บทที่ 1 พายุไต้ฝุ่น
ณ หมู่บ้านชาวประมงไหก่าง ที่แห่งนี้ร่ำลือกันว่ามีสมบัติอยู่สามอย่าง ซึ่งก็ได้แก่ บ่อปลา เรือประมง และก็ชาวประมง นี่เป็นสิ่งที่คนท้องถิ่นในแถบนี้ต่างรู้กันเป็นอย่างดี
หมู่บ้านชาวประมงไหก่างเป็นหมู่บ้านติดทะเล และแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ดังนั้นแทบจะทุกบ้านจึงมีบ่อเลี้ยงปลา และเรือสำหรับออกทะเลเป็นของตัวเองกันทั้งนั้น แถมผู้ชายทุกคนในหมู่บ้านนี้ต่างก็เป็นชาวประมงฝีมือดีกันหมด
กล่าวกันว่าถึงแม้จะมีหมู่บ้านติดทะเลอยู่อีกมากมาย แต่หมู่บ้านชาวประมงอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงต่างก็สู้หมู่บ้านไหก่างไม่ได้เลยแม้แต่น้อย มีบางคนไม่เชื่อจนลองขุดบ่อเลี้ยงปลาในที่ดินของตัวเอง แต่ก็เป็นเรื่องน่าแปลก บ่อปลาเหมือนกันแท้ ๆ แต่ปลาที่เลี้ยงกลับโตช้ากว่าปลาของหมู่บ้านไหก่างมาก
เรื่องนี้เป็นผลให้หมู่บ้านชาวประมงในบริเวณใกล้เคียงต่างคิดว่าหมู่บ้านไหก่างมีฮวงจุ้ยที่ดี อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าหมู่บ้านไหก่างจะมีฮวงจุ้ยที่ดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกครอบครัวจะมีฐานะที่ดี
ฉู่เหินเป็นเด็กกำพร้า ซึ่งต่อมาเขาได้ถูกหวงเจี้ยนหมิงที่เข้าเมืองไปขายปลาพบเข้าจึงรับไปเลี้ยงดู แต่ด้วยความที่ตระกูลหวงนั้นฐานะไม่ดีนัก สุดท้ายฉู่เหินจึงต้องลาออกจากโรงเรียนหลังจากจบชั้นมัธยมปลาย แม้ว่าเวลานั้นพี่หวงและอาซ้อจะบอกให้เขาเรียนต่อก็ตาม แต่ฉู่เหินกลับยิ้มออกมาแล้วบอกว่าเขาไม่อยากเรียนต่อแล้ว
ฉู่เหินรู้ดีว่า ครอบครัวของพี่หวงยังมีลูกสาวที่อายุน้อยกว่าเขาหลายปีคนหนึ่ง การจ่ายค่าเล่าเรียนของคนสองคนสำหรับครอบครัวพี่ของหวงแล้ว มันเป็นเรื่องยากลำบากมาก และเพราะเหตุนี้เองฉู่เหินจึงเลือกที่จะกลับบ้านเกิดเพื่อไปเป็นชาวประมงธรรมดา
“เสี่ยวเหิน วันนี้นายจะออกทะเลรึเปล่า ไปด้วยกันไหม?” ขณะที่ฉู่เหินกำลังเก็บแหดักปลาก่อนกลับบ้าน เขาก็ได้ยินเสียงเรียกจากด้านหลัง หลังจากได้ยินเสียงนี้ฉู่เหินก็ยิ้มออกมา เพราะนั่นเป็นเสียงของลูกชายคนรองของหัวหน้าหมู่บ้าน ซึ่งปกติฉู่เหินจะเรียกเขาว่าพี่รอง
พี่รองถือเป็นตัวแทนของชายหนุ่มในหมู่บ้านชาวประมงไหก่างแห่งนี้ ปีนี้เขาเพิ่งอายุครบยี่สิบสามปีเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะเป็นทักษะการเลี้ยงปลาหรือฝีมือในการตกปลาของเขา ล้วนแต่เป็นอันดับหนึ่งของหมู่บ้าน!
เมื่อวานนี้พี่รองเพิ่งจะเปลี่ยนไปใช้เรือประมงที่นำเข้ารุ่นใหม่ ส่วนเรือประมงของฉู่เหินนั้น ยังคงเป็นแบบเครื่องยนต์ดีเซลที่เคลื่อนที่ได้ช้าและเสียงค่อนข้างดัง ตอนนี้ฉู่เหินกำลังฟังพี่รองเล่าว่า เขาและเพื่อนกำลังจะออกทะเล อีกทั้งยังเล่าถึงเรือลำใหม่ของเขาอย่างละเอียด
“อ้าว พี่รองเองเหรอ! เมื่อวานผมเจอกับเสี่ยวเฟิงที่อยู่หมู่บ้านข้าง ๆ เธอฝากให้ผมมาบอกพี่ว่าอีกสองวัน เธอจะแวะไปเล่นกับพี่ที่บ้านนะ” ฉู่เหินหันไปบอกพี่รองด้วยรอยยิ้ม
หลังจากได้ยินคำพูดของฉู่เหิน ใบหน้าของพี่รองก็ซีดลงทันที ดูจากสายตาของเขา เห็นได้ชัดว่าเขากลัวมากจริง ๆ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าเขาเคยปฏิเสธผู้หญิงที่ชื่อหลิวเสี่ยวชิง หรือเสี่ยวเฟิงที่ว่ามาแล้วหลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่ปฏิเสธก็จะถูกทุบตีจนเจ็บตัวทุกที่ เมื่อเจอแบบนี้บ่อย ๆ เข้า เขาจึงมักจะหาทางหลีกเลี่ยงเธออยู่ตลอด
“นี่เสี่ยวเหิน ถึงพี่จะอายุมากกว่านายไม่กี่ปี แต่เราสองคนก็โตมาด้วยกันนะ! นายไม่ควรมาล้อเล่นเรื่องนี้กับฉัน ผู้หญิงอัปลักษณ์แถมยังโหดเหี้ยมอย่างนั้น ฉันรับไม่ไหวหรอก” ขณะที่พี่รองพูดประโยคนี้ เขาก็กวาดตามองไปรอบ ๆ เหมือนกลัวคนอื่นจะได้ยิน
“นี่พี่รอง ดูพี่พูดเข้าสิ ถ้าพี่ไม่อยากเจอเธอนะ ผมว่าพี่รีบออกเรือไปดีกว่า เพราะถ้ามัวแต่ชักช้าอยู่จะไม่ทันเอานะ” เมื่อเห็นท่าทางที่ต้องการหนีด้วยความหวาดกลัวของพี่รองแล้ว ฉู่เหินก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
เมื่อพี่รองจากไปฉู่เหินก็พูดขึ้นมา “ก็แค่ปลาในบ้านของพี่ใหญ่กว่าของผม ก็แค่ทุกครั้งที่พี่ออกทะเลจะได้ปลามากกว่าผม ก็แค่เรือประมงของพี่มีสองชั้น ก็แค่เพิ่งเปลี่ยนเครื่องเรือเป็นเครื่องยนต์นำเข้า ไม่เห็นเจ๋งตรงไหนเลย! คราวหน้าผมจะเปลี่ยนเป็นเรือสามชั้นให้พี่ตกใจเลย คอยดูเถอะ”
หลังพูดแบบนั้นออกไป ฉู่เหินก็เก็บของที่จำเป็นแล้วเดินไปที่ชายหาด ในเวลานี้หวงเจี้ยนหมิงกำลังทำความสะอาดเรือประมง เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการออกทะเล!
“พี่หวงเก็บของเสร็จรึยัง พวกเราไปกันเถอะ!” หลังจากฉู่เหินเก็บของจำเป็นไว้ในเรือเรียบร้อย เขาก็ปลดเชือกที่ผูกไว้กับเสาออก จากนั้นถอดรองเท้า ถุงเท้าแล้วดึงขากางเกงขึ้น ผลักเรือประมงออกสู่ทะเล! หลังจากเรือประมงเลื่อนออกจากทรายแล้ว ฉู่เหินก็กลับขึ้นเรืออีกครั้ง
“เสี่ยวเหิน ฉันว่าวันนี้นายไม่ต้องไปหรอก พักนี้นายเหนื่อยมากแล้ว ฉันคิดว่านายกลับบ้านไปพักดีกว่า!” หวงเจี้ยนหมิงมองฉู่เหินอย่างเป็นห่วง
“พี่ไม่ต้องห่วง ผมสบายดี” ฉู่เหินยิ้มแล้วทิ้งตัวนอนลงบนเรือ จากจุดเดินเรื่องไปจุดหาปลาพวกเขายังต้องใช้เวลาอีกนาน ดังนั้นหลังจากขึ้นเรือแล้ว ฉู่เหินจึงคิดที่จะนอนสักพัก ไม่อย่างนั้นพี่ชายของเขาคงรีบไล่เขากลับไปเพราะความเป็นห่วงอีกแน่ ๆ
การตกปลาในทะเลไม่เพียงแต่ต้องมีความแข็งแรงเท่านั้น แต่ยังต้องใช้ทักษะอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลารวบแหตกปลากลับมา มันเป็นเรื่องยากมาก พี่หวงเพียงคนเดียวยากที่จะทำได้ โชคดีที่เรือประมงของฉู่เหินค่อนข้างเล็กและ แหตกปลาของพวกเขาเองก็เล็กด้วยเช่นกัน
ในขณะที่รวบแหกลับมานั้นต้องใช้กำลังค่อนข้างมาก เมื่อแหมีขนาดเล็กแรงที่ใช้ก็จะน้อยลง แต่ก็นั่นแหละปลาที่เข้ามาในแหเองก็ย่อมน้อยลงไปด้วยเช่นกัน และถ้าจะใช้แหขนาดใหญ่พวกเขาก็ต้องจ้างคนเพิ่ม ซึ่งก็ติดปัญหาเรื่องเงินอีก!
หลังจากแล่นออกมานานเรือประมงก็หยุดลง ฉู่เหินลุกขึ้นและเตรียมพร้อมที่จะโยนสมอเรือ เมื่อสมอถูกหย่อนลง เรือจะถูกตรึงบนพื้นผิวของทะเล วิธีนี้เป็นวิธีที่ค่อนข้างปลอดภัยสำหรับการทอดแหจับปลา
ขณะที่ฉู่เหินยกสมอเตรียมโยนลงทะเล เขาก็มองไปรอบ ๆ เพื่อกะระยะทาง ทันใดนั้นเขาก็พบว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น เพราะเมื่อฉู่เหินมองไปที่ไกล ๆ เขาก็เห็นภาพแปลก ๆ เข้า มันให้ความรู้สึกราวกับภาพฝัน แต่ก็เหมือนจริงมาก นี่เป็นครั้งแรกที่ฉู่เหินพบเหตุการณ์แบบนี้
“พี่ นั่นคืออะไร ทำไมมันเหมือนกับมีกระจกอยู่บานหนึ่งเลย” ฉู่เหินชี้มือไปทางหนึ่งที่ไกลออก หวงเจี้ยนหมิงมองไปตามมือของฉู่เหิน และในวินาทีต่อมาหวงเจี้ยนหมิงก็รู้สึกถึงความตาย
“เสี่ยวเหิน รีบเก็บสมอ แล้วรีบเอาเชือกมัดห่วงชูชีพไว้กับเรือ แล้วมัดตัวเองไว้กับห่วงชูชีพ มัดให้แน่นที่สุดเลยนะ เร็ว ๆ เข้า!!!”
หลังจากตะโกนแล้ว หวงเจี้ยนหมิงก็รีบหันหัวเรือประมงกลับ แล้วแล่นไปอย่างรวดเร็วในทิศทางตรงกันข้ามกับภาพกระจกพร้อมผูกชิ้นไม้ไว้กับคันบังคับ หลังจากนั้นเขาก็ใส่เสื้อชูชีพอย่างคล่องแคล่ว หลังจากได้ยินคำพูดของหวงเจี้ยนหมิง ฉู่เหินก็รีบทำตามทันที
“พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หลังจากจัดการเรื่องทั้งหมดแล้ว ฉู่เหินก็ตะโกนถามหวงเจี้ยนหมิง แม้ว่าเขาจะพอเดาได้แต่เขาก็ไม่แน่ใจนัก
“พายุไต้ฝุ่น มันคือพายุไต้ฝุ่นกระจก ที่นายเห็นที่จริงแล้วมันคือน้ำทะเลที่ถูกพายุพัดขึ้นมา เร็วเข้าเสี่ยวเหิน! รีบเอาตัวเองมัดไว้กับเสาเรือเร็วเข้า!” พวกคุณต้องรู้ว่าในท้องทะเลอันกว้างใหญ่นี้ แม้ว่าพวกคุณจะรอดชีวิตจากพายุไต้ฝุ่น แต่ถ้าคุณตกลงจากเรือ ถึงแม้จะมีเรือกู้ชีพมาช่วย แต่มันก็ยากที่จะหาคุณเจออยู่ดี หลังจากที่หวงเจี้ยนหมิงเห็นพายุไต้ฝุ่น เขาก็ได้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปทันที