บทที่ 36 ลูบย้อนเกล็ด[รีไรท์]
นึกไม่ถึงเลยว่านางพยาบาลตัวเล็กคนนี้จะโดนย้ายมาโรงพยาบาลในเมืองเร็วถึงเพียงนี้ “สาวน้อย ! เธอมีเวลาสักครู่ไหม” ฉู่เหินมองนางพยาบาล และอดไม่ได้ที่จะงึมงำออกมาเบา ๆ
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ฉู่เหินคงเดินเข้าไปคุยกับเธอ แต่ตอนนี้เขาพบกับรักแท้แล้ว เขาจึงคิดว่าจะไม่คุยอ้อร้อกับสาวอื่นอีก ตาของนางพยาบาลฉายแววตื่นเต้นเมื่อเธอเห็นฉู่เหินเดินมา
“ฉันจำคุณได้ คุณชื่อฉู่เหินใช่ไหมคะ” เมื่อฉู่เหินเห็นว่าสาวสวยเริ่มชวนเขาคุยก่อนก็อดที่จะรู้สึกลิงโลดไม่ได้ ในเวลาเดียวกัน เขาก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า “หรือว่าตอนนี้เราจะถึงจุดที่ใคร ๆ ก็ตกหลุมรักแล้วกันนะ” แต่ขณะที่เขากำลังรู้สึกดีกับตัวเอง นางพยาบาลคนนี้ก็พูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉู่เหินโกรธ
“ฉู่เหิน รีบไปแผนกที่พี่ชายคุณอยู่เถอะ คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรก็พยายามบีบให้พี่ชายคุณจ่ายหนี้ บอกว่าทำไมมีเงินรักษา แต่ไม่มีเงินใช้หนี้ แบบนี้ตัดขาทิ้งเสียเลยดีกว่า” เมื่อเธอพูดจบ เขาก็อารมณ์เสียทันที โบราณว่ามังกรต้องตายหากสัมผัสเกล็ดย้อน ในสายตาฉู่เหินพี่ชายของเขาคือเกล็ดย้อนของเขา ถ้าใครกล้าไปลูบย้อนเกล็ดก็เท่ากับรนหาที่ตาย
ฉู่เหินรู้จักพี่ชายของเขาดี พี่ชายของเขาไม่ใช่พวกยืมเงินแล้วไม่คืน ยิ่งไปกว่านั้นช่วงหลายปีมานี้ เขาไม่เคยได้ยินเรื่องหนี้ของพี่ชายเลย พอพี่ชายของเขาล้มป่วย พี่สะใภ้ก็ต้องไปขอยืมเงินจากญาติและเพื่อน ๆ มารักษา แต่ก็ไม่มีใครช่วยพวกเขาเลย ฉู่เหินจึงกล้าบอกได้เต็มปากว่าพี่ชายของเขาไม่เคยติดเงินใคร แต่ในครั้งนี้ กลับมีคนมาทวงหนี้เขา เรื่องนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากล
“ก๊อก ก๊อก” ฉู่เหินเตะประตูเปิดออก แต่สิ่งที่เขาเห็นทำให้เขาโกรธมาก เขาเห็นชายไว้เคราในช่วงวัยสามสิบ คนหนึ่งกำลังเดินอยู่หน้าเตียงของพี่ชายของเขา สองถึงสามก้าว เขาดึงเข็มออกจากขวดของพี่ชายฉู่เหิน มือที่มีแถบกาวแปะอยู่เริ่มกระตุก เลือดเริ่มไหลซึมออกมาบนผิวหนัง
ซูวี่เหมย ที่ยังยืนเถียงรีบเรียกให้หมอมาช่วยทันทีที่เห็นเหตุการณ์ ร่างกายอันกำยำของหวงเจี้ยนหมิงทำให้หนังที่มือของเขาไม่หลุดไปได้ง่าย ๆ แต่ช่วยสองถึงสามวันที่ผ่านมา เขาโดนเข็มฉีดยาทิ่มหลายครั้ง มือก็มีแต่เข็มเต็มไปหมด ตอนนี้ยังมาโดนชายร่างใหญ่ลากอย่างแรงอีก หนังจะไม่หายไปได้อย่างไร
“เฮ้ย ไอ้สารเลว” ฉู่เหินที่เพิ่งเดินเข้ามากล่าวเมื่อเห็นเหตุการณ์เขาไม่ทันมองว่าคนพวกนั้นเป็นใคร เขาก้าวอาด ๆ เข้าไปดึงคอเสื้อแล้วผลักไปข้างหลัง ชายกล้ามโตอย่างกับนักกล้าม โดนฉู่เหินเหวี่ยงลงไปกองกับพื้นอย่างแรง! แรงกระแทกทำให้ชายที่แข็งแรงกระอักเลือดออกปาก พวกมองฉู่เหินด้วยแววตาอันหวาดกลัว
“ว๊ายตายแล้วลูก เป็นอะไรรึเปล่า” ผู้หญิงอีกคนในช่วงวัยห้าสิบ พูดออกมา หลังจากที่ฉู่เหินโยนผู้ชายคนนั้นออกไป เขาก็รีบวิ่งออกไปหิ้วปีกชายคนนั้น เขาเห็นน้ำตาไหลเป็นทาง จนถึงตอนนี้ ฉู่เหินถึงเพิ่งจะสังเกตได้ในที่สุดว่าคนในห้องนี้ทั้งหมดเป็นคนที่เขารู้จัก เจ้าหนุ่มที่ฉู่เหินเพิ่งโยนออกไปคนนั้นแท้จริงแล้วก็คือลูกพี่ลูกน้องของซูวี่เหมย อีกทั้งผู้หญิงคนนั้นก็คือป้าของซูวี่เหมย
เมื่อเห็นฉากการแสดงนี้ฉู่เหินถึงค่อยเกิดอาการตกใจไม่น้อย คือต้องบอกว่าพ่อแม่ของพี่สะใภ้ของเขาตายหมดแล้ว ยายของเธอจึงเป็นคนเลี้ยงเธอมาตั้งแต่เล็กเมื่อยายของพี่สะใภ้ป่วยตาย ซูวี่เหมย ก็มาอยู่กับป้า เรียกง่าย ๆ ว่าป้าคนนี้เป็นเหมือนแม่ของซูวี่เหมย ส่วนลูกพี่ลูกน้องคนนั้นก็คือน้องชายของซูวี่เหมย
ว่าแต่ครอบครัวที่สนิทกันขนาดนี้มาทะเลาะอะไรกันใหญ่โตที่โรงพยาบาลกัน ฉู่เหินรู้สึกว่า สมองของเขาจะใช้การไม่ได้ไปชั่วขณะ แต่พอได้ฟังพี่ชายเขาค่อย ๆ เล่าให้ฟัง ฉู่เหินก็เข้าใจทะลุปรุโปร่ง สรุปแล้วมันก็เกี่ยวกับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ
ลูกพี่ลูกน้องคนนี้ของบ้านป้าของซูวี่เหมย ใกล้ถึงเวลาที่จะแต่งงานแล้ว แต่ฝ่ายหญิงอยากซื้อบ้านในเมือง แต่ครอบครัวบ้านนอกจะมีเงินสักเท่าไหร่กัน จากการเก็บเงินจากตะวันตกถึงตะวันออก(หาทั่วทุกสารทิศ) ก็ยังขาดอีกตั้งหลายหมื่นหยวน พอมาถึงตอนนี้เขาก็ได้ยินว่าฉู่เหินขายของล้ำค่าอย่างมังกรทะเลได้เยอะแยะมากมาย อีกทั้งยังขายได้ตั้ง สองแสนหยวน
มันเลยคิดว่าเงินค่ารักษาของหวงเจี้ยนหมิงมีตั้งสิบหมื่นหยวนคงพอใช้กระมัง! ดังนั้นมันจึงมาหาเธอที่โรงพยาบาทเพื่อพูดขอเพื่อยืมเงินสักคำสองคำ ถ้าตามปกติซูวี่เหมยก็คงจะให้ยืมโดยไม่โต้เถียงอะไร แต่ตอนนี้เธอยังไม่รู้เลยว่าสามีเธอจะต้องใช้ค่ารักษาเท่าไหร่
ปกติแล้วเธอจะออมเงินไว้โดยไม่ใช้สักแดง แม้ฉู่เหินจะบอกเธอว่าโรงพยาบาลอาจช่วยเหลือเรื่องเงินได้ในบางเรื่อง แต่เธอคิดว่าการที่ฉู่เหินตกมังกรทะเลได้สามตัวและหลายได้ในราคาแพง มันไม่ต่างอะไรกับการยื่นมือเข้าช่วยของพระเจ้า พวกเขาไม่วางใจไว้กับอะไรที่ควบคุมไม่ได้
ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ให้ยืมเงินแสนหยวนในกระเป๋า ป้าของเธอถึงกับทรุดและด่าทอซูวี่เหมยว่าอกตัญญู “ฉันอุตส่าห์หาเลี้ยงดูแก ตอนนี้แค่เงินแสนหยวนก็ให้ยืมไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น ก็มาคำนวณกัน”
“ฉันเลี้ยงแกมาตั้งแต่เล็ก ๆ จนแกแต่งงาน สมัยนี้เงิน หนึ่งแสนหยวนหรือ แปดหมื่นหยวน ฉันก็ไม่เคยได้แตะ ถ้าแกจ่ายมา ห้าหมื่นหยวน ก็ถือว่าเราหายกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซูวี่เหมยก็เริ่มใจอ่อน แต่น้าของเขาไม่สนพี่ชายฉู่เหินเลย เธอยังพูดดูถูกต่อ “แกมันเหมือนหมาไม่รู้สำนึก แกมีเงินมารักษาตัว แต่กลับไม่มีเงินใช้หนี้ รีบให้เงินฉันมา แล้วฉันจะไป แกจะได้รักษาตัวต่อ”
เมื่อน้าของเขานั่งร้องไห้กับพื้น นั่นก็ทำให้ลูกชายของลุงโกรธ เจ้าหนุ่มเสือก็เลยเดินตรงเข้าไปกระชากขวดน้ำเลกือมาปาทิ้งทั้งที่เข็มยังคาอยู่ที่มือ เขาทำอย่างรุนแรงมากจนเส้นเลือดที่หลังมือของหวงเจี้ยนหมิงแตก หนังก็หลุดออกไปด้วย
“โอเค แกไม่ต้องใช้หนี้มาก็ได้ ต่อยอีกสักทีเลยสิ ฉันจะเรียกตำรวจมาจับพวกแกไปให้หมดเลย” ฉู่เหินไม่ได้รู้สึกโกรธเมื่อได้ยินน้าของซูวี่เหมย โวยวายเรื่อยเปื่อย อันที่จริงฉู่เหินควรเรียกคนคนนี้ว่าซาอี๊ด้วยซ้ำ แต่สมัยฉู่เหินเล่นที่บ้านซาอี๊ตอนเด็ก ๆ เขากลับถูกสั่งห้ามไม่ให้ออกไปให้ใครเห็น ตอนนั้นฉู่เหินก็ไม่ได้คิดอะไร เขาไม่คิดเลยว่าป้าทั้งสามคนนี้จะเป็นพวกบ้าเงินขนาดนี้
“แต่ป้าควรจะหยุดพูดได้แล้ว ลูกป้าเพิ่งทำผิดกฎหมายนะ เราสามารถฟ้องข้อหาพยายามฆ่าได้นะ จะเอาไหมล่ะห้าหมื่นหยวน ถ้าจะเอาก็เอาไปเลย แต่อย่ามาสร้างเรื่องวุ่นวายอีก”
เมื่อได้ยินคำด่าทอของฉู่เหิน แทนที่จะกลัว ซาอี๊กลับยืนขึ้นแล้วยื่นมือมาชี้หน้าฉู่เหิน “ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ไม่รู้จักโตเสียทีแกกล้าดียังไงมาพูดกับฉันแบบนี้ แกจะทำร้ายฉันเหรอ ก็ลองดูสิ เอาเลย ถ้าทำร้ายฉัน แกก็ต้องจ่ายมาสองแสนหยวน”
หลังได้ยินแบบนั้นฉู่เหินก็ยิ้ม ฉู่เหินสามารถจ่ายสองแสนหยวนได้สบาย ๆ แต่เรื่องอะไรจะจ่ายให้คนพวกนี้ นี่ไม่ใช่ซาอี๊ที่เขาเคยเคารพอีกแล้ว อย่าว่าแต่สองแสนเลย ให้จ่ายสองล้านเขาก็ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก