต่ววิเคราะห์ยาวเหยียด
เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้าเล็กน้อบ วันนี้เป่ยโต่วทำได้ดีมาก เยี่ยหวันหวั่นอดรู้สึกปลื้มใจไม่ได้ ถึงขั้นรู้สึกเหมือนลูกชายตัวเองโตเป็นผู้เป็นคนแล้ว…
“พี่เฟิ่ง เป่ยโต่วพูดมีเหตุผล เมื่อกี้ผมไม่ทันคิดให้ดี” ชีซิงกล่าว