ตอนที่ 517 คนโลภ
เยียนเหลียงเจ๋อเตรียมตัวพร้อมรับฟัง
ทว่าเปียนมู่หยูกับผู้อื่นทราบว่าต้องมิใช่เรื่องดีเป็นแน่ แต่ก็ไร้หนทางที่จะปฏิเสธ ทำได้เพียงรอให้ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยเงื่อนไขขึ้นมา
แต่ฟู่เสี่ยวกวนกลับมิยอมเอ่ยเสียที ซ้ำยังมองไปทางช่าวชิงหงหลูซื่อ “ท่านหวง ท่านมีแผนที่ของแคว้นอี๋หรือไม่ จงนำออกมาให้ข้าดูสักหน่อย”
ท่านหวงที่นั่งอยู่ข้างสวี่หวยซู่ได้ยินดังนั้น จึงรีบตอบไปว่า “ข้าน้อยจะไปนำมาให้ประเดี๋ยวนี้”
ทุกคนที่เหลือต่างก็ประหลาดใจ การเจรจานี้ เอาแผนที่มาทำอันใดกัน ?
ฟู่เสี่ยวกวนเห็นสายตางุนงงของเยียนเหลียงเจ๋อจึงเอ่ยอย่างยิ้ม ๆ ว่า “เรื่องเป็นเช่นนี้ ข้ามิค่อยรู้เรื่องของแคว้นอี๋เท่าใดนัก จึงอยากดูว่าตอนนี้กองทัพชายแดนตะวันออกไปถึงที่ใดแล้ว หากอยู่มิไกลจากแคว้นของท่านเท่าใดนัก ว่าจะลองปะทะดู หากสามารถยึดเมืองหลวงได้แล้ว… ท่านเยียนเอ๋ย เจ้าก็มิใช่องค์รัชทายาทและจะมิมีแคว้นอี๋อีกต่อไป เรื่องนี้ท่านต้องเตรียมใจเอาไว้สักเล็กน้อย”
ชื่อหลางแห่งกรมพิธีการของแคว้นอี๋ที่นั่งอยู่ข้างเปียนมู่หยูลุกขึ้นยืนในทันใด เขาชี้นิ้วไปทางฟู่เสี่ยวกวนพร้อมด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยว “ข้า… ข้ามิเคยพบขุนนางไร้ยางอายเยี่ยงเจ้ามาก่อน ! ”
เขาใช้มือตบลงกับโต๊ะเสียงดังตึง “นี่คือการเจรจา ! เจรจาอย่างเป็นทางการระหว่างสองแคว้น เจ้าเป็นเพียงแค่เด็กที่มิรู้ระเบียบ พวกเราต้องการเข้าเฝ้าฮ่องเต้เพื่อถอดถอนตำแหน่งทูตเจรจาของเจ้าเสีย”
ฟู่เสี่ยวกวนเหลือบตามองไปทางอีกฝ่ายอย่างช้า ๆ ขมวดคิ้วแล้วเบะปากเล็กน้อย “อายุอานามของท่านก็ดูมิน้อยแล้ว น่าเสียดาย… มีชีวิตเยี่ยงสุนัขที่เอาแต่เห่าหอนเช่นนี้”
“เจ้ากล้ามากที่ทำให้ข้าต้องอับอาย ตัวข้าฆ่าได้แต่หยามมิได้ ชื่อเสียงของเจ้ามันจอมปลอม ผู้มีพรสวรรค์ชื่อเสียงเกรียงไกรแต่มิรู้จักมารยาท หลังจากนี้ ข้าจะกราบทูลต่อฝ่าบาทเป็นแน่ วันรุ่งขึ้น…”
ทันใดนั้น ฟู่เสี่ยวกวนก็หยิบมู่โต่วออกมาจากในแขนเสื้อ กดลำกล้องไปทางคอของชื่อหลางกรมพิธีการผู้นั้น
กรวยด้ายพุ่งออกไปในทันที แทงทะลุลำคอไปตรง ๆ ดวงตาของชื่อหลางกรมพิธีการผู้นั้นเบิกโพลงอย่างตื่นตกใจ หนึ่งมือกุมลำคอ อีกหนึ่งมือชี้ไปทางฟู่เสี่ยวกวน “เจ้า เจ้า… ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนกระตุกกรวยด้ายออกมา หมุนวงล้อช้า ๆ กรวยด้ายถูกลากไปจนเกิดเป็นสายโลหิตสีสดบนโต๊ะ
ชื่อหลางกรมพิธีการผู้นั้นล้มลงกับพื้นเสียงดังตึง นอนตายตาไม่หลับอยู่อย่างนั้น
ขุนนางของแคว้นอี๋รวมไปถึงเยียนเหลียงเจ๋อต่างก็ลุกพรวดขึ้นทันใด จดจ้องไปยังศพบนพื้นชนิดที่ไม่อยากเชื่อสายตา หลังจากนั้นจึงหันไปมองฟู่เสี่ยวกวน
เหล่าขุนนางของราชวงศ์หยูเองก็ตกตะลึงขึ้นมาเช่นกัน ให้ตายเถิด ! นี่คือการเจรจา คาดมิถึงว่าฟู่เสี่ยวกวนจะลงมือสังหารคน
แล้วจะเจรจาเยี่ยงไรต่อไป ?
เป็นไปได้หรือไม่ ที่เขาจะกล้าก่อสงครามขึ้นมาอีกครา ?
แต่ก็มิมีผู้ใดกล้าเอ่ยออกมาแม้แต่คำเดียว เพราะฟู่เสี่ยวกวนได้เอ่ยเตือนพวกเขาเอาไว้แล้ว
ในยามนี้ เยียนเหลียงเจ๋อคิดไปต่าง ๆ นา ๆ บทสรุปสุดท้ายคือฟู่เสี่ยวกวนต้องการก่อกวน ทำให้การเจรจานี้สิ้นสุดลง ณ ตรงนี้
ซึ่งหาใช่บทสรุปที่คาดคิดเอาไว้ ดังนั้น เขาจึงเอ่ยถามอย่างใจเย็น “ต่อให้มือของข้าไปแตะท่านเข้าจริง ๆ ความผิดก็คงมิถึงตาย ใต้เท้าเสี่ยวกวนควรอธิบายมิใช่หรือ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนยังคงเล่นกับมู่โต่วในมือแล้วหัวเราะร่า “อุบัติเหตุ อุบัติเหตุ ทุกท่านเชิญนั่งลงเถิด แน่นอนว่าหากพวกท่านมิยินยอมเจรจา ก็สามารถนำศพกลับไปได้เลย ข้ามิลำบากใจเลยแม้แต่น้อย”
ขุนนางของแคว้นอี๋ได้รับความอับอายเป็นอย่างมาก พวกเขาต่างก็หันไปมององค์รัชทายาทด้วยกันทั้งสิ้น ทว่าองค์รัชทายาทกลับนั่งลงอย่างเชื่องช้า
สองมือของเปียนมู่หยูส่งสัญญาณ ทุกคนจึงนั่งตาม
“ถูกต้องแล้ว ในเมื่อต้องการเจรจาก็ควรเจรจากันดี ๆ ลูกน้องของท่านผู้นี้ใช้มิได้ เขามิต้องการเจรจาโดยดี ต้องการยุติการเจรจาครานี้ ข้าจึงลงมือโดยมิได้ตั้งใจ เพื่อแก้ปัญหาให้ท่านเยียนด้วย”
ภายในใจของเยียนเหลียงเจ๋อกำลังกระอักเลือด !
ชายชาตรีแก้แค้นสิบปีก็ยังมิสาย !
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก “คนท่านก็สังหารไปแล้ว จากนี้ก็เจรจากันแต่โดยดีเถิด”
ช่าวชิงหงหลูซื่อนำแผนที่ของแคว้นอี๋ออกมา ฟู่เสี่ยวกวนวางแผนที่ลงบนโต๊ะ จดจ้องอย่างตั้งใจอยู่ราวครึ่งก้านธูป คิ้วพลันขมวดมุ่น “แม่ทัพใหญ่ของกองทัพชายแดนตะวันออกผู้นี้ใช้มิได้เลย ข้ามอบปืนใหญ่หงอีให้จำนวนมาก คาดมิถึงว่าในวันนี้เพิ่งจะเดินทางถึงด่านจินหยาง…”
เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปทางเยียนเหลียงเจ๋อ ซึ่งในยามนี้กำลังกังวลใจอย่างถึงที่สุด
“สงครามเป็นเรื่องที่ยากลำบาก โดยเฉพาะกองทัพของข้าต้องเดินทางไกลเป็นอย่างมาก เมื่อองค์รัชทายาทยังคงประทับอยู่ ณ ที่แห่งนี้เพื่อเจรจาเรื่องชดใช้อย่างจริงใจ สงครามครานี้ แคว้นอี๋ต้องชดใช้เงินจำนวน 180 ล้านตำลึงให้แก่ราชวงศ์หยู ! ”
ทันทีที่ฟู่เสี่ยวกวนกล่าวเช่นนี้ ทุกคนแม้แต่ขุนนางของราชวงศ์หยูก็แทบจะหยุดหายใจ… ให้ตายเถอะ นี่คือคนโลภอย่างแท้จริง !
ฟู่เสี่ยวกวนเก่งเรื่องการค้า หรือนี่จะเป็นการถามเอาเงินอย่างไร้ขอบเขตแล้วนั่งรอกำไรอยู่กันแน่ ?
ดวงตาของเยียนเหลียงเจ๋อเปี่ยมไปด้วยโทสะ ในตอนที่กำลังจะเอ่ยปาก ฟู่เสี่ยวกวนกลับยกมือขึ้น “ช้าก่อน ! ข้ามิมีเวลามาต่อรองกับพวกท่าน ! ”
มิให้ต่อรองด้วยเยี่ยงนั้นหรือ ?
มารดาเจ้าเถิด ! นี่เรียกว่าการเจรจาได้ที่ไหนกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นการตัดสินใจจากฝ่ายเดียว !
“ท่านเยียน ท่านต้องฟังให้ดีเสียก่อน เงินชดเชยก้อนนี้สำหรับชดใช้ในสิ่งที่เกิดจากความก้าวร้าวของพวกท่าน ทำให้ทหารของราชวงศ์หยูต้องล้มตายไปจำนวนมาก ตอนนี้ท่านจงฟังให้ดีอีกครา…”
ฟู่เสี่ยวกวนหยิบดินสอหนึ่งด้ามออกมาจากแขนเสื้อ แล้ววาดลงบนแผนที่ “ตามเส้นนี้ จากว่อเฟิงหยวนไปทางตะวันตกไล่จนถึงเทือกเขาฉางหลิงต้องเป็นของราชวงศ์หยูทั้งหมด”
เปียนมู่หยูลุกขึ้นทันที “มิมีทาง ! ”
ว่อเฟิงหยวนตั้งอยู่ทางตะวันตก หมายความว่าแคว้นอี๋จะเสียดินแดนไปถึงหนึ่งในสามส่วน และว่อเฟิงหยวนก็เป็นยุ้งฉางที่ใหญ่ที่สุดของแคว้น หากเสียพื้นที่ราบตรงนี้ไป เสบียงอาหารของแคว้นอี๋ในภายภาคหน้าย่อมมีปัญหาเป็นแน่
เยี่ยงไรก็มิมีทางยอมรับได้
ฟู่เสี่ยวกวนวางดินสอลง เสียงดินสอกระทบโต๊ะดังกึก ทั้งยังกระเด้งกระดอนขึ้นมาอีกสองครา
“ข้ามิได้ต่อรองราคากับพวกท่าน การทำธุรกิจคือการกำหนดราคาด้วยตนเอง ตามกลไกตลาดแล้ว พวกท่านสามารถปฏิเสธราคาของข้าได้ แต่ข้าขอกล่าวกับพวกท่านอีกครา ในทันทีที่ข้าก้าวเท้าออกจากประตูห้องนี้ไป ต่อให้พวกท่านส่งทองคำไปที่จวนฟู่นับล้านตำลึง ก็จะมิมีการเจรจาคราที่สองตามมาอีก”
“ส่วนพวกท่านจะอยู่หรือไป ข้ามิขอยุ่ง ตอนนี้ให้เวลาพวกท่านทบทวนสิบอึดใจ เพราะข้านั้นยุ่งเป็นอย่างมาก ทั้งยังต้องกลับไปเล่นไพ่นกกระจอกกับเหล่าภรรยาอีกด้วย”
“เริ่มนับเวลาได้ ! ”
เยียนเหลียงเจ๋อและเปียนมู่หยูสบตากัน เงื่อนไขสองข้อนี้สาหัสเกินกว่าที่จะรับเอาไว้ได้ หากลงนามในสัญญา หลังจากกลับแคว้นจะอธิบายต่อฝ่าบาทว่าเยี่ยงไร ?
แต่หากมิเห็นด้วย เมื่อกลับไปก็ไร้หนทางจะอธิบายต่อฝ่าบาทเช่นกัน และกองทัพชายแดนตะวันออกของศัตรูก็ได้ไปถึงด่านจินหยางแล้วอย่างแท้จริง กำลังรบของราชวงศ์หยูในตอนนี้ มีปืนใหญ่หงอี 500 กระบอกเป็นอาวุธ การยึดด่านจินหยางมิช้าก็เร็วย่อมต้องเกิดขึ้น
“นับถึงสาม”
ฟู่เสี่ยวกวนลุกขึ้นและก้าวไปทางประตู บรรยากาศ ณ ที่แห่งนี้จึงหนักอึ้งขึ้นกว่าเดิมมากโข
“สาม ! ”
ลมหายใจของขุนนางแห่งราชวงศ์หยูติดอยู่ในลำคอ กังวลว่าการเจรจาครานี้จะล้มเหลว แต่ในสมองของเหล่าขุนนางแคว้นอี๋กลับว่างเปล่า… ทุกสิ่งที่เตรียมมาถึงยามนี้กลับไร้ความหมาย พวกเขาเหมือนแกะกำลังจะถูกเชือด
เขาเดินไปทางประตูอีกหนึ่งก้าว
“สอง ! ”
แรงกดดันมหาศาลพุ่งมาทางเยียนเหลียงเจ๋อราวกับคลื่นนับหมื่นได้ถาโถมเข้าใส่ อีกทั้งยังทำลายความมั่นคงของเยียนเหลียงเจ๋อและพรรคพวกอย่างไร้ความปรานี