คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 262 เสียใจสิ่งที่ได้ทำ ใครก็อย่ามีเรื่องกับบอส

“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินตอบ “เก็บได้นาน วางใจได้ ยังไม่หมดอายุ”

อิ๋งจื่อจินเก็บตลับยาลงกระเป๋าเสื้อของตัวเอง ไม่พูดอะไร

เธอก็เคยทำยาที่คล้ายกันแบบนี้ ยุ่งยากมาก

โดยทั่วไปถ้าไม่ใช่อาการบาดเจ็บอย่างรุนแรงหลายครั้ง เช่น ถูกแทงทะลุอวัยวะภายใน กระดูกสะบักหัก เป็นต้น ก็ไม่มีทางต้องใช้ยาชนิดนี้

พอนึกถึงตรงนี้อิ๋งจื่อจินก็เงยหน้ามองตรงอกเสื้อของฟู่อวิ๋นเซินพลางครุ่นคิด

เธอเคยสำรวจแขนของเขา ไม่มีแผลเป็นอะไร

แต่โดยทั่วไปตรงแขนก็ไม่มีทางมีบาดแผลที่รุนแรง

สายตาของเธอเปิดเผย อีกทั้งฟู่อวิ๋นเซินเป็นคนความรู้สึกไวมาตลอด ไม่มีทางที่จะไม่สังเกตเห็น

ดวงตาดอกท้อโค้งมน เขายิ้ม “เด็กน้อย ทำไมจ้องพี่ชายแบบนั้นล่ะ”

“อ่อ” อิ๋งจื่อจินละสายตา “เห็นหล่อดี”

“…”

ใช้ได้ รู้จักโต้ตอบกับเขาแล้ว

“พี่ชายขอใบอนุญาตพกปืนให้แล้ว” ฟู่อวิ๋นเซินก็แค่แหย่เธอเล่น เข้าเรื่องสำคัญกว่า “ครั้งหน้าถ้าเจอเรื่องแบบนี้อีกก็ชักปืนได้เลย”

“ฆ่าคนผิดกฎหมาย” อิ๋งจื่อจินจัดทรงผม แต่น้ำเสียงยังคงจริงจัง “ฉันรักษากฎหมาย”

แน่นอนว่านักแม่นปืนอันดับเจ็ดที่แฝงตัวเข้ามาในฮู่เฉิงคนนั้นไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่กฎหมายประเทศจีนคุ้มครอง

“ไม่ฆ่า แค่ขู่พวกเขา”

“…”

“จากนั้นก็รอพี่ชายมา ว่าไปตามกฎหมาย”

“ผู้บัญชาการ” อิ๋งจื่อจินเรียกแบบนั้นอย่างเป็นธรรมชาติ “ถ้าลูกน้องของคุณรู้ว่าคุณทำตัวไร้สาระแบบนี้ คงรวมกลุ่มกันมารุมคุณ”

“หืม?” ฟู่อวิ๋นเซินใจเย็น มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง ยิ้มเชิงหยอกล้อ “ตั้งนานขนาดนี้แล้วพวกเขายังไม่ชินอีกเหรอ”

สีหน้าของอิ๋งจื่อจินชะงัก

ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่า ประธานกับพวกนักสืบของไอบีไอน่าสงสารจริงๆ

ไม่เพียงแต่ผู้บัญชาการสูงสุดจะไม่ทำงาน ยังอยู่ในบัญชีหมายจับด้วย

“ไปเถอะ” เขายกมือลูบศีรษะของเธอ “วันนี้ดึกมากแล้ว ไม่ต้องกลับค่ายติวหรอก ไปนอนโรงแรม”

โรงแรมควีนมีสาขาอยู่ทั่วประเทศ ในเมืองตี้ตูก็มีเช่นกัน

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ขอฉันรายงานตัวกับเมิ่งเมิ่งก่อน”

หลังจากอิ๋งจื่อจินกับฟู่อวิ๋นเซินไปแล้ว มู่เฉิงก็กลับมา

เขาเคาะประตูห้องคาราโอเกะแล้วเข้าไป

บนพื้นยังคงเละเทะ

ขวดไวน์ที่แตก คราบเลือด และยังมีกองอ้วก

คุณนายมู่คุกเข่าอยู่บนพื้น มู่เฉินโจวอยู่ข้างเธอ

มู่เฉิงก็ไม่สนใจสองคนนี้ เดินเข้าไปพูดอย่างนอบน้อม “คุณท่านครับ จัดการดูแลความเรียบร้อยทางเพื่อนคุณอิ๋งเสร็จแล้วครับ”

โชคดีที่นักเรียนพวกนั้นไม่ได้สูดดมยาหลอนประสาทเข้าไปมากนัก ไม่ได้ส่งผลเท่าไร

“อืม” มู่เฮ่อชิงพยักหน้า “ไว้ให้คนส่งพวกเขากลับไปอย่างปลอดภัย”

เขาเองก็รู้เรื่องโครงการปกป้องอัจฉริยะของประเทศจีน

เถิงอวิ้นเมิ่งกับเฟิงเย่ว์ห้ามบาดเจ็บเป็นอันขาด

มู่เฉิงกระซิบ “สืบแล้วครับ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคุณหนูใหญ่ตระกูลซิว เธอส่งข้อมูลกับรูปถ่ายของคุณอิ๋งให้เฝิงฮว่า”

มู่เฮ่อชิงอึ้งไปชั่วขณะ “คุณหนูใหญ่ตระกูลซิวเหรอ นั่นมัน…”

มู่เฉิงบอก “ซิวเหยียนครับ”

“เธอเหรอ” มู่เฮ่อชิงแสยะยิ้ม “คิดว่าเป็นคุณหนูใหญ่มาจากไหน คงลืมไปแล้วสินะว่าตำแหน่งคุณหนูใหญ่ของตัวเองได้มายังไง”

มู่เฉิงถอนหายใจ

ตระกูลซิว ความวุ่นวายของแท้

“ซิวเหยียนยังอยู่ค่ายติวเดียวกับคุณอิ๋งด้วยครับ” มู่เฉิงพูดต่อ “ผมบอกให้คุณอิ๋งคอยระวังตัวให้มากขึ้นแล้วครับ”

มู่เฮ่อชิงพยักหน้าเพื่อบอกว่าเข้าใจแล้ว

เขาหันไปมองคุณนายมู่ที่ตัวสั่นไม่หยุด “ยาหลอนประสาท เธอเป็นคนเอาให้ลูกชายของเธอ การซื้อขายยาหลอนประสาทเป็นเรื่องผิดกฎหมายหากไม่ได้รับอนุญาต”

คุณนายมู่ตัวสั่นหนักกว่าเดิม “ท่านผู้เฒ่า…”

“ฉันปฏิบัติตามกฎหมายโดยไม่สนว่าเป็นญาติพี่น้องหรือไม่” มู่เฮ่อชิงยิ้มอย่างเย็นชา “ยิ่งไปกว่านั้น เธอก็ไม่ได้ถือเป็นญาติด้วย ซื่อซินจากไปตั้งแต่เจ็ดปีก่อน ชีวิตคู่ของทั้งคู่ก็ถือว่าจบกันไปนานแล้ว”

คุณนายมู่เงยหน้าขึ้นทันที แววตาก็ยังสั่น

มู่ซื่อซินเป็นลูกชายคนที่ห้าของมู่เฮ่อชิง

ถูกยิงบาดเจ็บสาหัสในปฏิบัติการคุ้มกันครั้งหนึ่ง สุดท้ายก็เสียชีวิต

“เธอเป็นภรรยาของซื่อซิน เขาจากไปเร็ว ฉันรู้สึกผิดต่อเธอมาตลอด” มู่เฮ่อชิงใจเย็นมาก “ทุกเรื่องที่เธอทำ ฉันรู้มาตลอด”

“เธอหลงใหลในอำนาจลาภยศ มือไม่สะอาด แต่ก็ไม่ได้ทำร้ายใคร ฉันเลยไม่ว่าอะไร แค่ให้คนไปเตือนเธอ”

หูของคุณนายมู่ได้ยินเสียงหึ่งๆ “ตะ…เตือนเหรอคะ”

“เมื่อวานซืน เธอรังแกเหวยเฟิงกับอวี่ซี” สายตาของมู่เฮ่อชิงเย็นชา “วันนี้เธอก็ทำร้ายเสี่ยวอิ๋งอีก ว่ากันตามเหตุผล ฉันเก็บเธอไว้ไม่ได้แล้ว”

เขาหันไป “มู่เฉิง เอายาหลอนประสาทให้หน่วยอีจื้อ บอกให้พวกเขาดำเนินการตามกฎหมาย”

มู่เฉิงรับทราบ “ครับ”

พอได้ยินแบบนี้คุณนายมู่ก็ทรุดตัวลงบนพื้น

หน่วยอีจื้อคืออะไร เธอย่อมรู้ดี

เธอคิดมาตลอดว่าอิ๋งจื่อจินเป็นแค่เด็กกำพร้าคนหนึ่ง แม้แต่ตระกูลอิ๋งยังไม่เอาอิ๋งจื่อจิน แล้วยังจะมีใครหนุนหลังได้

ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ เธอจะพูดคำพูดพวกนั้นออกไปได้อย่างไร

“ให้คนมาเก็บกวาดที่นี่” มู่เฮ่อชิงลุกขึ้น เปิดประตู “ฉันจะกลับไปดูเหวยเฟิงหน่อย โชคดีที่เสี่ยวอิ๋งรักษาเขาหายแล้ว”

คำพูดนี้ทำเอาคุณนายมู่กับมู่เฉินโจวหัวระเบิดจนไปไม่ถูก

คุณนายมู่ทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะในเวลาเดียวกัน

เดิมทีเธอได้เจออิ๋งจื่อจินเร็วกว่า เธอเคยเจอตั้งแต่เมื่อต้นปีแล้ว

ตอนนี้กลับเสียเปรียบให้มู่เหวยเฟิง

มู่เฮ่อชิงเดินออกไปทั้งแบบนี้

แต่เขาไม่มองมู่เฉินโจวตั้งแต่ต้นจนจบ และไม่พูดอะไรด้วย

มู่เฉินโจวยังคงคุกเข่าอยู่ที่พื้น สมองมึนงง หัวใจเย็นยะเยือกยิ่งกว่า

มู่เฮ่อชิงดุด่าตบตีเขายังดีกว่าทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน

เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบครั้งเดียว ทำให้เขาถูกทอดทิ้งแล้ว

มู่เฉินโจวเม้มริมฝีปาก รู้สึกเสียใจแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

ถ้าก่อนหน้านี้เขารู้ว่าอิ๋งจื่อจินเป็นหมอเทวดาที่เคยช่วยชีวิตมู่เฮ่อชิงไว้ เขาจะไม่มีทางมองเธอด้วยสายตาที่มีอคติ

และจะยิ่งไม่มีทางส่งเธอไปให้เฝิงฮว่า

เขาคิดมาตลอดว่าเธอไม่มีอำนาจไม่มีอิทธิพล เธอล่วงเกินใครไม่ได้ทั้งนั้นไม่ว่าจะตระกูลเฝิงหรือตระกูลเมิ่ง

แต่ดูจากตอนนี้ อันที่จริงคนที่ไม่ควรไปมีเรื่องด้วยก็คือเธอ

มู่เฉิงก็ไม่ได้สนใจมู่เฉินโจว เขายืนตรงหน้าคุณนายมู่แล้วเริ่มติดต่อหน่วยอีจื้อ

เช้าวันต่อมา

เถิงอวิ้นเมิ่งตื่นจากฝัน เดินงัวเงียลงมาที่โรงอาหาร

“เมิ่งเมิ่ง รีบมานี่” เฟิงเย่ว์เห็นเธอก็กวักมือเรียก “เทพอิ๋งกลับมาแล้ว”

คำพูดนี้ทำให้เถิงอวิ้นเมิ่งตาสว่างทันที

เธอขยี้ตา มองอิ๋งจื่อจินที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะกินข้าว กำลังกินซาลาเปา

เถิงอวิ้นเมิ่งหยิกตัวเอง จากนั้นก็ร้อง “โอ๊ย” รีบพุ่งไปด้วยความเร็วสูง กอดอิ๋งจื่อจินไว้ “จื่อจิน เธอไม่เป็นอะไร ดีจังเลย”

“อืม ไม่เป็นไร” อิ๋งจื่อจินตบหลังปลอบเธอ “กินข้าวเถอะ”

เฟิงเย่ว์ดันจานซาลาเปาให้ทันที พูดอย่างกระตือรือร้น “ฉันเพิ่งหยิบมา ซาลาเปาหมูสับของที่นี่อร่อยมาก”

ขณะที่เถิงอวิ้นเมิ่งยังอยากถามอะไรต่อก็ถูกเอาซาลาเปายัดปาก ทำได้เพียงกินเข้าไป

ซิวเหยียนมาโรงอาหารในเวลานี้พอดี

ขณะที่เธอจะเดินไปหยิบอาหารสายตาก็เหลือบเห็นอิ๋งจื่อจินที่ถือแก้วนมอยู่

เธอตกใจขึ้นมาทันที สีหน้าเหลือเชื่อ

ตอนนั้นซิวเหยียนไม่ได้กลับไป บอกกับพวกนักเรียนชายที่ตามไปว่ารู้สึกไม่ค่อยสบาย แล้วกลับบ้านตระกูลซิว

เฝิงฮว่าเคยทำหลายครั้งแล้ว ราบรื่นง่ายดายมาตลอด เธอเองก็ไว้ใจเลยไม่ได้ยุ่ง

เฝิงฮว่าเล่นสนุกอย่างบ้าคลั่ง พอเลิกสนุกส่วนใหญ่พวกผู้หญิงถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาล

แต่ทำไมเธอถึงเห็นอิ๋งจื่อจินในสภาพปกติที่นี่

ราวกับสังเกตเห็นท่าทีสงสัยของเธอ อิ๋งจื่อจินค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ดวงตาหงส์เย็นชา

จ้องตาซิวเหยียน

ซิวเหยียนใจหายวาบ รีบเก็บสายตาผิดปกติของตัวเองทันที เธอยังคงยิ้ม เดินเหยียบรองเท้าส้นสูงไปตักบุฟเฟต์อาหารเช้า

แต่อาหารเช้ามื้อนี้กลับกินอย่างไร้รสชาติ

เพิ่งกินโจ๊กไปได้คำเดียว ซิวเหยียนก็รีบร้อนออกไปจากโรงอาหาร

เธอไปที่สวนหย่อม หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา

ซิวเหยียนย่อมไม่มีทางโทรหาเฝิงฮว่าในเวลานี้ เธอโทรหาผู้จัดการไดนาสตี้เคทีวี

แต่ผู้จัดการปิดเครื่อง

ซิวเหยียนหน้านิ่ว ทำได้เพียงให้คนของตระกูลซิวไปสืบ

ห้านาทีต่อมาก็มีข้อความส่งมา

[คุณหนูใหญ่ครับ สืบได้แล้ว คุณชายเฝิงฮว่ากับพวกเพื่อนๆ ของเขาถูกหามออกมาจากไดนาสตี้เคทีวีครับ ตอนหามออกมาพวกเขาอยู่ในอาการสลบ ใบหน้าและร่างกายมีแต่เลือด]

[ตอนนี้พวกเขาอยู่ในห้องไอซียู นายใหญ่ตระกูลเฝิงโกรธจนคลั่งแล้วครับ]

ซิวเหยียนขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม

หรืออิ๋งจื่อจินจะทำพวกเฝิงฮว่าจนมีสภาพเป็นแบบนั้น

แต่ผู้หญิงตัวคนเดียวจะสู้แรงผู้ชายได้อย่างไร

แต่จะใช่ฝีมืออิ๋งจื่อจินหรือเปล่าก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ

ก็แค่เฝิงฮว่าไม่ได้เรื่องเหลือเกิน แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวก็จัดการไม่ได้

ซิวเหยียนสีหน้าเย็นชา ส่งคำสั่งไปอีกรอบ

[ส่งข้อความหานายใหญ่ตระกูลเฝิง บอกเขาว่าคนที่ทำให้ลูกชายเขาเป็นแบบนั้นคืออิ๋งจื่อจินที่ลงแข่งไอเอสซีรอบตัดสิน]

[มาจากฮู่เฉิง ไม่มีภูมิหลัง อยากทำอะไรก็เชิญ]

ตอนที่นายใหญ่ตระกูลเฝิงได้รับสองข้อความนี้กำลังอาละวาดอยู่ที่โรงพยาบาล

เฝิงฮว่าหมดสติยังไม่ฟื้น พวกหมอกำลังพยายามรักษาอยู่ตลอด

เขารีบร้อนมา ยังไม่เห็นว่าเฝิงฮว่ามีสภาพเป็นแบบไหน

แต่ถึงขนาดเข้าห้องไอซียูแล้ว ก็แสดงให้เห็นว่าบาดเจ็บสาหัส

เฝิงฮว่าเป็นลูกชายคนเดียวของเขา แถมยังได้มาตอนเขาอายุเยอะแล้ว ขนาดเขายังไม่เคยตีไม่เคยดุด่า แต่นี่กลับมีคนบังอาจมาแตะต้องลูกชายเขางั้นเหรอ

“อิ๋งจื่อจินเหรอ” นายใหญ่ตระกูลเฝิงพูดชื่อนี้ออกมาอย่างช้าๆ สีหน้าเคร่งเครียด “ส่งคนไปที่ค่ายติวไอเอสซีตอนนี้ จับตัวเด็กคนนั้นมาหักแขนทิ้งก่อน”

แต่ต่อมาเขาก็เปลี่ยนความคิด “ไม่สิ ให้มาเอง ฮว่าเอ๋อร์อยู่ที่นี่ยังไม่รู้จะเป็นหรือตาย ต้องให้มาดูแล”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ‘จื่อจิน ถึงเธอจะเป็นลูกสาวของพวกเรา แต่พวกเราเลี้ยงเสี่ยวเซวียนมาสิบห้าปี ผูกพันกับเสี่ยวเซวียนมาก เสี่ยวเซวียนถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ไม่เหมือนเธอที่ทนความลำบากที่บ้านนอกมาตลอด ดังนั้นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิ๋งก็ยังคงเป็นเสี่ยวเซวียน’ ‘เธอคงจะน้อยใจ แต่เธอจิตใจดีขนาดนี้ แม่รู้ว่าเธอไม่มีทางถือสาแน่นอน วางใจนะ อะไรที่เธอควรได้ก็จะไม่มีทางน้อยหน้า’ ‘อะไรนะ เธอเองก็อยากไปด้วยล้อเล่นหรือเปล่า ทางนั้นเขาต้องการคุณหนูไฮโซ เธอน่ะ แม้แต่เล่นเปียโนสักเพลงก็ยังไม่เป็น จะไปเล่าอะไรให้เขาฟังมีแต่จะทำขายหน้า’ ภายในความฝันเป็นเงาคนเต็มไปหมดกับคำพูดที่ตีกันยุ่งเหยิง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset