บทที่ 16 ลูกสาวของฉันโตแล้ว
“ผมอยากจะขอบคุณศาสตราจารย์หวง ถ้าคุณไม่ได้ยืนยันคุณค่าของมังกรทะเลพวกนั้น ผมคงไม่สามารถขายมันทั้งสองตัวได้ในเวลาอันสั้น พี่ชายของผมตอนนี้อยู่ในโรงพยาบาลและผมไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาล ดังนั้นคุณไม่เพียงแต่ช่วยผมเท่านั้น แต่คุณยังช่วยครอบครัวของผมเอาไว้อีกด้วย”
“เพื่อแสดงความขอบคุณต่อศาสตราจารย์ ผมอยากจะให้ของขวัญชิ้นหนึ่งหวังว่าคุณจะยอมรับไว้นะครับ” หลังจากได้ยินคำพูดของฉู่เหินศาสตราจารย์หวงก็โบกมือปฏิเสธอย่างรวดเร็ว อย่าล้อเล่นน่า! ตลอดชีวิตการทำงานของเขา เขาไม่เคยรับสินบนมาก่อนอย่าบอกนะว่าจะต้องมาเสียชื่อตอนแก่
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นของขวัญที่ฉู่เหินมอบให้ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างทันที เพราะสิ่งที่ฉู่เหินมอบให้มันเป็นมังกรทะเลตัวสุดท้ายที่เหลืออยู่
“พ่อหนุ่ม ฉันรับไม่ได้จริง ๆ ถ้าเธอเต็มใจฉันยินดีจ่ายเงินเพื่อซื้อมัน แต่ถ้าเธอไม่รับเงิน ฉันก็รับมันไม่ได้จริง ๆ” หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างศาสตราจารย์หวงและฉู่เหิน คนที่เหลืออยู่ต่างก็ชื่นชมในตัวของฉู่เหินอย่างมาก
“เสี่ยวชิงถ้าศาสตราจารย์หวงไม่ต้องการมัน ก็ปล่อยให้มังกรทะเลนี้ตายไปเถอะ!” ฉู่เหินหันไปพูดกับหลิวเสี่ยวชิงผู้ที่ถือมังกรทะเลเอาไว้ หลังจากได้ยินคำพูดของฉู่เหิน หลิวเสี่ยวชิงก็ทำท่าจะโยนกระบอกในมือทิ้ง การกระทำนี้ทำให้ศาสตราจารย์หวงรีบคว้ามันไว้อย่างรวดเร็ว
“ไอ๊หยา บรรพบุรุษตัวน้อย ๆ ของฉัน เบามือหน่อย ๆ ของวิเศษน้อย! อย่าโยน ๆ!” การกระทำของหลิวเสี่ยวชิงเกือบจะทำให้ศาสตราจารย์หวงหัวใจวาย แต่ที่ศาสตราจารย์หวงไม่รู้ก็คือแม้ว่าเขาจะไม่คว้ามันไว้หลิวเสี่ยวชิงก็จะไม่ทิ้งมันลงบนพื้น
สมบัติที่ราคาเป็นแสนหยวน เธอไม่โง่ทิ้งลงบนพื้นหรอกน่า แต่ตอนนี้เธอสงสัยเกี่ยวกับความคิดของฉู่เหินมากกว่า เธอรู้ดีว่าฐานะในปัจจุบันของฉู่เหินเป็นยังไงแต่เขากลับใจกว้างมอบมังกรทะเลราคาหลายแสนหยวนออกไปนี่มัน..
ทั้งหมดนี้ทำหลิวเสี่ยวชิงรู้สึกว่าฉู่เหินเป็นเหมือนหมอก เมื่อเธอคิดว่าเธอเห็นเขาอย่างชัดเจน ก็กลับกลายเป็นว่าสิ่งที่เธอเห็นนั้นก็เป็นเพียงแค่หมอกอีกชั้นหนึ่ง ยิ่งเธอมองมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นเท่านั้น มันน่าสนใจเสียจนหลิวเสี่ยวชิงอยากลองเข้าไปทำความรู้จักให้มากกว่านี้!
ตัวเธอไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้ของเธอมันคืออะไร แต่เมื่อเวลาผ่านไปเจ้าความรู้สึกที่ว่ามันก็ยิ่งลึกซึ้งขึ้นเรื่อย ๆ หลิวเสี่ยวชิงเงยหน้าขึ้นมองดูฉู่เหินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รอยยิ้มแห่งชัยชนะปรากฏที่มุมปากของเขา สิ่งนี้ทำให้หลิวเสี่ยวชิงรู้สึกอยากรู้อยากเห็น! มังกรทะเลนี้มีค่ามากกว่าหนึ่งแสนหยวน เขากลับสามารถส่งมันออกไปโดยไม่ลำบากใจฉู่เหินเป็นคนแบบไหนกันแน่?
“ศาสตราจารย์หวงถ้าคุณไม่ต้องการมัน อย่างนั้นโปรดปล่อยให้ฉันฆ่ามันตอนนี้เลยเถอะ” ยิ่งฉู่เหินพูด ศาสตราจารย์หวงก็ยิ่งกอดขวดโหลเอาไว้แน่น เมื่อคนดูได้เห็นฉากนี้พวกเขาก็อดหัวเราะไม่ได้
“พ่อหนุ่ม คุยกันก่อนสิไม่ฆ่ามันไม่ได้เหรอ” ในความสิ้นหวังศาสตราจารย์หวงก็อ่อนลง ในที่สุดภายใต้ไม้อ่อนไม้แข็งของฉู่เหิน ศาสตราจารย์หวงก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับมังกรทะเลกลับไป
ก่อนออกเดินทางศาสตราจารย์หวงถามหมายเลขโทรศัพท์ของฉู่เหิน ก่อนที่จะสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับอาการป่วยของหวงเจี้ยนหมิงและโรงพยาบาลที่เขารักษาตัวอยู่ เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไร ฉู่เหินจึงบอกออกไปอย่างไม่ลังเล
หลังจากการประมูลอันยาวนานจบลง ฉู่เหินก็สามารถขายมังกรทะเลได้ราคาสูงกว่าสามแสนหยวน! ดังนั้นปัญหาเรื่องค่ารักษาในโรงพยาบาลของพี่ชายเขาก็หมดห่วงแล้ว
เดิมทีฉู่เหินตั้งใจจะพาเสี่ยวเฟิงและคนอื่น ๆ ไปทานมื้อเย็น เนื่องจากวันนี้เขารบกวนพวกเธอมาเยอะแล้ว แต่อย่างไรก็ตามเมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวเฟิง นั่นก็ทำให้ฉู่เหินกลัวขึ้นมา “ว่าไงนะอาเหิน? จะชวนพวกเราสองพี่น้องอยู่กินข้าวที่นี่ หลังจากนั้นก็ดื่มเหล้าและพยายามทำให้พวกเราเมา จากนั้นก็ทำเรื่องอย่างหุงข้าวสารให้เป็นข้าวสุกใช่ไหม?”
ประโยคนี้ทำให้ฉู่เหินอ้าปากค้างเป็นเวลานาน เขาพูดอะไรไม่ออก จากนั้นก็อดคิดไม่ได้ “ใครมันจะไปกล้าแต่งงานกับผู้หญิงแบบนี้วะ? นี่มันแม่เสือชัด ๆ” จากนั้นเขาก็หันไปมองลูกชายคนรองตระกูลหวังอย่างอดไม่ได้
ฉู่เหินได้แต่มองเสี่ยวเฟิงพูดล้อเล่นกับลูกชายคนรองตระกูลหวัง และเมื่อทั้งสองคนเดินไปไกลแล้ว เขาก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรออก
“พี่ใหญ่ ผมเอง เสี่ยวเหิน ผมหาเงินได้แล้ว พรุ่งนี้เช้าผมจะเอาเงินไปให้” ที่ฉู่เหินรีบโทรไปก็เพราะว่าเขากลัวว่าพี่ชายของเขาจะด่วนตัดสินใจตัดขาทิ้ง ถ้าเป็นแบบนั้น … ต่อให้เป็นเทวดาก็คงไม่สามารถรักษามันได้
“เสี่ยวเหิน นายหาเงินได้จริงเหรอ? ถ้าไม่มีเงินก็ไม่เป็นไร พี่ยอมตัดขาทั้งสองข้างดีกว่าที่จะเห็นนายต้องลำบากนะ” เมื่อได้ยินเสียงจากในโทรศัพท์ฉู่เหินก็อดน้ำตารื้นไม่ได้ ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงทุกวันนี้ พี่ชายของเขาก็เป็นแบบนี้มาตลอด เขายอมเหนื่อยและเหนื่อยเพื่อทำให้ฉู่เหินสบาย
“พี่ใหญ่และพี่สะใภ้สบายใจได้ พรุ่งนี้ผมจะไปหาพวกพี่ เอาล่ะ ผมยังต้องไปทำงานอื่นอีก แค่นี้ก่อนนะครับ!” มุมปากของฉู่เหินมีรอยยิ้มอันขมขื่น เพราะเขารู้ว่าพี่ชายของเขาจะพูดอะไรต่อไป!
จะให้เขายอมแพ้เรื่องช่วยเหลือครอบครัวของพี่ชายนั้น เขาทำไม่ได้จริง ๆ เกิดเป็นคนต้องรู้จักสำนึกบุญคุณ มิฉะนั้นจะแตกต่างอะไรกับสัตว์ถูกไหม?
ตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก พี่ชายก็เลี้ยงเขามาตลอด ดังนั้นในเวลาที่ครอบครัวลำบากตัวเขาจะยอมแพ้ได้ยังไง นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แน่นอน! หลังจากกินอาหารค่ำ ในที่สุดพระอาทิตย์ก็ตกลงลับขอบฟ้าไปเมื่อฉู่เหินมองเห็นพระจันทร์ปรากฏขึ้น เขาก็รีบไปที่สนามหญ้าและเริ่มฝึกฝนอย่างเงียบ ๆ ด้วยหมัดและลูกเตะของเขา พลังของดวงจันทร์จำนวนมากได้ถูกนำเข้าสู่ร่างกาย ฉู่เหินรู้สึกว่ามันดูเหมือนจะมีมากกว่าดวงดาวที่เขาดูดซับเมื่อวานนี้เสียอีก
ฉู่เหินฝึกเพลงหมัดชุดนี้ตลอดทั้งคืน จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้นเขาก็เริ่มซึมซับแสงอาทิตย์ยามเช้า จากนั้นก็มีการผสานพลังของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์! แม้ว่าจะเป็นเพียงวันที่สองของการฝึก แต่ฉู่เหินก็รู้สึกว่าเขาแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก
วันนี้หลิวเสี่ยวชิงตื่นเช้ามาก ก่อนพระอาทิตย์จะพ้นขอบฟ้าเธอก็ทำอาหารอยู่ในครัวแล้ว พ่อแม่ของหลิวเสี่ยวชิงตื่นนานแล้วเพียงแต่พวกเขายังไม่ลุกขึ้นมาเท่านั้น เมื่อเห็นลูก ๆ ของพวกเขาเริ่มทำอาหารเช้าด้วยตัวเอง สองสามีภรรยาก็มีความสุขมาก
อย่างไรก็ตาม หลิวเสี่ยวเฟิงสงสัยมาก เธอรู้ดีว่าน้องสาวของเธอทำอาหารอย่างอื่นนอกจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไม่เป็น! แต่เมื่อเธอตื่นเช้ามาฆ่าไก่แถมยังทำซุปอีกด้วย นี่ถูกผีอะไรเข้าสิงเข้าล่ะเนี่ย? แม้ว่าปกติเธอจะเป็นคนมุทะลุ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่รู้อะไรเลย!
“น้องสาวตัวน้อยคนนี้มีปัญหาแน่ ๆ ฉันไม่คิดว่าซุปไก่นี้ทำให้พวกเรานะ เฮ้! ฉันอยากรู้ว่าเธอทำซุปไก่นี้ให้กับใครกันนะ” เสี่ยวเฟิงพูดในใจ เธอแอบแต่งตัวกะว่าจะตามน้องสาวของเธอไปอย่างลับ ๆ เพื่อดูว่าใครจะเป็นผู้โชคดี
อย่างไรก็ตามเธอรู้สึกงงงวยกับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น เธอเห็นน้องสาวของเธอและใส่ซุปไก่ที่ปรุงสุกไว้ในปิ่นโต จากนั้นก็หยิบกุญแจสามดอกออกมาจากตู้ ครอบครัวของเสี่ยวเฟิงมีรถยนต์สามคัน แต่ทำไมน้องสาวของเธอถึงเอากุญแจทั้งสามออกไปด้วย
หลังจากนั้นภาพที่เห็นก็ทำให้ หลิวเสี่ยวเฟิงโมโหเป็นอย่างมากมาก เธอเห็นน้องสาวหยิบกุญแจอีกสองดอกใส่ไว้ในกระเป๋า จากนั้นก็ขับรถออกไป!