บทที่ 130 คิดจะแย่งลูกศิษย์กันใช่ไหม
“นี่เป็นแค่ครั้งที่สามเท่านั้น ไม่เชื่อลองตรวจสอบประวัติกับทางโรงพยาบาลของเราดูก็ได้”
หลี่เคอหมิงพูด
“ถึงอย่างนั้นก็ยังน่าเหลือเชื่อเกินไปอยู่ดี”
จางกงอี้พึมพำ
“ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ คุณพิสูจน์ด้วยตาของตัวเองแล้วกัน”
อาจารย์อาวุโสทั้งสองท่านยังคงซุบซิบพูดคุยกันต่อไป ในขณะที่ซูเย่ก็ฝังเข็มให้คนไข้รายที่สามเสร็จแล้วเช่นกัน
ก่อนที่คนไข้รายที่สี่จะเดินเข้ามา
“กล้ามเนื้อเป็นตะคริว?”
หลี่เคอหมิงพูดกับซูเย่ “ครั้งนี้ลองใช้วิธีฝังเข็มแบบมังกรสะบัดหาง”
ซูเย่ยังคงสามารถทำตามคำสั่งได้โดยไม่มีข้อผิดพลาด
จางกงอี้ถึงกับตกตะลึงอีกครั้ง
คนไข้รายที่ห้า
“คราวนี้ใช้วิธีฝังเข็มแบบพยัคฆ์สะบัดหัว”
ซูเย่ยังทำตามคำสั่งได้อย่างราบรื่น
จางกงอี้มีสีหน้าเหมือนอยากจะเป็นลม
คนไข้รายที่หก
…
ก่อนหน้านี้ซูเย่ไม่ได้นั่งดูเพื่อเรียนรู้อยู่เฉย ๆ ในระหว่างที่รับฟังอาจารย์หลี่อธิบาย เขาได้ลองฝังเข็มบนร่างกายของตนเองดูแล้ว
ชายหนุ่มค้นพบว่าวิธีการฝังเข็มเหล่านี้แตกต่างจากการฝังเข็มทั่วไปจริง ๆ
มันช่วยทำให้กระแสการไหลเวียนของพลังลมปราณในร่างกายเปลี่ยนแปลงไป
“แค่เปลี่ยนวิธีฝังเข็มเล็กน้อยก็ให้ผลลัพธ์ถึงขนาดนี้เชียวหรือ?”
ดวงตาของซูเย่เป็นประกายแวววาว
“ขนาดยังไม่เพิ่มพลังลมปราณลงไปยังได้ผลดีขนาดนี้ แล้วถ้าเติมพลังลมปราณลงไปด้วย จะได้ผลดีขนาดไหนกันนะ?”
ทันใดนั้น ซูเย่ลอบโคจรพลังลมปราณใส่ลงไปในเข็มเงิน แน่นอนว่าชายหนุ่มใช้ตัวเองเป็นหนูทดลองก่อนคนแรก
ด้วยเหตุนี้
เขาจึงตกตะลึงเป็นอย่างมาก
เพราะมันให้ผลลัพธ์น่ามหัศจรรย์ที่สุด!
“ไม่เสียทีที่อาจารย์หลี่เป็นผู้คร่ำหวอดในวงการแพทย์แผนจีน วิธีการที่เขาสอนเรานี้ เมื่อเพิ่มพลังลมปราณลงไปด้วย ก็จะให้ผลลัพธ์ที่ดีมากกว่าเดิมถึงสองเท่า!”
นับว่าศาสตร์แห่งการฝังเข็มคือสิ่งที่ควรค่าต่อการเรียนรู้จริง ๆ
ยิ่งเรียนรู้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีประโยชน์มากเท่านั้น
ในไม่ช้า ทักษะเกี่ยวกับการฝังเข็มรูปแบบต่าง ๆ ก็ถูกบรรจุอยู่ในราชวังแห่งความทรงจำ
คนไข้รายที่เจ็ด คนไข้รายที่แปด…
จนถึงคนไข้รายที่เก้า ซูเย่ก็ใช้วิธีฝังเข็มไปถึงเจ็ดรูปแบบแล้ว
เขาทำทุกขั้นตอนได้อย่างสมบูรณ์แบบ
จางกงอี้ผู้ยืนอยู่ด้านข้างได้แต่จ้องมองชายหนุ่มด้วยความมหัศจรรย์ใจ
“โลกนี้จะมีคนเก่งแบบนี้ได้ยังไงกัน?”
เขาอดสำรวจมองซูเย่ตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้งไม่ได้
ในฐานะที่จางกงอี้เป็นผู้ชำนาญด้านการฝังเข็มคนหนึ่ง เขามั่นใจมาตลอดว่าตนเองมีฝีมือไม่เป็นสองรองใคร
จนกระทั่งวันนี้…
ในที่สุด จางกงอี้ก็เข้าใจแล้วว่าความน่ากลัวเป็นอย่างไร
ซูเย่มีพรสวรรค์ที่น่ากลัวเหลือเกิน!
ทุกอย่างดำเนินมาจนถึงช่วงเย็น
ซูเย่สามารถฝังเข็มได้ครบถ้วนทั้ง 17 รูปแบบ
จางกงอี้พูดอะไรไม่ออกจริง ๆ
เขาได้แต่ยืนตกตะลึงอยู่ตรงนั้น
จางกงอี้เป็นหมอฝังเข็มชื่อดังในวงการแพทย์แผนจีน
เขาจึงรู้ดีว่าการฝังเข็มแบบโบราณทั้ง 17 วิธีนี้ มีความสลับซับซ้อนยากต่อความเข้าใจขนาดไหน อย่าว่าแต่เรียนเพียงวันเดียวจะทำได้เลย อย่างเก่งก็ต้องใช้เวลาเรียนไม่ต่ำกว่าครึ่งปี!
ผู้ที่สามารถเรียนรู้การฝังเข็มทั้ง 17 วิธีได้ในวันเดียว ก็คงมีแต่ยอดอัจฉริยะเท่านั้น!
จางกงอี้หันกลับมามองหน้าซูเย่
ทันใดนั้น อาจารย์อาวุโสผู้เป็นเจ้าของคลินิกก็เกิดความรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
นี่คือความรู้สึกที่ทำให้ลำคอของเขาแห้งผาก
ต้องลอบสูดหายใจลึก ๆ อยู่หลายครั้ง
แต่สุดท้าย จางกงอี้ก็ยังไม่สามารถระงับความตื่นเต้นของตนเองได้อยู่ดี เขาพยายามไม่แสดงออกทางสีหน้ามากเกินไป จึงได้แต่หันหน้ามองไปทางอื่นเพื่อรวบรวมสติ
เมื่อเห็นว่าซูเย่สามารถเรียนรู้สิ่งที่ตนเองสอนได้อย่างสมบูรณ์แบบ หลี่เคอหมิงก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะหันมาพูดกับจางกงอี้ว่า
“อาจารย์จาง ขอบคุณมากนะที่ให้พวกเรายืมคลินิกในวันนี้ ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว ผมกับลูกศิษย์คงต้องขอตัวกลับก่อน”
“วันหลังผมจะเลี้ยงข้าวตอบแทนแน่นอน”
พูดจบ หลี่เคอหมิงก็ดึงตัวซูเย่เดินออกมา
“เดี๋ยวก่อนสิ”
จางกงอี้รีบเดินตามมาจับแขนของหลี่เคอหมิงและพูดด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้มผูกไมตรี “ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณสักหน่อย”
“เรื่องอะไรหรือ?”
หลี่เคอหมิงชะงักเล็กน้อย
“คุยกันตรงนี้เลยก็ได้”
จางกงอี้ดึงตัวหลี่เคอหมิงมาที่ด้านข้างและกระซิบว่า “พ่อผมอยากรับตัวศิษย์ของคุณเป็นลูกศิษย์เหมือนกัน”
“หา?”
หลี่เคอหมิงขมวดคิ้ว ถามด้วยความไม่อยากเชื่อ “แต่ได้ข่าวว่าพ่อคุณเสียไปเมื่อหลายปีก่อนแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“เหลวไหลน่า”
จางกงอี้พูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“คุณลองคิดดูให้ดี ๆ นะ”
หลี่เคอหมิงได้แต่เบิกตาโตด้วยความมึนงง
“เรื่องสอบใบอนุญาตขอเป็นแพทย์แผนจีนน่ะ ผมว่าคุณเลิกฝันได้แล้ว ส่งตัวลูกศิษย์ของคุณมาให้พ่อผมดูแลดีกว่า รับรองว่าพ่อผมต้องสอนวิชาการฝังเข็มเจ็ดกระบวนท่า ที่เป็นวิชาประจำตระกูลจางให้ซูเย่สืบทอดต่อไปแน่นอน”
จางกงอี้กล่าวอย่างตรงไปตรงมาไม่ปิดบัง “แล้วเดี๋ยวผมจะเป็นศิษย์พี่ คอยดูแลเขาเอง คุณว่าดีไหม?”
“ดีกับผีน่ะสิ!”
หลี่เคอหมิงเข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร จึงตอบกลับไปโดยไม่ต้องคิด “ตราบใดที่ผมยังมีชีวิตอยู่ ซูเย่จะต้องเป็นลูกศิษย์และเป็นศิษย์น้องของผมแค่คนเดียวเท่านั้น!”
หลังจากนั้น อาจารย์หลี่ก็ดึงตัวลูกศิษย์หนุ่มเดินออกมาโดยไม่เหลียวมองกลับมาอีกเลย
“หึ่ย อย่าเพิ่งไปสิ!”
จางกงอี้วิ่งตามมาจนทัน “เรายังไม่ได้คุยรายละเอียดกันเลยนะ? จะรีบไปไหนเนี่ย?”
ได้ยินดังนั้น หลี่เคอหมิงก็เร่งฝีเท้าเร็วขึ้น
“มีเรื่องอะไรเหรอครับ?”
ซูเย่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
“อย่าเพิ่งถาม ขึ้นรถกันก่อนดีกว่า”
เมื่อโบกเรียกแท็กซี่ได้แล้ว หลี่เคอหมิงก็เปิดประตูและดันซูเย่ให้เข้าไปนั่งในห้องโดยสาร จากนั้นเมื่อตามเข้ามาแล้ว เขาจึงได้หันไปโบกมือบ๊ายบายให้แก่จางกงอี้ซึ่งวิ่งตามมาไม่ทัน
หลังเห็นร่างจางกงอี้หายลับไปจากกระจกมองหลัง หลี่เคอหมิงถึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
คิดจะมาแย่งลูกศิษย์กันแบบนี้เลยหรือ?
จิตใจทำด้วยอะไร!
ไม่ได้การ ครั้งหน้าเขาไม่มีทางพาซูเย่มาที่นี่อีกแล้ว!
โชคดีที่วันนี้หลี่เคอหมิงสอนหลักสูตรการฝังเข็มให้แก่ซูเย่ได้เรียนรู้อย่างหมดเปลือก พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องมาขอใช้งานคลินิกฝังเข็มแห่งนี้อีก!
รถแท็กซี่พุ่งทะยานไปข้างหน้า
ท้องฟ้านอกหน้าต่างเริ่มเป็นสีดำเข้ม
ระหว่างทางกลับหอพัก ซูเย่ซึ่งนั่งอยู่บนเบาะหลังสังเกตเห็นว่าหลี่เคอหมิงมีจิตใจว้าวุ่นสับสน นั่งขมวดคิ้วหน้ายุ่ง ใจลอยตลอดทาง
“อาจารย์หลี่มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าครับ?”
ซูเย่ถาม
“อ๋อ…”
หลี่เคอหมิงสะดุ้งเล็กน้อย เหมือนถูกกระชากออกจากภวังค์ด้วยเสียงพูดของซูเย่ จากนั้นเขาจึงรวบรวมสมาธิเพื่อตั้งสติ “ไม่มีอะไรหรอก เรื่องของทางมหาลัยน่ะ วันนี้เธอก็เรียนเรื่องการฝังเข็มจบแล้ว ครั้งหน้าฉันจะสอนเรื่องอื่น ๆ แล้วกัน อีกสองสัปดาห์จะถึงกำหนดแข่งขันฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์พิเศษในมหาลัย เธอเองก็ต้องเตรียมพร้อมให้ดี”
“ได้เลยครับ”
ซูเย่พยักหน้า
ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปเล็กน้อย ก่อนตัดสินใจพูดออกมาอีกครั้ง “แต่ถ้าอาจารย์กำลังคิดไม่ตกว่าจะแบกรับความกดดันในฐานะคณบดีคนใหม่ยังไง ผมว่าผมก็พอมีคำแนะนำอยู่บ้างนะครับ”