“ดูท่าน้องคนนี้จะงานดีมาก แม้แต่คุณชายมู่ยังสนใจ” เฝิงฮว่าโล่งอก “พรุ่งนี้เย็นคุณหนูใหญ่ซิวจะพาเธอมาที่นี่ ฉันจะไปบอกผู้จัดการที่นี่ไว้ก่อน”
พูดจบเขาก็ลุกออกไป
พวกคุณชายที่เหลือดื่มเหล้าเล่นสนุกกันต่อ ไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าที่เย็นชาลงของมู่เฉินโจว
…
ณ คฤหาสน์ตระกูลมู่
คุณนายมู่ไม่รู้ว่ามู่เหวยเฟิงได้รับการรักษาเรียบร้อยแล้ว ยังคงรอมู่อวี่ซีมาขอร้อง
เธอเริ่มกลัว แต่ก็พบว่ามู่เฉิงไม่ได้มาหาเธอจึงพอจะโล่งใจขึ้นมาบ้าง
ขณะที่คุณนายมู่เตรียมจะนัดคุณนายบ้านอื่นออกไปช้อปปิ้ง มู่เฉินโจวก็กลับมา พอเห็นสีหน้าของเขาดูแปลกไป คุณนายมู่ก็หน้านิ่ว “เฉินโจว เป็นอะไรไปลูก”
มู่เฉินโจวเม้มริมฝีปาก สุดท้ายก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ที่ห้องคาราโอเกะให้ฟัง
คุณนายมู่ครุ่นคิด ทันใดนั้นก็พูดขึ้น
“งั้นลูกก็ช่วยส่งเด็กคนนั้นให้คุณชายเฝิงสิ จะได้ดึงตระกูลเฝิงมาเป็นพวกด้วยพอดี แถมยังจะได้หน้าจากคุณหนูใหญ่ตระกูลซิวด้วย”
เธอโทรไปเช็คกับจงมั่นหวาแล้ว อิ๋งจื่อจินรักษาคนไม่เป็น
หมอเทวดาที่รักษาให้มู่เหวยเฟิงวันนั้นไม่มีทางเป็นอิ๋งจื่อจิน
ในเมื่อเป็นแบบนี้ อิ๋งจื่อจินก็ยังคงเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ไม่มีอำนาจไม่มีอิทธิพล
มู่เฉินโจวเงยหน้าทันที พูดด้วยความตะลึง “คุณแม่?”
“เอาล่ะ แม่รู้ว่าลูกแอบสนใจในตัวเด็กคนนั้น” คุณนายมู่วางถ้วยชาลง “ลูกก็พูดอยู่ว่าคุณหนูใหญ่ซิวจะส่งเด็กคนนั้นไปให้คุณชายเฝิง ทำไมลูกคิดจะล่วงเกินคุณหนูใหญ่ แย่งคนมาจากคุณชายเฝิงเหรอ”
มู่เฉินโจวเม้มริมฝีปากแน่น ไม่พูดอะไร
“ทำแบบนั้นจะได้ไม่คุ้มเสียเอานะ” คุณนายมู่ส่ายหน้า “เด็กคนนั้นไม่ได้เป็นอะไรกับลูก ลูกแค่ช่วยนิดหน่อยเดี๋ยวก็ได้ผลประโยชน์มากมายแล้ว”
“ถ้าลูกได้ตระกูลซิวสนับสนุน ยังต้องกลุ้มว่าจะไม่เป็นที่ยอมรับหลังจากเป็นผู้สืบทอดตระกูลมู่อีกเหรอ” คุณนายมู่เชื่อว่ามู่เฉินโจวจะรู้จักเลือก
พ่อของมู่เฉินโจวจากไปเร็ว เธอเป็นคนเลี้ยงคุณชายแห่งตี้ตูคนนี้ด้วยความตั้งใจมากับมือ
เพียงแต่บางครั้งจิตใจยังโลเล
มู่เฉินโจวกำมือแน่น ถอนหายใจ “ทราบแล้วครับแม่”
คุณนายมู่ถึงยิ้มออก “งั้นแม่ไม่พูดอะไรแล้ว ลูกไปเถอะ”
…
วันต่อมา
หลังจากที่การติวรอบใหม่จบลง เฟิงเย่ว์ก็ขอบ่น “เทพอิ๋ง ทำไมเธอถึงทนดูฉันแก้โจทย์อยู่คนเดียวได้”
เมื่อวานเขาพึ่งได้อาศัยใบบุญ ปรากฏว่าวันนี้ก็ยังคงต้องลงมือเอง ไม่ได้สัมผัสกับความรู้สึกที่ถูกเทพพาเหาะ
“อ่อ” อิ๋งจื่อจินไม่มีเยื่อใยแม้แต่น้อย “ทนไหว ฉันขี้เกียจ”
เฟิงเย่ว์เสียใจ
ภายในค่ายติว นักเรียนคนอื่นๆ ชอบไปอยู่กับซิวเหยียนมากกว่า ยกเว้นเฟิงเย่ว์กับเถิงอวิ้นเมิ่งรวมถึงที่หนึ่งของห้องอัจฉริยะชั้นมอห้าโรงเรียนมัธยมชิงจื้อที่ถูกส่งมาด้วย
การติวสองวันนี้อิ๋งจื่อจินทำโจทย์ไปแค่ข้อเดียว เป็นเหมือนอย่างที่อาจารย์เมิ่งพูด ผลการเรียนไม่แน่นอน ก็แค่โดดเด่นเป็นครั้งคราว
“ติวมาทั้งวันเหนื่อยแล้ว ฉันจะเลี้ยงไดนาสตี้เคทีวีทุกคนเอง” ซิวเหยียนเหลือบมองอิ๋งจื่อจินเหมือนไม่ตั้งใจ
“เพื่อนอิ๋ง ไปด้วยกันไหม” อิ๋งจื่อจินไม่สนใจเธอ
ซิวเหยียนยิ้มค้าง
“เหยียนเหยียน ไม่ต้องไปสนใจนางหรอก” นักเรียนหญิงคนหนึ่งคล้องแขนซิวเหยียน
“พวกเราไป ไม่ต้องเอานางไปด้วย”
“เทพอิ๋ง เมิ่งเมิ่ง ไปสิ” เฟิงเย่ว์ตื่นเต้น
“เคทีวีร้านนั้นถ้าไม่มีบัตรสมาชิกก็เข้าไปไม่ได้ อย่างไรซะทุกคนไปเที่ยวด้วยกันจะกลัวอะไร”
เขาตบหน้าอกแล้วพูด “ฉันเคยเรียนคาราเต้ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาจริงฉันจะปกป้องพวกเธอเอง”
พอได้ยินแบบนี้อิ๋งจื่อจินก็เงยหน้า มองแขนอวบๆ ของเขา “…”
เถิงอวิ้นเมิ่งลังเล
อิ๋งจื่อจินปิดโทรศัพท์ “อยากไปเหรอ”
“ก็ไม่ได้อยากขนาดนั้น” เถิงอวิ้นเมิ่งส่ายหน้า “จื่อจิน ถ้าเธอไม่ไปฉันจะอยู่กับเธอ”
ซิวเหยียนขมวดคิ้ว
ถ้าอิ๋งจื่อจินไม่ไป ไม่เท่ากับว่าเธอหมดหนทางเอาตัวอิ๋งจื่อจินให้เฝิงฮว่าเหรอ
อิ๋งจื่อจินยืนขึ้น ปัดฝุ่นบนกางเกง “งั้นก็ไปสิ”
ซิวเหยียนยิ้มอีกครั้ง “ฉันให้คนขับรถมารอข้างล่างแล้ว พาทุกคนไปส่ง”
…
ไดนาสตี้เคทีวีเป็นคลับคาราโอเกะระบบสมาชิกในตี้ตู ต้องใช้จ่ายหนึ่งล้านขึ้นไปในครั้งเดียวถึงจะได้บัตรสมาชิก
คนที่มาที่นี่ล้วนเป็นเศรษฐีทั้งนั้น
คนธรรมดาย่อมไม่เคยเข้าไป เฟิงเย่ว์ถึงได้ตื่นเต้น
อิ๋งจื่อจินนั่งอยู่ด้านหลังรถ มือข้างหนึ่งเท้าหน้าต่าง มืออีกข้างกดส่งข้อความหาฟู่อวิ๋นเซิน
[ออกไปไดนาสตี้เคทีวีกับพวกเพื่อนๆ]
แต่ไหนแต่ไรมาฟู่อวิ๋นเซินจะตอบกลับข้อความของเธอทันที เว้นเสียแต่ติดธุระ ไม่ทันได้เห็น
[พี่ชายไปรับไหม]
[อืม สี่ทุ่ม พาเด็กน้อยกลับไปอีกคนด้วย]
อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเถิงอวิ้นเมิ่งที่ตื่นเต้นมากพลางถอนหายใจเบาๆ
เด็กบื้อ อยากมายังจะปากแข็ง
สามสิบห้านาทีต่อมารถก็หยุดลง
ซิวเหยียนลงจากรถไปก่อน ใส่แว่นดำ
“ฉันจองห้องไว้แล้วเดี๋ยวฉันจะไปสั่งอาหารให้ทุกคน บริการอาหารเครื่องดื่มของที่นี่ใช้ได้เลยนะ”
ซิวเหยียนใจกว้างขนาดนี้ พวกนักเรียนชายคนอื่นๆ ย่อมไม่ปล่อยให้เธอไปคนเดียว ฃตามไปด้วยกัน
อิ๋งจื่อจินเงยหน้า หลุบตา หยิบยาสองเม็ดออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นให้เถิงอวิ้นเมิ่งกับเฟิงเย่ว์
“อะไรเหรอ” เถิงอวิ้นเมิ่งรับมา ถามด้วยความสงสัย “ลูกอมเหรอ”
ระหว่างที่เธอถาม เฟิงเย่ว์ก็กินเข้าไปแล้ว “อืม หวานอยู่ รสแอปเปิ้ล”
เถิงอวิ้นเมิ่งพยักหน้า เอาใส่ปาก
ทั้งสามคนโดยสารลิฟท์ขึ้นไปชั้นบน
ห้องที่ซิวเหยียนจองไว้อยู่ชั้นหก ชั้นหกเป็นชั้นวีไอพีระดับสูง หรูหราถึงขั้นที่เฟิงเย่ว์ตะลึงตาค้างไม่หยุด เขาจินตนาการชีวิตคนรวยไม่ออกเลยจริงๆ
ภายในห้องส่วนตัวมีขนม ผลไม้ และเบียร์มาวางรอเรียบร้อยแล้ว
นักเรียนคนอื่นๆ ต่างเลือกของที่ตัวเองชอบแล้วเริ่มกิน
เฟิงเย่ว์ก็นั่งลง เริ่มเปิดเบียร์กินหนึ่งขวด “เทพอิ๋งดื่มไหม”
พอเขาถามเสร็จก็เห็นอิ๋งจื่อจินหยิบกระบอกน้ำเก็บความร้อนออกมาจากกระเป๋าเป้แล้วเทชาพุทราแดงผสมเม็ดเก๋ากี้ดื่ม
“…”
เฟิงเย่ว์ไปนั่งหน้าแท่นกดเลือกเพลง ดื่มเบียร์พลางกดหาเพลง เขาเลือกเพลงที่ราบสูงชิงไห่ธิเบต เตรียมปลดปล่อยพลังเสียงเต็มที่ทันใดนั้นประตูห้องคาราโอเกะกลับถูกถีบออก
เฝิงฮว่ามาพร้อมกับบอดี้การ์ดร่างสูงใหญ่ ยืนอยู่ตรงประตูด้านหลังมีพวกคุณชายคนอื่นๆ อีก
เขาชี้อิ๋งจื่อจินแล้วยิ้มพลางพูด “ฉันต้องการแค่คนนี้ คนอื่นไสหัวไปให้หมด”
คำพูดเดียวทำให้พวกนักเรียนต่างอึ้ง
คนที่ตั้งสติได้ก่อนเป็นนักเรียนชายสองคน พวกเขาแทบจะวิ่งออกไปทันทีโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
“อวิ้นเมิ่ง ไปเถอะ” นักเรียนหญิงคนหนึ่งดึงเถิงอวิ้นเมิ่ง “รีบไปสิ นั่นคุณชายตระกูลเฝิงนะ อย่าไปมีเรื่อง เดี๋ยวก็ถูกหักขาหรอก”
เถิงอวิ้นเมิ่งไม่ขยับ แม้เธอจะกลัวมากก็ตาม “ฉันไม่หนี”
“เถิงอวิ้นเมิ่ง เธอไม่ไปพวกฉันไปแล้วนะ” นักเรียนหญิงคนนั้นกัดฟันพูด
“พวกเขามาหาอิ๋งจื่อจิน ถ้าเธอจะเอาตัวเองไปเกี่ยวข้องให้ได้…แบบนั้นมันโง่สิ้นดี!”
พูดจบเธอก็รีบวิ่งออกไปโดยไม่หันกลับมามอง
เดิมทีเฟิงเย่ว์จะถกแขนเสื้อเข้าไปเอาเรื่อง แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขารู้สึกมึนหัวอย่างรุนแรง พอยืนขึ้นก็ล้มลงไป
เฝิงฮว่าชี้เฟิงเย่ว์ “ลากออกไป”
เขารู้ว่าเฟิงเย่ว์กับเถิงอวิ้นเมิ่งอยู่ในโครงการปกป้องอัจฉริยะของประเทศจีน เขาย่อมไม่มีทางลงมือรุนแรงกับสองคนนี้
บอดี้การ์ดสองคนเดินขึ้นหน้า หามเฟิงเย่ว์ไปไว้อีกห้องหนึ่ง
“จื่อจิน” เถิงอวิ้นเมิ่งจับมือของอิ๋งจื่อจิน มือสั่นไม่หยุด “ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะปกป้องเธอเอง ฉันจะเบนความสนใจ เดี๋ยวเธอรีบหนีไปนะ”
ถึงแม้ใบหน้าที่เหมือนตุ๊กตาของเธอจะแสดงความหวาดกลัว แต่ก็ยังอดทนไว้
“ไม่เป็นไร เธอออกไปเถอะ” อิ๋งจื่อจินชักมือกลับมา จับบ่าของเถิงอวิ้นเมิ่ง “ฉันขอยางมัดผมหน่อย”
น้ำเสียงของเธอทุ้มต่ำใจเย็น เจือไปด้วยการปลอบโยน
เถิงอวิ้นเมิ่งยังไม่ทันได้ตั้งสติ มือก็หยิบยางมัดผมที่อยู่บนหัวยื่นให้ไปก่อนแล้ว
อิ๋งจื่อจินรับมา
เธอเกล้าผมที่ปล่อยสยายรวบเป็นหางม้าสูง เผยให้เห็นลำคอยาวระหงที่ขาวเนียน
“หืม น้องสาวคงไม่ได้จะฮึดสู้ใช่ไหม” เฝิงฮว่าหัวเราะ “อย่าเสียแรงเปล่าเลย ที่นี่ปล่อยยาหลอนประสาทไว้ก่อนแล้ว เธอสูดดมเข้าไปไม่น้อยอีกเดี๋ยวก็จะหมดแรง ไปเล่นสนุกกับพี่ชายคนนี้ดีกว่า พี่ชายพอใจ เดี๋ยวเธอก็จะได้สิ่งดีๆ เอง”
เขาเที่ยวเล่นในตี้ตูมานานขนาดนี้ยังไม่เคยเจอของเด็ดเท่านี้มาก่อน เฝิงฮว่ากลืนน้ำลาย เริ่มทนรอไม่ไหวแล้ว
อิ๋งจื่อจินพูด “ออกไปสิ”
คำพูดนี้เธอพูดกับเถิงอวิ้นเมิ่ง
เถิงอวิ้นเมิ่งอึ้งสุดท้ายก็ยอมเดินออกไป หลังจากเธอออกไปแล้วก็เหมือนได้สติขึ้นมารีบหันขวับจะเดินกลับไป
แต่ประตูห้องปิดลงไปแล้ว ปิดกั้นจากภายนอกอย่างสิ้นเชิงแม้แต่เสียงก็ไม่ได้ยิน
“ต้องแบบนี้สิ” เฝิงฮว่ารู้สึกว่าอิ๋งจื่อจินน่าสนใจมาก “ฉันอยากได้แค่ตัวเธอ ไม่จำเป็นต้องลากคนอื่นมาเกี่ยวด้วย แต่ถ้าเธอขัดขืนฉันไม่กล้ารับรองหรอกนะว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”
พอได้ยินแบบนี้อิ๋งจื่อจินก็เงยหน้าขึ้น
ดีมาก ไม่มีคนอื่นแล้ว