Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1970 ตำนานล้ำนิรันดร์กาล

ตอนที่ 1970 ตำนานล้ำนิรันดร์กาล

แววเหม่อลอยปรากฏขึ้นบนหว่างคิ้วของรั่วซู่ เหมือนตกอยู่ในการย้อนนึกถึงวันเก่า

 ตอนที่อาจารย์รับปาก ศิษย์พี่ใหญ่ดีใจจะแย่ หลังออกจากสำนักไม่นานก็บุกเบิกเรือนมรรคคืนกำเนิด 

 เพียงแต่เรือนมรรคคืนกำเนิดในตอนนั้นมีแต่เขาคนเดียว หนำซ้ำยังไม่มีแม้แต่เขาวิญญาณแดนมงคลให้ฝึกปราณได้สักแห่ง ย่อมไม่ถึงกับมีชื่อเสียงอะไร 

 ศิษย์พี่ใหญ่หยิ่งทระนงมาก ไม่ต้องการอาศัยความช่วยเหลือของพลังที่เกี่ยวข้องกับคีรีดวงกมล เริ่มกรำศึกในใต้หล้าเพียงลำพัง 

 เขาในตอนนั้นเปลี่ยนตัวตนไปต่างๆ นานา ทั้งผู้ฝึกกระบี่ ผู้ฝึกดาบ ยังมีผู้ฝึกฌาน ผู้ฝึกจิต ผู้ฝึกกาย… 

 ไม่ว่าจะเป็นตัวตนไหน และไม่ว่าจะผ่านการเข่นฆ่าเช่นไร ขอเพียงเขาได้รับชัยชนะ จะต้องบอกว่าตนเป็นผู้สืบทอดเรือนมรรคคืนกำเนิด 

 ระหว่างที่เขาสู้ศึก ชื่อเสียงของเรือนมรรคคืนกำเนิดก็แพร่กระจายตามไปด้วย ดึงดูดสายตาจับจ้องและเสียงวิพากษ์วิจารณ์นับไม่ถ้วน 

 ผู้คนพูดกันว่าเรือนมรรคคืนกำเนิดเป็นมหาจักรพรรดิทั้งสำนัก รากฐานพลังลึกล้ำไม่อาจหยั่งถึง หนำซ้ำยังน่าพิศวงหาใดเทียบ ไม่มีใครว่าภูเขาของเรือนมรรคคืนกำเนิดอยู่ที่ไหน 

 ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้ชื่อเสียงของเรือนมรรคคืนกำเนิดโด่งดังขึ้น 

พูดถึงตรงนี้มุมปากของรั่วซู่ก็ยิ้มอย่างอดไม่ได้  เพียงแต่ไม่มีใครรู้ว่า ผู้สืบทอดเรือนมรรคคืนกำเนิดที่เป็นตัวตนต่างๆ นั้น ความจริงแล้วมาจากศิษย์พี่ใหญ่คนเดียว 

 ขนาดเฒ่าชราระดับบรรพจารย์บางคนยังถูกหลอกเสียสนิท คิดไปจริงๆ ว่าบนโลกนี้มีสำนักน่ากลัวที่มีผู้สืบทอดระดับจักรพรรดิมากมายเพิ่มเข้ามาอีกแห่ง ศิษย์น้องเจ้าว่าศิษย์พี่ใหญ่ร้ายกาจไหม 

หลินสวินพยักหน้าซ้ำๆ จิตใจก็สั่นสะท้านไม่หยุด

คนผู้เดียวแปลงร่างนับไม่ถ้วน ค้ำจุนเรือนมรรคแห่งหนึ่งจนสะเทือนฟ้าดารา!

ที่น่าเหลือเชื่อที่สุดก็คือยังไม่มีใครมองทะลุได้ จากจุดนี้ก็เห็นได้ว่ามรรควิถีกับฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่แข็งแกร่งปานไหน!

รั่วซู่พูดต่อว่า  สมัยดึกดำบรรพ์ก็เคยจัด ‘งานชุมนุมวิชาบรรพจารย์’ ที่เรือนมรรคโลกาสวรรค์แห่งนี้ครั้งหนึ่ง ตอนนั้นห้าเรือนมรรคใหญ่อย่างดึกดำบรรพ์ จักรวาล เหล่ามาร โลกาสวรรค์และยุทธจักรต่างส่งบุคคล ‘ระดับบรรพจารย์’ ออกมาถกมรรคแลกเปลี่ยนวิชากับศิษย์พี่ใหญ่สำนักละคน 

 ขอเพียงแพ้ครั้งหนึ่ง เรือนมรรคคืนกำเนิดก็จะไม่สามารถเป็น ‘เรือนมรรค’ ได้ 

 ผลลัพธ์เจ้าต้องรู้อยู่แล้ว ศิษย์พี่ใหญ่ออกโรง สู้ทุกครั้งชนะทุกครั้ง คนผู้เดียวก็สยบพลานุภาพของห้าเรือนมรรคใหญ่ได้! 

 เมื่องานชุมนุมวิชาบรรพจารย์ปิดฉากลง เรือนมรรคคืนกำเนิดก็ก้าวมาอยู่ในหกเรือนมรรคใหญ่ได้สำเร็จ ทำให้ใต้หล้าล้วนตกตะลึง 

 แต่เพื่อรักษาหน้า ห้าเรือนมรรคใหญ่จึงประกาศแก่โลกภายนอกเพียงว่า รากฐานพลังของเรือนมรรคคืนกำเนิดได้รับการยอมรับจากพวกเขาโดยเอกฉันท์ ไม่ได้พูดถึงเรื่องระดับบรรพจารย์ในสำนักของพวกเขาแพ้ด้วยน้ำมือของศิษย์พี่ใหญ่ 

 แต่พวกเราผู้สืบทอดคีรีดวงกมลต่างรู้ดี 

พูดถึงตรงนี้ สีหน้าของรั่วซู่ก็ปรากฏแววหยิ่งทระนง

ส่วนหลินสวินสะท้านจนนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้นไปแล้ว

คนผู้เดียวก็สยบระดับบรรพจารย์ห้าคนที่ห้าเรือนมรรคใหญ่ส่งออกมาได้!

นี่ต้องมีพลังปราณแข็งแกร่งปานไหนกันถึงทำได้

แล้วความสง่างามของศิษย์พี่ใหญ่ในตอนนั้น จะไร้เทียมทานเพียงไหนกัน

ทั้งสำนักคือมหาจักรพรรดิ หมื่นยุคคืนกำเนิด

ใครจะรู้ว่ายอดสำนักที่อยู่ในกลุ่มหกเรือนมรรคใหญ่ ถูกมองว่าลึกลับและเก็บตัวที่สุดแห่งหนึ่ง ความจริงแล้วจะมีศิษย์พี่ใหญ่ค้ำจุนอยู่เพียงคนเดียว

นี่ช่างเหมือนตำนานที่สะท้านนิรันดร์กาลได้เรื่องหนึ่ง!

หลินสวินยังไม่กล้าจินตนาการว่าบนโลกนี้จะมีชายผู้อัศจรรย์น่าเหลือเชื่อเช่นนี้ได้ ศิษย์พี่ใหญ่… เป็นเหมือนเทพจริงๆ!

เพียงแต่หลินสวินนึกถึงแต่ละภาพที่ได้เห็น ตอนได้รับวิชาอริยะยุทธ์ที่แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ…

ป้ายหินถล่ม ภูเขาสำนักที่พังพินาศ เงาร่างสูงใหญ่ดื้อรั้นร่างหนึ่งคุกเข่าอยู่หน้าซากปรักหักพัง ด้านหลังดูโดดเดี่ยว เศร้าสร้อยและอ้างว้าง

เขาเคยดื้อแพ่งโอหัง กรำศึกในเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน ทั่วหล้าล้วนสั่นไหวเพราะพลังต่อสู้ของเขา

เมื่อศัตรูเต็มฟ้าบุกมา เขาทำเพียงลุกขึ้นเงียบๆ ยืนอยู่หน้าภูเขาสำนักที่พังทลาย แหงนหน้าขึ้นอย่างไม่หวาดหวั่น

ทะยานขึ้นเก้าชั้นฟ้า!

แต่ละภาพนั้น สิ่งที่แผ่ออกมากลับเป็นกลิ่นอายโศกาอย่างบอกไม่ถูก…

จากนั้นหลินสวินก็นึกถึงแหล่งสถานคุนหลุน นึกถึงแม่นางชุดม่วงที่รออยู่ในแดนลับต้นท้อแบนคนนั้น

กาลเวลายาวนานไร้สิ้นสุดผ่านไปแล้ว

นางยังคงรออย่างตั้งตาคอย

เขาจะกลับมา

นางเชื่อ

ในใจหลินสวินมีแรงกระตุ้นที่ไม่อาจกดข่มผุดออกมา เอ่ยว่า  ต่อมาล่ะ ต่อมาศิษย์พี่ใหญ่ไปที่ไหน 

รั่วซู่อึ้งไป แววซับซ้อนปรากฏขึ้นบนใบหน้างามผ่องแผ้ว เอ่ยว่า  ต่อมา หลังอาจารย์ออกจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปยังแดนปริศนา ศิษย์พี่ใหญ่ใช้ฐานะผู้สืบทอดลำดับหนึ่งของคีรีดวงกมล ประกาศศึกกับจอมจักรพรรดิไร้นามที่เจ้าพูดถึงคนนั้นเพียงลำพัง 

หลินสวินใจสะท้าน สังหรณ์ใจไม่สู้ดี

ดังคาด ครู่ต่อมารั่วซู่ก็พูดว่า  ศึกนั้นใครก็ไม่รู้เบื้องลึก แต่หลังจากศึกนั้น คีรีดวงกมลของพวกเราก็ประสบมหาเคราะห์ครั้งหนึ่ง… 

 ศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิหรือ 

หลินสวินโพล่งออกมา

รั่วซู่พยักหน้าเอ่ย  เป็นเช่นนี้จริงๆ ก็เพราะเรื่องนี้ศิษย์พี่ใหญ่จึงรู้สึกผิดหาใดเทียบ คิดว่าตัวเองชักนำเภทภัยใหญ่หลวงมาให้สำนักของตน ทำให้ศิษย์พี่ศิษย์น้องมากมายต้องสิ้นชีพ 

นางเสียงต่ำลึก เผยความเศร้าโศกเสียใจ  ความจริงแล้วพวกเราไม่มีใครโทษเขาสักคน แต่เขากลับให้อภัยตัวเองไม่ได้ 

รั่วซู่เหมือนไม่อยากนึกถึงเรื่องราวในอดีตเหล่านี้อีกแล้ว ทันใดนั้นก็สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง กดข่มความรู้สึกในใจลงไปแล้วเอ่ยว่า  ต่อจากนั้นศิษย์พี่ใหญ่ก็ทิ้งมรดกวิชาทั้งตัวไว้ที่แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์แล้วจากไปเพียงลำพัง บอกว่าเมื่อเขากลับมาก็จะเป็นวันที่ได้ล้างแค้น 

หลินสวินถอนหายใจในใจครู่หนึ่ง

ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว

ตอนนั้นเขาเคยเข้าไปในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ และยังได้รับมรดกวิชาอริยะยุทธ์ที่ศิษย์พี่ใหญ่ทิ้งไว้ จึงแน่ใจอย่างหาใดเทียบว่าศิษย์พี่ใหญ่จากไปแล้วจริงๆ

 แต่ว่า ศิษย์พี่ใหญ่ไปที่ไหนกันแน่ไม่มีใครรู้ 

รั่วซู่เอ่ย  มีคนบอกว่าเขาไป ‘แดนผนึกไร้นาม’ ที่เป็นหนึ่งในแดนสามผนึกของแหล่งสถานคุนหลุน ที่นั่นถูกมองว่าเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุด ผู้ที่เข้าไปในตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันล้วนไปไร้หวนแทบทั้งนั้น 

 บ้างมีคนบอกว่า ศิษย์พี่ใหญ่ไปเสาะหาแหล่งสถานอัศจรรย์ เพราะลือกันว่าในแหล่งสถานอัศจรรย์มีพลังที่สามารถต่อกรพลังต้องห้ามซ่อนอยู่ 

 ทั้งยังมีคนบอกว่า ศิษย์พี่ใหญ่กลับชาติมาเกิดใหม่ ฝึกปราณใหม่ หมายจะสร้างมรรคาที่สามารถกำราบพลังต้องห้ามทั่วหล้า 

รั่วซู่ถอนใจเบาๆ เอ่ยว่า  แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน ล้วนไม่ใช่สิ่งที่ศิษย์พี่ศิษย์น้องอย่างพวกเราอยากเห็นทั้งนั้น พวกเราเพียงหวังว่า… เขาจะรอดชีวิตกลับมา 

หลินสวินเอ่ยพึมพำ  รอดชีวิตกลับมา… นั่นสิ มีชีวิตรอดถึงมีความหวัง… 

รั่วซู่ทำใจให้สงบ มองดูหลินสวินพลางพูดเสียงอ่อนโยนว่า  เรื่องในอดีตนานมาแล้วก็ช่างมันเถิด ศิษย์น้อง ตอนนี้เจ้าเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเรือนมรรคคืนกำเนิดกับคีรีดวงกมลของพวกเราแล้วหรือยัง 

หลินสวินพยักหน้า

เขากระจ่างแล้วว่า เดิมทีเรือนมรรคคืนกำเนิดก็เป็นสิ่งที่ศิษย์พี่ใหญ่สร้างขึ้นเพียงคนเดียว!

เพียงแต่ในใจเขายังกังขาอยู่เล็กน้อย  เพียงแต่ เหตุใดบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่แห่งเรือนมรรคโลกาสวรรค์ถึงมั่นใจขนาดนี้ ว่าศิษย์พี่ก็มาจากเรือนมรรคคืนกำเนิด 

 แม้ศิษย์พี่ใหญ่จากไปแล้ว แต่เรือนมรรคคืนกำเนิดที่เขาบุกเบิกด้วยตัวคนเดียวก็ไม่อาจทิ้งไปไม่เหลียวแลเช่นนี้ ต่อให้สำนักนี้ไม่มีภูเขาที่ตั้งสำนัก ทั้งยังไม่มีผู้สืบทอด มีเพียงชื่ออย่างเดียว แต่ข้ากับเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องคนอื่นล้วนเชื่อว่า ขอเพียงมีเรือนมรรคคืนกำเนิดอยู่ ศิษย์พี่ใหญ่ก็จะต้องกลับมา 

รั่วซู่เสียงหนักแน่น  ดังนั้นในกาลเวลายาวนานไร้สิ้นสุด ข้ากับศิษย์พี่ศิษย์น้องคนอื่นบางคนก็จะท่องไปในโลกด้วยฐานะผู้สืบทอดเรือนมรรคคืนกำเนิดเป็นพักๆ พิสูจน์กับทั่วหล้าว่าเรือนมรรคคืนกำเนิดยังดำรงอยู่ตลอด! 

นางหยุดไปแล้วพูดต่อว่า  ส่วนที่ได้รู้จักกับบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่ ก็ต้องไล่ย้อนไปถึงยุคดึกดำบรรพ์… ตอนนั้นบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่เพิ่งแจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิ พอได้ยินว่าเรือนมรรคคืนกำเนิดเป็นมหาจักรพรรดิทั้งสำนัก ในใจก็ไม่สบอารมณ์ยิ่ง ดังนั้นจึงเสาะหาภูเขาสำนักของเรือนมรรคคืนกำเนิดไปทั้งใต้หล้า 

 แต่เขาจะไปหาเจอได้อย่างไร หามาหลายปีก็ยังคว้าน้ำเหลว เขากลับดื้อดึงหาใดเทียบ ต่อมาถูกข้าบังเอิญเจอเข้า ข้าก็เลยอัดเขายกหนึ่งด้วยฐานะผู้สืบทอดเรือนมรรคคืนกำเนิดเพื่อสลายความยึดติดของเขา 

 เจ้าหมอนี่ก็น่าให้สนใจนัก หลังจากถูกอัดกลับท่าทางซาบซึ้งยินดี บอกว่ารากฐานพลังของเรือนมรรคคืนกำเนิดสมคำร่ำลือจริงๆ ทั้งยังคุยโตว่ารอภายหน้าจะต้องมาแลกเปลี่ยนวิชากับข้า 

 ข้าเห็นว่าคนผู้นี้น้ำใจกว้างขวาง ในใจก็ชื่นชมนัก จึงพาเขาไปท่องทั่วหล้าด้วยกันอยู่ช่วงหนึ่ง เลยได้สร้างมิตรภาพลึกซึ้ง 

พูดจบรั่วซู่ก็ยิ้มอย่างอดไม่ได้

ช่วงเวลาที่นางได้รู้จักกับบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่นั้น ก็เป็นตอนที่นางพึงพอใจที่สุดในมรรคาระดับจักรพรรดิ ในใจมองชิงเย่เป็นน้องน้อย พาท่องทะยานไปทั่วหล้า สบายใจไร้กังวล

 ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ 

หลินสวินกระจ่างแจ้ง

ศิษย์พี่ใหญ่ดุจดั่งตำนานที่ไม่อาจลอกเลียนได้ เคยมีอดีตอันเรืองรองที่น่าซาบซึ้ง

แต่ศิษย์พี่สามรั่วซู่ จะไม่มีวีรกรรมอันเปล่งประกายของตัวเองได้อย่างไร

ระดับบรรพจารย์ที่ควบคุมดูแลเรือนมรรคโลกาสวรรค์อย่างบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่ แต่ในอดีตนานมาแล้วกลับเคยถูกศิษย์พี่สามอัดมาก่อน!

 อีกเดี๋ยวข้าก็จะกลับไปที่พักแล้ว มิเช่นนั้นจะถูกพลังต้องห้ามพวกนั้นหมายหัว แต่ศิษย์น้องวางใจได้ ไปเขตต้องห้ามเซียนโบราณคราวนี้ จะไม่มีคลื่นลมใดๆ เกิดขึ้นอีกแล้ว 

รั่วซู่ยิ้มเอ่ย

ถูกพลังต้องห้ามหมายหัวหรือ

หลินสวินกำลังจะถาม ก็ถูกรั่วซู่พากลับไปยอดเขาหลักโลกาสวรรค์ ชั่วพริบตาสายตามากมายต่างก็รวมอยู่ที่ตัวเขา

เขาจึงอดกลั้นไว้ชั่วขณะ ในใจรอว่าหากภายหน้ามีโอกาสจะถามอีกครั้งก็ไม่สาย

ถึงอย่างไรด้วยระดับของเขาในตอนนี้ก็ไม่เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในพลังต้องห้ามอยู่แล้ว ต่อให้ได้รู้ที่มาที่ไปพวกนี้ ก็ย่อมรู้เพียงเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่อาจรู้ถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นแน่

 หวั่นจ้าว คุยเสร็จแล้วหรือ 

บรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่อมยิ้มเอ่ย

ชื่อหวั่นจ้าวนี้ ก็คือฐานะผู้สืบทอดเรือนมรรคคืนกำเนิดที่รั่วซูใช้ตอนได้พบบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่

รั่วซู่ยิ้มเอ่ย  คุยเสร็จแล้ว ข้ายังเล่าวีรกรรมอันล้ำเลิศบางอย่างของเจ้าในตอนนั้นให้เขาฟังแล้วด้วย 

บรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่อึ้งไป พลันรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง สีหน้าเกร็งขึ้นเล็กน้อย เอ่ยว่า  เล่าหมดเลยหรือ 

รั่วซู่พยักหน้า  ดังนั้นเจ้าต้องดีกับเขาหน่อยนะ 

บรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่ยิ้มเจื่อน  ผู้สืบทอดเรือนมรรคคืนกำเนิดอย่างพวกเจ้า ข้าจะละเลยได้อย่างไร วางใจได้ ข้ารับรองว่าเขาจะไม่ได้รับความไม่เป็นธรรมใดๆ อีกแม้แต่นิดเดียว! 

เขาพูดพลางชำเลืองมองจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงที่อยู่ไกลออกไปทีหนึ่ง ทำเอาอีกฝ่ายแข็งทื่อไปทั้งตัว ใบหน้างามถอดสี

——

 

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset