❖❖❖❖❖
ท่ามกลางความเงียบสงบของดันเจี้ยนอันแสนมืดมิด ที่มีสภาพพื้นที่โดยรอบเป็นถ้ำปิดตายไร้ซึ่งความอบอุ่นจากแสงอาทิตย์ แต่ก็ยังคงมองเห็นพื้นที่ใกล้เคียงได้อยู่ ทั้งนี้ก็เป็นเพราะเพดานของถ้ำที่ว่า มีจุดสีฟ้าเข้มและอ่อนตัดกันไปมา จุดสีเหล่านั้นเรียงรายกันไปทั่วอยู่บนนั้นอย่างไร้รูปแบบ แต่ก็ยังคงความงดงามจนยากจะละสายตาได้ กำลังส่องประกายไปทั่วจนคล้ายกับท้องฟ้าจำลองยังไงอย่างงั้น
ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก!
แล้วท่ามกลางความสงัดที่ว่า กลับมีเสียงฝีเท้าของเด็กหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นเป็นจังหวะอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่เด็กหนุ่มคนนี้ก็ไม่ได้วิ่งแต่อย่างใด แต่ระยะห่างระหว่างก้าวหนึ่งครั้งที่ได้ยินนั้นกลับกระชั้นชิดเสียเหลือเกิน ราวกับเขาคนนี้กำลังเดินหนีไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อหลบเลี่ยงอะไรบางอย่างอยู่ยังไงอย่างงั้น บนใบหน้าของเด็กหนุ่มนั้นไม่ได้มีความหวาดกลัวเลยซักนิดเดียว จะมีก็แต่สีหน้าลำบากใจกับเหงื่อไหลลงมาจากใบหน้าเพียงสองสามหยดเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่ตามเขามาไม่ใช่สิ่งที่เป็นอันตรายต่อชีวิตของเขา
ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก!
ห่างออกไปจากเด็กหนุ่มที่กำลังเดินจ้ำอ้าวอยู่เพียงไม่ถึง 2 เมตร ก็มีเสียงฝีเท้าแบบเดียวกันกำลังเดินตามเด็กหนุ่มไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน เห็นได้ชัดเลยว่าสิ่งที่ตามเด็กหนุ่มคนนั้นมาติดๆกันก็คือมนุษย์นั่นเอง แตกต่างจากเด็กหนุ่ม เสียงฝีเท้าของคนๆนี้ดูนุ่มนวลและลงน้ำหนักน้อยกว่ากันมากแม้จะเดินด้วยความเร็วเท่าๆกันก็ตาม นั่นเพราะคนที่เดินตามเด็กหนุ่มที่ว่าไปอยู่นี้ เป็นเด็กสาวที่มีอายุไล่เลี่ยกับเด็กหนุ่มนั่นเอง
จังหวะการก้าวเดินของเธอนี้ไม่ได้มีความสม่ำเสมอเช่นเดียวกับเด็กหนุ่ม อาจเป็นเพราะกังวลว่าจะถูกรู้ตัวหรือต่อว่าก็ตามแต่ นั่นเลยทำให้การก้าวเดินในแต่ละครั้งของเธอดูกังวลมาก แต่ถึงเป็นเช่นนั้น เธอก็ยังเดินไล่ตามเด็กหนุ่มอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ทิ้งระยะห่างมากเกินไปจนไล่ตามเขาไม่ทันนั่นเอง
ควับ!
〝ว้าย!〞
แล้วเด็กหนุ่มที่ถูกเดินตามมาตลอดกว่า 30 นาทีก็หมดความอดทนในที่สุด เขาใช้เท้าทั้งสองข้างกดน้ำหนักลงที่พื้นอย่างหนักเพื่อหยุดเดินกระทันหัน แล้วหมุนข้อเท้าทั้งสองเพื่อให้ลำตัวท่อนบนหันไปในทิศทางที่เด็กสาวเดินตามตัวเองอยู่อย่างรวดเร็วราวกับกำลังทำท่ากลับหลังหันของทหารอยู่ยังไงอย่างงั้น นั่นเลยทำให้เด็กสาวที่มองแต่แผ่นหลังของเขามาตลอด เผชิญเข้ากับสายตาที่ดูดุดันและน่ากลัวของเด็กหนุ่มที่กำลังอยู่ในอารมณ์หงุดหงิดเข้าอย่างกระทันหัน จนเธอคนนั้นตกใจแล้วก็ล้มก้นจ้ำเบ้าลงไปข้างหลังอย่างแรง โดยที่ยังคงมองมาทางเด็กหนุ่มไม่เปลี่ยนแม้จะถูกมองด้วยสายตาเหนื่อยหน่ายกลับมาก็ตาม
〝ยัยนี่….. ฉันก็บอกไปแล้วนี่ว่าอย่าตามมา รู้มั๊ยว่ามันน่ารำคาญหน่ะ!〞
แล้วเด็กหนุ่มก็พูดตัดพ้อเด็กสาวที่ตามตัวเองมาในทันทีที่หันกลับไปด้วยน้ำเสียงและรูปประโยคที่สุดแสนจะเย็นชา แม้ก่อนหน้านี้เขาจะพูดกับเธอในเชิงประนีประนอมอยู่ก่อนแล้วก็เถอะ แต่พอเธอยังคงตามตื้ออยู่หลายครั้งเข้า ก็เลยทำให้เขาเริ่มหมดความอดทนจนต้องรีบรวบรัดตัดความให้เข้าใจทั้งสองฝ่าย ถึงแม้นั่นจะทำให้เด็กสาวรู้สึกเจ็บปวดใจจากการถูกไล่แบบนี้ก็ตามที แต่ว่า….
〝มะ ไม่เอาด้วยหรอก!!!〞
เด็กสาวที่ได้ยินคำพูดเย็นชาและโหดร้ายแบบนั้นของเด็กหนุ่มไปแล้วกลับไม่แสดงท่าทีหวั่นไหวเลยซักนิด จะมีก็แค่เสียงสั่นๆเพราะยังคงตกใจอยู่เท่านั้น ทั้งยังตอบเด็กหนุ่มกลับไปอย่างฉะฉานทั้งที่ยังนั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่กับพื้นอีกต่างหาก บนใบหน้าของเด็กสาวแม้จะมีความกังวลผสมปนเปอยู่ แต่แววตาของเธอกลับไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย ราวกับสัตว์ป่าที่จ้องจะกัด….จะตามเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ปล่อยยังไงอย่างงั้น
〝เฮ้ยๆ ….มันจะเอาแต่ใจตัวเองเกินไปหน่อยแล้วมั้——— 〞
〝ไม่เอานะ!!! ขืนมีแค่ฉันคนเดียว…มีหวังถูกไอ้พวกนั้นมันฆ่าเอาแน่ๆเลย!!!〞
〝…………………〞
แต่ถึงจะเห็นสภาพที่น่าเห็นใจแบบนั้นของเด็กสาวเข้าไป ก็ไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มหวั่นไหวแต่อย่างใดเช่นกัน เขาจึงพยายามพูดตัดพ้อเด็กสาวต่อไป แต่เด็กสาวก็ตอบกลับของเขาก่อนที่จะพูดจบเสียอีก เห็นได้ชัดเลยว่าความกังวลของเด็กสาวเองก็ใกล้จะถึงขีดจำกัดเหมือนกัน
〝……ฉันก็บอกไปหลายครั้งแล้วนะ ว่าฉันไม่มีเหตุผลให้ต้องช่วยเธอซักนิด! เธอหน่ะ….ตามฉันมาก็เป็นได้แค่ตัวถ่วงซะเปล่าๆ〞
〝อะไรกัน….〞
จากที่เธอถูกเด็กหนุ่มช่วยไว้ครั้งก่อนเลยทำให้รู้ถึงความแข็งแกร่งของเด็กหนุ่มได้เป็นอย่างดี พอโดนคำพูดแทงใจดำเข้าไปแบบนั้นก็เลยทำให้เด็กสาวซึมลงไปจนนั่งคอตกอยู่อย่างงั้นเลยทีเดียว พอเด็กหนุ่มเห็นสภาพของเด็กสาวแบบนั้นเข้า ก็เลยถอนหายใจออกมาแรงๆครั้งหนึ่งเพราะถูกความลำบากใจครอบงำชั่วคราว ก่อนที่จะครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่คนเดียวเหมือนกับทุกที….
.
.
ตัวฉัน….อุษณกร วัชรวิรุฬห์
เด็กหนุ่มชาวไทยสุดแสนจะธรรมดา…..ผู้มีความสามารถพิเศษในการกินอนิเมะและเกมส์แทนอาหารสามมื้อจนท้องอิ่มได้ จะบอกให้กินทั้งวันทั้งคืนก็ยังทำได้สบายๆเลยหล่ะ….
….หน้าตาก็สุดแสนจะโหลยโท่ย ….โสดซิงตั้งแต่เกิด ….ยังแก้โรคประจำตัวที่เรียกว่า จูนิเบียว ได้ไม่หายสนิทดี….
…..เอาเถอะ เรื่องนี้เอาไว้ว่ากันทีหลัง….
………ตอนนี้ ฉันกำลังอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเพราะถูกสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า『ผู้หญิง』ไล่ตามอยู่
ให้ตายสิ…..ถ้าฉันบอกว่าไม่รู้สึกดีใจซักนิดก็คงจะฟังดูเหมือนโกหก….
ก็แหม! ถูกผู้หญิงตามเชียวนะเฟ้ย!!! ….แถมที่ตามมานี่ยังเป็นเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันอีก
แต่ประเด็นมันไม่ใช่แค่นั้น…. นั่นเพราะเธอคนที่ตามฉันมาเนี่ย…..
น่ารักโคตรๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!!!!!
นักรักแบบสุดๆ…..
น่ารักชิบหายวายป่วง…..
น่ารักวัวตายควายล้ม…..
น่ารักจนต้องร้องขอชีวิต…….นี่ฉันใส่อารมณ์มากไปรึเปล่าหว่า?
แต่ช่างสิฟ่ะ…..ความน่ารักนี่มันเกินสามัญสำนึกของมนุษย์ไปแล้วชัดๆ ใช้คำอธิบายที่เป็นรูปธรรมไม่ได้เลยเชียวหล่ะ…
รินกับอลิซที่อยู่ด้วยกัน ฉันยังคิดว่าน่ารักที่สุดในโลกแล้วแท้ๆ…..
ก็…..ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกนะ แต่ถ้าเปรียบเทียบหน้าตาคนปกติอยู่ในระดับ B ….รินกับอลิซต้องอยู่ในระดับ S อย่างแน่นอน
แต่เธอคนนี้….ถ้าจะเปรียบเทียบโดยใช้เกณฑ์เมื่อกี้แล้วละก็ ต้องบอกว่าทะลุปรอทจนเกินระดับ SSS ไปแล้วแหงๆ!!!
ถึงจะใช้คำอธิบายเหมือนกับไอเทมก็เถอะ แต่แบบนี้แหล่ะเห็นภาพที่สุดแล้ว
หืม….ถ้าน่ารักขนาดนั้นก็จับกดไปเลยสิ จะมัวเดินหนีอยู่ทำไมงั้นเหรอ?….เห็นฉันเป็นคนยังไงกันฟ่ะ!
ก็นะ…..ถ้าถามว่าทำไมฉันถึงได้เดินหนีเธอคนนี้อยู่หล่ะก็….
.
.
ใช่แล้ว เด็กหนุ่มที่กำลังหลบหนีและขับไล่เด็กสาวอยู่นี้ก็คือพระเอกของทุกคนไม่ใช่ใครอื่น คนๆนั้นก็คือกรนั่นเอง ส่วนเด็กสาวที่อยู่ด้วยกันนี้ก็คือ คนที่กรช่วยไว้จากมอนสเตอร์รูปแบบลิงสวมชุดเกราะที่เรียกว่าคองโซลเยอร์ในครั้งก่อนโดยบังเอิญนั่นเอง
ย้อนกลับไปเล็กน้อยหลังจากที่เด็กหนุ่มได้ช่วยชีวิตเด็กสาวไว้จากมอนสเตอร์ในดันเจี้ยน พอกรตอบกลับเด็กสาวที่ถามตัวตนของตัวเองไป เขาก็กลับเขินอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีเพราะพูดอะไรไม่ทันคิดแบบนั้นออกมาตามสัญชาตญาน….ไม่สิ ตามนิสัยเพี้ยนๆของตัวเองเสียมากกว่า แต่พอทำท่าทางเขินอายแบบนั้นได้ซักพักนึงเพื่อแก้เขิน เขาก็รีบทำหัวให้ว่างเพื่อปรับความคิดของตัวเองให้กลับมาเยือกเย็นอีกครั้งในทันที เพื่อให้คิดเรื่องของเธอคนนี้ได้อย่างเถรตรงและไม่ใช้อารมณ์เข้าแทรก
แต่เด็กสาวก็ชิงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานเป็นเชิงขอร้องก่อนที่กรจะเป็นฝ่ายถามออกมาเสียอีกว่า〝ขอร้องหล่ะ….ให้ฉันติดตามนายไปด้วยเถอะ!〞ทั้งที่ยังนั่งแบะขาอยู่ และเพราะนั่งแบะขาอยู่แบบนั้นเลยทำให้ต้นขาสีขาวผ่องนวลอมชมพูอ่อนนั่น เผยออกมาจากชุดคลุมทะเลทรายบางๆนั่นอย่างไม่ตั้งใจ แถมยังเอามือข้างนึงขึ้นมาทาบอก ทำให้หน้าอกของเธอถูกอัดเข้าด้วยกันจนเห็นร่องอกหน่อยๆด้วยเช่นกัน จากที่ว่ามาเลยทำให้เด็กสาวในตอนนี้ดูน่ารักและน่าเย้ายวนใจมากจนถึงมากที่สุดเลยทีเดียว
อย่างที่ว่าไปข้างต้น หน้าตาของเด็กสาวคนนี้สละสลวยเอามากๆ แม้จะเทียบกับพวกรินก็ยังน่ารักในระดับสุดยอด รวมกับท่าทางและน้ำเสียงที่พูดออดอ้อนกรแบบนั้นราวกับสุนัขกำลังเลียบตามเจ้านายเพื่อขออาหารอยู่ยังไงอย่างงั้น แต่หากตัดภาพจากสุนัขเป็นเธอคนนี้แทนละก็ มันคงมีมนต์เสน่ห์มากพอที่จะทำให้หัวใจชายหนุ่มที่ต้องตาเธอคนนี้ตรงๆ ต้องยอมศิโรราบให้กับความน่ารักสุดบรรยายนั่นได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว ไม่ว่าชายใดก็ต้องหลงใหลให้กับความน่ารักและท่าทางออดอ้อนนั่นอย่างไม่มีข้อยกเว้นและไร้ซึ่งทางหลบเลี่ยงใดๆ จนต้องยอมฟังคำขอร้องของเธออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ทุกรายไป
แต่ว่านั่น…. ไม่ใช่กับกรที่『ตัดความรู้สึก』ไปแล้ว… แม้จะลบความรู้สึกออกไปเพียงชั่วคราวก็ตาม แต่นั่นก็ทำให้เสน่ห์น่าดึงดูดของเธอคนนี้ใช้กับกรในตอนนี้ไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว แล้วประโยคขอร้องเพียงประโยคเดียวนั่นของเด็กสาว กลับทำให้กรคาดเดาสถานการณ์ของเธอได้คร่าวๆแทนซะอย่างงั้น
ในเมื่อต้องการความช่วยเหลือ ก็หมายความว่า… เธอคนนี้ไม่สามารถอยู่ในดันเจี้ยนแห่งนี้เพียงลำพังตัวคนเดียวได้
ในเมื่อเธอคนนี้ไม่สามารถอยู่ในดันเจี้ยนแห่งนี้คนเดียวได้ ก็หมายความว่า… เธอคนนี้อ่อนแอเกินกว่าจะเอาตัวรอดด้วยตัวคนเดียวได้
แล้วนั่นก็หมายความว่า… หากกรรับคำขอร้องของเธอไป เธอคนนี้จะต้องคอยถ่วงแข้งถ่วงขากรไปตลอดการเดินทางเป็นแน่ รวมถึงเส้นทางพิชิตบอสมอนสเตอร์สุดโหดที่เหลืออีก 3 ตัวในอนาคตอีกด้วย แค่ไปด้วยกันก็มากพอแล้ว ถ้าต้องมาคอยปกป้องด้วยอีกมันจะยิ่งเสี่ยงมากเข้าไปใหญ่
ความปลอดภัยของพวกริน พี่มารีและศรต้องมาก่อนอื่นใด ดังนั้น กรจึงไม่คิดที่จะเสียเวลามาช่วยเหลือคนที่จะรู้จักก็ไม่ใช่แบบเธอ ทั้งยังมองไม่เห็นประโยชน์จากการช่วยเธอซักนิด เท่าที่เห็นก็มีแต่จะเสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์เท่านั้น กะอีแค่มีเด็กสาวสุดน่ารักร่วมทางไปด้วยไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นซักนิด พอคิดแบบนั้นได้ เขาก็เมินคำขอร้องของเด็กสาวในทันทีแล้วรีบเดินจากไปจากเด็กสาวทั้งที่เธอกำลังนั่งแบะขาออดอ้อนอยู่อย่างนั้นไปอย่างรวดเร็ว
เด็กสาวที่ถูกเมินสนิททั้งที่ขอร้องออกมาอย่างจริงใจและใสซื่อ(แต่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังยั่วยวนคู่สนทนาอยู่ซักนิด) พอเจอปฏิกิริยาที่เย็นชาแบบนั้นของกรเข้า เธอเลยตกตะลึงไปราวๆ 3 วินาที ก่อนที่จะสะบดคำว่า〝เอ๋!〞ออกมาดังๆด้วยความตกใจที่การขอร้องของตัวเองถูกเมิน ก่อนที่เธอจะลุกพรวดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วตะโกนเรียกกรอีกครั้งประมาณว่า〝เดี๋ยวก่อนสิ เมินกันงั้นเหรอ!〞กรเองก็คิดว่าถ้าปล่อยให้เธอตามตื้อก็คงไม่ดี ทั้งยังเสียเวลาอีกต่างหากก็เลยพูดตัดพ้อเธอกลับในทันทีว่า〝หนวกหู…..ฉันไม่มีเหตุอะไรให้ต้องช่วยเธอซักนิด เพราะงั้นจะไปไหนก็รีบไปให้พ้นซะ〞
และด้วยน้ำเสียงแสนเย็นชาที่ตอบกลับเด็กสาวไปแบบนั้นก็เลยทำให้เธอช็อกอีกครั้ง แต่เธอก็ส่ายหัวไปมาเพื่อเรียกสติในทันที แล้วก็รีบเดินตามกรมาทั้งอย่างงั้นโดยไม่ฟังคำพูดของกรแม้แต่น้อย นั่นอาจเป็นเพราะเธอเองก็รู้ว่าถ้าอยู่คนเดียวต้องตายแน่นอน อุตส่าห์พบคนในดันเจี้ยนที่ไม่น่าจะได้เจอบ่อยๆ ไม่สิ…ไม่มีทางเจออีกแล้วด้วยซ้ำ
แถมคนๆนั้นยังแข็งแกร่งขนาดอัดมอนสเตอร์ให้ตายด้วยมือเปล่าได้อีกต่างหาก คงไม่มีทางปล่อยโอกาสรอดเพียงหนึ่งเดียวของตัวเองให้หลุดลอยไปแน่ เธอจึงตามตื้อกรแบบกัดไม่ปล่อย ไม่ว่าจะไล่ยังไงก็ไม่ยอมไป และด้วยความพยายามของเธอเลยทำให้แม้จะถึงตอนนี้เธอก็ยังคงตามกรอยู่เลย และแน่นอนว่าในช่วงเวลาต่อๆไป เธอก็ยังคงตามกรอยู่เป็นแน่….
.
.
〝ก็อย่างว่าแหล่ะนะ…. จะคิดว่าฉันโหดร้ายยังไงก็ตามใจ แต่ยังไงฉันก็ไม่ช่วยเธอหรอก….〞
หลังจากตอนที่ปะทะกับคองโซลเยอร์ก็ผ่านมาได้ครึ่งชั่วโมงเศษแล้ว ทั้งที่กรก็พยายามใช้คำพูดที่ทำร้ายจิตใจเด็กสาวอย่างจงใจอย่างต่อเนื่อง แล้วยังขับไล่ไสส่งเธออย่างโหดร้ายมาตลอดทาง แต่เธอคนนี้ก็ไม่มีท่าทียอมแพ้เลยแม้ซักนิดเดียว
〖เจ้าหนูเอ้ย!!! ถึงเจ้าจะรีบยังไงก็เถอะ แต่การทิ้งเด็กสาวไว้เพียงลำพังแบบนี้นี่ มันไม่สมเป็นลูกผู้ชายเลยนะ〗
และเพราะกรพูดตัดพ้อเด็กสาวเป็นรอบที่สามแสนแปด เคลเบรอสที่ฟังการสนทนาของทั้งสองมาตลอดก็เริ่มที่จะทนฟังไม่ได้เช่นกัน บางทีนั่นอาจจะเป็นเพราะศักดิ์ศรีในฐานะนักรบที่ทนดูคนที่กำลังลำบากอยู่ไม่ได้ หรือในฐานะข้ารับใช้ที่ไม่อยากให้เจ้านายทำตัวไม่สมเกียรติหรือยังไงก็ตามแต่ นั่นเลยทำให้เคลเบรอสที่เงียบมาตลอดครึ่งชั่วโมง เพราะกำลังหาวิธีพูดกับกรในเชิงโน้มน้าวให้สนใจตัวเธอบ้าง โดยหวังว่ากรจะยอมช่วยเธอคนนี้ขึ้นอีกนิดก็ยังดี
〝เจ้าหมา แกเองก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอ… ทำแบบนั้นไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย มีแต่เสียเวลาเปล่าเท่านั้นแหล่ะ〞
〖ถึงจะเป็นแบบนั้นก็เถอะ แต่ข้าว่าคุณหนูคนนี้คงไม่มีทางรามือไปจากเจ้าง่ายๆแน่นอน ….ทำไมไม่ลองมานั่งจับเข่าคุยกันดีๆก่อนหล่ะ〗
〝เรื่องนั้นไม่ต้องบอกก็รู้เฟ้ย! ….แต่ถ้าเริ่มคุยกัน มันก็เหมือนกับว่า ฉันเริ่มคิดที่จะช่วยยัยนั่นขึ้นมาแล้วไม่ใช่รึไง ฉันไม่อยากให้ความหวังลมๆแล้งๆหรอกนะ….〞
ใช่แล้ว…. การให้ความหวังโดยเปล่าประโยชน์หน่ะ มีแต่จะทำให้เจ็บปวดมากไปกว่าเดิมเท่านั้นแหล่ะ ฉันถึงไม่คุยตั้งแต่แรกแล้วเดินหนีมาเลยนั่นแหล่ะ ก็รู้อยู่หรอกว่าทำแบบนั้นมันไม่ถูก….ก็แค่การหนีเท่านั้น แต่ฉันก็คิดวิธีอื่นไม่อกแล้วนี่นา
…แต่ถึงเป็นแบบนั้นยัยนี่ก็ยังไม่เลิกตามฉันมา …ไม่มีท่าทีถอดใจซักนิด แถมยังติดหนึบยังกับปลาซักเกอร์ดูดกระจกยังไงอย่างงั้นแหล่ะ คงกลัวที่จะตายจริงๆหล่ะสินะ…
〖แล้วเจ้าจะทำยังไงกันหล่ะเจ้าหนู หรือคิดจะ『กำจัด』สาวน้อยคนนี้ก่อน แล้วค่อยไปต่องั้นรึไง?〗
〝!?〞
แล้วกรก็ตกใจเล็กน้อย เมื่อเคลเบรอสพูดถึงสิ่งสุดท้ายที่เขาคิดจะทำออกมา ไม่เพียงกรที่ได้ยินแบบนั้น เด็กสาวที่กำลังนั่งอยู่ถึงจะไม่รู้ว่าเสียงปริศนานั้นมาจากไหน แต่เธอในตอนนี้ก็ไม่อยู่ในสถานะที่จะถามคำถามกรออกมาได้ เธอจึงทำได้เพียงแค่ไหล่กระตุกและสั่นขึ้นมาอย่างแรง เพราะได้ยินคำพูดที่แสนโหดร้ายของเคลเบรอส
กรเองก็มีคิดอยู่บ้างว่า ถ้าต้องทิ้งให้เธอคนนี้อยู่คนเดียวเพียงลำพัง คงไม่พ้นถูกพวกมอนสเตอร์รุมฆ่าทิ้ง และแน่นอนว่าคงไม่มีปาฏิหาริย์แบบเดียวกับที่กรมาช่วยอีกแล้ว กรนั้นเข้าใจได้เป็นอย่างดี ว่าความตายจากการถูกทรยศ…. ถูกมอนสเตอร์ฆ่าตายอย่างทรมาน ….ถูกทำให้หายไปโดยไม่มีใครรู้ถึงวาระสุดท้ายท่ามกลางความมืดมิดและหนาวเหน็บเพียงลำพังมันเป็นยังไง ความเจ็บปวดนั้น จนถึงตอนนี้พอกรนึกย้อนกลับไป ตรงแขนซ้ายที่เคยขาดสะบั้นยังรู้สึกเจ็บอยู่เลยด้วยซ้ำ
เพราะงั้น….ถ้ากรเป็นคงลงมือสังหารเธอด้วยตัวเอง โดยการใช้『กระสุนเวทย์มนต์ประเภทเน้นการทำลายล้าง』เจาะศีรษะของเด็กสาวคนนี้จนทะลุกะโหลกไปอย่างรวดเร็ว เธอคนนี้ก็จะตายได้อย่างไม่ทรมาน โดยไม่ทันได้รู้สึกตัวเพราะความเร็วเหนือเสียง 30 เท่าเลยด้วยซ้ำ แต่ทว่า…..
〝เจ้าหมา…. แกคิดว่าฉันจะตอบออกมาว่า 〝ใช่แล้ว! 〞ต่อด้วยการงัดปืนออกมาเป่ากะบาลยัยนี่งั้นเหรอ? นี่แกเห็นฉันเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิตแบบนั้นเลยรึไงฟ่ะ!!! 〞
.
.
〖หึหึ….ฮะฮะฮ่ะ!!!〗
แล้วกรที่ตอบแบบนั้นกลับไป ก็ทำให้เคลเบรอสหัวเราะออกมาจนเสียงดังลั่นไปทั่วในทันที ดูจากน้ำเสียงก็พอรู้บ้างว่านี่ไม่ใช่เสียงหัวเราะในเชิงประชดประชัน แต่เป็นเสียงหัวเราะที่มาจากความดีใจจริงๆ เห็นได้ชัดเลยว่าคำถามก่อนหน้าของเคลเบรอสนั้น เป็นการหยั่งเชิงในตัวกรนั่นเอง รวมถึงเด็กสาวที่นั่งฟังอยู่ด้วยก็เช่นกัน พอได้ยินคำตอบของกรเข้าไปแบบนั้น เธอก็ทำสีหน้าผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัดในทันที
〝เจ้าหมา…. นี่คิดจะกวนประสาทกันรึไงฟ่ะ!〞
และแน่นอนว่ากรรู้เจตนาของเคลเบรอสที่ถามออกมาแบบนั้นอยู่แล้ว เลยตอกกลับไปเป็นเสียงตะคอกเล็กน้อย เพราะรู้สึกเหมือนกับแพ้เคลเบรอสอยู่หน่อยๆนั่นเอง
〖ฮะฮะฮ่ะ!!! โทษทีๆ เจ้าหนู ….ดีแล้วหล่ะ เจ้าเป็นคนอย่างที่ข้าคิดไว้จริงๆ〗
〝ชิ! แกนี่มัน—— 〞
〖เอาเถอะน่า…. เพราะมันไม่ทางเลือกอย่างที่บอกไง งั้นก็คุยกับเด็กคนนั้นซะสิ ถ้ามัวแต่งอมืองอเท้าไม่คิดจะทำอะไรเลย…เจ้าก็ไม่ควรเรียกตัวเองว่าเป็นลูกผู้ชายหรอกนะ!〗
〝ลูกผู้ชาย…อีกแล้วงั้นเหรอ!〞
แล้วกรที่ได้ยินแบบนั้นเข้า ก็ตบมุกเคลเบรอสที่พูดแต่ประโยคโน้มน้าวแบบเดิมออกมากลับไปเล็กน้อย ก่อนที่จะมาคิดเรื่องของเด็กสาวอีกครั้งอย่างจริงจัง
มันก็จริงที่กรมีทางเลือกอันโหดร้ายที่ว่าอยู่ในหัว แต่กรไม่คิดที่จะทำแบบนั้นซักนิดเดียว นั่นเพราะถ้าทำแบบนั้น ก็เหมือนกับทิ้งความเป็นมนุษย์ไปแล้วเปลี่ยนเป็นสัตว์เดรัจฉานที่ไม่สนไอ้หน้าไหน แม้จะเป็นเด็ก ผู้หญิง หรือคนแก่ ก็คงฆ่าได้อย่างไม่ลังเล
กรเองก็ไม่เคยฆ่าคนมาก่อนเช่นกัน แต่กรในตอนนี้ก็ไม่ได้อ่อนหัดขนาดที่ว่าไม่กล้าตัดสินใจฆ่าคนที่หันคมดาบเข้าใส่ตัวเอง เพียงแต่การฆ่าครั้งแรกต้องไม่ใช่กับเธอคนนี้ นอกจากที่เป็นผู้หญิงแล้ว เธอคนนี้ยังไม่มีอาวุธ แถมไม่ได้คิดร้ายอะไรกับตนเลยซักนิดเดียว ถึงแม้การอยู่ในดันเจี้ยนจะสามารถฆ่าคนได้โดยที่ไม่มีใครรู้ก็ตาม แต่ยังไงซะเรื่องที่กรฆ่าคนไม่มีทางสู้ไป มันจะต้องเป็นก้าวแรกของเส้นทางนองเลือดที่ไร้ประโยชน์แน่นอน แล้วกรในอนาคตก็อาจจะฆ่าคนบริสุทธิ์แบบเธอคนนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนอาจจะฆ่าคนใกล้ตัวอย่างเลือดเย็นโดยที่ไม่รู้สึกผิดเลยก็เป็นได้
ดังนั้นแล้ว กรก็เลยคิดที่จะเริ่มการเจรจากับเธอตามคำเรียกร้องของเคลเบรอส แต่แน่นอนว่าไม่คิดจะช่วยเหมือนเดิม กรจึงคิดว่า พอฟังเรื่องราวของเธอพอเป็นพิธีเสร็จ ก็จะให้อาวุธกับชุดเกราะที่ดรอปได้จากเคลเบรอสแก่เธอ แม้จะไม่เท่า『เคลเบรอสซอร์ด』 แต่ทั้งหมดก็เป็นของหายากระดับ S ทั้งหมด เธอคงสามารถเอาตัวรอดด้วยของพวกนี้ได้
กรเองก็คิดว่านี่เป็นโอกาสเปลี่ยนแปลงตัวเองเช่นกัน เพราะตัวเองในโลกเดิมก็ชอบงอมืองอเท้าไม่สนโลกอยู่แล้ว ภูมิคุ้มกันด้านการเข้าสังคมก็น้อยจนน่าใจหาย ทั้งที่มาโลกเดิม… แถมยังเกิดใหม่ไปตั้ง 2 รอบแล้วแท้ๆ เพราะงั้นคราวนี้แหล่ะจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนใหม่ให้เหมาะสมกับที่เกิดใหม่มาหลายครั้งดูบ้าง
หลังจากที่กรคิดแบบนั้น เขาก็เกาหัวตัวเองแรงๆเพื่อดึงสติ ก่อนที่จะก็เดินเข้าไปใกล้เด็กสาว แล้วก็ยื่นมือขวาไปทางเด็กสาวทั้งที่นั่งอยู่แบบนั้น แน่นอนว่าเพื่อให้เด็กสาวจับมือของเขาเพื่อพยุงตัวเองขึ้น พร้อมบอกกับเด็กสาวที่นั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่นั้นว่า…
〝เฮ้อ….ให้ตายสิ! เข้าใจแล้ว!!! …. รับฟัง……ฉันแค่จะยอมฟังเรื่องของเธอก่อนเท่านั้น อย่าเพิ่งเข้าใจผิดไปซะหล่ะ!〞
〝!!!!!!!!!!〞
เด็กสาวที่ได้ยินแบบนั้นเข้าก็ยิ้มออกมาเสียกว้างจนแทบจะเห็นลิ้นไก่เลยทีเดียว แต่เธอใบหน้าโดยรวมของเธอก็ยังคงน่ารักไม่เปลี่ยน ที่ขอบตาเองก็มีน้ำตาปริ่มออกมาเล็กน้อย ราวกับว่าเด็กสาวได้ค้นพบความหวังในการมีชีวิตรอดของตัวเองแล้วยังไงอย่างงั้น
〝ขอบคุณ….ขอบคุณนะ ….ขอบคุณมากเลย〞
แล้วเด็กสาวก็พูดขอบคุณกรออกมาด้วยเสียงสั่นๆเหมือนกับว่าจะร้องไห้ได้ทุกเมื่อ แต่น้ำตาก็ไม่ได้ไหลลงมาแต่อย่างใด แสดงให้เห็นว่าเธอคนนี้ใจแข็งไม่ใช่น้อย จากนั้นเธอก็จับมือของกรที่ยื่นมาก่อนหน้าจากนั้นก็พยุงตัวเองขึ้นในจังหวะเดียวกับที่กรใช้แรงของตัวเองช่วยพยุงขึ้นมาเช่นกัน แต่ว่า…
ชึบ!
〝ว้าย!〞
〝!!!!!!!!!!〞
พอเธอลุกขึ้นมาอย่างกะทันหัน เธอก็กลับเข่าอ่อนขึ้นมาซะงั้น นั่นเลยทำให้เธอร้องออกมาอีกครั้งเพราะตั้งตัวไม่ทัน กรที่เห็นแบบนั้นก็โน้มตัวไปข้างหน้าตามสัญชาตญาน เธอที่เข่าอ่อนก็โน้มตัวไปข้างหน้าจนไปอยู่ในอ้อมอกของกรเสียแล้ว จนตอนนี้เด็กสาวที่เข่าอ่อนได้เข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของกรโดยไม่ตั้งใจเสียแล้ว นั่นเลยทำให้กรตกใจขึ้นมาเช่นกัน
แต่ที่กรตกใจไม่ใช่เพราะเธอทรุดลงกะทันหัน หากแต่เป็นเพราะจังหวะที่เธอเอนเข้ามาในอ้อมแขนของเขา หน้าอกของเธอได้สัมผัสกับอกของกรเข้าอย่างจัง ดูเหมือนว่าเสื้อคลุมของนักเดินทางที่เธอสวมอยู่นี้จะบางมาก …เพราะนั่นทำให้กรแทบจะสัมผัสได้ถึงหน้าอกนั่นตรงๆเลยทีเดียว พอกรถูกการจู่โจมแบบกระทันหันเข้าไปแบบนี้ก็ไม่พ้นหน้าแดงจนถึงหู เพราะถึงกรจะเป็นคนเยือกเย็น แต่เขาก็เป็นเด็กหนุ่มกลัดมันสุขภาพดีคนหนึ่ง ไม่มีทางที่จะนิ่งเฉยกับสถานการณ์ในตอนนี้ได้แน่นอน กรในตอนนี้เลยทำได้แค่บริกรรม 〝พุทโธ ธัมโม สังโฆ〞อยู่ในใจหลายๆรอบเพื่อดึงสติของตัวเองให้กลับมา แต่การกระทำต่อไปของเด็กสาว ก็แทบจะทำให้สติสตังของกรกระเจิดกระเจิงไปยังดาวนาเม็กได้อีกครั้งเลยทีเดียว
〝ขะ ขอโทษนะ พอโล่งอกแล้วอยู่ดีๆเข่ามันก็อ่อนขึ้นมาหน่ะ〞
〝!!!!!!!!!!〞
เด็กสาวพูดแบบนั้นออกมา ทั้งที่ตอนนี้ยังอยู่ในอ้อมอกของกร ช้อนตาขึ้นมามองเขาทั้งที่ทั้งสองยังคงแนบเนื้อ….แนบชิดติดกันอยู่ หากนี่เป็นการ์ตูนโรแมนติก ตาของเธอคงมีประกายวิ้งๆไปทั่ว และรอบๆบริเวณของทั้งสองคนคงมีทุ่งดอกไม้บานไปทั่วแน่นอน แล้วกรที่โดนดาเมจแห่งความโมเอะทะลุล้านจุดแบบนั้นเข้าไปตรงๆกับร่างกายของตัวเอง ก็ไม่พ้นที่จะถูกความหื่นกระหายเข้าครอบงำชั่วระยะเวลาหนึ่ง แต่กรก็พยายามตั้งสติขึ้นมาอีกครั้งในทันที ทั้งที่หัวใจก็ยังเต้นรัวอยู่แบบนั้นจนแทบจะหลุดออกมาจากอก
น่ารัก… ยัยนี่มันจะน่ารักเกินไปแล้ว….
กรคิดแบบนั้นเล็กน้อย ก่อนที่จะพยุงเธอไว้แล้วผละตัวเองออกมาเพื่อฟังเรื่องราวของเธอในทันที ราวกับจะกลบเกลื่อนเรื่องเมื่อครู่ยังไงอย่างงั้น….
❖❖❖❖❖
หลังจากนั้น เด็กสาวก็เล่าให้กรฟังว่าด้วยอาการสลดนิดหน่อยขณะเล่า โดยเนื้อความมีอยู่ว่า เมื่อประมาณ 3 วันที่แล้ว ตัวเธอวาร์ปเข้ามาในดันเจี้ยนด้วยเวทย์มิติของจอมเวทย์ในกลุ่มพร้อมๆกับปาร์ตี้ รวมตัวเธอเองด้วยก็เป็นปาร์ตี้ที่มีทั้งหมด 6 คน เริ่มเข้ามายังชั้นที่ 32 ของดันเจี้ยนแห่งนี้ หลังจากล่ามอนสเตอร์ไปได้ประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ ปาร์ตี้ของเธอได้พบกล่องสมบัติวางอยู่ในทางตัน แม้ตอนแรกจะมีคนค้านว่ามันดูน่าสงสัยพิกลแต่หัวหน้าปาร์ตี้ก็ไม่ยอมฟังคำทัดทานซักนิดเดียว
แล้วพอพวกเธอเปิดกล่องสมบัติออกมา ข้างในกล่องกลับมีแต่ความว่างเปล่า จากนั้นเสียงสัญญาณก็ดังขึ้นมา ตามด้วยมอนสเตอร์ที่มีความแข็งแกร่งมากกว่าที่สมควรจะเป็นออกมาทั้งสิ้น 10 ตัว ส่วนประเภทก็มีทั้ง『คองโซลเยอร์』『ฟร็อกแมน』รวมถึงมอนสเตอร์ที่กรยังไม่เคยเห็นอย่าง 『ไจแอนท์อารัคเน่』และ 『เกรทแอนท์』ก็ด้วย จะว่าไปแล้ว… สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเธอนั้น มันเหมือนกับที่เกิดขึ้นกับตัวกรตอนอยู่ที่จุดหนียังไงอย่างงั้นเลย แต่ที่แตกต่างก็คือ ตัวเธอและปาร์ตี้ต่างเข้าปะทะกับกลุ่มมอนสเตอร์ทั้ง 10 โดยไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย แต่ผลลัพธ์ของการต่อสู้นั้นโหดร้ายกว่าที่คาดนัก มอนสเตอร์นั้นถูกฆ่าไปทั้งหมด 7 ตัวเท่าจำนวนคน เพียงแต่ว่า….
ความเสียหายของปาร์ตี้ของเด็กสาวคนนี้ก็คือ ทุกคนในปาร์ตี้ถูกฆ่าจนหมด คนที่เหลือรอดมีแต่เธอเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่เธอก็ไม่ได้ยอมแพ้แต่อย่างใด กลับกัน… เธอใช้พลังของตัวเองฝ่ามอนสเตอร์ที่เหลือทั้ง 3 ตัวออกมาทั้งอย่างงั้นเลย แม้จะจัดการพวกนั้นไม่ได้ก็ตาม แต่ก็ทำแบบนั้นมาตลอด แถมยังสามารถมีชีวิตรอดโดยการหลบหลีกมอนสเตอร์แบบนั้นมาได้เรื่อยๆอีกต่างหาก ทุกครั้งที่เจอเข้ากับมอนสเตอร์ เธอคนนี้ก็จะตีเนียนไปเข้าปะทะ แล้วอาศัยจังหวะทีเผลอเล็ดลอดกลุ่มของมอนสเตอร์ออกมา ถึงจะจัดการไม่ได้ทุกครั้งที่เข้าปะทะ แต่ก็ยังสามารถลงมาถึงอีกชั้นนึงได้ นั่นก็คือชั้นที่ 33 ที่กรอยู่นั่นเอง เพียงแต่พอลงมายังชั้นใหม่ มอนสเตอร์ดันแข็งแกร่งขึ้นมากระทันหัน เธอเองก็ยังพอโต้ตอบพวกมันได้บ้าง เพียงแต่อาวุธที่รับภาระแทนเธอมาตลอดมันดันถึงขีดจำกัดเสียก่อน
แล้วพอเธอสูญเสียอาวุธเพียงหนึ่งเดียวไป การเข้าปะทะจึงทำไม่ได้เช่นกัน เธอจึงทำได้แค่วิ่งหนีมอนสเตอร์นั่นอย่างเดียว พอเธอวิ่งหนีมาเรื่อยๆจนถึงทางสี่แยกนั่น ก็มาเจอกับกรเข้า แล้วหลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่รู้กัน….
ในด้านของกร พอกรฟังเธอเล่าเรื่องราวของตนก็เกิดสงสัยถึงความแข็งแกร่งของเธอคนนี้นิดหน่อย
จากที่กรคาดไว้ในตอนแรก กรคิดว่าเด็กสาวนั้นอ่อนแอเกินกว่าจะมีชีวิตรอดด้วยตัวเองในดันเจี้ยดันเจี้ยนแห่งนี้ได้ แต่จากที่เธอเล่ามา ความสามารถของเธอก็ดูโดดเด่นไม่น้อยในการต่อสู้กับมอนสเตอร์ ทั้งยังสามารถเอาชีวิตรอดในดันเจี้ยนนี้ จนลงมาได้อีกชั้นเลยทีเดียว แถมจากที่เล่า ดูเหมือนการเข้าปะทะกับมอนสเตอร์แบบโซโล่ของเธอยังสามารถจัดการมอนสเตอร์ได้เป็นครั้งคราวอีก นั่นเลยทำให้กรคิดว่าเธอคนนี้อ่อนแอจริงรึเปล่า กรเองก็มีสุดยอดการประมวลผลอยู่ จึงสามารถตรวจจับสัญญานชีพจร รูม่านตา และอาการเกร็งของกล้ามเนื้อเมื่อเกิดการโกหกได้ แต่ก็พบว่าทั้งหมดนั้นเป็นความจริง และในเมื่อไม่มีวิธีพิสูจน์อย่างอื่น ถึงความแข็งแกร่งที่เป็นรูปธรรมของเธอคนนี้ กรจึงได้ใช้สกิล『ตรวจสอบขั้นสูง』กับเธอไป ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามนี้…..
ข้อมูลสเตตัส
『มีอาน่า ??? 』เพศ หญิง อายุ 17 เผ่าพันธุ์ ???
อาชีพ นักดาบ เลเวล 16
ฉายา 〘พลังแฝงเทพเจ้า〙, 〘พรสวรรค์เทพเจ้าแห่งดาบ〙
《พลังโจมตี》 1,500 《พลังป้องกัน》 1,000
《พลังเวทย์》 2,000 《ความต้านทานเวทย์》 2,500
《ความว่องไว》 2,500 《พละกำลัง》 1,000
แม้จากผลลัพธ์แล้ว เธอจะดูอ่อนแอกว่าตัวกรก็จริง แต่สเตตัสที่ถูกแสดงอยู่นี้ ก็อยู่ในระดับสูงหากเทียบกับคนปกติ ไม่สิ…ดูจากอัตราการเติบโตกับเลเวลแล้ว เธอคนนี้มีสเตตัสพอๆกับหรือสูงกว่ากลุ่มนักเรียนผู้กล้าด้วยซ้ำ
เรื่องสเตตัสก็ว่าน่าตกใจแล้ว แต่ที่น่าตกใจกว่าก็คือ ฉายาของเธอต่างหาก ทั้ง 2 อันที่ถูกแสดงอยู่นั้น ฟังแค่ชื่อกูรู้แล้วว่าต้องมีคุณสมบัติไม่ธรรมดา และจากที่เธอเล่าว่าสามารถจัดการมอนสเตอร์ได้บ้างนั่น แม้มอนสเตอร์ในชั้นก่อนอาจจะอ่อนแอ แต่สเตตัสขั้นต่ำทีกรเคยเห็น คือ 1 หมื่น หากเธอคนนี้ทำความเสียหายมากกว่า 7 พันจุดไม่ได้ ก็คงจัดการพวกมอนสเตอร์ไม่ได้ กรเลยคิดว่าบางทีนั่นอาจจะเป็นเพราะฉายาของเธอก็ได้ แต่เพราะไม่มีวิธีตรวจสอบนอกจากถามจากเจ้าตัวจึงได้หันไปสงสัยเผ่าของเธอที่ไม่แสดงผลแทน กรจึงลองใช้หน้าต่างตั้งค่าเปิดหน้าต่าง『บุคคลโดยรอบ』ควบคู่กับ『รายละเอียดข้อมูลจำเพาะ』ของเธอดู แต่ก็ต้องตกใจกับผลลัพธ์ตรงหน้าอย่างมาก….
แต่ในความหมายที่กรตกใจนั้นไม่ใช่เพราะเผ่าของเธอปรากฏออกมา เพราะถึงจะใช้หน้าต่าง『รายละเอียดข้อมูลจำเพาะ』ที่ว่า แต่ก็ไม่ทำให้ทราบเผ่าพันธ์อันลึกลับของเธอแต่อย่างใด เพียงแต่ที่ถูกแสดงอยู่บนนั้น มันคือข้อมูลส่วนตัวที่ไม่ควรแตะต้องของผู้หญิง…. แค่ส่วนสูงคงไม่เท่าไหร่ หากมีน้ำหนักแสดงอยู่ก็เริ่มจะหยาบคายขึ้นมาบ้าง แต่ตัวเลขที่แสดงอยู่บนหน้าต่างมันไม่ใช่แค่นั้น….
นั่นเพราะที่เขียนอยู่บนนั้น มันมีทั้งขนาด….. ขนาดของหน้าอก รอบเอวและสะโพก ของเด็กสาวคนนี้อยู่ด้วย แล้วไม่ใช่แค่นั้น มันยังมีข้อมูลที่เปิดเผยสู่ที่สาธารณะไม่ได้อีกมาก กรที่คิดว่าไม่ควรจะสอดเรื่องส่วนตัวของคนอื่นมากไปกว่านี้จึงคิดจะเลิกอ่านในทันที เพียงแต่ก่อนที่กรจะปิดหน้าต่างนี้ลง กรดันเหลือบไปเห็นข้อมูลที่สำคัญมากๆของเธอเข้า…. นั่นก็คือ ข้อมูลที่เขียนไว้ว่า เธอยัง “เวอร์จิ้น” อยู่นั่นเอง นั่นเลยทำให้กรรู้สึกผิดขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้….
〝อ๊ะ! จะว่าไป… ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเลยนี่นา ขอโทษทีนะ พอดีฉันตื่นเต้นไปหน่อยนะ…〞
หลังจากที่เด็กสาวเล่าเรื่องของตัวเองด้วยน้ำเสียงยินดีและร่าเริงอย่างที่สุดเสร็จเรียบร้อย เธอก็เพิ่งนึดขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้แนะนำตัวกับกร ก็เลยจะเริ่มการแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ แต่ทว่า….
〝ฉันชื่อ มีอา——— 〞
〝เดี๋ยวก่อน! ทำไมเธอต้องแนะนำตัวด้วย!?〞
แต่เด็กสาวยังพูดไม่ทันจบ กรก็ดันพูดขัดขาออกมาก่อนซะอย่างงั้น
〝เอ๋! ก็ต่อจากนี้จะเดินทางไปด้วยกันไม่ใช่เหรอ ก็ต้องรู้ชื่อกันไว้สิ….แปลกงั้นเหรอ?〞
แล้วเด็กสาวก็ตอบกรกลับมาด้วยคำถามพร้อมกับเอียงคอสงสัยทั้งที่พูดแบบนั้นไปด้วย การกระทำที่ดูสนิทสนมนั่นทำให้กรยกมือขวาขึ้นมากุมขมับเพราะเด็กสาวเข้าใจผิดอย่างที่เขาคิดไว้ตอนแรกไม่มีผิดเพี้ยน
〝เธอนี่! ฉันก็บอกเธอไปแล้วว่าแค่จะฟังเฉยๆ〞
〝เอ๋! แล้วมันไม่ได้หมายความว่าจะช่วยฉันงั้นเหรอ?〞
นั่นปะไร…เข้าใจผิดอย่างที่คิด
ยัยนี่แกล้งเซ่อหรือว่ายังไงกันเนี่ย!!! ก็บอกแต่แรกแล้วไงฟ่ะว่าฉันจะแค่ฟังอย่างเดียวหน่ะ
〝ก็ไม่ใช่นะสิเฟ้ย!!! ฉันแค่คิดจะให้ของที่ดรอปมากับเธอ แล้วค่อยแยกตัวออกไปต่างหาก นี่พูดกันไม่รู้เรื่องเลยใช่ไหมเนี่ย〞
〝เอ๋!!!!!!!!!!!!!〞
แล้วพอกรรวบรัดตัดความอย่างรวดเร็ว นั่นเลยทำให้เธอตกใจอย่างมากที่เรื่องทั้งหมดไม่ได้เป็นไปตามที่ตัวเองคิด(เข้าข้างตัวเอง) จากการกระทำนี้ทำให้รู้เลยว่าเด็กสาวเป็นเพียงแค่คนที่อ่อนต่อโลก ใสซื่อ และเชื่อคนง่ายก็เท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาอะไรอื่นแอบแฝงแม้แต่น้อย
〖เฮ้อ! กะแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้〗
〝หนวกหูน่าเจ้าหมา นอนอยู่ในฝักเงียบๆซักพักเหอะน่า!!!〞
〖เข้าใจแล้วๆ อย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกันนะเจ้าหนู〗
และเพราะการกระทำของกรเหมือนกับที่เคลเบรอสคาดไว้ เลยทำให้มันไม่พอใจนิดหน่อย แต่เคลเบรอสก็คิดว่านี่เป็นเรื่องที่กรต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง จึงเก็บตัวเองเข้าฝัก แล้วให้กรรับหน้าเหมือนเดิม ม้เด็กสาวจะเห็นกรคุยกับดาบแบบนั้นก็ตาม แต่ก็ไม่ได้สนใจมากนัก นั่นเพราะสิ่งที่เธอสนใจมากกว่าก็คือ การที่เธอกำลังจะโดนทิ้งนั่นเอง
〝แล้วก็เธอหน่ะ! จากที่เล่ามา…เธอเองก็เอาตัวรอดได้อยู่นี่นา ถ้าเกิดมีอาวุธหน่ะ….ไม่ต้องห่วงทางนี้หน่ะมีอาวุธระดับ S ให้เธอทุกประเภทเลยนะ เลือกได้ตามสบายเลย〞
แล้วกรก็เริ่มการโน้มน้าวจิตใจของเธอต่อในทันที ด้วยการยื่นข้อเสนอสุดยั่วยวนใจให้กับเด็กสาว พร้อมกับเอามือทั้งสองลูบกันไปมาเหมือนกับพ่อค้าไม่มีผิด
〝ระดับ S งั้นเหรอ!? มะ ไม่สิ ปัญหามันไม่ใช่เรื่องนั้นซักหน่อย!!!〞
แล้วเด็กสาวก็เกือบจะติดกับจนได้ แต่พอหลุดพ้นจากความโลภมาได้ เธอก็ขอร้องกรต่อในทันที
〝ถึงจะมีอาวุธก็เถอะ… แต่ฉันก็ออกจากดันเจี้ยนไม่ได้อยู่ดีไม่ใช่เหรอ?〞
เออหว่ะ…. ลืมความจริงข้อนี้ไปซะสนิทเลย
แย่หล่ะสิ…ไม่ได้คิดเผื่อไว้ด้วย คิดแต่จะหลอกให้ยัยนี่ตายใจอย่างเดียวจนลืมความจริงพื้นฐานไปซะได้
การออกจากดันเจี้ยนนี้มีแต่ต้องออกไปจากการเคลียร์ชั้นที่ 100 เท่านั้น…
แล้วถ้างั้นปาร์ตี้ของยัยนี่….. ไม่สิ ปาร์ตี้ที่เราเจอก่อนหน้าจะสู้กับเคลเบรอสก็ด้วย ถ้ารู้แบบนั้น แล้วทำไมถึงกล้าเสี่ยงลงมาทั้งที่ไม่มีทางออก…. ไม่สิใครมันจะบ้ามากล้าเสี่ยงลุย 100 ชั้นแบบเรากัน… หรือว่าจะมีทางออกอื่นอีกกันหล่ะ….
〝เข้ามายังไงก็ออกแบบนั้นไปซะสิ!!!〞
〝จอมเวทย์ที่พาฉันเข้ามา เขาตายไปแล้วนะ แล้วจะใช้เวทย์ที่ไหนกลับออกไปกันเล่า!!!〞
นี่ไงหล่ะข้อมูล! ดูเหมือนว่า ถ้าอยากจะเข้าออกดันเจี้ยนได้อย่างอิสระ จำเป็นจะต้องมีเวทย์มิติหล่ะสินะ..
ก็จากที่เธอเล่ามาตั้งแต่ต้นนั่นแหล่ะ แต่เราเองก็ไม่มีเวทย์แบบนั้นซะด้วย ในหน้าต่างตั้งค่าก็เพิ่มได้แต่สกิล ไม่มีเวทย์มนต์ให้เพิ่มซักหน่อย…
〝ขะ ขอร้องหล่ะ ฉันไม่มีทางอื่นเหลืออีกแล้ว….ขอติดตามนายไปด้วยเถอะนะ จะให้ทำอะไรก็ยอม!!!〞
〝โอ้ว! อะไรก็ยอมงั้นเหรอ….งั้นช่วยไปไกลๆฉันทีเถอะนะ〞
〝ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้นซักหน่อยนะ!!!〞
แล้วการต่อล้อต่อเถียงของทั้งคู่ก็ดำเนินต่อไป
〝ขอร้องหล่ะ… ฉันไม่อยากอยู่ในนี้จนตายหรอกนะ จะให้ฉันทำอะไรให้ก็ได้ จะให้เป็นทาส เป็นโล่ หรือจะให้มอบร่างกายนี้กับนายก็ได้ เพราะงั้น——— 〞
〝อย่าพูดเหมือนเคยทำเรื่องพรรค์นั้นมาแล้ว ทั้งที่ตัวเองยัง『เวอร์จิ้น』อยู่สิเฟ้ย!!!〞
〝!!!!!!!! ทะ ทำไมถึงรู้ได้กันหล่ะเนี่ย!!!!!!!!!!〞
แล้วกรที่หงุดหงิดอยู่ก็ดันหลุดปากพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไปโดยที่ไม่รู้ตัว ความจริงนี้มีเพียงเจ้าตัวที่รู้แน่นอน นั่นเลยทำให้เด็กสาวที่ได้ยินแบบนั้นตกใจอย่างมาก แล้วใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเป็นท่าทางเขินอายจนแดงไปถึงหู พร้อมกับยกมือทั้งสองขึ้นมาบังหน้าอกของตัวเองด้วยสัญชาตญาน นั่นเลยทำให่กรรู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดมหันต์ไปเสียแล้ว
〝ยะ ยังไงก็เถอะ เธอตามฉันมาก็เป็นได้แค่ตัวถ่วงที่หาประโยชน์ไม่ได้เท่านั้น……〞
แล้วกรก็กลับมาพูดตัดพ้อเด็กสาวอีกครั้งเหมือนกับตอนแรกไม่มีผิด
〝ไร้ประโยชน์งั้นเหรอ! จะ จริงสิ ข้อมูล…ข้อมูลไงหล่ะ ฉันคิดว่าตัวเองมีข้อมูลที่นายต้องการรู้อยู่ด้วยนะ!!!〞
แต่ดูเหมือนเด็กสาวจะไม่ได้ซื่อเหมือนเดิมไปตลอด เพราะจนถึงตอนนี้ เธอยังไม่เคยเถียงกรชนะเลย แต่ตอนนี้เธอกลับเริ่มที่จะเป็นฝ่ายยื่นข้อเสนอที่ดูเข้าทีขึ้นมาบ้างแล้ว
〝โห้…ทำไมถึงคิดแบบนั้นกันหล่ะ〞
〝กะ กะ ก็นาย ไม่รู้เรื่องที่ใช้เวทย์มิติเป็นทางออกได้นี่นา ก็แสดงว่านายคงเพิ่งเข้าดันเจี้ยนได้ไม่นานมานี้….ละมั้ง …นะ〞
แล้วพอถูกข้อเสนอที่ดูน่าสนใจเข้า กรก็มองเด็กสาวกลับไปด้วยแววตาเฉียบคมราวกับจะมองทะลุไปถึงจิตใจของเธอ นั่นเลยทำให้เธอพูดตะกุกตะกักเล็กน้อย เพราะถูกจ้องกะทันหัน แถมพอเธออธิบายให้กรฟัง กรก็รู้สึกดีใจอยู่เล็กน้อย เพราะคำพูดที่เป็นช่องว่างและคำใบ้ที่บอกว่า〝ตัวเองเป็นมือใหม่〞นั้น กรได้พูดมันไว้ให้เด็กสาวฟังอย่างจงใจเพื่อลองเชิง พอเธอคนนี้ตอบรับความคาดหวังของกรได้นิดหน่อยนั่นเลยทำให้กรดีใจขึ้นมา และคิดว่าเด็กสาวเองก็พอจะฉลาดและหัวไวอยู่บ้าง จะมีก็แต่เรื่องรู้เท่าทันคนแบบกรเท่านั้นที่เด็กสาวไม่มีวันตามทัน
〝แล้วข้อมูลที่ว่าคืออะไรกันหล่ะ?〞
〝งะ งั้นเอาเป็นข้อมูลของที่ตั้งของดันเจี้ยนดีไหม กับเรื่องระดับของมอนสเตอร์ กับดันเจี้ยนก็ด้วย ฉันจะบอกข้อมูลทั้งหมดที่บอกได้ให้หมดเลย!!!!〞
หืม..ข้อมูลที่ตั้งงั้นเหรอ
บังเอิญจังแฮะ….เป็นข้อมูลที่เราอยากรู้พอดี แถมยังมีข้อมูลของดันเจี้ยนอยู่ด้วย ระดับของมอนสเตอร์ก็ด้วย
….ข้อเสนอนี้ก็ฟังดูไม่เลวนะ แต่ว่า……..
〝โทษทีนะ… ถ้าเป็นข้อมูลของดันเจี้ยนละก็ ฉันถามดาบของฉันก็ได้ เพราะเจ้านี่มันเคยเป็นบอสมาก่อน…ยังไงก็ต้องมีข้อมูลที่ฉันต้องการอยู่แล้วหล่ะนะ〞
〝อะไรกัน…〞
แต่ถึงจะมีข้อเสนอน่าสนใจยังไงก็ตาม กรก็ยังคงตอบกลับเด็กสาวไปอย่างใจเย็ย เพราะคิดว่าตัวเองกำลังคุมเกมอยู่อย่างอยู่หมัด เลยไม่ทำให้นึกถึงบุคคลที่สามที่อยู่ข้างหลังแล้วยังลืมเรื่องง่ายๆไปเสียสนิทเพราะความรีบร้อนอีกต่างหาก
〖อะแฮ่ม! ก็ไม่อยากขัดคอหรอกนะ…. แต่ข้าบอกแล้วหนิ ว่าข้อมูลพวกนั้นข้าบอกเจ้าไม่ได้หน่ะ เจ้าหนู…〗
.
.
.
.
.
.
.
〝ห๊าาาาาาา!!!!!!!!!〞
และเพราะแบบนั้น เลยทำให้แผนการเจรจาที่กำลังกุมความได้เปรียบของกรพังครืนไม่เป็นท่า เพราะคำพูดเพียงประโยคเดียวของเคลเบรอส
แล้วกรที่ลืมไปเสียสนิทว่าเคลเบรอสไม่สามารถบอกข้อมูลทั้งหมดได้ตามคำสั่งส่วนหนึ่งของฟรังซ์ ออลเดล ก็ต้องมาเศร้าใจเพราะความประมาทอันเกิดจากความรีบร้อนของตัวเอง
〖งั้นก็พอดีเลยนี่เจ้าหนู…. คุณหนูคนนี้ก็ไม่ได้อ่อนแอมากเกินไป อย่างที่เจ้าคิดซักหน่อย แถมยังได้ข้อมูลของดันเจี้ยนที่เจ้าต้องการอีกด้วยนา ก็เป็นการแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อดีนี่นา…〗
〝จะ เจ้าหมา ….นี่หรือว่าคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วงั้นเหรอ!?〞
〖พูดเรื่องอะไรกันหน่ะเจ้าหนู หากไม่มีหลักฐานก็อย่ามาปรักปรำกันจะดีกว่าน่า〗
〝แกนี่ ชอบกวนประสาทกันซะจริง!!!〞
แล้วหลังจากที่กรตะโกนแบบนั้น เพราะเกิดเรื่องผิดคาดจนแผนเจรจาขับไล่เด็กสาวพังไม่เป็นท่า เคลเบรอสที่พูดโน้มน้าวกรต่อทั้งอย่างงั้น เลยทำให้กรคิดขึ้นมาบ้างว่าเคลเบรอสอาจจะกำลังวางแผนให้กรช่วยเธอคนนี้ตั้งแต่แรกแล้วก็เป็นได้ แล้วก็เป็นแบบนั้นจริงๆ นั่นเพราะคำพูดปั่นหัวกรของเคลเบรอสในตอนสุดท้าย มันใช้คำพูดแบบเดียวกับที่คนร้ายในนิยายสืบสวนใช้แก้ตัวอยู่บ่อยๆอย่างจงใจนั่นเอง
〝งะ งั้น จะยอมช่วยฉัน….แล้วใช่ไหม!?〞
แล้วเด็กสาวที่ได้ยินบทสนทนาของกรกับเคลเบรอส ก็ตีความไปแบบนั้นเข้าแล้ว แต่ก็ไม่ผิดเสียทีเดียว เพราะแผนของเคลเบรอส เลยทำให้กรในตอนนี้เหลือเพียงทางเลือกเดียวเท่านั้น การกระทำของเคลเบรอสในตอนนี้ ช่างเหมือนกับคุณครูที่กำลังไกล่เกลี่ยนักเรียนที่กำลังทะเลาะกันอยู่ยังไงอย่างงั้นเลย
〝ฮึ่ย! ไอ้เจ้าหมา…ฝากไว้ก่อนเถอะ!〞
〖หุหุหุ…. จำไว้ซะเจ้าหนู ว่าอย่าดูถูกผู้ใหญ่〗
〝ชิ!〞
แล้วเพราะทุกอย่างเป็นไปตามที่เคลเบรอสต้องการ เลยทำให้กรไม่สบอารมณ์แบบสุดๆ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น
พอเป็นอย่างที่ว่าไป กรก็เลยหันหน้าเข้าประจันกับเด็กสาวอีกครั้งเพื่อทำการเจรจาครั้งสุดท้าย
〝ให้ตายสิ! ก็…อย่างที่ได้ยินนั่นแหล่ะ เธอจะมากับฉันก็ได้….แน่นอนว่าต้องแลกกับข้อมูล——— 〞
〝จริงเหรอ!!!! ไม่ผิดแน่นะ…ไชโย้!!!!!!!!!!〞
แล้วกรที่กำลังจะพูดเงื่อนไขในการร่วมมือเพื่อยืนยันครั้งสุดท้ายกับเด็กสาว แต่เธอคนนี้กลับตะโกนออกมาขัดจังหวะซะอย่างงั้น ราวกับว่าเธอรอฟังอยู่แค่ประโยคเดียวยังไงอย่างงั้น แล้วเด็กสาวที่ชูมือชูไม้ขึ้นฟ้าอย่างร่าเริงอยู่นั่น ก็กระโดดโลดเต้นไปมาซักพักหนึ่ง โดยลืมกรที่กำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ไปช