บทที่ 129 ฉันต้องดูอยู่แล้วล่ะ
“แม้ว่าเทคนิคเหล่านี้จะมีวิธีการแตกต่างกันไปบ้าง และชื่อเรียกก็อาจจะฟังดูหลุดโลกไปสักหน่อย แต่โดยรวมนั้นรากฐานที่ถูกถ่ายทอดกันมาตั้งแต่ครั้งโบราณก็มีจุดร่วมอยู่ด้วยกันสามอย่างคือ การสร้างความร้อนขับไล่ความเย็น การสร้างความเย็นเพื่อดับความร้อน และการสร้างกระแสไหลเวียนเพื่อกำจัดความเฉื่อยชา รากฐานทั้งสามอย่างนี้คือปัจจัยสำคัญ และวิธีการฝังเข็มทั้ง 17 วิธีนี้ก็จะสามารถปรับใช้ได้ตามประสบการณ์ของแพทย์ฝังเข็มแต่ละคน”
“การสร้างความร้อนให้แก่ร่างกาย หมายถึงการเติมธาตุไฟให้สมบูรณ์ ซึ่งพบได้บ่อยในผู้ที่มีภาวะขาดแคลนสารอาหารและผู้ป่วยเรื้อรัง”
“เช่นเดียวกับการปรับสมดุลความเย็นในร่างกาย เช่นในผู้ที่มีอาการท้องร่วง หรือสำหรับผู้ที่มีไข้ ก็จำเป็นต้องเพิ่มสมดุลความอบอุ่นของร่างกายเช่นกัน”
“ในคัมภีร์แพทย์แผนจีนยุคโบราณได้ระบุข้อมูลเอาไว้พอสมควรว่า การฝังเข็มแบบตื้นจะเหมาะกับการฝังเข็มแบบมังกรสะบัดหาง ส่วนการฝังเข็มแบบลึกจะเหมาะการฝังเข็มแบบพยัคฆ์สะบัดหัว โดยการฝังเข็มทั้งสองรูปแบบนี้ ล้วนสามารถระบุได้ว่าเส้นลมปราณในร่างกายคนไข้นั้นอุดตันหรือไม่”
…
เมื่ออธิบายจบลงแล้ว
หลี่เคอหมิงก็ต้องกลืนน้ำลายและกล่าวว่า “วันนี้ฉันจะสาธิตการฝังเข็มทั้ง 17 วิธีอย่างละเอียด ขอให้เธอดูและจดจำไว้ให้ดี”
“รับทราบครับอาจารย์”
ขณะนี้ จางกงอี้สวมเสื้อกาวน์สีขาวเดินเข้ามามองหลี่เคอหมิงกับซูเย่ด้วยความพิศวง
“หมายความว่าไงนะ คุณจะสอนทั้ง 17 วิธีในวันเดียวเลยเหรอ? แน่ใจนะว่าเขาจะจำได้หมด?”
“เดี๋ยวคุณลองดูเองก็แล้วกัน”
หลี่เคอหมิงยิ้มอย่างเป็นปริศนาและไม่ให้คำอธิบายใด ๆ เพิ่มเติมทั้งสิ้น
ฉันต้องดูอยู่แล้วล่ะ!
จางกงอี้พ่นลมผ่านทางจมูกด้วยความหงุดหงิดใจ
ในเมื่อมาขอใช้สถานที่ของเขาทั้งที มีหรือที่จางกงอี้จะไม่จับตาดูแขกคนสำคัญทั้งสองคนนี้
เป็นเวลา 8:00 น.
คนไข้มาตรงเวลา ที่นี่เป็นคลินิกแพทย์แผนจีนที่ขึ้นชื่อเรื่องการฝังเข็ม เพราะฉะนั้น คนไข้จึงมาเพื่อฝังเข็ม
คนไข้รายแรกเป็นชายหนุ่มอายุ 30 ปี ซูเย่วินิจฉัยอาการว่าร่างกายขาดสมดุลความเย็น
“ถูกต้อง คนไข้รายนี้ต้องฝังเข็มด้วยวิธีที่เรียกว่าการระเบิดภูผา”
หลี่เคอหมิงพูดออกมา
“เมื่อปักเข็มลงไปแล้วให้เธอลองหมุนมือดูเล็กน้อย”
“วิธีนี้เป็นการคลายความร้อนออกจากร่างกายโดยธรรมชาติ”
“มันเป็นขั้นตอนที่ต้องทำซ้ำกันเก้าครั้งในเก้าตำแหน่ง”
“ความร้อนในร่างกายของคนไข้จะระบายผ่านทางตัวเข็ม เธอจะสามารถสัมผัสได้ว่าเข็มมีความร้อนหรือไม่ เมื่อไหร่ก็ตามที่เข็มหายร้อนแล้ว นั่นก็เท่ากับว่าสมดุลความร้อนและความเย็นในร่างกายของคนไข้ได้ถูกปรับใหม่อีกครั้ง”
“เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการฝังเข็มด้วยวิธีนี้ อุณหภูมิในร่างกายของคนไข้ก็จะลดลงไม่น้อยกว่าสามองศา”
“การฝังเข็มด้วยวิธีระเบิดภูผาจะใช้เวลาประมาณ 15 – 20 นาที เมื่อคนไข้มีอาการดีขึ้น ก็ให้ดึงเข็มกลับออกมาได้ทันที”
…
หลี่เคอหมิงอธิบายขั้นตอนทุกอย่างด้วยความเชื่องช้าและระมัดระวัง แม้แต่รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ไม่มีข้ามผ่าน เพราะถึงเขาจะรู้ดีว่าซูเย่มีความจำดี แต่ผู้เป็นอาจารย์ก็อยากจะมั่นใจว่าลูกศิษย์ของตนเองสามารถจดจำรายละเอียดทุกอย่างได้จริง ๆ
หลี่เคอหมิงทำการสอน ซูเย่ทำการเรียนรู้
คนไข้ที่รับการรักษาบัดนี้มีเข็มปักอยู่เต็มร่างกาย
“เธอจำได้ไหม?”
หลี่เคอหมิงถามออกมาในที่สุด
“จำได้หมดแล้วครับ”
ซูเย่พยักหน้าหนักแน่น
“จำได้หมดจริงสิ?”
จางกงอี้อุทานออกมาเสียงดังด้วยความไม่อยากเชื่อ
ตั้งแต่ที่ซูเย่สามารถเอาชนะลูกศิษย์ของเขาได้ จางกงอี้ก็สงสัยมาตลอดว่าหลี่เคอหมิงต้องมีวิธีการสอนพิเศษเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร จึงทำให้ชายหนุ่มคนนี้สามารถเรียนรู้ได้รวดเร็วกว่าคนปกติ เขากล้าพูดได้เลยว่าหลี่เคอหมิงไม่มีทางใช้วิธีการสอนธรรมดา ๆ เด็ดขาด
แต่นี่มันอะไรกัน?
“อาจารย์จาง ผมขอยืมเข็มสักชุดได้ไหมครับ?”
ซูเย่ถามออกมา
“ได้สิ”
จางกงอี้พยักหน้า ก่อนจะนำชุดเข็มเงินที่ห่ออยู่ในผ้าขาวยื่นส่งให้แก่ซูเย่
เขาสงสัยว่าชายหนุ่มจะทำสิ่งใดต่อไป
ผลปรากฏว่า
ซูเย่นำเข็มเงินไปฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอล์
ก่อนที่จะเริ่มนำเข็มเหล่านั้นฝังลงบนร่างกายของตัวเอง
จางกงอี้เบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ
เมื่อลองพิจารณาดูดี ๆ
เขาก็พบว่าเข็มแรกที่ซูเย่ปักลงไปนั้น เป็นการฝังเข็มด้วยวิธีระเบิดภูผาที่น่าประทับใจเหลือเกิน!
ขั้นตอนทั้งหมดดำเนินไปโดยปราศจากข้อผิดพลาด เรียกว่าสมบูรณ์แบบเลยก็ว่าได้
เห็นดังนั้น จางกงอี้ก็ถึงกับตะลึง
แค่เฝ้าดูและฟังคำอธิบายด้วยปากเปล่า เจ้าหมอนี่ก็เข้าใจหมดเลยอย่างนั้นหรือ?
หรือว่าซูเย่เคยเรียนฝังเข็มจากที่ไหนมาก่อน?
เป็นไปได้อย่างไรที่คนเราแค่ดูเพียงครั้งเดียว ก็จะสามารถทำตามได้สมบูรณ์แบบขนาดนี้? อาจารย์กับลูกศิษย์คู่นี้คงไม่ได้เตี๊ยมกันมาเพื่อแหกตาเขาหรอกใช่ไหม?
จางกงอี้หันขวับกลับไปมองหน้าหลี่เคอหมิงด้วยความสงสัย และเขาก็พบว่าอีกฝ่ายหนึ่งกำลังจ้องมองซูเย่ด้วยความประหลาดใจไม่แพ้กัน
หลี่เคอหมิงก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าลูกศิษย์ของตนเองจะสามารถทำตามวิธีการฝังเข็มที่ซับซ้อนนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
“เยี่ยม เยี่ยมมาก”
หลังจากนิ่งอึ้งอยู่เล็กน้อย หลี่เคอหมิงก็พยักหน้าด้วยความพอใจ
ระหว่างที่คนไข้คนแรกยังนอนรอให้การฝังเข็มครบกำหนดเวลา คนไข้รายที่สองก็มาถึงแล้ว
ซูเย่วินิจฉัยอาการเบื้องต้น แล้วก็ระบุว่าคนไข้มีไข้เล็กน้อย
“ถูกต้อง เราต้องฝังเข็มปรับสมดุลความเย็น”
หลี่เคอหมิงเริ่มต้นสาธิตวิธีฝังเข็มอีกครั้ง
“เมื่อปักเข็มลงไปแล้ว ผู้ฝังเข็มก็ควรหยุดมือเล็กน้อย”
“รอจนคนไข้ระบายลมหายใจออกมา ค่อยทิ่มเข็มลงไปให้ลึกมากขึ้น เพื่อกระตุ้นเลือดลมในร่างกายให้ไหลเวียนมากกว่าปกติ”
“หลังจากคนไข้มีระดับลมหายใจที่น่าพอใจแล้ว ก็ให้ทำการฝังเข็มด้วยวิธีการนี้ซ้ำอีกหกครั้ง ในตำแหน่งที่ช่วยกระตุ้นธาตุหยินหกจุดบนร่างกาย”
“ตั้งแต่ช่วงกลางลำตัวของคนไข้ ให้ฝังเข็มแบบตื้น ทำแบบนี้หกครั้งซ้อนเช่นกัน”
…
หลังการสาธิตจบลง จางกงอี้ก็หันมามองที่ซูเย่
และเขาก็พบว่าชายหนุ่มกำลังนำเข็มเงินปักลงไปบนร่างกายของตัวเองอีกครั้ง น้ำหนักมือและการเคลื่อนไหวของเด็กคนนี้ แทบไม่แตกต่างไปจากการเคลื่อนไหวมือของหลี่เคอหมิงสักนิดเดียว
จางกงอี้ถึงกับอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกโตจ้องมองซูเย่เหมือนเห็นผีกลางวันแสก ๆ
นี่มันอะไรกันเนี่ย?
ซูเย่สามารถจำได้อีกแล้วหรือ?
การฝังเข็มมันเรียนรู้กันง่ายดายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
จางกงอี้จำได้ดีว่าครั้งก่อนหลี่เคอหมิงเคยอวดเอาไว้ว่าลูกศิษย์ของตนเองมีความจำดีเลิศ แต่ไม่เห็นบอกสักหน่อยว่ามีความสามารถในการลอกเลียนแบบทักษะของอาจารย์ดีเลิศถึงขนาดนี้ด้วย?
แค่มองดูเฉย ๆ ก็สามารถทำตามได้อย่างไรกัน?
นอกจากซูเย่จะทำได้แล้ว ยังเป็นการทำได้โดยไม่มีข้อผิดพลาดอีกด้วย
เมื่อฝังเข็มให้คนไข้รายที่สองเสร็จ คนไข้รายที่สามก็เข้ามา
ซูเย่วินิจฉัยอาการเบื้องต้นพบว่าคนไข้มีความร้อนในร่างกายมากเกินไป
“เธอลองจัดการได้เลย”
หลี่เคอหมิงพยักหน้าส่งสัญญาณให้ซูเย่ ขณะนี้ชายหนุ่มเรียนรู้ได้พอสมควรแล้ว ก็ถึงเวลาต้องลองลงมือรักษาจริง ๆ บ้าง
ซูเย่ไม่อิดออดแม้แต่น้อย เขาเริ่มการฝังเข็มคนไข้ในทันที
จางกงอี้กับหลี่เคอหมิงยืนอยู่ข้างเตียงคนไข้ หันมองหน้ากันด้วยความกระตือรือร้น พวกเขาเองก็กลัวว่าอาจเกิดความผิดพลาดขึ้นได้ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ซูเย่ลองฝังเข็มด้วยวิธีการที่ซับซ้อนมากขึ้น
แต่ผลก็ปรากฏว่า
ยิ่งเฝ้าดูมากเท่าไหร่ อาจารย์อาวุโสทั้งสองท่านก็ยิ่งตกตะลึงมากเท่านั้น
เพราะทุกครั้งที่ซูเย่ปักเข็มและบิดหมุนองศาเล็กน้อย ทุกอย่างเป็นไปด้วยความสมบูรณ์แบบ แม้แต่หลี่เคอหมิงก็ยังอดตกตะลึงไม่ได้
“อาจารย์หลี่”
เมื่อเห็นดังนี้ จางกงอี้ก็เอนตัวเข้ามากระซิบข้างหูหลี่เคอหมิงว่า “บอกความจริงผมมาเถอะนะ คุณสอนฝังเข็มให้เด็กคนนี้มานานแค่ไหนแล้ว?”
“ผมบอกคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
หลี่เคอหมิงตอบ “ถ้ารวมวันนี้ด้วย ก็เพิ่งจะครั้งที่สามเท่านั้น”
“เป็นไปไม่ได้ คุณโกหก!”
จางกงอี้ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความไม่อยากเชื่อ
คนเราจะมีพรสวรรค์สูงส่งขนาดนี้ได้อย่างไร?
หรือว่าซูเย่มีสมองเป็นคอมพิวเตอร์?
นอกจากสามารถทำความเข้าใจศาสตร์แห่งการฝังเข็มได้อย่างง่ายดายแล้ว
ยังสามารถคัดลอกและกดวางทักษะต่าง ๆ ได้เหมือนคำสั่ง Copy and paste ที่แสนสะดวกสบายเหล่านั้น?