Parallel World Pharmacy – ร้านขายยาต่างโลก – ตอนที่ 84

ตอนที่ 84 เต้านมอักเสบและคลาสเรียนของบลานช์

 

“ลอตเต้อันนี้ฉันยกให้”

 

“เอ๊ะ! ท่านบลานช์ไม่อยากทานแล้วเหรอคะ”

 

วันหนึ่งที่ห้องส่วนตัวของบลานช์ซึ่งอยู่ภายในคฤหาสน์ตระกูลเดอ เมดิซิสลอตเต้และบลานช์กำลังพูดคุยกันอยู่โดยมีลอตเต้ที่ทำตาเป็นประกายด้วยความดีใจที่ได้รับเค้กมาหนึ่งชิ้น

“คุณหนูเป็นอะไรไปเหรอคะหรือท้องไส้รู้สึกไม่ค่อยดีคะ”

 

“ไม่ใช่หรอกแค่รู้สึกว่ากลืนเค้กไม่ค่อยลงเลยน่ะ”

 

“ฉันว่านั่นปัญหาใหญ่เลยนะคะ”

 

ลอตเต้ถามบลานช์ที่แสดงความหงุดหงิดออกมาอย่างเป็นกังวลแต่ก็ไม่ลืมที่จะรีบยัดเค้กเข้าไปอย่างรวดเร็วเผื่อบลานช์เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาและเพราะค่าเค้กนี้เธอเลยต้องพยายามแก้ปัญหาให้กับเจ้านายของเธอด้วย

 

“ฉันรู้สึกว่าพวกท่านพี่ยุ่งกันไปหมดเลยพวกเขาไม่เห็นจะมาเล่นกับฉันสักครั้งจะชมฉันบ้างก็ไม่มี”

 

บลานช์งอนจนแก้มป่องก่อนจะบอกลอตเต้ถึงความกังวลใจเล็กๆ ของเธอ

 

“จะทำยังไงให้ท่านพ่อกับท่านแม่ชมฉันบ้างนะ”

 

“นั่นสินะคะหากเป็นคุณท่านฉันว่าน่าจะยากสักหน่อยแต่หากเป็นคุณนายน่าจะไหวนะคะ”

 

“ฉันว่าคงจะโดนดุแล้วไล่ให้ไปเรียนมากกว่านี่สิ”

 

จริงๆ ลอตเต้ก็คิดแบบนั้นแต่จะให้เธอพูดออกไปตรงๆ ก็กลัวบลานช์จะงอนเธอเข้า

 

“งั้นลองไปถามท่านฟาร์มาไม่ก็ท่านปาลเล่ดูไหมคะ”

 

“ไม่เอาหรอก พวกท่านพี่ไม่เข้าใจหรอกว่าฉันรู้สึกยังไง เธอเข้าใจที่ฉันจะบอกสินะลอตเต้”

 

ลอตเต้ส่งเอียงอืมออกมา ก่อนจะยกนิ้วชี้ขึ้นแล้วพูดความคิดของเธอ

 

“คือว่า ฉันก็ไม่ค่อยรู้สึกอยากได้รับคำชมเชยอะไรมากขนาดนี้มาก่อน…ก็อาจจะไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของคุณหนูนะคะ…”

 

ลอตเต้แสดงความเห็นของเธอออกมาก่อนยิ้มให้กับบลานช์โดยไม่ตัดสินบลานช์ว่าเป็นเช่นไรตามหน้าที่ของข้ารับใช้

 

หากเธอมองขึ้นไปก็จะไม่เห็นจุดสิ้นสุด แต่ถ้าเธอมาลงมาข้างล่างเธอก็จะเห็นลอตเต้อยู่ตรงนั้น

 

(สำนวน : ถ้าเอาตัวเองไปเทียบกับคนที่เก่งกว่าก็เจอไม่จบไม่สิ้น และถ้ามองลงไปดูคนที่แย่กว่าเราก็มีถมไป)

 

บลานช์ที่พอจะเข้าใจที่ลอตเต้อยากจะสื่อ แต่เธอก็อดจะแสดงความรู้สึกแบบเด็กๆ ออกมาไม่ได้

 

 

“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันอยากได้ยินสักหน่อย”

 

“แน่นอนค่ะว่าท่านปาลเล่กับท่านฟาร์มานั้นสมบูรณ์แบบกันมาก แต่ถ้าหากท่านลองฝึกฝนศาสตร์แห่งเทพให้ชำนาญกว่านี้ฉันว่าสุดท้ายก็น่าจะได้รับคำชมเหมือนกันนะคะ”

 

 

“ฉันก็เรียนศาสตร์แห่งเทพมาพักหนึ่งแล้วนะ แต่ตอนนี้ไม่เห็นจะได้เรียนเรื่องใหม่ๆ เพิ่มเลย”

 

บลานช์วางคางไว้บนโต๊ะแล้วถอนหายใจ

 

 

“ก็ท่านยังอายุ 7 ขวบเองนะคะ ดังนั้นก็คงจะได้เรียนอะไรใหม่ๆ เพิ่มหากอายุมากกว่านี้…”

 

 

“ขนาดท่านพี่ยังได้เรียนศาสตร์แพทย์โอสถตอน 7 ขวบเลยนะ”

 

อันที่จริง บรูโนนั้นก็บอกให้บลานช์ฝึกฝนศาสตร์แห่งเทพบ้างแล้ว แต่ก็ไม่ได้บังคับให้ศึกษาอะไรอย่างจริงจังนัก คลาสเรียนอื่นก็มีเพียงแค่ การอ่าน การเขียน คณิตศาสตร์ จากเบียทริชแม่ของเธอ แถมยังไม่มีอาจารย์พิเศษที่จะมาสอนเธอในเรื่องศาสตร์ของแพทย์โอสถเลยด้วย

 

“’งั้นลองไปถามคุณท่านกันดูไหมคะ”

 

“นั่นสินะ”

 

ว่าแล้วบลานช์ก็ไปรอบรูโนกลับมาจากมหาวิทยาลัยและตามเขาไปที่ห้องทำงานของเขา

 

ลอตเต้เดินส่งบลานช์ถึงที่ประตูห้อง บรูโนถอดเสื้อโค้ตของเขาเมื่อเข้าไปในห้อง ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ และเริ่มกางเอกสารออกมาดู โดยมีเหล่าผู้ช่วยคอยช่วยเหลือ เขายังคงเป็นพ่อที่ดูน่านับถือเช่นเดิม

 

 

“บลานช์ เจ้ามายืนทำอะไรตรงนั้นน่ะ”

 

บรูโนถามบลานช์ขณะที่ยุ่งอยู่กับงานเอกสาร

 

 

“คือว่า…หนูจะได้เป็นแพทย์โอสถหรือเปล่าคะ”

 

 

บรูโนที่มือยังไม่หยุดทำงาน ก็รับฟังคำพูดของเธอด้วยอาการคิ้วกระตุก

 

“ทำไมเจ้าถามแบบนี้กันล่ะ ตระกูลของเราก็เป็นแพทย์โอสถกันทุกคน แล้วมันจะมีอะไรอีกนอกจากแพทย์โอสถล่ะ”

 

เขาแค่บอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะเป็นแพทย์โอสถ

 

 

“แต่หนูยังไม่มีอาจารย์สอนศาสตร์แพทย์โอสถเหมือนพวกท่านพี่เลยนะคะ”

 

“โฮ้ นั่นสินะ เจ้าก็อายุขนาดนี้แล้วด้วย งั้นเดี๋ยวพ่อจะสั่งให้เอเลโอนอร์มาเป็นครูสอนพิเศษให้กับเจ้าก็แล้วกัน เตรียมตัวไว้เสียล่ะ”

 

นี่เป็นนโยบายทางการศึกษาของตระกูลเดอ เมดิซิส ที่จะสร้างแพทย์โอสถขึ้นมาด้วยการมีผู้สอนส่วนตัวไม่ก็ไปลงทะเบียนเรียนที่มหาวิทยาลัย ถึงแบบหลังเขาจะไม่ชอบเท่าใดนัก แต่หลังจากผ่านไปสักพักเขาก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับของบลานช์ บรูโนจึงเงยหน้าขึ้นมามองเธอด้วยความหงุดหงิด

 

“หรือเจ้าไม่พอใจกับการที่ต้องเป็นแพทย์โอสถกัน หรือว่าเจ้าจะไม่พอใจที่เอเลโอนอร์เป็นคนสอน นางเป็นแพทย์โอสถมากฝีมือที่มีจำนวนเพียงหยิบมือในจักรวรรดิของเราเลยนะ”

 

 

“ไม่ใช่แบบนั้น-“

 

“แล้วท่าทางที่เจ้าปฏิบัติต่อพ่อแม่ของตัวเองนี่มันอะไรกัน?! หากเจ้ามีอะไรที่ต้องการจะทำจริงๆ ก็อย่ามามัวลังเลแล้วไปให้สุดเสีย เพราะเทพผู้พิทักษ์ของเจ้าเป็นเทพวารีด้วย ดังนั้นแพทย์โอสถจึงไม่ใช่ทางเลือกเดียวที่เจ้าจำเป็นต้องเดิน ไหนๆ ก็พูดแล้วตัวเจ้าน่ะ ไม่ใช่เด็กที่ขยัน แถมยังสะเพร่าอยู่บ่อยๆ ไม่ค่อยจะยอมรับความผิดพลาดที่ตัวเองก่อ มารยาทก็ไม่ได้เรื่อง ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังไม่ฝักใฝ่ในการเรียนด้วย จะให้พูดก็คือเจ้าไม่เหมาะสมที่จะเป็นแพทย์โอสถยังไงล่ะ”

 

บรูโนเริ่มต่อว่าบลานช์ต่อหน้าเหล่าผู้ช่วย จนพวกเขาตกใจแล้วแสร้งทำเป็นจดจ่ออยู่กับงานและพยายามไม่สนใจเรื่องรอบข้าง บลานช์ที่ได้ยินเช่นนั้นก็น้ำตานองออกมา

 

“หมายความว่าหนูไม่จำเป็นต้องเป็นแพทย์โอสถเหรอคะ?”

 

“ตามที่พ่อพูด แพทย์โอสถนั้นเป็นงานที่ผู้คนต้องฝากชีวิตไว้ คนที่เตรียมใจ-“

 

บลานช์วิ่งร้องไห้ออกจากห้องไป โดยที่บรูโนยังพูดไม่จบ

 

“ท่านพ่อบอกฉันว่าไม่ต้องเป็นแพทย์โอสถก็ได้ เรื่องนั้นฉันก็พอเข้าใจอยู่หรอกนะ แต่มีเรื่องอื่นที่น่าโมโหกว่านี่สิ”

 

“เอ๊ะ!? จริงเหรอคะ!?”

 

ลอตเต้ยืนต้องรับบลานช์ที่กลับห้องมาด้วยสภาพน้ำตาคลอเบ้า เธอไม่สามารถตอบโต้การต่อว่าที่รุนแรงของบรูโนได้ ชื่อเสียงของบรูโนในฐานะแพทย์โอสถนั้นถือว่าโด่งดังมาก ทางด้านฟาร์มาและปาลเล่ก็ไม่แพ้กัน กลับกันบลานช์เป็นเพียงเดียวที่ถูกดุและต่อว่าโดยไม่มีการให้กำลังใจใดๆ เลย

 

“แบบนี้มันหมายความว่ายังไงกันแน่นะคะ แต่ในอีกมุมหนึ่งอาจจะไม่ใช่เรื่องไม่ดีก็ได้นะคะ”

 

“ฉ-ฉันไม่รู้ด้วยแล้ว….เธอคิดว่ายังไงบ้างล่ะ?”

 

บลานช์รู้สึกหดหู่ใจเพราะลอตเต้เหมือนจะพูดสิ่งที่เธอไม่อยากฟังนัก

 

ลอตเต้ก็ได้แต่ปลอบใจบลานช์ที่กำลังกุมตัวของตัวเองหลังจากถูกต่อว่ามาอย่างความหมดแรง ก่อนเธอจะจับชายเสื้อของลอตเต้เหมือนพยายามข่มอารมณ์ตัวเองไว้

 

 

“แล้วท่านอยากจะเป็นแพทย์โอสถไหมคะ?”

 

“…ก็อยากหรอก แถมถ้าไม่เป็นแพทย์โอสถแล้วจะมีอะไรให้ฉันทำอีกล่ะ”

 

 

“ก็คงต้องหาความถนัดที่ผู้หญิงมักทำกัน….”

 

ลอตเต้นำทางบลานช์ไปที่ห้องอาหารก่อนจะนำชามาให้เธอดื่ม จากนั้นก็นำหนังสือที่อยู่ภายในห้องของฟาร์มามาวางตรงหน้าของบลานช์แล้วเปิดอ่าน

 

ตั้งแต่ที่ลอตเต้ได้รับอนุญาตจากฟาร์มาให้เธอสามารถเอาหนังสือจากห้องเขามาอ่านได้อย่างอิสระ การอ่านของเธอก็ค่อยๆ ดีขึ้นทีละเล็กทีละน้อย

 

สิ่งที่เธอหยิบมานั้นคือหนังสือที่เกี่ยวข้องกับความถนัดและสายอาชีพที่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพธาตุต่างๆ

 

 

“นี่คืออะไรเหรอ?”

 

ลอตเต้อธิบายเนื้อหาภายในนั้นให้บลานช์ฟังขณะที่เธอรินชาใส่ในถ้วย

 

 

“มันเกี่ยวกับความถนัดทางอาชีพของผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพที่เป็นสตรีและมีเทพผู้พิทักษ์เป็นเทพวารี ก็มีทั้งแพทย์ แพทย์โอสถ ศิลปิน นักดนตรี นักกวี ฯลฯ ดูเหมือนจะเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการรักษาผู้คนหมดเลยนะคะ ~ ดูนี่สิคะมีเยอะแยะเลย.. เอ๋?! คุณหนูคะ?”

 

ผู้ที่มีเทพผู้พิทักษ์เป็นเทพวารีนั้นจะมีความสามารถในการประกอบอาชีพหลากหลายระดับหนึ่ง เพราะพวกเขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรเฉพาะเจาะจง อิสระในการทำงานก็สูง ไม่เหมือนกับฟาร์มาและปาลเล่ที่มีเทพผู้พิทักษ์เป็นเทพโอสถซึ่งหาได้ยาก ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นต้องศึกษาศาสตร์แห่งแพทย์โอสถอย่างเลี่ยงไม่ได้ คล็อดที่มีเทพผู้พิทักษ์เป็นเทพโอสถก็เบนมาสายนี้เช่นเดียวกัน

 

“คือ ฉันไม่เคยทำอะไรพวกนี้มาก่อนเลยนะ ก็เลยไม่รู้ว่าอันไหนจะเหมาะกับฉันจนรู้สึกกังวลไปหมดแล้ว”

 

ลอตเต้ที่นึกบางอย่างขึ้นได้ก็ปรบมือขึ้นมา

 

“จริงสิคะ ถ้างั้นลองไปให้ท่านคลาร่าทำนายดวงชะตาให้เอาไหมคะ เพราะท่านคลาร่าสามารถมองเห็นอนาคตได้ด้วย! บางทีเธออาจจะรู้ความถนัดของคุณหนูก็ได้นะคะ”

 

 

“เอาสิ ฉันอยากไป!”

 

และในวันนั้นเองบลานช์ก็ส่งสารไปหาคลาร่าเพื่อนัดหมาย

 

นอกจากบลานช์และลอตเต้ที่มาเป็นเพื่อนแล้ว เหมือนยังมีผู้ที่มาเยี่ยมชมคฤหาสน์ที่คลาร่าอาศัยอยู่อีกเลยคนก่อนหน้านี้

 

โดยคฤหาสน์ของโคลเอ้ที่คลาร่าอาศัยอยู่นั้นหากจากคฤหาสน์เดอ เมดิซิสโดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที

 

 

“ยินดีต้อนรับ……”

 

พอเธอไปถึงคฤหาสน์ คลาร่าก็ถูกจับมาให้ต้อนรับแขกที่ทางเข้าด้วยสภาพที่เหมือนปลาขาดน้ำ

 

 

คลาร่าบอกว่าเธอทำงานหนักเกินไปเพราะวันนี้เธอมีนัดกับฌองจึงอยากอยู่โหมดขี้เกียจตอนบ่าย แต่เมื่อเธอได้ยินว่าบลานช์ น้องสาวของฟาร์มากำลังมา เธอก็ตอบรับคำขอทันที

 

“เอ๋? อยากให้ฉันบอกอนาคตเหรอ? ก็ได้นะ…มาเริ่มกันเลยดีกว่า”

 

 

ภายในห้องสีดำสนิทที่เรียกว่าห้องทำสมาธิ ซึ่งมีเทียนถูกจุดไว้รอบห้อง คลาร่าเริ่มเต้นรำขณะนั่งสมาธิอยู่บนแท่นบูชาที่น่าสงสัยซึ่งมีการวาดวงคาถาเอาไว้ หากเป็นเพียงไม่กี่เดือนข้างหน้าจะดูด้วยวิธีการปกติก็ได้ แต่หากมันเป็นอนาคตอันไกลโพ้น ดูเหมือนว่าจะต้องมีพิธีกรรมพิเศษสักหน่อย

“ย๊า! ฮู๊ว! ย๊า! ฮู๊ว! อิคู้ว! ยู อ๊าๆๆ “

 

เธอเริ่มส่งเสียงแปลกๆ ออกมา เห็นได้ชัดว่าความสามารถในการประกอบพิธีกรรมของเธอนั้นมีศาสตร์แห่งการเต้นรำเข้ามาด้วย

 

“ดูเหมือนการเต้นของท่านพ่อจะแตกต่างออกไปจากท่านคลาร่านิดหน่อยนะ”

 

บลานช์แอบบอกลอตเต้

 

การเต้นรำและย่างก้าวอันเบาบางของเธอนั้นช่างเต็มเปี่ยมไปด้วยสน่ห์ ถึงแม้คลาร่าจะส่งเสียงแปลกๆ ออกมาที่ทำให้รู้สึกอันตรายอย่างบอกไม่ถูก แต่มันก็มีความงดงามของศาสตร์แห่งเทพซ่อนอยู่ภายในนั้น

 

“ฮะ ฮู้ ฮิ ฮู้ว…!”

 

 

หลังจากเต้นไปสักพัก คลาร่าก็ล้มลงต่อหน้าบลานช์และลอตเต้

 

ดูเหมือนว่าวิญญาณเธอจะออกจากร่างได้เลย

 

ลอตเต้ที่เขาไปตรวจสอบการหายใจของคลาร่าโดยไม่ตั้งใจก็พบว่า ลมหายใจของเธอเหมือนจะรวยรินได้ทุกเมื่อเลย

 

 

“สบายดีหรือเปล่าคะ ท่านคลาร่า”

 

 

“อึก พอดีพลังแห่งเทพหมดน่ะ..ฉันจะมองไม่เห็นอนาคตของคุณหนูบลานช์ชัดเจนนัก….แม้จะพยายามเต็มที่แล้วแต่ว่า….ฮ่ะๆ ก็เรียกว่าทุ่มสุดตัวเลย ถึงพอจะเห็นบ้างนิดหน่อย”

 

 

“สมแล้วค่ะ..น่าทึ่งมากเลย!”

 

ลอตเต้กำหมัดแน่นด้วยความดีใจ ถึงการใช้พลังแห่งเทพจนหมดตัวจะเป็นเรื่องน่าละอาย แต่ลอตเต้ก็ไม่เคยทราบเรื่องอะไรแบบนี้มาก่อน เพราะเธอที่ใช้ชีวิตกับฟาร์มาไม่เคยเห็นตัวเขาใช้พลังแห่งเทพจนหมดตัวเลย หรือจะบลานช์ที่ไม่ได้ใช้ศาสตร์แห่งเทพอะไรหนักหนาขนาดนั้นเช่นกัน

 

ถึงบางครั้งเธอจำเป็นจะต้องมาดูแลปาลเล่ที่พลังแห่งเทพหมดตัวจนหมดสติหลังการฝึกบ้างก็ตาม

 

 

“คุณหนูคะ! คุณหนูคลาร่าคะ! ดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้หน่อยสิคะ!”

 

สาวใช้ของคลาร่ารีบพลิกตัวของเธอที่กำลังนอนราบแน่นิ่งกับพื้นขึ้น สภาพดวงตาของเธอกลอกไปมา และพอสาวใช้วัดพลังแห่งเทพของเธอด้วยมาตราวัด ก็พบว่าพลังมันเหือดหายไปเยอะมาก

 

“คุณหนูคะ ไม่รู้หรือไงคะว่าพลังแห่งเทพของคุณหนูก็มีน้อยแต่แรกอยู่แล้ว แถมคุณหนูยังไม่คุ้นกับการใช้พลังดีเลยด้วย…นี่จะฝืนตัวเองเกินไปแล้วนะคะ!”

 

สาวใช้เตือนคลาร่าว่าเธอพึ่งจะเปิดชีพจรแห่งเทพได้ไม่นานนี้เอง ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถความคุมปริมาณของพลังที่ใช้ได้ดีนัก

 

“เหมือนท่านกำลังเจ็บปวดมากเลยนะคะ เดี๋ยวฉันไปแจ้งให้ท่านฟาร์มาทราบดีไหมคะ”

 

ลอตเต้อดไม่ได้ที่จะถามคลาร่า ที่อยู่ในสภาพสั่นไปทั้งตัว

 

คลาร่าพยายามกลั้นใจแล้วพูด

 

“ไม่เป็นไร แค่ดูเหมือนหนทางการที่จะใช้ตาทิพย์มองอนาคตไกลๆ จะยังอีกนานเลย….ก็แค่ใช้พลังแห่งเทพมากเกินไปเท่านั้นเอง ถ้าได้ไปนอนสักหน่อย….สองวัน…น่าจะดี”

 

 

“เอ๋ สองวันเลยเหรอคะ…?! แต่ยังไงก็ขอบพระคุณมากนะคะ”

 

 

“บางทีมันจะเป็นงานที่เกี่ยวกับยา…..ละมั้งนะ?”

 

แล้วเธอก็ทรุดลงหลังจากพูดคำนั้นจบ ทำให้ลอตเต้และบลานช์รีบหนีออกมาจากคฤหาสน์ของคลาร่าโดยเร็ว

 

 

“หรือว่างานที่เกี่ยวกับยาที่เธอว่ามันจะเป็นแพทย์โอสถกันนะ”

 

พอกลับมาถึงบ้านลอตเต้ก็ได้แต่เฝ้ามองบลานช์ด้วยสายตาที่อ่อนโยน ขณะที่เธอกำลังพยายามฟื้นฟูจิตใจตัวเองที่เต็มไปด้วยความกังวล

 

 

“ถ้างั้นคุณหนูก็น่าจะเป็นแพทย์โอสถหญิงอย่างท่านเอเลโอนอร์ได้แน่นอนค่ะ สุดไปเลยนะคะ!”

 

ลอตเต้ยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน

 

“งั้นวันนี้เรามาเล่นเป็นแพทย์โอสถเพื่อฝึกฝนกันดีกว่า! ฉันจะเป็นแพทย์โอสถเองส่วนลอตเต้เป็นลูกค้านะ!”

 

ลอตเต้หยิบเครื่องชั่งที่แขวนไว้ออกมาเพื่อตวงยาและวางไว้ตรงหน้าบลานช์

 

ด้วยเหตุผลบางอย่าง แม้มันจะเป็นแค่การละเล่นของเด็ก แต่ลอตเต้ก็แกล้งป่วยอย่างเป็นจริงเป็นจังแล้วนั่งลงตรงหน้าของบลานช์

 

“ฉันมีอาการปวดหัวและไอค่ะ ท่านแพทย์โอสถคะ ได้โปรดเตรียมยาให้ฉันด้วยเถอะค่ะ!”

 

“ได้สิ ฉันจะพยายามนะ!”

 

ขั้นแรกเธอได้ฝึกตวงน้ำหนักของแป้งที่ไปยืมมาจากห้องครัว

 

แม้ตอนแรกบลานช์จะลังเลที่จะเทแป้งลงในเครื่องชั่ง แต่พอผ่านไปสักพักเธอก็สามารถตวงมันได้อย่างราบรื่น

 

 

 

“ถ้าทำได้ขนาดนี้ ฉันว่าฉันน่าจะช่วยงานร้านขายยาได้นะ”

 

ไม่รู้ว่าบลานช์ประมาทไปหน่อยหรือเปล่า เพราะขณะที่เธอกำลังพูดอย่างภูมิใจมือของเธอก็ดันลื่นแล้วทำช้อนตวงหล่นไปโดนผงแป้งที่อยู่บนตาชั่ง ทำให้แป้งฟุ้งจนเข้าไปในจมูกของบลานช์…

 

“ฮัดชิ้ว!”

 

แป้งที่ฟุ้งออกมานั้นทำให้บลานช์จามออกมา ใบหน้าของเธอตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีขาวไปหมดแล้ว ก่อนที่เธอจะร้องไห้ออกมา ทางด้านลอตเต้ก็เช่นกันตอนนี้เธอเหลือเพียงแค่บริเวณดวงตาที่กะพริบไปมาเท่านั้นที่ยังไม่ขาวไปด้วย

 

 

“ลองดูกันอีกรอบไหมคะคุณหนู”

 

 

“ไม่ไหว ดูเหมือนแพทย์โอสถจะไม่เหมาะกับฉันจริงๆ ด้วย”

 

บลานช์ยอมแพ้อย่างรวดเร็ว

 

 

“ฉันไม่คิดว่ามันไม่เหมาะกับคุณหนูหรอกนะคะ แต่….คุณหนูอาจจะต้องฝึกฝนมากกว่านี้ มาพยายามกันใหม่เถอะค่ะ!”

 

ในขณะที่ลอตเต้กำลังปลอบบลานช์อยู่ ปาลเล่ที่เหมือนจะฝึกพิเศษส่วนตัวเสร็จแล้วก็เข้าห้องมาด้วยท่าทางที่ประหลาดใจ

 

“นี่พวกเธอเป็นอะไรกันไปหมดเนี่ย? ตาชั่งที่ล้มลงนั่นด้วย พวกเธอไปทำอะไรกันมา?”

 

 

“ฉันกำลังเล่นเป็นแพทย์โอสถกับท่านบลานช์อยู่ค่ะ! เมื่อกี้กำลังฝึกตวงน้ำหนักกันค่ะ”

 

ลอตเต้อธิบายให้ปาลเล่ฟัง

 

“ห๊ะ? แพทย์โอสถ?”

 

ปาลเล่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ทำท่าเหมือนจะไม่เชื่อ บลานช์จึงได้พยายามอธิบายอย่างเขินอาย

 

 

“ค-คือ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ!”

 

“หากเธอมีเวลาทำอะไรแบบนั้น ให้พี่ช่วยฝึกศาสตร์แห่งเทพให้จะดีกว่าอีกนะ ระยะหลังมานี้เธอเหมือนจะหย่อนยานเกินไปหน่อยด้วย!”

 

“ไม่นะ ท่านพี่! ถ้าเป็นแบบนี้ให้ท่านพี่ฟาร์มาช่วยฝึกแทนจะดีกว่าอีก!”

 

บลานช์พยายามขัดขืน แต่ก็ถูกปาลเล่ออกไปด้วยใบหน้าที่ขาวใสจากแป้ง

 

“ขอให้โชคดีนะคะ”

 

ลอตเต้เช็ดหน้าและโบกมือลาบลานช์

 

“ไม่มั่นใจว่าจะเป็นแพทย์โอสถได้งั้นเหรอ?”

 

ฟาร์มาที่กลับมาจากมหาวิทยาลัยได้นั่งฟังบลานช์ผู้อ่อนล้าซึ่งมาขอคำปรึกษากับเขา

 

สภาพของเธออิดโรยจากการถูกปาลเล่พาไปฝึกซ้อม

 

“คือ ท่านพ่อบอกกับหนูว่าหนูไม่เหมาะที่จะเป็น แถมหนูก็ไม่เก่งเรื่องยาด้วย เรื่องเรียนหนูก็ไม่ชอบ คำนวณก็มักพลาดบ่อยๆ ไม่เหมือนพวกท่านพี่…..”

 

 

“งั้นมีอะไรที่อยากทำหรือเปล่า”

 

“เอ่อ…แต่หนูก็คิดว่าคงทำได้ไม่ดีเท่าพวกท่านพี่หรอกค่ะ”

 

ฟาร์มาเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจก่อนจะลูบหัวของบลานช์

 

“งั้นลองไปดูเอเลนทำงานไหม พี่ว่าเธอน่าจะเห็นความแตกต่างระหว่างเรื่องที่เธอทำ กับเรื่องที่พี่และท่านพี่ทำนะ”

 

วันต่อมา ฟาร์มาตัดสินใจพาบลานช์ไปหาเอเลนที่คฤหาสน์

 

“บลานช์จังเหรอ? อืม ไม่น่าจะมีปัญหานะ วันนี้ฉันมีนัดกับมาดามเดอ ดิออนด้วย”

 

 

“ถ้าอย่างงั้นผมฝากเอเลนดูแลด้วยนะ”

 

ฟาร์มายกหน้าที่ดูแลบลานช์ให้เป็นของเอเลนโดยสมบูรณ์

 

 

“ท่านพี่ไม่ไปด้วยกันเหรอคะ?”

 

ไม่ใช่ว่าเธอรู้สึกไม่คุ้นเคยกับเอเลน เพียงแค่ว่าเธออยากจะให้ฟาร์มาตามไปด้วยเท่านั้นเอง

 

 

“พี่ไปด้วยไม่ได้หรอก เพราะมาดามไม่ได้เรียกตัวพี่นี่นา แถมเดี๋ยวเอเลนจะได้แสดงสิ่งที่ พวกพี่กับท่านพ่อทำไม่ได้ให้ดูด้วย”

 

 

“มีอะไรที่พวกท่านพ่อกับท่านพี่ทำไม่ได้ด้วยเหรอคะ”

 

“เอาเป็นว่ามีก็แล้วกันน่า รีบไปกันเถอะนะ บลานช์จัง”

 

เอเลนตอบคำถามของบลานช์ด้วยรอยยิ้ม เพราะดูเหมือนเธอจะคาดเดาเจตนาของฟาร์มาได้

 

 

“ค่ะ”

 

 

เอเลนให้บลานช์ขึ้นไปบนหลังม้า ก่อนจะเดินทางไปที่คฤหาสน์ของบารอน เดอ ดิออน ที่ตั้งอยู่ในแถบชานเมือง

 

 

“งั้นไปกันเลยเนอะ นี่เป็นครั้งแรกที่บลานช์จังออกมาตรวจอาการคนไข้ใช่ไหม”

 

 

“ค่ะ..เพราะไม่เคยมีใครพาหนูไปด้วยเลย?”

 

ทั้งฟาร์มา ปาลเล่ และคนอื่นๆ ก็ถูกบรูโนพาไปด้วยตั้งแต่ยังเด็ก ทั้งการเข้าเฝ้าจักรพรรดินีและลูกค้าประจำคนอื่นๆ เพื่อให้พวกเขาสะสมความรู้ในฐานะแพทย์โอสถ กลับกันบลานช์ไม่เคยได้รับโอกาสเช่นนั้นเลย

 

เนื่องจากการฝึกฝนเป็นแพทย์โอสถยังไม่ได้เริ่มต้นขึ้น จึงเป็นธรรมดาที่เธอจะไม่ได้ออกไปตรวจผู้ป่วยตามคฤหาสน์

 

เอเลนก็ทำได้เพียงปลอบใจบลานช์ที่รู้สึกหนักใจอยู่

 

“งั้นวันนี้ก็เป็นวันแรกของการฝึกฝนเป็นแพทย์โอสถสินะ บลานช์จังก็น่ารักอยู่แล้วด้วย น่าจะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีแน่นอน คอยดูฉันตอนที่ตรวจอาการคนไข้นะ”

 

“เริ่มรู้สึกประหม่าขึ้นมาแล้วสิคะ”

 

เอเลนลงจากหลังม้า ก่อนที่จะไปบอกกับคนเฝ้าประตู ไม่นานนักก็มีพ่อบ้านออกมาต้อนรับเธอ

 

 

“ยินดีต้อนรับครับ มาดามบอนฟัว แล้วเลดี้คนนี้ล่ะครับ?”

 

 

“เธอคือบลานช์ เดอ เมดิซิส”

 

พ่อบ้านตระกูลบารอนตอนสนองต่อผู้มาเยือนด้วยความรู้สึกสงสัย เพราะเขาไม่เคยเห็นเลดี้ที่งดงามเช่นนี้มาก่อน

 

 

“เธอเป็นบุตรสาวของตระกูลเดอ เมดิซิสน่ะ ฉันขอเข้าไปพบมาดามที่ห้องเลยได้ไหม”

 

 

“ตระกูลเดอ เมดิซิส….ตระกูลท่านแพทย์โอสถหลวงนี่เอง! เข้าใจแล้วครับ ชักคาดหวังแล้วสิครับที่จะได้เห็นท่านเติบโตในฐานะแพทย์โอสถผู้ยิ่งใหญ่ ตามมาทางนี้เลยครับ ท่านหญิงกำลังรออยู่”

 

ชื่อเสียงของตระกูลแพทย์โอสถหลวงนั้นเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางแม้ในหมู่ชนชั้นสูงที่ไม่ได้ใช้บริการร้านขายยาต่างโลก ทุกคนต่างอิจฉาผู้ที่เคยมีโอกาสได้พบกับบรูโนแพทย์โอสถหลวง เพราะพวกเขานั้นไม่ได้มีหน้าที่ในการรักษาชนชั้นสูงหรือสามัญชนธรรมดา หากต้องการจริงตระกูลเดอ เมดิซิสนั้นก็จะติดต่อแต่เพียงตระกูลที่มีสถานะต่ำกว่าตนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงไม่แปลกที่พ่อบ้านจะยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อนรับบลานช์

 

 

“ดูทุกคนจะรู้จักท่านพ่อกับท่านพี่กันหมดเลยนะคะ?”

 

ดูเหมือนว่าบลานช์จะตระหนักถึงอิทธิพลของตระกูลแกรนดยุกได้อีกครั้ง

 

“แน่นอนสิ คนเขารู้กันทั้งประเทศอยู่แล้ว เธอควรภูมิใจนะที่ได้เกิดมาเป็นบุตรสาวของชนชั้นสูงผู้ยิ่งใหญ่”

 

“ท่านพ่อและพี่ชายของหนูยอดเยี่ยมจริงๆ …”

 

 

มันเป็นความรู้สึกที่ซับซ้อนของบลานช์

 

มาดามที่เรียกเอเลนมานั้นกำลังนอนอยู่บนเตียงด้วยอาการไข้สูง

 

“โปรดช่วยฉันด้วยค่ะ ท่านบอนฟัว หน้าอกของฉันมันบวมขึ้นมา….จนเจ็บไปหมดแล้ว”

 

“ขออนุญาตนะคะ”

 

 

เอเลนคลำหน้าอกที่หนักอึ้งของมาดามและตรวจดูการไหลเวียนของพลังแห่งเทพ แล้วกลับมาสัมผัสหน้าอกที่แข็งกระด้างอีกครั้งก่อนจะพบว่ามีก้อนเนื้ออยู่ข้างใน

 

 

“ดูเหมือนจะมีอาการบวมจนแดงขึ้นมาด้วยนะคะ”

 

“อย่างงั้นเหรอคะ”

 

บลานช์ยืนอยู่ที่มุมห้องและเฝ้าดูสิ่งที่เอเลนกำลังทำ

 

 

“กรุณาเปิดหน้าอกของท่านให้ฉันดูหน่อยค่ะ เหมือนจะมีก้อนเนื้ออยู่ตรงนี้ ดังนั้นมันต้องเป็นโรคเต้านมอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อแน่นอนค่ะ”

 

 

เอเลนพบก้อนเนื้อที่หน้าอกของมาดามซึ่งเป็นสาเหตุของอาการ ก้อนเนื้อที่ตรวจไม่พบระหว่างการตรวจตามปกติครั้งก่อน และอาการไข้ มันเป็นสัญญาณของโรคเต้านมอักเสบนั่นเอง

 

 

เอเลนนำสมุดบันทึกที่มีเวชระเบียนของมาดามออกมาและจดบันทึกอาการของเธอ

 

เพื่อให้ฟาร์มายืนยันการรักษาและทำใบสั่งยาในภายหลัง

 

 

“ท่านมียาอะไรพอช่วยได้ไหมคะ”

 

มาดามปิดหน้าออกของเธอไปโดยไม่รู้ตัวก่อนจะถามด้วยความเจ็บปวด

 

 

“ยาที่ช่วยได้ก็มีอยู่ค่ะ แต่ขั้นแรกเราต้องมาดูกันก่อนว่าจะนำสิ่งที่อุดตันอยู่ภายในนั้นออกมาได้ไหมด้วยค่ะ”

 

อาการเต้านมอุดตัน หรือท่อน้ำนมอุดตันนั้น เป็นสาเหตุที่ทำการเกิดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ภายในต่อมน้ำนม ส่งผลทำให้เกิดอาการเต้านมอักเสบขึ้นมา และหากสามารถนำสิ่งที่อุดตันอยู่ภายในนั้นออกได้ ท่อน้ำนมก็จะเดินสะดวก อาการอักเสบดังกล่าวก็จะหายไป

 

เอเลนหยิบผ้าก๊อซออกมาและเติมน้ำในถังด้วยน้ำร้อนโดยใช้ศาสตร์แห่งเทพ ก่อนจะนำผ้าที่ชุบน้ำร้อนมาประคบที่บริเวณหน้าอก แล้วใช้นิ้วของเธอนวดบริเวณจุกหัวนมที่อุดตัน จากนั้นนวดต่อมน้ำนม (เต้านม) เพื่อบีบน้ำนมค้างอยู่ภายในออกมา

 

 

“โปรดทนสักครู่นะคะ”

 

เอเลนพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง แม้มาดามจะรู้สึกเจ็บปวดระหว่างนั้น แต่เอเลนก็ยังคงทำการรักษาต่อไป

 

 

ดูเหมือนว่าบลานช์จะจับตามองการทำงานของเอเลนอย่างแข็งขัน

 

หลังจากนั้นไม่นาน น้ำนมก็พุ่งออกมาโดนใส่ผ้าก๊อซ ต่อมน้ำนมของเธอตอนนี้เปิดออกแล้ว

 

และน้ำนมที่ออกมาในลักษณะของน้ำหนองนั้นย่อมมีสีที่ต่างจากปกติไป

 

 

“อ๊ะ มันออกแล้ว!”

 

มาดามพูดออกมา ส่วนทางเอเลนก็โล่งใจที่การรักษาผ่านไปด้วยดี

 

 

“ดีใจด้วยนะคะ พอเสร็จการรักษานี้แล้ว เดี๋ยวทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นปกติเองค่ะ”

 

แม้หน้าและมือของเอเลนจะเต็มไปด้วยน้ำหนองแต่เธอก็รีบอธิบายขั้นตอนการรักษาต่ออย่างไม่เป็นกังวล

 

“อันนี้เป็นยาสมุนไพรที่ช่วยทำให้น้ำนมไหลออกมาได้ดีขึ้นนะคะ แถมผลข้างเคียงก็น้อยด้วย น่าจะช่วยแทนในส่วนที่ฉันเอามาได้ดีเลยค่ะ”

 

แล้วเธอก็ใช้ผ้าเช็ดใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำนม หลังจากที่เธอทำการรักษาและเตรียมสมุนไพรให้เสร็จแล้ว

 

ด้วยยาแผนปัจจุบันของฟาร์มานั้นสามารถรักษาโรคเต้านมอักเสบได้ด้วยการรักษาจากตัวยาลดไข้และยาปฏิชีวนะซึ่งไม่จำเป็นต้องผ่านการนวด แต่หากท่อน้ำนมมีอาการอุดตัน จนมีน้ำหนองไหลออกมานั้นเธอก็จำเป็นต้องใช้จุดแข็งของยาแผนปัจจุบันและการนวดบวกกับยาแผนโบราณเข้ามาช่วยบำบัดเป็นส่วนเสริม

 

 

“ตอนนี้ลูกของท่านดื่มนมจากแม่นมอยู่สินะคะ”

 

 

“ใช่ค่ะ ตอนนี้ฉันฝากให้แม่นมเป็นคนดูแล”

 

 

ในสังคมชนชั้นสูง เป็นเรื่องปกติที่จะฝากการดูแลเด็กไว้กับแม่นม

 

“ทางที่ดีมาดามควรจะเป็นคนให้นมลูกด้วยตัวเองจะดีกว่านะคะ เพราะน้ำนมนั้นมีความหนืดอยู่มากหากสะสมไว้นาน ดังนั้นหากท่านให้นมลูกกับตัวเอง มันจะช่วยลดโอกาสเกิดการอักเสบของเต้านมที่ท่านเป็นอยู่ด้วย แถมท่านยังจะได้มีปฏิสัมพันธ์กับลูกของท่านมากขึ้นกว่าเดิมด้วยค่ะ”

 

 

“….หากท่านแพทย์โอสถพูดเช่นนั้นละก็”

 

พอเอเลนพูดแบบนั้น สาวใช้ก็ได้พาทารกมาหามาดาม หลังจากการปั๊มนมผ่านไปสักพัก เอเลนก็ปล่อยให้มาดามนำลูกของเธอมาดูดนม

 

ทารกดื่มน้ำนมอย่างมีความสุข เอเลนมองเห็นหน้าของทารกที่กำลังสงบนิ่งราวกับว่าเด็กคนนี้กำลังพยายามจะสื่อสารกับแม่ของตน

 

 

“เฮ้อ หายกังวลไปอีกเรื่องหนึ่ง”

 

“เด็กคนนี้ก็ดูเหมือนจะพอใจนะคะ ส่วนอาการไข้เดี๋ยวอีกไม่นานก็จะลดลงเองค่ะ”

 

“อย่างนี้นี่เอง”

 

“”ชำระล้าง””

 

แล้วเอเลนก็จับมือมาดามทั้งสองข้างก่อนจะใช้ศาสตร์แห่งเทพ แสงสีฟ้าได้ห่อหุ้มร่างของมาดามเอาไว้ เหมือนเป็นการกระตุ้นการทำงานภายในร่างกายของเธอให้ผสานเข้ากับพลังนี้

 

ในการตรวจของเอเลนแต่ละครั้งนั้น นอกจากโรคที่จำเป็นต้องดูแลเป็นพิเศษ เธอจะใช้ศาสตร์แห่งเทพเข้าช่วยดูแลพวกเส้นเลือดและเส้นประสาทภายหลังการรักษาเสมอ

 

และหากพลังแห่งเทพลดน้อยลงเธอก็จะเติมเต็มให้พวกเขาด้วย

 

 

“หากอาการไข้และอาการบวมยังไม่หายไป โปรดติดต่อฉันมาอีกครั้งด้วยนะคะ”

 

“ขอบคุณมากนะคะ ท่านช่วยชีวิตฉันไว้จริง”

 

 

บลานช์เข้าใจว่าทำไมเอเลนถึงเป็นแพทย์โอสถที่โด่งดัง แม้ว่าเธอจะทำงานที่ร้านขายยาต่างโลก และเป็นลูกศิษย์ของบรูโนด้วยก็ตามที

 

 

“เป็นยังไงบ้างล่ะที่ได้เห็นการตรวจอาการครั้งแรก”

 

ระหว่างทางกลับคฤหาสน์เดอ เมดิซิส ซึ่งตะวันกำลังจะตกดิน เอเลนได้ถาม

บลานช์ที่อยู่ด้านหน้า

 

“งานของแพทย์โอสถไม่ใช่แค่จ่ายยาเท่านั้น พวกเขายังจำเป็นต้องทำให้สุขภาพของผู้ป่วยกลับมาเป็นเหมือนเดิมด้วย ถึงบางครั้งมันจะน่ากลัวไปบ้าง หรือบางครั้งร่างของเราก็อาจจะต้องเต็มไปด้วยเลือดหรืออะไรที่ไหลออกมาจากร่างของผู้ป่วยด้วย”

 

เอเลนบอกบลานช์

 

“ถึงจะเป็นแบบนั้น แค่ได้เห็นคนไข้มีความสุขดี ฉันว่าฉันก็ทำสำเร็จในฐานะแพทย์โอสถแล้วล่ะนะ”

 

“หนูว่ามันสุดยอดไปเลยนะคะ เรื่องนี้ท่านพ่อหรือท่านพี่ต้องทำไม่ได้อย่างแน่นอนเลย”

 

“เพราะศาสตร์นรีเวชวิทยาน่ะ พวกแพทย์หรือแพทย์โอสถชายก็อาจจะมีความรู้นะ แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่ก็ยังคงลังเลที่จะขอคำปรึกษา โดยเฉพาะกับเหล่าสุภาพสตรี”

 

เพราะไม่ว่าจะมีฝีมือมากแค่ไหน คนเหล่านี้ก็ไม่เคยเรียกแพทย์โอสถชายเช่นฟาร์มามาทำการรักษาเลย

 

แถมบางกรณีก็ยังมีฝ่ายสามีที่อนุญาตให้แพทย์โอสถชายเข้าทำการรักษาด้วย

 

นอกจากนี้ด้วยความที่คนเหล่านี้ มีความภาคภูมิใจในตัวเองสูง พวกเขาย่อมไม่เรียกแพทย์โอสถขั้นสองมาทำการรักษาให้แน่ เอเลนกล่าวอย่างภูมิใจว่าการตอบสนองต่อผู้ป่วยที่ต้องการได้แบบนี้ ถือเป็นงานสำคัญของแพทย์โอสถระดับสูงเช่นเธอ

 

“คือว่า…ท่านเอเลโอนอร์ จะช่วยมาเป็นอาจารย์สอนให้หนูได้ไหมคะ”

 

“อาร่า งั้นเดี๋ยวให้ฉันถามฟาร์มาคุงให้ไหมล่ะ?”

 

“ค่ะ”

 

 

“แล้วก็เรียกฉันว่าเอเลน แทนเอเลโอนอร์ก็ได้นะ”

 

เอเลนขยิบตาให้

 

“ท่านพี่คะ”

 

บลานช์กลับมาที่คฤหาสน์และมารายงานผลให้ฟาร์มาฟัง

 

“เป็นยังไงบ้างล่ะ”

 

ฟาร์มาอยู่ที่โต๊ะอาหาร และกำลังให้คะแนนรายงานของนักเรียน

 

รายงานสรุปของแพทย์โอสถที่ส่งมานั้นดูเหมือนจะอยู่ในระดับที่ใช้ไม่ได้ จนต้องขอให้หลายคนส่งมาใหม่

 

จะมีก็แค่รายงานของทางเอ็มเมอริคเท่านั้นซึ่งเขียนออกมากว่าหลายสิบหน้าแล้วฟาร์มารู้สึกคุ้มค่าที่จะอ่านมัน

 

 

“หนูอยากเป็นแพทย์โอสถค่ะ”

 

 

คำพูดนั้นเรียบง่าย แต่เปี่ยมไปด้วยแรงใจและพลัง

 

“เอาสิ แต่คงต้องไปขออนุญาตให้เรียนได้ก่อนนะ เพราะการรักษาบางอย่างนั้นก็มีแต่แพทย์โอสถหญิงที่ทำได้เท่านั้นด้วย พี่ว่ามันคุ้มค่าที่จะพยายามนะ”

 

 

“ท่านพี่ใหญ่กับท่านพี่นวดหน้าอกไม่ได้นี่คะ แต่หนูทำได้ค่ะ”

 

ฟาร์มารีบปิดปากของบลานช์ในขณะที่เธอพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา จนข้ารับใช้บางคนที่ไม่ทราบเหตุการณ์มาก่อนต้องหันขวับเมื่อได้ยินเรื่องนวดหน้าอก

 

 

“นั่นก็เป็นเรื่องจริงนะ ที่พี่ไม่มีความรู้เรื่องสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยาเท่าเอเลน”

 

ฟาร์มาสงบสติก่อนจะกลับไปให้คะแนนรายงานของนักเรียน

 

“หนูจะพยายามให้ดีที่สุดค่ะ หนูจะตั้งใจเรียนกับอาจารย์เอเลน”

 

บลานช์พยักหน้าให้เขาอีกครั้ง หลังจากเรียนรู้เรื่องพื้นฐานกับเอเลนเสร็จแล้ว อาจจะมีวิธีทำให้เธอสอบเข้ามาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยยาจักรวรรดิที่ฟาร์มาสอนด้วยก็ได้ แน่นอนว่าเธอต้องผ่านการสอบเข้าที่เข้มงวดนั้นด้วย

 

“งั้นเราก็มาพยายามกันให้ถึงที่สุดเถอะ มาเดินไปบนเส้นทางแห่งการรักษาด้วยกัน แต่หากเกิดมีเรื่องที่เธออยากจะทำ ก็ทำมันเสียนะ ถึงเราจะเดินไปด้วยกันแค่เพียงครึ่งทางก็ตาม แต่โลกนี้ยังมีอะไรอีกมากมายให้เราได้เจอนะ และพี่ก็พร้อมจะสนับสนุนเธอเสมอ”

 

ฟาร์มาคิดอยู่เสมอว่าเขาไม่อยากให้อาชีพของบลานช์นั้นถูกกำหนดมาตั้งแต่กำเนิด แต่หากเธออยากเป็นแพทย์โอสถเขาก็จะไม่ห้าม

 

 

“ไม่ค่ะ ท่านพี่ หนูจะทำมันให้สำเร็จ”

 

 

เห็นได้ชัดว่าบลานช์ไม่มีความลังเลใจเลย

 

 

ฟาร์มาและบลานช์จับมือกันแน่น

 

เพื่อเป็นการยืนยันถึงสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างพี่กับน้อง และยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นการทักทายในฐานะรุ่นพี่กับรุ่นน้องที่เดินบนเส้นทางของแพทย์โอสถ

 

 

ลอตเต้ที่เรื่องราวทั้งหมดจบก็เดินออกจากห้องอาหารด้วยความรู้สึกโล่งใจ

 

 

วันรุ่งขึ้นบลานช์ก็เริ่มเรียนอย่างกระตือรือร้นมากขึ้นเล็กน้อย

 

แต่หลังจากที่เริ่มนั่งโต๊ะเรียนไปสักพัก เธอก็เหมือนจะยังไม่สามารถสลัดนิสัยหลับคาคลาสเรียน และรู้สึกเบื่อกับการบ้านได้ในทันที

 

—-

 

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

 

Parallel World Pharmacy – ร้านขายยาต่างโลก

Parallel World Pharmacy – ร้านขายยาต่างโลก

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง Parallel World Pharmacy – ร้านขายยาต่างโลกายในช่องว่างแห่งมิติไร้ซึ่งที่สิ้นสุด ที่ซึ่งเหล่าผู้เคยต่อสู้ฝ่าฟันกับชีวิตของตนดำรงอยู่ ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้เลยว่าที่นี่คือแห่งหนใด พื้นที่กว้างใหญ่เป็นอนันต์เปรียบเสมือนดั่งสุสาน มีผู้พิทักษ์ไร้นามคอยปกป้องอยู่ เหล่าผู้ล่วงลับต่างหลับใหลอยู่ภายใต้หลุมฝังศพของตนเป็นนิรันดร์ วันหนึ่งผู้พิทักษ์สุสานได้เลือกคน คนหนึ่งซึ่งหลับใหลอยู่ภายใต้หลุมฝังศพของคนผู้นั้นขึ้นมา ผู้พิทักษ์ตนนั้นได้ดึงเอาความทรงจำของร่างดังกล่าวออกมาจากสุสานก่อนจะโยนมันเข้าไปในห้วงอวกาศ มันได้ล่องลอยไปในจักรวาลอันห่างไกลและท้ายที่สุดมันก็ถึงยังจุดหมาย บนดาวเคราะห์ดวงหนึ่งภายในร่างของเด็กชายคนหนึ่งซึ่งเสียชีวิตจากฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset