บทที่ 27 นักเลงกระจอกกลุ่มหนึ่ง
“ไอ้หนู แกกล้าพูดจาสามหาวแบบนี้กับลูกพี่ใหญ่ของพวกเรา วันนี้แกตายแน่!” พูดจบ นักเลงคนที่เตี้ยที่สุดในสี่คนนั้นก็ยกแขนขึ้นจนสุด ก่อนทำท่าจะฟาดท่อเหล็กใส่หัวของฉู่เหินโดยไม่ยั้งมือ! ดูจากความรุนแรงของมันแล้ว หากถูกฟาดเข้าใส่จริง ๆ เกรงว่าหากไม่ตายก็คงจะต้องนอนอยู่บนเตียงอย่างน้อยครึ่งเดือนแน่นอน
เหตุการณ์นี้ทำให้หลิวเสี่ยวชิงหวาดกลัวมาก อย่างไรก็ตามเธอเองก็มีความกล้าเช่นกัน เธอคว้าโซ่สำหรับล็อกรถของเธอออกมาแล้วฟาดเข้าใส่ชายชุดดำที่อยู่ใกล้ที่สุดในทันที พวกนักเลงที่กำลังมุ่งความสนใจไปที่ฉู่เหิน พวกมันคาดไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวตัวเล็ก ๆ จะกล้าทำเรื่องแบบนี้
คนที่โดนฟาดก็คือลูกพี่ใหญ่ของนักเลงพวกนั้น เขาโดนฟาดจนกลิ้งไปกับพื้นด้วยความเจ็บปวด พวกนักเลงที่กำลังจะโจมตีฉู่เหินเมื่อเห็นว่าลูกพี่ของพวกเขาโดนทำร้ายก็ตกตะลึงและวิ่งกลับไปดูทันที ด้วยความโมโหลูกน้องตัวเตี้ยที่ถือท่อเหล็กอยู่ในมือ มันก็พุ่งเข้าใส่ก่อนจะยกท่อเหล็กเตรียมฟาดใส่เสี่ยวชิง
อันที่จริงแล้วลูกพี่ของพวกมันเป็นคนร้ายกาจมาก พ่อของเขาเป็นหนึ่งในหัวหน้าแก๊งที่ใหญ่ที่สุดในเมือง ! ถ้าหากเขาเป็นอะไรไปภายใต้การปกป้องของพวกมัน ถ้ากลับไปถึงเมื่อไหร่ หัวหน้าใหญ่คงไม่ปล่อยพวกมันไว้แน่ ๆ
เสี่ยวชิงมองท่อเหล็กที่ฟาดลงมาอย่างทำอะไรไม่ถูก หลังจากตีชายคนหนึ่งด้วยโซ่ไปแล้ว เธอก็ได้แต่ยืนนิ่งอย่างไม่รู้จะทำยังไงต่อไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปที่ท่อเหล็กที่กำลังฟาดลงมา แทนที่จะกลัว หลิวเสี่ยวชิงกลับมีรอยยิ้มบนใบหน้า เธอรู้ว่าอย่างน้อยเธอก็ช่วยฉู่เหินไม่ให้ถูกโจมตีได้แล้ว หญิงสาวก็ปิดตาลงพลางคิดว่า “อยากตีก็ตีเลย ยังไงก็หนีไม่รอดอยู่แล้ว”
แต่ผ่านไปครู่หนึ่งก็ยังไม่มีความเจ็บปวดเกิดขึ้น เสี่ยวชิงจึงลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็วเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น ? ก่อนที่เธอจะเห็นฉู่เหินยืนอยู่ข้างหน้าเธอ มือของเขาเหมือนกับคีมเหล็ก เขาจับท่อเหล็กของนักเลงอีกคนไว้ในมือของเขา
ขณะที่เธอยังไม่ทันจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง เธอก็ได้ยินเสียงเย็นชาของฉู่เหินพูดขึ้นมา “ไอ้พวกบัดซบ ในเมื่อพวกแกกล้าลงมือกับผู้หญิงของฉัน วันนี้ฉัน ‘ฉู่เหิน’ จะให้บทเรียนกับแกเอง!” เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่เหิน หัวใจของเสี่ยวชิงก็รู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อฉู่เหินพูดว่า เธอเป็นผู้หญิงของเขา นั่นก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเขินอายเป็นอย่างมาก
หากไม่ใช่เพราะเธอรู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาปกติ เธอก็คงจะขอให้ฉู่เหินพูดให้ฟังอีกสองถึงสามครั้ง ว่าเธอเป็นผู้หญิงของเขา บางทีผู้หญิงที่มีความรักก็ช่างโง่เหลือเกิน ! เสี่ยวชิงไม่รู้เรื่องนี้ แต่เธอรู้ว่าเธอเต็มใจที่ทุกอย่างกับฉู่เหิน แม้ว่ามันจะเป็นชีวิตของเธอเองก็ตาม
“ไอ้หนู แกกล้าต่อต้านพวกฉันเรอะ ถ้าสำนึกตัวก็หลีกไปซะดี ๆ ไม่งั้นฉันรับรองว่า ฉันจะทำให้แกตายโดยไม่รู้ตัวแน่!” นักเลงที่โดนฉู่เหินคว้าท่อเหล็กเอาไว้พยายามจะดึงมันกลับไป แต่หลังจากพยายามอยู่สองถึงสามครั้ง ท่อเหล็กก็ไม่ขยับ เรื่องนี้ทำให้เขาโกรธมาก จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขู่ออกมา
“ไอ้พวกบัดซบ มือเท้าดี ๆ ไม่รู้จักทำงานทำการ มาทำตัวเป็นนักเลงกระจอก ๆ ที่นี่ วันนี้ฉันจะทำให้พวกแกรู้ว่า คิดจะเป็นนักเลงก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ!” หลังจากประโยคนี้มุมปากของฉู่เหินก็ยกขึ้นเล็กน้อย ว่าแล้วฉู่เหินก็ขยับตัวอย่างรวดเร็ว เขายกหมัดขึ้นมา ก่อนที่จะต่อยเข้าที่หน้าอกของนักเลงที่อยู่หน้าเขาเข้าภายในเสี้ยววินาที หลังจากถูกหมัดต่อยเข้าที่หน้าอก นักเลงคนนั้นก็กระเด็นขึ้นไปในอากาศ ก่อนที่จะตกลงกระแทกพื้นด้วยแรงกระแทกทั้งหมัดและแรงดึงดูด นั่นก็ทำให้นักเลงคนนั้นกระอักเลือดออกมาทันที
นักเลงคนอื่นที่เห็นเหตุการณ์นั้น พวกมันก็ได้แต่ยืนนิ่งราวกับคนโง่ “โกหก! นี่มันเรื่องโกหกแน่ ๆ เป็นไปไม่ได้! เหลือเชื่อเกินไปแล้ว”
ฉู่เหินไม่สนใจความคิดของคนเหล่านั้นเลย หลังจากต่อยหมัดแรกจนนักเลงกระเด็นออกไปคนหนึ่งแล้ว เขาก็ก้าวไปข้างหน้าจนไปถึงตัวนักเลงคนอื่น ๆ ก่อนที่จะยกขาเตะออกไปที่คนเหล่านั้น
นักเลงเหล่านั้นยังไม่ทันจะกรีดร้องออกมาก็ถูกฉู่เหินเตะเข้าใส่จนน่วมไป โดยเฉพาะนักเลงคนหนึ่งที่โดนฉู่เหินกระทืบอย่างหนักหน่วง มันคือผู้ชายที่พูดจาดูถูกเสี่ยวชิงนั่นเอง ดังนั้นฉู่เหินจึงจัดการเขาเป็นพิเศษ!
จากนั้นเขาก็ตรงไปที่นักเลงคนสุดท้าย ฉู่เหินยื่นมือออกไปตบหน้านักเลงคนนั้นแบบไม่ยั้ง หลังจากถูกฉู่เหินตบหน้าไม่หยุด หน้าของมันก็เหมือนกับหัวหมู ใบหน้าทั้งหมดบวมจนมองแทบไม่ออก สุดท้ายฉู่เหินก็ต่อยท้องเข้าไปอีกหมัดจนนักเลงคนนั้นกระเด็นขึ้นไปบนฟ้า และตกห่างออกไปอีกไม่กี่เมตร
เมื่อเห็นความแข็งแกร่งของฉู่เหิน ลูกพี่ของพวกนักเลงก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง เมื่อมันเห็นฉู่เหินเดินเข้าไปหามันทีละก้าว นั่นก็ทำให้มันรู้สึกหวาดกลัวมาก ได้แต่ยืนตัวแข็งไม่กล้าเคลื่อนไหวมองฉู่เหินเดินเข้า
“กลับไปบอกกับเจ้านายของพวกแก ว่าอย่ามารบกวนฉันอีก ถ้ามีใครกล้ามาสร้างความรำคาญให้ฉัน คราวหน้าฉันจะไปเยี่ยมพวกแกถึงที่แน่นอน เอาล่ะ พวกแกกลับไปได้แล้ว อ้อ แล้วก็ถ้าในอนาคตฉันเห็นพวกแกที่หมู่บ้านชาวประมงไหก่างแห่งนี้อีกละก็ รับรองได้ว่าฉันจะหักขาพวกแกทิ้งแน่นอน”
เดิมทีฉู่เหินคิดจะให้บทเรียนอย่างหนักแก่คนพวกนี้ แต่เมื่อเห็นว่าเขายังไม่ทันจะได้ออกแรงสักเท่าไหร่ พวกนักเลงกลุ่มนี้ก็กลัวเขาจนลนลานแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือกลิ่นของปัสสาวะที่พวกมันปล่อยออกมาด้วยความกลัว ซึ่งฉู่เหินก็ไม่ค่อยเต็มใจที่จะดมมันนัก
หลังจากได้ยินคำพูดของฉู่เหิน ลูกพี่ของนักเลงกลุ่มพยายามทนความเจ็บปวดที่ศีรษะจากเลือดที่ไหลออกมา ก่อนจะเข้าไปปลุกคนที่สลบให้ตื่นขึ้น จากนั้นก็รีบขับรถจากไปอย่างรวดเร็ว
ครั้งนี้ฉู่เหินลงมือค่อนข้างเบา ถึงแม้ว่าคนเหล่านี้จะทำให้เขาขุ่นเคืองใจแต่ตัวฉู่เหินเองก็ไม่ใช่คนโหดเหี้ยม เขาแค่หวังว่าหลังจากให้บทเรียนครั้งนี้แก่พวกมันแล้ว ในอนาคตพวกมันจะไม่กลับมาสร้างความรำคาญให้แก่เขาอีกก็พอแล้ว
“เสี่ยวชิง ไม่เป็นไรนะ!” ฉู่เหินเดินไปหาเสี่ยวชิงและพยุงเธออย่างอ่อนโยน ในความคิดของเขา เหตุการณ์ครั้งนี้น่าจะทำให้เสี่ยวชิงตกใจมาก แต่เขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้เสี่ยวชิงตื่นเต้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อตอนที่เธอเห็นท่าทางของฉู่เหินตอนต่อสู้ เขาดูหล่อมากจริง ๆ
“พี่เหิน พี่เป็นวิชากังฟูเหรอคะ?” มองไปที่เสี่ยวชิงที่กะพริบตาปริบ ๆ ขณะมองเขา ฉู่เหินก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงเลยจริง ๆ ผู้หญิงคนนี้ไม่กลัวเลยรึไง ในช่วงเวลาแบบนี้ ไม่มีการร้องไห้เสียงดัง แต่ดันมาถามเขาเรื่องนี้ ไม่ถูกสิ! ในละครทีวีไม่ได้เป็นอย่างนี้นี่นา!
“มันคือวิชากังฟูแขนงหนึ่ง ! เธออยากเรียนรึไง ?” หลังจากพูดแบบนั้นไปแล้วฉู่เหินก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา เนื่องจากการฝึกวิชานี้แต่ละครั้งต้องใช้เวลานานมาก เด็กผู้หญิงคนนี้จะฝึกได้ยังไง อย่างไรก็ตามเสี่ยวชิงตอบตกลงทันที
“จริงเหรอ พี่เหิน พวกเราสัญญากันแล้วนะ พอถึงเวลาพี่ต้องสอนฉันด้วยล่ะ!” เมื่อได้ยินประโยคนี้ ฉู่เหินก็รู้สึกเหมือนกับโดนก้อนหินทุ่มใส่เท้าตัวเอง เมื่อเขาคิดถึงวิธีการฝึกฝนที่ค่อนข้างเจ็บปวดแล้ว เขาเกรงว่าเด็กหญิงบอบบางคนนี้คงจะทนไม่ได้
เมื่อจบเรื่องแล้ว ทั้งสองคนก็ขี่รถไปยังบ้านของฉู่เหิน เมื่อจอดรถเรียบร้อยแล้ว ฉู่เหินก็รีบยกปลาเกล็ดขาวยาวหนึ่งเมตรเข้าไปในบ้าน จากนั้นจ้องมองหลิวเสี่ยวชิงและอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
“ว้าว พี่เหิน นี่มันตัวอะไรคะ?” หลังจากได้ยินเสียงอุทานของเสี่ยวชิงจากในครัว ฉู่เหินก็รีบเดินตามเธอเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะสัตว์ประหลาดที่เขาวางทิ้งไว้ก่อนหน้านี้ เจ้าประหลาดตัวนี้มีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าของหมูธรรมดา และตอนนี้มันก็ถูกวางอยู่ในครัวของเขา ไม่น่าแปลกใจที่หลิวเสี่ยวชิงจะตกตะลึงจนร้องถามออกมา