เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย – ตอนที่ 61 เทศกาลวิวาท (5)

ในทันทีที่พิธีเปิดสิ้นสุดลงไป เหล่าผู้คนที่มารวมตัวกันก็เริ่มต้นมุ่งหน้าตรงไปยังเขตของแต่ละคน

แม้เทศกาลวิวาทจะเป็นงานที่ป่าเถื่อนขนาดไหน แต่ก็มีกฎระเบียบข้อบังคับอยู่ในระดับนึงเหมือนกัน

หนึ่งในนั้นก็คือการจำแนก <<คลาส>>

กล่าวคือจะมีการแบ่งเขตแบบคร่าวๆออกเป็น เขตอาชีพระดับต่ำ เขตอาชีพระดับกลาง เขตอาชีพระดับสูง เพื่อให้สามารถต่อสู้กับคนที่มีระดับฝีมือใกล้เคียงกันนั่นเอง

 

“ ครอส แกเอาชนะอาชีพระดับกลางได้ในการประลองนี่ งั้นก็ไปพื้นที่อาชีพระดับกลางเหมือนกับฉันสินะ ”

 

เพราะแบบนั้นแหละ ผมกับจิเซลจึงมุ่งหน้าไปยังพื้นที่อาชีพระดับกลางขั้นต่ำซึ่งมีคนเลเวลเฉลี่ยราว 20-35 มารวมตัวกัน

กลุ่มเด็กกำพร้าที่มีอาชีพเวทมนตร์และอาชีพเรนเจอร์ซึ่งจะไม่ค่อยได้เข้าร่วมในเทศกาลวันนี้มาก ก็ได้ติดตามผมกับจิเซลมาคอยชมการต่อสู้ด้วย

หลังจากถูกเบียดเสียดอยู่ในฝูงผู้คนไปซักระยะ ในที่สุดพวกผมก็เดินทางมาถึงเขตส่วนที่ตั้งอยู่ทางใต้สุดของเขตฟื้นฟูปรับสภาพเมือง

พอมาจนถึงตรงนี้แล้วอาคารบ้านช่องก็เพิ่มจำนวนขึ้นมา มีร้านรวงแผงลอยต่างๆตั้งเรียงรายอยู่ข้างถนนกว้างเต็มไปหมด

และที่กังวานไปทั่วบริเวณเมืองที่แสนจะครื้นเครงแห่งนั้น ก็คือเสียงการต่อสู้ดังเปรี้ยงปร้างอย่างรุนแรง

 

“ —— <<บัฟความว่องไว>> ! <<เจาะทะลวง>> ! ”

 

แคร๊งงงงงง!

คงจะเป็นเหล่าผู้คนที่ไม่มีโอกาสได้ดูคำพูดเปิดงานอย่างใกล้ชิดรึเปล่านะ

ได้เกิดการวิวาทรุนแรงให้เห็นอยู่ทั่วไปหมดเรียบร้อยแล้ว เหล่าคนดูที่มุงกันเป็นกลุ่มก้อนก็ต่างพากันส่งเสียงเชียร์อย่างป่าเถื่อน

แล้วก็มีคนเจ็บโผล่มาเยอะแยะแล้วด้วยหรอก……แต่เหล่าผู้คนที่มี <<คลาส>> สายพรีสก็คอยทำการรักษาให้อย่างขมักเขม้น ก็เลยไม่ได้บานปลายเป็นเรื่องใหญ่น่ะ

 

“ ให้ว่าแล้ว พวกคนที่เป็น <<พรีส>> นี่ดูเค้าเหมือนจะคันไม้คันมืออยากให้มีคนเจ็บเร็วๆเลยด้วยซ้ำเนอะ…… ”

“ ก็นะ ถ้าไม่มีคนเจ็บในระดับดีๆก็จะฝึกสกิลฟื้นฟูได้ยากด้วยนี่นา นี่ก็เลยถือเป็นโอกาสทองที่จะได้พัฒนาสกิลฟื้นฟูอย่างปลอดภัยภายในเมืองเชียวล่ะ ”

“ อื้มก็คงจะแบบนั้นละมั้ง…… ”

 

ถึงจะเป็นเรื่องปกติที่มีอยู่เรื่อยเป็นพักๆ แต่ก็เป็นเทศกาลที่รุนแรงสมกับแดนศักดิ์สิทธิ์ของนักผจญภัยจริงๆเลย

และในระหว่างที่ผมคุยกับเอรินที่เป็น <<เรนเจอร์>> พลางรู้สึกหยึยอยู่นิดๆ

 

“ อาวละเว้ย งั้นก็จะไปอาละวาดล่ะ ”

 

ราวกับหลงไปกับบรรยากาศของการวิวาท จิเซลพลันกระชากบัสตาร์ดซอร์ดที่ได้ใหม่ออกมา

เกี่ยกับเรื่องความสัมพันธ์ของผมกับคุณเอลิเซียนี่ จิเซลได้พูดว่า [เอ้อ แต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้หรอกเนอะ……] แล้วทำท่าเหมือนเลิกสงสัยไปแล้ว ตอนนี้ก็เลยดูเหมือนว่าในหัวจะคิดถึงแต่เรื่องวิวาทอย่างเดียวเลยแน่ะ เฮ่อ

พอผมแอบถอนหายใจโล่งอก จิเซลที่อยู่เคียงข้างก็ลั่นเสียงตะโกนอย่างเลือดร้อน

 

“ เพราะเวทีที่ใช้ในการประลองกับไอ้พวกขุนนางเป็นป่า เนื้อหาการประลองก็เลยไม่ได้ถูกเผยถึงสายตาประชาชนเว้ย! ยังมีไอ้พวกง่าวที่พูดว่า ‘พวกแคทลียามันกระจอกเองต่างหาก’ แล้วดูหมิ่นดูแคลนพวกเราอยู่เยอะแยะ ดังนั้นวันนี้จะต้องซัดเต็มเหนี่ยวเอาให้ไอ้พวกนั้นมันเงียบปากไปซะให้หมดเลย! เข้าใจแล้วใช่มั้ยวะครอส! ”

“ อะ อือ! ”

 

ว่าแล้วก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง จิเซลบุกทะลวงเข้าไปกลางฝูงชนในทันที แล่นไปท้าหาเรื่องด้วยท่าทางหยั่งกับเป็นนักฆ่าไม่เลือกหน้าเลยนั่น

ก็มีคิดมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วหรอก จิเซลนี่เป็นคนเลือดเดือดซะหยั่งกับว่าฟ้าส่งมาให้เป็นนักผจญภัยเลยนะ……

 

“ ถ้างั้นแล้วผมก็ต้องไปท้าหาเรื่องคนเขาด้วยเหมือนกันหรอก……แต่จะทำยังไงดีล่ะ ”

 

กวาดตามองเลิ่กลั่กไปทั่วบริเวณ

คำพูดของจิเซลก็มีเหตุผล แถมยังถูกพวกคุณลีโอเน่บอกว่าวันนี้จะถือเป็นโอกาสได้ทดสอบฝีมือ ฉะนั้นก็จงตั้งหน้าตั้งตาสู้กับผู้คนให้ได้เยอะๆมาด้วย

ผมก็เลยไล่ตามหาคนที่จะมาวิวาทด้วยหรอกนะ

 

“ แต่เพราะไม่ชินกับบรรยากาศป่าเถื่อนแบบนี้ ก็เลยไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี…… ”

 

พอเห็นผมแบบนั้น เหล่ากลุ่มเด็กกำพร้าก็แผดเสียงออกมาด้วยท่าทางเหมือนเพลียจับจิต

 

“ เอ็งนี่น้า เก่งขึ้นมาในระดับที่ชนะจิเซลกับลูกไล่ของขุนนางได้แบบตัวตัวแล้วแท้ๆ แต่ก็มีไอ้นิสัยเหมือนพวกไก่อ่อนนี่แหละไม่ได้เปลี่ยนไปเล๊ย ”

“ เน้อ ถ้าเก่งขึ้นมาแล้วก็น่าจะกลายมามีนิสัยออกคล้ายๆจิเซลมากขึ้นแท้ๆ ”

“ มะ มันเป็นแบบนั้นเหรอ……? ”

 

และ เป็นในจังหวะที่กำลังคุยเล่นกับเหล่ากลุ่มเด็กกำพร้าพลางขวัญฝ่อกับบรรยากาศของเทศกาลอยู่นั่นเอง

 

“““ โอ้ววววววววววววววววว! ”””

 

ที่มีเสียงโห่ร้องดังขึ้นอีกระดับ ระเบิดก้องขึ้นมาจากกลุ่มคนมุงใกล้ๆ

 

“ ไอ้เจ้าดวอร์ฟนั่นมันสุดยอดไปเลย! เท่านี้ก็ปราบไปได้ 8 คนแล้ว! ”

“ แถมยังแทบไม่มีแผลเลยด้วยนะ! เลเวล 28 จริงๆน่ะเรอะ!? ”

 

อะไรหว่า? พอหันมองไปทางนั้นปุ๊บ ก็พบดวอร์ฟหุ่นล่ำบึ้กสุดยอดอยู่ตรงใจกลางของกลุ่มคนมุง

 

“ กะฮะฮะ! ไม่มีไอ้หน้าไหนเก่งกว่านี้แล้วเรอะ! ”

 

เขาที่กวัดแกว่งกระบองเหล็กพร้อมหัวเราะอย่างเริงร่าคนนั้นช่างมีรูปโฉมที่เหมือนกับนักรบเจนสนามเหลือเกิน แถมยังหน้าโหดระดับที่แค่จ้องเขม่นใส่เท่านั้นก็น่าจะทำเอาพวกสัตว์ตัวเล็กๆช็อคตายได้แล้วอีกต่างหาก

 

“ อุเหวย อย่างน่ากลัว ไอ้ตัวแบบนั้นต่อให้ยังไงก็ไม่อยากจะสู้ด้วยเด็ดขาดเลย…… ”

 

ในฉับพลันที่กลุ่มเด็กกำพร้าคนนึงพึมพำอย่างตกสั่นขวัญแขวนออกมาว่างั้น

 

“ อื๋อ? เฮ้ย แกมันคือไอ้เจ้า <<ไร้อาชีพ>> ที่ร้องไห้แงๆกลางพิธีประทานนั่นไม่ใช่เรอะ!? ”

“ เอ๊ะ ”

 

คุณดวอร์ฟที่เหมือนจะสัมผัสแววตาของผมได้จากอีกฟากของกลุ่มคนมุงพลันแผดเสียงดังลั่นขึ้นมา

จากนั้นจึงเดินดุ่มๆตรงมาทางนี้ทั้งอย่างนั้น แล้วจ้องเข้ามายังใบหน้าของผมด้วยหน้าโหด

 

“ ใช่จริงด้วย! คือว่างี้ไง ได้ยินว่าแกกลายเป็นกำลังรบสำคัญจนทำให้เอาชนะขุนนางมาได้ก็จริงหรอก แต่ภาพลักษณ์ขี้แยในตอนพิธีประทาน <<คลาส>> นั่นมันติดตาอะนะ ก็เลยสงสัยมาตลอดเชียวแหละว่ะ แกมันเก่งขนาดนั้นจริงๆน่ะเรอะ! ”

 

พอคุณดวอร์ฟพูดเข้าใส่ผมรวดเดียวแล้ว เขาก็จ้องสังเกตการณ์ผมตาเป็นมัน

แล้วจากนั้นจึงปั้นรอยยิ้มที่ดูเหมือนอยากจะแกล้งนิดๆขึ้นมา ก่อนจะประกาศกร้าวชัดเจนว่า

 

“ ก็ตามนั้นแหละ ว่าไงล่ะไอ้หนู สนใจจะลองมาวิวาทต่อยตีกับฉันซะหน่อยมั้ย!? ”

“ ! ”

 

คำท้าวิวาทอย่างกะทันหันของคุณดวอร์ฟ

พอได้ยินนั่นเข้าแล้ว ผู้คนโดยรอบก็โวยขึ้นมาแบบกึ่งๆหัวเราะ

 

“ เฮ้ยๆอย่าไปแกล้งเด็กมันน่า คิดว่าระดับเลเวลกับหุ่นกล้ามเนื้อต่างชั้นกันถึงขนาดไหนเชียวน่ะ ”

“ เหมือนจะชนะปาร์ตี้ขุนนางได้ก็จริงหรอก แต่จะให้สู้กันแบบตัวตัวนี่ก็คงเกินไปม้าง ”

“ กะฮะฮะ เอ้อ ก็ท่าจะมวยคนละรุ่นกันจริงแหละนะ ต้องขอโทษด้วยนะไอ้หนู ว่ากันตามตรงแล้วก็สงสัยเรื่องความเก่งของแกจริงๆเลยนั่นแหละ แต่ฉันเองก็ไม่ได้กะจะท้าสู้กับเด็กที่เป็น <<ไร้อาชีพ>> แบบจริงจังหรอ—— ”

 

 

“ ว้าว ขอบคุณนะครับที่ช่วยมาท้า! ”

 

 

คุณดวอร์ฟที่ได้ยินเสียงคนมุงเขากำลังพูดอะไรออกมาอยู่ก็จริง แต่ผมก็รีบตอบกลับอย่างเร็วซะราวกับเป็นการขัดจังหวะ

ก็ถือเป็นโอกาสดีเลยนี่นา พอกำลังกลุ้มไม่รู้ว่าจะหาเรื่องเค้ายังไงดีอยู่ อีกฝั่งก็อุตส่าห์เดินตรงเข้าท้าด้วยตัวเองเลยแบบนี้น่ะ

ต้องกระโจนเข้ารับคำท้าอย่างเต็มใจแน่อยู่แล้ว

 

“ ผมหาเรื่องใครเขาไม่เป็นก็เลยกำลังกลุ้มอยู่เลยครับ เอเหมือนว่า จะต้องแสดงเฉพาะเลเวลบนสเตตัสเพลทให้กันและกันเห็น แล้วถ้ายินยอมก็จะถือว่าตกลงทำศึกแบบตัวต่อตัวกันงั้นสินะครับ? ”

“ เฮ้ยครอส!? คิดจะสู้จริงๆน่ะเรอะ!? ”

 

พอผมกำลังถามยืนยันขั้นตอนของเทศกาลวิวาท เหล่ากลุ่มเด็กกำพร้าก็แผดเสียงดังลั่นเข้ามาด้วยท่าทางตกตะลึง

เหล่าคนมุงโดยรอบก็เริ่มส่งเสียงทำนอง “เอ๊ะ เอาจริงง่ะ?” กันอื้ออึง กระทั่งคุณดวอร์ฟที่อุตส่าห์เข้ามาท้าชวนก็ถึงกับเบิกตากลมเลย

 

“ ……จะพูดไว้ก่อน ถ้าเริ่มสู้กันแล้วก็จะไม่ออมมือให้หรอกนะ? ”

“ ? แน่นอนสิครับ ผมก็จะทุ่มสุดกำลังเลยด้วยเหมือนกัน ขอฝากตัวด้วยนะครับ! ”

 

และแล้วผมกับคุณดวอร์ฟก็หันประจันหน้ากันอยู่ตรงกึ่งกลางของพื้นที่ทรงกลม

 

“ เฮ้ยๆ ไอ้เจ้าเด็กนั่นมันเลเวล 0 ของจริงเลยนะเว้ย! การวิวาทระหว่างเลเวล 0 กับ 28 แหละ! ”

“ จะจบสวยมั้ยเนี่ยหยั่งเงี้ย!? รีบไปเรียก <<พรีส>> ฝีมือดีมาตั้งแต่ตอนนี้เลย! ”

 

เหล่าคนมุงโดยรอบต่างก็ตื่นเต้นกันยกใหญ่ และนั่นก็กลายเป็นตัวดึงดูดให้มีผู้ชมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเลย

 

(ขะ คนสนใจกันเยอะซะจนชวนให้นึกถึงตอนสอบชิงสิทธิเลยแฮะ)

 

ความเด่นสะดุดตาในเชิงไม่ดีของ <<ไร้อาชีพ>> นี่เล่นทำเอาผมรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมานิดๆ

และเป็นตอนนั้นเอง ที่มีเสียงร้องอย่างสับสนสุดขีดของกลุ่มเด็กกำพร้าดังมาจากข้างหลังผม

 

“ หะ เฮ้ยครอส จู่ๆเอ็งก็ไปท้าประลองกับดวอร์ฟหน้าโหดแบบนั้นเนี่ยนะไม่กลัวบ้างเลยเรอะ!? เลเวล 28 นี่มัน สูงมากยิ่งกว่าเจ้าพวกลิ่วล้อขุนนางที่สู้กันในการประลองอีกนะ!? ”

“ เอ๊ะ? ”

 

จะว่าไปแล้ว……

หากเป็นตัวผมเมื่อตอนก่อนหน้าแล้วละก็ ถ้าเจออะไรแบบนี้เข้าก็คงจะแตกตื่นหรือไม่ก็หวาดหวั่นไปแล้ว

อ่าแต่ก็ จนตอนนี้ก็ยังแอบมีรู้สึกหวั่นใจอยู่นิดหน่อยเหมือนกันหรอกนะ……แต่ที่สำคัญกว่านั้นแล้วคือ

 

(……รู้สึก ตื่นเต้นขึ้นมาหน่อยๆ?)

 

มันอะไรกันน่ะ……ผมรู้สึกแปลกใจกับการเปลี่ยนไปของตัวเองอยู่หรอก แต่ก็ไม่มีเวลาให้มามัวคิดมากอยู่

เพราะคุณดวอร์ฟที่เข้าประจำที่เขาเตรียมกระบองเหล็ก แล้วส่งสายตาอันรุนแรงตรงดิ่งเข้ามาใส่ทางนี้เลยไงล่ะ

 

“ เอ้องั้นก็ ถ้าออมมือแล้วจะเป็นการเสียมารยาทด้วยนี่นะ……งั้นจะขอเป็นฝ่ายบุกเข้าไปใส่เองเลยนะเฟ้ยยยยยยย! ”

“ ฮึก! ”

 

คุณดวอร์ฟแผดเสียงคำรามดังสนั่นแล้วพุ่งปรี่เข้ามาใส่

พริบตานั้น สัมผัสได้ถึงความรู้สึกหนักอึ้งพร้อมกับที่ขนทั่วร่างลุกชัน

นี่มัน——

 

“ เอาแล้ว! สกิลกดดันของ <<นักรบหนัก>> ! ข่มให้การเคลื่อนไหวหน่วงช้าแล้วจึงกะจะขยี้ทิ้งให้ได้ในเปรี้ยงเดียวเลยงั้นสินะ! ”

“ อุโอรย้าาาาาาาาาาาาาาา! ”

 

ดั่งกับเป็นการตอบรับต่อเสียงร้องของผู้ชม คุณดวอร์ฟพลันฟาดกระบองเหล็กเข้ามาโดยที่ยังเปิดใช้สกิลกดดันอยู่ทั้งอย่างนั้น

การโจมตีแสนหนักอึ้งของดวอร์ฟ ที่ต่อให้ไม่ได้เป็น <<คลาส>> ซึ่งเด่นด้านการโจมตีแต่ก็ยังจะสำแดงอำนาจกำลังแขนได้อย่างสูงล้ำอยู่ดี

หากเป็นดังปกติแล้วก็คงจะปิดเกมได้ในเปรี้ยงเดียวเลยจริงๆนั่นแหละ แต่ว่า

 

(ถ้าเทียบกับ <<กดดัน>> ของคุณลีโอเน่แล้วก็จิ๊บจ๊อยไปเลย!)

 

เผลอๆแล้วการโจมตีนั่นยังจะดูเหมือนเป็นสัญญาณเริ่มการต่อสู้ซะด้วยซ้ำ ร่างกายของผมมันร้อนรุ่มขึ้นมาในชั่วอึดใจเดียว

 

“ ย่าาาาาาาาาาา! ”

 

ผมเอี้ยวตัวหลบกระบองเหล็ก แล้วจึงฟาดดาบไปยังใบหน้าด้านข้างของคุณดวอร์ฟ

 

“ ห้ะ!? ”

 

ครี๊งงงงงงงงงงงงงง!

เสียงโลหะกระทบกระทั่งแหลมสูงดังสนั่น

คุณดวอร์ฟเขารับการตีโต้กลับของผมเอาไว้ได้แบบฉิวเฉียดเลยนั่นเอง

สมแล้วล่ะ ไม่อ่อนระดับที่จะตีเข้าด้วยการโจมตีที่ไม่ได้ใช้สกิลจริงๆด้วย

 

“ ไอ้หนู นี่แก……!? ”

 

แต่ก็เหมือนว่าการโจมตีนนั่นจะเป็นตัวปลุกใจคิดสู้ของคุณดวอร์ฟให้ลุกโชนโชติช่วงขึ้นมาแล้ว

หน้าโหดที่บิดเบี้ยวไปด้วยความตกตะลึงเปลี่ยนกลายมาเป็นเคร่งเครียดจริงจังในฉับพลันถัดมา ดวงตาของการเอาจริงทิ่มทะลวงเข้าหาผม

พอรับแววตานั่นไปแล้ว ร่างกายของผมก็ยิ่งร้อนรุ่มมากยิ่งขึ้น

 

“ ไปแล้วนะครับ—— <<บัฟสมรรถภาพร่างกาย>> ! <<บัฟกำลังดาบระดับกลาง>> ! ”

“ ……ขึก! สกิลระดับกลาง <<บัฟกำลังอาวุธ>> ! <<ห่อหุ้มเคลือบแข็ง>> ! ”

 

หลังเห็นผมเปิดใช้สกิล คุณดวอร์ฟก็เปิดใช้สกิลซ้ำหลายตัวไปด้วยราวกับจะไม่ยอมน้อยหน้า

การโจมตีที่เหนือชั้นคนละระดับกับการลองเชิงเมื่อกี้แล่นเฉี่ยวแก้มไป แต่ผมก็อาศัยท่วงท่าการขยับตัวที่คุณลีโอเน่ช่วยสอนให้เพื่อพุ่งทะยานดิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่แยแส

แกร้งงง! เปรี้ยง! ครี๊ดดครี๊ดดดครี๊ดดด!

เสียงจากการที่ผมกระแทกกระทั้นอัดการโจมตีเข้าใส่ชุดเกราะของคุณดวอร์ฟ

ไม่ก็เป็นเสียงจากการปัดเบี่ยงวิถีการโจมตีของคุณดวอร์ฟที่หลบไม่พ้นนั่น มันดังกังวานลั่นขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก

 

“ หะ เฮ้ยนี่มันยังไงกันเนี่ย!? ”

“ <<ไร้อาชีพ>> เลเวล 0 ซัดกับดวอร์ฟที่ชนะรวด 8 คนได้อย่างสูสีเลยเนี่ยนะ!? ”

 

แม้จะมีเสียงอย่างตกตะลึงและสับสนดังมาจากผู้คนโดยรอบแบบดีเลย์ แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรแบบนั้นอีกแล้ว

ที่อยู่ภายในหัว มีเพียงการห่ำหั่นปะทะที่เปิดฉากขึ้นต่อหน้าแบบหวุดหวิดหวาดเสียว กับสถานะของตัวเองในตอนนี้ก็เท่านั้น

 

(ร่างกายเบาหวิวเลย……!)

 

ความตึงเครียดแบบชวนให้รู้สึกดีที่ต่างนิดๆไปจากการประลองฝีมือกับคุณลีโอเน่มันเปี่ยมล้นไปทั่วร่าง สัมผัสได้ว่าตัวเองกำลังจมดิ่งจดจ่ออยู่กับการต่อสู้เบื้องหน้าเพียงอย่างเดียว

และท่ามกลางการปะทะแลกดาบอันรู้สึกดีที่ความรู้ประสบการณ์ของพวกเราจะได้พุ่งเข้าประชันกันนั่นเอง ที่มีความคิดนึงลอยเข้ามาอยู่ในหัวของผม

 

(ถ้าเกิดว่าผมในตอนนี้ ซึมซับได้สไตล์การต่อสู้ที่คุณลูด์มิร่าช่วยสอนให้นั่นมาแล้วละก็……)

 

นั่นมันดั่งกับเป็น ความรู้สึกเหมือนคิดการละเล่นใหม่ได้ขึ้นมาในระหว่างที่กำลังเล่นอยู่กับเพื่อน

ไม่ได้กำลังถูกกดดันหลังชนฝามากมายอะไรแท้ๆ จะเล่นทดลองกลยุทธ์ที่เพิ่งคิดขึ้นได้ออกมาจริงๆเลยนี่มันบ้าไปแล้วชัดๆ

แต่ความรู้สึกตื่นตัวที่เปี่ยมล้นทั่วร่างในระหว่างการต่อสู้ ก็ผลักหลังดันให้ผมขยับออกไปเองอย่างไม่อาจขัดขืน

พริบตานั้น ผมพลันถอยเว้นระยะห่างออกจากคุณดวอร์ฟในรวดเดียว

ที่ขับขานออกมาจากปาก ก็คือบทกลอนของสายลมที่จะมอบปีกมาให้

 

“ สวมใส่อาภรณ์แห่งนภา สานห้วงแห่งความว่างเปล่า ให้เห็นราวกับฉกฉวยกลีบดอกที่ปลิวไสว—— ”

“““ ฮึก!? อะไรน่ะ!? เวทมนตร์!? ”””

 

คำร่ายของผมทำให้ฝูงคนมุงพากันตื่นตะลึง

 

“ ……ขึก!? ที่ว่า <<ไร้อาชีพ>> สามารถใช้สกิลเวทมนตร์ได้ด้วยนั่นมันเป็นเรื่องจริงงั้นเรอะ! เอ้ยแต่ว่า อยู่ใกล้แบบนี้อย่าหวังจะเอ่ยคำร่ายเวทมนตร์ได้จบเลย! ”

 

ถึงคุณดวอร์ฟจะผงะตัวแข็งไปด้วยความตกตะลึง แต่เขาก็ปรับตัวรับสถานการณ์แล้วทะยานปรี่เข้ามาทันที

ไล่ต้อนผมที่จดจ่ออยู่กับการหนีได้ในอึดใจ แล้วจึงกวาดกระบองเหล็กเข้ามาใส่ ทว่า

 

“ —— <<ทะยานหุ้มวายุ>> ! ”

 

<<ทะยานหุ้มวายุ>> ที่มีคำร่ายสั้นก็พลันจบสมบูรณ์ซะก่อนที่การโจมตีของคุณดวอร์ฟจะทันได้โดน

สายลมพัดโหมกระหน่ำ มอบอำนาจการเคลื่อนไหวที่เหนือล้ำไปกว่าอาชีพระยะประชิดให้แก่ร่างกายของผม

และแล้วผมก็ พุ่งทะยานขึ้นไปสู่ท้องฟ้าสูง

 

“ หายไปแล้ว!? ”

 

คุณดวอร์ฟถูดวงตาที่โดนพิษของฝุ่นทรายที่ลอยฟุ้งเข้าไป พร้อมกับหันมองไปยังรอบบริเวณ

และผมที่ล่องลอยอยู่กลางอากาศ ก็เหวี่ยงดาบสั้นตรงแหน่วลงมายังบริเวณหัวที่ไร้ซึ่งการป้องกันนั่น

แต่ก็สมกับเป็นอาชีพระดับกลางที่สร้างผลงานเอาชนะรวดได้ 8 คนจริงๆนั่นแหละ

 

“ ฮึก! ข้างบนเรอะ! ”

 

คุณดวอร์ฟสังเกตเห็นตัวผมได้แบบฉิวเฉียดแล้วเหวี่ยงกระบองเหล็กฟาดเข้ามา

ดังที่ผมได้คาดการณ์เอาไว้

 

“ <<ทะยานหุ้มวายุ>> ! ”

 

พริบตานั้น ผมก็พลันก่อสายลมให้พัดกรรโชกขึ้นซ้ำอีก

ปรับเปลี่ยนท่วงท่ากลางอากาศที่ตามเดิมแล้วไม่น่าจะสามารถขยับตัวได้

เอี้ยวตัวในนาทีสุดท้าย ฟาดเบี่ยงวิถีการจู่โจมของคุณดวอร์ฟที่บกพร่องความแม่นยำเนื่องจากไม่มีเวลาไปได้อย่างสมบูรณ์

และแล้วพลังอำนาจที่ถูกปัดนั่น——ก็พลันแยกคมเขี้ยวเข้าทำร้ายใส่ตัวคุณดวอร์ฟซะเอง

 

 

“ ครอสเคาน์เตอร์กลางอากาศ! ”

 

 

“ ห้ะ!? อ๊าาาาาาาากกกกกกกกก!? ”

 

ตู้มมมมมมมมมมมมมม!

การโจมตีแสนหนักหน่วงถูกปล่อยกระแทกกระทั้นอัดเข้าไปใส่ร่างกายอันล่ำบึ้กของคุณดวอร์ฟ

กำลังแขนของผม ความเร็วที่ร่วงตกลงมา พละกำลังของตัวคุณดวอร์ฟเอง

ทั้งหมดมวลนั่นมันถูกอัดรวมเอาไว้ในจุดเดียว ส่งคุณดวอร์ฟที่ชุดเกราะแตกกระจายให้ล้มฟุบลงไปกับพื้น

 

“ อะ ขั่ก……! มะ มันอะไรน่ะ ไอ้เจ้าวิธีการใช้สกิลนั่น……!? ”

 

น่าตกใจก็ตรงที่แม้โดนเข้าไปขนาดนั้นแต่คุณดวอร์ฟก็ยังมีแรงพอจะลุกกลับขึ้นมาไหวอยู่อีก เขาแผดเสียงอย่างตกตะลึงออกมาพร้อมพยายามจะชันตัวลุกขึ้น ทว่า——กึก

ลำคอของเขา ก็พลันถูกจ่อโดยดาบสั้นของผมที่ลงมาเหยียบพื้น

 

“ ……ฮึก!? ”

 

ดวงตาของคุณดวอร์ฟเบิกกว้างราวกับปักใจเชื่อไม่ลง

และจากนั้นนั้นซักระยะ ภายหลังจากที่เกิดเป็นความเงียบงันเหมือนกับว่าเวลาหยุดนิ่ง

 

“ อุ ขุ่ก……ยะ ยอมแพ้ ”

 

คุณดวอร์ฟที่อึ้งพูดอะไรไม่ออก ก็ยกแขนสองข้างขึ้นพร้อมกับกล่าวเจตจำนงขอยอมแพ้ออกมาอย่างชัดเจน

พริบตานั้น——โว้ววววววววววววววววว!

เสียงร้องราวกับแผ่นดินสะเทือนของคนดูที่คอยเฝ้ามองทิศทางการวิวาทก็พลันดังสนั่นระเบิดระเบ้อ

 

“ อะไรของไอ้เจ้านั่นน่ะ!? ไม่ใช่แค่สกิลระยะประชิดอย่างเดียวแต่ใช้ได้ไปยันสกิลเวทมนตร์เลยนะ!? ”

“ ให้ว่าแล้วสามัญชนไปทำอีท่าไหนถึงเรียนเคาน์เตอร์ได้กันวะ!? ไม่ดิว่ากันแต่แรกเริ่มแล้วเคาน์เตอร์กลางอากาศนี่มันอิหยัง!? ”

“ เฮ้ยแบบนี้ อาจจะเอาชนะขุนนางที่เก่งตามคำร่ำลือได้จริงๆเลยรึเปล่า…… ”

“ ขะ ใครกันวะที่ปากพล่อยพูดว่าไอ้เจ้าครอสมันยังมีนิสัยเป็นไก่อ่อนไม่เปลี่ยนเลยน่ะ…… ”

“ นายนั่นแหละย่ะ…… ”

 

ไม่ว่าใครในที่แห่งนั้นก็ต่างกล่าวชื่นชมกับการต่อสู้เมื่อครู่

แต่เสียงอื้ออึงนั่นก็ส่งมาไม่ถึงหูของผมจริงๆนั่นแหละ

 

“ ……ฮึก ”

 

ความร้อนรุ่มจากการต่อสู้เมื่อกี้มันเปี่ยมล้นเต็มไปทั่วร่าง ช่างรู้สึกดีเหลือเกิน

และ ไหล่ของผมที่กำลังจมปลักอยู่กับควันหลงของการวิวาทก็พลันถูกกระแทบด้วยแรงกระแทกดังตุบ!

 

“ เฮ้ยไอ้หนู! ”

 

คุณดวอร์ฟที่ยืนกลับขึ้นมาเมื่อไหร่ไม่รู้เขาวางมือลงเหนือไหล่ของผมนั่นเอง

คุณดวอร์ฟปั้นรอยยิ้มเริงร่าขึ้นมาเหนือหน้าโหด แล้วจึงพูดต่อออกมา

 

“ ฝีมือเอาเรื่องเลยนะ! ”

“ ! ”

“ ตอนแรกก็แอบดูถูกว่า <<ไร้อาชีพ>> คงไม่ใช่ปัญหามากมายอะไร แต่ฉันคิดผิดไปโดยสมบูรณ์เลย ได้สู้กับตัวพิลึกๆแบบแกแล้วรู้สึกสนุกมากเลยว่ะ ไว้มาตีกันอีกนะ! ”

“ ฮึก! ครับ ขอบคุณมากเลยนะครับ! ”

 

และแล้วผมที่จับมือกับคุณดวอร์ฟ ก็คิดว่า อ๋อ แบบนี้เอง พร้อมรับรู้ถึงการเปลี่ยนไปของตัวเองซะที  

การสอบชิงสิทธิ ศึกเป็นตายกับมอนสเตอร์ ริสก์ 4 แล้วก็การประลองกับพวกคุณแคทลียา

เพราะผ่านการต่อสู้มากมาย เพราะผ่านการฝึกวิชาอันหลากหลายของพวกอาจารย์ที่ช่วยมอบพลังที่มากเพียงพอจะใช้ก้าวข้ามศึกเหล่านั้นมาให้

ผมก็เลยน่าจะเริ่ม รู้สึกสนุกกับการได้ทุ่มฝีมือเข้าประชันกับผู้อื่นแล้วละมั้ง

 

“ ……ฮึก ”

[ขั้นแรกเลยก็คือต้องเริ่มจากเอาให้รู้สึกสนุกกับการต่อยตีวิวาทก่อนละนะ]

 

รู้สึกเหมือนในที่สุดคำสอนของคุณลีโอเน่ที่กล่าวเช่นนั้นพร้อมฝึกวิชาให้ก็เริ่มจะผลิดอกขึ้นมาภายในตัวผมได้ซะที ใจมันอบอุ่นเร่าร้อนไปหมด

และราวกับได้ความเร่าร้อนนั่นช่วยดันหลัง ผมพลันกระโจนตัวเข้าไปสู่วังวนของการต่อยตีวิวาทมากยิ่งขึ้นอีก

 

 

 

 

ในระหว่างที่เทศกาลวิวาทกำลังครืกครื้นตื่นเต้นกับการปรากฎตัวของผู้มากความสามารถที่เหนือคาดฝัน

ก็มีเงา 3 เงากำลังยืนอยู่เหนือหอระฆังที่ตั้งอยู่ใกล้กับเขตทะเลาะวิวาท  

อสูรร้ายที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นระดับสุดแกร่งของโลก เหล่านักผจญภัยระดับ S นั่นเอง

ทั้งสามจ้องมองลงมาด้วยสายตาของอาชีพระดับสูงสุดแห่งสวรรค์ที่เหนือล้ำมากไปกว่าอาชีพระดับสูงสุด ก่อนจะแผดเสียงพึมพำออกมาอย่างพึงพอใจ

 

“ เยี่ยมๆ ไอ้เจ้าครอสเริ่มจะสนุกกับการต่อสู้จริงขึ้นมาพอตัวแล้วนี่หว่า ”

“ อืม ก็มีกังวลว่าจะถูกเลี้ยงให้ออกมามีนิสัยป่าเถื่อนเหมือนลีโอเน่อยู่เหมือนกันหรอก แต่ใจคิดสนุกกับการต่อสู้เช่นนั้นไม่ถือเป็นปัญหาแต่อย่างใดเลย ท่วงท่าที่เป็นฝ่ายออกตัวเข้าใส่อย่างตั้งหน้าตั้งตาด้วยตนเองก็ถือเป็นคุณสมบัติสำคัญที่จะเชื่อมโยงไปสู่การกล้าลองผิดลองถูกในการต่อสู้ด้วย ”

“ เอะเฮะเฮ้~ ตั้งแต่ฝึกเวทมนตร์เป็นต้นมาก็เริ่มให้มีทำการต่อสู้จริงร่วมไปบ้างหรอก แต่แบบนี้ถ้าเพิ่มการฝึกแบบต่อสู้จริงให้มีมากขึ้นก็คงไม่เป็นอะไรแล้วละมั้งเน้ออ~ ”

 

คอยเฝ้ามองการต่อสู้ของเด็กหนุ่มผู้นึงอย่างอารมณ์ดีไปพลาง ลิ้มชิมรสชาติของโปรดของแต่ละคนที่ซื้อมาจากแผงลอยไปด้วย

แม้จะไม่ได้เข้าร่วมในการวิวาท แต่พวกเธอเองก็กำลังดื่มด่ำสนุกสนานกับเทศกาลตามประเพณีของนักผจญภัยอยู่เต็มที่ด้วยเช่นกัน  

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย
Status: Ongoing
อ่านนิยายเหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ยกาลครั้งนึงแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเมื่อไหร่ ได้มีวีรสตรี 3 คนที่ถูกกล่าวขานล่ำลือกันว่าเป็นตัวตนผู้แข็งแกร่งทรงพลังมากที่สุดในโลกอยู่ครับ ความแข็งแกร่งของพวกเธอนั้นเรียกได้ว่าเป็นระดับเหนือมนุษย์เลยเชียว คนนึงสามารถต่อยขุนเขาให้แหลกกระจุยได้ด้วยหมัดเปล่า คนนึงสามารถเป่าร่างของพลทหารนับหมื่นนายให้ลอยปลิวหายไปได้ด้วยการโจมตีจากเวทมนตร์เพียงครั้งเดียว ส่วนอีกคนก็เป็นหญิงพิลึกพิลั่นที่เอาเวทฟื้นฟูกับเวทสนับสนุนมาใช้ฆ่าคนได้ เลยกลายเป็นตัวตนที่ถูกหวาดกลัวไปตามระเบียบ แค่เพียงคนเดียวก็โหดพอจะทำให้ประเทศหนึ่งถึงการล่มสลายได้อย่างง่ายดายแล้ว ยิ่งถ้าเหล่าวีรสตรี 3 คนนั้นมาสุมหัวรวมตัวไปไหนมาไหนด้วยกันแล้วนี่คงอาจต้องเรียกว่าเป็นภัยพิบัติเดินได้ การหวนคืนชีพของเทพมาร หรือในบางพื้นที่ก็อาจจะระบุตัวตนของพวกเธอเป็นเทพผู้ชั่วร้ายกันเลยก็เป็นได้…..หากอาศัยใช้งานความแข็งแกร่งนั่นซะอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอะไรต่อมิอะไรก็คงบันดาลให้เป็นดั่งที่ใจพวกเธอต้องการได้เกือบทั้งหมดเลยกระมัง แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีสิ่งที่แม้แต่สามคนนั้นเอง ก็ยังไม่อาจได้มาครอบครองอยู่ครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset