บทที่ 136 ตกตะลึงถึงขีดสุด
“เปิดผนึกดวงตาที่สาม!”
ซููเย่ส่งเสียงตะโกนอยู่ในใจ
แล้วดวงตาที่สามของเขาก็เปิดขึ้นมาเพื่อตรวจสอบสมุนไพรที่เป็นเป้าหมาย
หลังจากนั้น
ชายหนุ่มก็เห็นพลังปราณธรรมชาติลอยขึ้นมาจากขวดแก้วที่บรรจุเมล็ดลูกหม่อนกับเม็ดบัวเหล่านั้น!
“เจอสักทีนะ”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของซููเย่ ในที่สุด เขาก็เจอวัตถุดิบสำหรับการหลอมโอสถครบเสียที
“อาจารย์หลี่มาแล้ว!”
ชายวัยกลางคนท่าทางใจดีผู้หนึ่งเดินออกมาต้อนรับหลี่เคอหมิงด้วยรอยยิ้มแจ่มใส “เมื่อคืนเห็นโทรมาบอกว่าจะพาคนมาดูสมุนไพร ผมก็นึกว่าจะพาชินเอ๋อร์มาเสียอีก แล้วนี่เป็นใครล่ะครับ?”
หลี่เคอหมิงหัวเราะร่วนและตอบว่า “วันนี้ผมพาอัจฉริยะมาด้วย”
“อัจฉริยะ?”
ชายวัยกลางคนยิ้มแย้มพร้อมกับส่ายหัว “อัจฉริยะมากกว่าชินเอ๋อร์หรือเปล่า?”
“ชินเอ๋อร์ไม่ใช่อัจฉริยะหรอก ยัยเด็กนั่นโง่จะตาย”
หลี่เคอหมิงยิ้มเล็กน้อยและพูดต่อ “ผมไม่ได้ล้อเล่นนะ แต่พ่อหนุ่มคนนี้เป็นอัจฉริยะจริงๆ”
“คนในวงการยาจีนไม่เชื่อคำว่าอัจฉริยะหรอก” ชายวัยกลางคนส่ายศีรษะและหันมามองหน้าซููเย่ จากนั้นจึงกล่าวว่า “ผมเองก็เชื่อแต่ในประสบการณ์เท่านั้น”
“เมื่อก่อนผมก็เคยคิดเหมือนคุณนี่แหละ”
หลี่เคอหมิงเอื้อมมือเข้ามาตบไหล่
นี่มันอะไรกัน?
เมื่อเห็นปฏิกิริยาตอบรับของหลี่เคอหมิง ชายวัยกลางคนผู้เป็นเจ้าของร้านขายยาก็เริ่มรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที
เขาใช้สายตาสำรวจซููเย่ด้วยความพินิจพิเคราะห์มากขึ้น
ก่อนยิ้มและกล่าว
“พออาจารย์หลี่พูดมาขนาดนี้ ผมชักสนใจแล้วสิ”
“ผมกำลังเตรียมเครื่องมือให้พวกคุณอยู่พอดี วันนี้ร้านเรากำลังจะปรุงยาตัวใหม่ อุปกรณ์ทั้งหมดตั้งอยู่หลังร้าน ให้ลูกศิษย์ของคุณมาทดสอบฝีมือกับผมดูบ้างไหม? ในระหว่างนี้ คุณจะได้สอนทักษะการปรุงยาให้เขารู้ไปด้วย”
“ถ้าลูกศิษย์ของคุณสามารถทำภารกิจที่ผมตั้งไว้ได้สำเร็จ ในร้านนี้อยากได้สมุนไพรตัวไหน ให้เขาหยิบไปได้เลยตามสบาย ผมบอกไว้ก่อนนะว่าสมุนไพรของเราแต่ละตัว มีราคาไม่ต่ำกว่า 1,000 หยวน ถือว่าเป็นของขวัญให้ลูกศิษย์ของคุณด้วย ดีไหมครับ?”
“ขอบใจมากนะเถ้าแก่”
หลี่เคอหมิงหันกลับมามองหน้าและใช้สายตาสอบถามซููเย่ว่ายินดีรับคำท้าจากเจ้าของร้านหรือไม่
หลี่เคอหมิงไม่รู้เลยว่าขณะนี้ซููเย่มีความรอบรู้ในเรื่องของสมุนไพรอยู่ระดับไหน อีกอย่าง เด็กคนนี้ก็เพิ่งจะเริ่มศึกษาจริงจังเรื่องการคัดแยกสมุนไพรเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
“ด้วยความยินดีเลยครับ”
ซููเย่พยักหน้าตอบรับไม่ลังเลพร้อมกับแอบพูดอยู่ในใจว่า : ขอบคุณมากนะที่จะให้สมุนไพรฟรีๆ ช่วยประหยัดเงินได้เยอะเลยละ
“ถ้าอย่างนั้นเชิญนำทางได้เลยครับ”
หลี่เคอหมิงพูดกับเจ้าของร้านด้วยความดีใจ ขณะที่เดินไปทางหลังร้าน เขาก็อธิบายข้อมูลเพิ่มเติมให้ซููเย่รับทราบ
“เถ้าแก่คนนี้มีชื่อว่าหลิวเซวียนเฉิง เป็นเจ้าของร้านขายสมุนไพรคุณภาพสูงร้านนี้ หรือเธอจะเรียกเขาว่าลุงหลิวก็ได้”
ซููเย่พยักหน้ารับทราบ
เพียงพูดคุยกันไม่กี่คำ ชายหนุ่มก็รู้แล้วว่าเจ้าของร้านขายยาคนนี้ไม่ธรรมดา
เมื่อมาถึงบริเวณลานโล่งหลังร้าน
ซููเย่ก็พบว่ามีกองสมุนไพรวางอยู่เต็มลานกว้าง และมีคนงานจำนวนไม่น้อย กำลังช่วยกันคัดแยกสมุนไพรคุณภาพต่ำทิ้งไป
“นี่แค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น”
หลิวเซวียนเฉิงพูดด้วยความภาคภูมิใจ “พอเสร็จสิ้นจากการคัดทิ้งรอบแรกแล้ว ก็ยังต้องคัดซ้ำอีกถึงสามรอบเพื่อให้ได้สมุนไพรที่ดีที่สุดมาวางจำหน่ายในร้านของเรา”
“มีแต่ต้องทำอย่างนี้เท่านั้น ร้านของเราถึงจะสามารถรักษาคุณภาพของสมุนไพรให้ดีเยี่ยมอยู่เสมอ”
ในที่สุด ซููเย่ก็ได้รับทราบคำตอบแล้วว่าเพราะเหตุใดคุณภาพสมุนไพรที่วางจำหน่ายอยู่ในร้านขายยาจีนร้านนี้ถึงมีคุณภาพดีมาก
“ผมรู้แล้วน่าว่าคุณขายแต่ของดีเท่านั้น ไม่ต้องโม้ก็ได้”
หลี่เคอหมิงกระเซ้า
“แต่อาจารย์หลี่ก็โม้เรื่องลูกศิษย์คนนี้เอาไว้ไม่น้อยนะครับ?”
หลิวเซวียนเฉิงหยอกเย้าหลี่เคอหมิงกลับไป ก่อนหันมามองหน้าซููเย่และกวักมือเรียก
“พ่อหนุ่มอัจฉริยะ พวกเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า”
ซููเย่พยักหน้าและเดินเข้าไปหา
ภารกิจของชายหนุ่มคือการคัดแยกสมุนไพรคุณภาพต่ำออกจากสมุนไพรคุณภาพดีในกองสมุนไพรเหล่านี้
พวกเขาตรงไปที่สมุนไพรกองแรก
มันเป็นกองของสมุนไพรที่ชื่อว่าอึ่งคี้
ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับสมุนไพรหลากหลายชนิดในราชวังแห่งความทรงจำปรากฏขึ้นในอากาศ และเพียงไม่กี่วินาทีต่อมา ภาพจำลองของอึ่งคี้ก็แสดงขึ้นมาอย่างชัดเจน
สมุนไพรอึ่งคี้คุณภาพดีควรมีสีเหลืองอ่อน มีรูปทรงหนาและยาว ไม่มีรอยพับยับย่น หรือมีผงหลุดร่วงลงมา อึ่งคี้ทั่วไปจะเสื่อมสภาพง่ายเพราะมีน้ำตาลอยู่ในตัวจำนวนมาก แต่อึ่งคี้คุณภาพสูงจะเสื่อมสภาพช้ากว่าอึ่งคี้ทั่วไป…
ไม่นานหลังจากนั้น
ซููเย่ก็สามารถคัดเลือกอึ่งคี้คุณภาพต่ำออกจากกองได้อย่างคล่องแคล่ว
เห็นดังนั้น หลิวเซวียนเฉิงผู้ยืนสังเกตการณ์อยู่ตลอดเวลาก็พยักหน้าเล็กน้อย
ไม่เลวเลยนี่นา
หลี่เคอหมิงก็กำลังยืนยิ้มและพยักหน้าด้วยความพอใจเช่นกัน
สมุนไพรกองที่สองคือหวงจิง
ชายหนุ่มรีบค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหวงจิงในราชวังแห่งความทรงจำ หลังจากนั้น ภาพจำลองของหวงจิงคุณภาพสูงก็ปรากฏขึ้นในสายตา
ซููเย่คัดเลือกต่อไปโดยไม่เสียเวลา
ครั้งนี้ เขาสามารถเลือกหวงจิงคุณภาพต่ำได้รวดเร็วมากกว่าตอนที่เลือกสมุนไพรจากกองแรกด้วยซ้ำ
หวงจิงคุณภาพต่ำถูกคัดทิ้งอยู่ด้านข้าง ไม่มีตกหล่นแม้แต่ชิ้นเดียว
เมื่อเห็นว่าซููเย่สามารถคัดเลือกได้อย่างแม่นยำ หลิวเซวียนเฉิงก็มีดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ พูดว่า “ลูกศิษย์ของคุณมีฝีมือพอสมควรเลยนะครับ รากฐานความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรจีนแน่นมาก นอกจากนี้ยังคัดเลือกสมุนไพรได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำอีกด้วย”
“เดี๋ยวเถ้าแก่ทดสอบเขาเสร็จ ผมอยากให้คุณทายอะไรสักหน่อย”
หลี่เคอหมิงหัวเราะในลำคอเล็กน้อย เมื่อผ่านการคัดเลือกสมุนไพรสองกองแรกได้แล้ว เขาก็มั่นใจว่าซููเย่จะต้องผ่านการทดสอบของหลิวเซวียนเฉิงได้อย่างไม่มีปัญหา
สมุนไพรกองที่สาม
ซููเย่ยังสามารถคัดเลือกได้อย่างรวดเร็ว
สมุนไพรกองที่สี่
ซููเย่ก็ยังคัดแยกได้อย่างแม่นยำเหมือนเคย
แม้จะทำทุกขั้นตอนด้วยความรวดเร็ว แต่ชายหนุ่มก็มีน้ำหนักมือที่เบามาก สมุนไพรทุกชิ้นจึงไม่ได้รับความเสียหายหรือบอบช้ำแม้แต่น้อย
“ต้องยอมรับเลยว่าทักษะเรื่องสมุนไพรของลูกศิษย์อาจารย์หลี่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”
หลิวเซวียนเฉิงพูดพร้อมกับพยักหน้า
ซููเย่ยังคงคัดแยกสมุนไพรต่อไปไม่หยุด
สมุนไพรกองที่ห้า
ความเร็วไม่มีตก ความแม่นยำไม่มีผิดพลาด
สมุนไพรกองที่หก
ซููเย่ยังคงคัดเลือกได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ถึงตอนนี้ ดวงตาของหลิวเซวียนเฉิงก็ไม่สามารถปิดบังความประหลาดใจเอาไว้ได้อีกแล้ว
สมุนไพรกองที่เจ็ด สมุนไพรกองที่แปด สมุนไพรกองที่เก้า…
เมื่อเห็นว่าความเร็วของซููเย่ไม่ได้ตกลงเลยสักนิด มิหนำซ้ำ ชายหนุ่มยังเพิ่มความเร็วในการคัดแยกสมุนไพรมากขึ้นเรื่อยๆ หลิวเซวียนเฉิงก็ตกอยู่ในอาการตะลึงงันอย่างชัดเจน
“ลูกศิษย์ของอาจารย์หลี่น่าทึ่งมากแฮะ” หลิวเซวียนเฉิงหันกลับมามองหน้าหลี่เคอหมิงด้วยความชื่นชมอย่างแท้จริง
“ในที่สุดก็ถึงกับเอ่ยปากชมเขาแล้วสินะครับ” หลี่เคอหมิงพูด
“ชื่นชมก็คือชื่นชม แต่ผมยังไม่เห็นว่าเขาจะเป็นอัจฉริยะตรงไหน เดี๋ยวขอดูก่อนว่าสมุนไพรที่เขาเลือกไว้เป็นยังไงบ้าง”
หลิวเซวียนเฉิงเดินตรงไปที่สมุนไพรกองแรก
หลี่เคอหมิงเดินตามติดไปด้านหลัง
เมื่อตรวจสอบดูเรียบร้อยก็พบว่าไม่มีปัญหา สมุนไพรคุณภาพต่ำได้ถูกคัดแยกทิ้งออกไปแล้ว
ผู้เป็นเจ้าของร้านเดินไปที่สมุนไพรกองที่สอง
ยังคงไม่มีปัญหา
สมุนไพรกองที่สาม ไม่มีปัญหา
สมุนไพรกองที่สี่…!
การตรวจสอบสมุนไพรหลายสิบกองจบสิ้นลง ซููเย่สามารถคัดแยกสมุนไพรได้โดยไม่มีข้อผิดพลาดสักครั้งเดียว
และต้องไม่ลืมว่าเขาคัดแยกด้วยความรวดเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
ทันใดนั้น หลิวเซวียนเฉิงหันกลับมามองหน้าหลี่เคอหมิงและถามว่า “บอกความจริงผมมาเถอะนะครับ อาจารย์หลี่สอนเขามาก่อนหน้านี้แล้วใช่หรือเปล่า เขาถึงทำได้รวดเร็วขนาดนี้”
“ผมจะไปสอนเขาได้ยังไง เถ้าแก่ลองเดาซิว่าลูกศิษย์ของผมเรียนเรื่องการคัดแยกสมุนไพรมานานแค่ไหนแล้ว?”
หลี่เคอหมิงยิ้มเจ้าเล่ห์
“หึหึ…”
หลิวเซวียนเฉิงยิ้มกริ่มเหมือนมองทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง กล่าวตอบด้วยความมั่นใจ “ในเมื่อคุณถาม ผมก็จะขอตอบโดยไม่เกรงใจ เขาใช้เวลาวิเคราะห์สมุนไพรแต่ละตัวน้อยมาก บวกกับเรื่องที่อาจารย์บอกว่าเขาเป็นอัจฉริยะรุ่นใหม่ แค่นี้ก็เดาได้ไม่ยากแล้วว่าลูกศิษย์ของอาจารย์เรียนมานานแค่ไหน”
“แล้วเขาเรียนมานานแค่ไหนล่ะครับ?”
หลี่เคอหมิงถามย้ำอีกครั้ง
“ผมเดาว่าไม่ต่ำกว่าสามปี”
หลิวเซวียนเฉิงยกมือขึ้นมาชูสามนิ้ว และกล่าวต่อ “แค่การคัดแยกคุณภาพสมุนไพรแต่ละตัว ก็ต้องใช้เวลาเรียนไม่น้อยกว่าหนึ่งปีแล้ว”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
หลี่เคอหมิงหัวเราะร่วน
“ผมเดาถูกหรือเปล่า?”
หลิวเซวียนเฉิงถามด้วยความกระตือรือร้น
แต่ผลกลับปรากฏว่า
หลี่เคอหมิงส่ายหน้า ยกมือขึ้นมาชูแค่หนึ่งนิ้วเท่านั้น ก่อนตอบ
“ลูกศิษย์ของผมเพิ่งจะเรียนเกี่ยวกับแพทย์แผนจีนได้แค่เดือนครึ่งเท่านั้น และเขาเพิ่งจะศึกษาเรื่องการคัดแยกสมุนไพรเมื่อเช้านี้เอง ใช้เวลาทั้งหมดยังไม่ถึงห้าชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ”
“ว่าไงนะ?”
หลิวเซวียนเฉิงเบิกตาโตด้วยความตกตะลึงถึงขีดสุด ก่อนจะหันหน้ากลับไปมองที่ซููเย่อีกครั้ง
เป็นไปไม่ได้!
ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
เพิ่งจะศึกษาเกี่ยวกับแพทย์แผนจีนแค่เดือนครึ่ง และเรียนรู้การคัดแยกสมุนไพรเพียงห้าชั่วโมงเท่านั้น ซููเย่จะทำได้อย่างยอดเยี่ยมถึงระดับนี้เขียวหรือ?
ไม่มีทาง!
ไม่มีทางเป็นความจริง!
ถ้าได้ยินคนอื่นบอกเล่าต่อมาอีกที หลิวเซวียนเฉิงไม่มีทางเชื่อแน่นอน
แต่นี่เขาเห็นด้วยตาของตนเอง
การเรียนคัดแยกสมุนไพรให้สำเร็จในเวลาหนึ่งปี ก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่สั้นมากแล้ว
แต่หลิวเซวียนเฉิงคิดไม่ถึงเลยจริงๆ
จะมีคนที่สามารถเรียนรู้ทักษะทั้งหมดนี้ได้ในเวลาแค่ห้าชั่วโมงจริงหรือ?
เวลาแค่ห้าชั่วโมงเนี่ยนะ?
“ไม่ใช่แน่นอน เป็นไปไม่ได้…อาจารย์หลี่คงกำลังอำผมเล่นมากกว่า”
หลิวเซวียนเฉิงส่ายหน้าไม่ยอมรับความจริง
“ผมขอเอาชื่อเสียงเป็นเดิมพันเลยว่าผมไม่ได้โกหกคุณเด็ดขาด เถ้าแก่คิดว่าผมมีเหตุผลอะไรที่จะต้องพาคนมาหลอกลวงคุณด้วยหรือครับ?”
หลี่เคอหมิงพูดพลางผายมือออกว้าง
หลิวเซวียนเฉิงจ้องมองหลี่เคอหมิงด้วยความสับสนไม่เข้าใจ และไม่รู้อีกแล้วว่าตนเองสมควรพูดอย่างไรดี
สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาเคยคิดเอาไว้เลย
“ตกใจใช่ไหมล่ะครับ?”
เมื่อเห็นสีหน้าของหลิวเซวียนเฉิง หลี่เคอหมิงก็พูดยิ้มๆ ว่า “ผมก็เคยเป็นเหมือนเถ้าแก่นี่แหละ ตอนแรกที่รู้ว่าซููเย่เป็นอัจฉริยะ ผมนี่หัวใจแทบวายตาย แล้วอีกอย่าง ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวลือว่าอาจารย์ของผมกำลังจะรับลูกศิษย์คนใหม่ ไม่ทราบว่าเถ้าแก่พอจะเคยได้ยินข่าวบ้างไหม?”
“อย่าบอกนะว่าเป็นเจ้าหมอนี่!”
หลิวเซวียนเฉิงหันขวับไปมองซููเย่ด้วยแววตาตกตะลึงมากกว่าเดิม “ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่าเป็นอัจฉริยะเกินไปแล้ว ถึงไม่อยากยอมรับก็ต้องยอมรับจริงๆ”
“เรียบร้อยครับ”
ขณะนี้ ซููเย่เดินกลับมาหาผู้อาวุโสทั้งสองท่านหลังจากคัดเลือกสมุนไพรกองสุดท้ายเสร็จสิ้น
หลิวเซวียนเฉิงไม่ได้ตรวจสอบสมุนไพรกองสุดท้าย เขาไม่จำเป็นต้องตรวจสอบอีกแล้ว ผู้เป็นเจ้าของร้านสามารถยกนิ้วโป้งชื่นชมซููเย่ได้อย่างสนิทใจ
“นายชนะแล้ว อยากได้สมุนไพรตัวไหนในร้านฉัน หยิบไปได้เลย”
“ขอบคุณครับ”
ซููเย่ตอบรับอย่างไม่เกรงใจ “ผมอยากได้เมล็ดลูกหม่อนกับเม็ดบัวที่วางขายอยู่หน้าร้านน่ะครับ”
“ได้สิ เดินไปหยิบมาได้เลย”
หลิวเซวียนเฉิงมีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากมาย นอกจากพยักหน้าอนุญาต
ซููเย่ไม่ได้เอามาหมดทั้งขวด แต่นำวัตถุดิบทั้งสองชนิดมาในปริมาณที่เพียงพอสำหรับการหลอมโอสถของเขาเท่านั้น
เมื่อได้เมล็ดลูกหม่อนและเม็ดบัวซึ่งมีพลังปราณธรรมชาติอยู่ในการครอบครองแล้ว ภารกิจการตามหาวัตถุดิบสำหรับการหลอมโอสถ ก็ถือว่าสำเร็จลุล่วงลงด้วยดี
เมื่อชายหนุ่มได้สิ่งที่ต้องการมาอยู่ในมือเรียบร้อย
หลี่เคอหมิงก็พาซููเย่กลับไปที่หลังร้านอีกครั้ง เฝ้ามองขั้นตอนการผลิตยาจีนตลอดบ่าย หลี่เคอหมิงอธิบายวิธีการปรุงยาให้ชายหนุ่มรับฟังด้วยหลักสูตรเร่งรัด
เพราะมันอาจจะเป็นข้อมูลที่ต้องใช้ในการสอบแข่งชิงทุนก็เป็นได้
เมื่อรับฟังขั้นตอนทุกอย่างจบลง ซููเย่จึงได้พบว่าขั้นตอนการปรุงยาของแพทย์แผนจีนสมัยใหม่ มีความคล้ายคลึงกับการหลอมโอสถในยุคโบราณไม่ใช่น้อย
เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการทุกอย่าง
หลี่เคอหมิงก็พาซููเย่เดินทางกลับ
แต่จังหวะที่กำลังจะเดินออกจากซุ้มประตูหน้าตลาดขายสมุนไพรจีน ซููเย่ก็หยุดชะงักที่แผงขายของริมถนนแผงหนึ่ง
เขายังขาดหม้อปรุงยาอีกหนึ่งอย่าง
และร้านค้าแผงนี้ก็มีหม้อปรุงยาโบราณวางขายอยู่พอดี
ดวงตาของซููเย่เป็นประกายแวววาว เขาไม่จำเป็นต้องไปเดินหาในตลาดซื้อขายของเก่าประจำเมืองจี้หยางอีกแล้ว
“อาจารย์หลี่ครับ รอสักครู่นะครับ”
ซููเย่พูด ก่อนจะเดินตรงไปยังแผงขายของริมถนน ภายใต้การจ้องมองด้วยความประหลาดใจของหลี่เคอหมิง
“หม้อทองแดงหม้อนี้ขายเท่าไหร่ครับ?”
ซููเย่นั่งยองๆ และชี้หม้อปรุงยาทองแดงที่วางอยู่บนพื้นดินข้างร้านขายของอย่างไม่มีความหมาย
“โฮะ น้องชายตาถึงนะเนี่ย นี่เป็นหม้อปรุงยาจากราชวงศ์หมิงเชียวนะครับ”
ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของร้านเริ่มต้นบรรยายสรรพคุณ “ดูจากโหวงเฮ้งของคุณแล้ว โชคชะตาคงดลบันดาลให้คุณได้ครอบครองหม้อปรุงยาใบนี้แน่นอน ผมจะขายให้คุณในราคานี้ก็แล้วกัน”
หลังจากนั้น ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของร้านก็ยกมือชูสองนิ้ว
“แค่ 20 หยวนเองเหรอครับ?”
ซููเย่ถามอย่างไม่อยากเชื่อ
“น้องชายอย่ามาอำกันเล่นน่า!”
ชายหนุ่มเจ้าของร้านส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาอีกครั้ง “หม้อปรุงยาจากราชวงศ์หมิง ในตลาดขายของเก่าเขาเล่นกันอยู่ที่ 200,000 หยวนขึ้นไป ราคาต่ำกว่านี้ น้องชายไปหาซื้อที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว”
“ไม่มีต่ำกว่า 200,000 หยวนเลยเหรอครับ?”
ซููเย่ถามเสียงเรียบ
“ไม่มีแน่นอน!”
เจ้าของร้านมองหน้าซููเย่พร้อมกับโบกไม้โบกมือไปมา “ตกลงน้องชายจะซื้อหรือเปล่า คนจริงเขาไม่พูดเยอะหรอกนะ ถ้าไม่ซื้อก็ไปหาร้านอื่นก็ได้ แต่ขอยืนยันอีกครั้งว่าคุณจะหาซื้อหม้อใบนี้ในราคาที่ต่ำกว่า 200,000 หยวนไม่มีอีกแล้ว”
“หม้อปรุงยาจากยุคราชวงศ์หมิงมีราคานั้นจริงๆ นั่นแหละครับ แต่ไอ้ที่คุณนำมาขายเนี่ย มันเป็นของปลอม”
ซููเย่ว่า
“อย่ามาพูดจาเหลวไหลนะโว้ย ฉันขอเอาหัวเป็นประกันว่าหม้อปรุงยาทองแดงใบนี้ มาจากยุคของจักรพรรดิเซวียนเต๋อแห่งราชวงศ์หมิงจริงแท้แน่นอน! ถ้าไม่มีเงิน ก็รีบไสหัวไปไกลๆ ซะ!”
เจ้าของร้านตวาดขับไล่
“งั้นผมมีอะไรจะเล่าให้ฟัง”
ริมฝีปากของซููเย่บิดตัวเป็นรอยยิ้ม