บทที่ 15 นักแสดง เจ้าต้องเป็นนักแสดงแน่นอน!
ศิลาวิญญาณหนึ่งแสนก้อน มันเป็นอย่างไรกัน
ศิลาวิญญาณหนึ่งก้อนของทางโลก เพียงพอที่จะแลกเงินหนึ่งพันตำลึงเงิน
ศิลาวิญญาณหนึ่งแสนก้อน ก็เท่ากับเงินหนึ่งร้อยล้านตำลึงเงิน เพียงพอที่จะให้คนธรรมดาเสพสุขหนึ่งร้อยชาติ
ทว่าในโลกของการเดิมพันหิน หินแร่ที่มีขนาดเท่ากับฝ่ามือ ก็มีมูลค่าเท่านี้แล้ว!
แน่นอนว่าหินแร่วิญญาณที่มีมูลค่าสูงเช่นนี้ ในร้านวิญญาณอริยะ ถือว่าเป็น ‘สมบัติประจำร้าน’
แต่หลังจากป้ายในมือของเสิ่นเทียนชี้ไปทางน้ำเต้าเซียนม่วงคราม สายตาของผู้คนที่อยู่โดยรอบดูแปลกใจขึ้นมาทันที
“สหายเต๋าเอ้าเทียน เจ้ามั่นใจหรือว่าจะเลือกหินแร่ก้อนนี้”
รองหัวหน้าหันไปมองหินแร่น้ำเต้า กล่าวเตือน “หรือว่าสหายเต๋าไม่เคยได้ยินเรื่องราวของหินแร่วิญญาณก้อนนี้”
ในสวนหมื่นวิญญาณ ทุกร้านแร่วิญญาณมีสมบัติประจำร้านของตนเอง
โดยในบรรดาร้านแร่วิญญาณ ‘น้ำเต้าเซียนม่วงคราม’ ของร้านวิญญาณอริยะมีชื่อเสียงมากที่สุด
เล่ากันว่าตอนที่เจ้าของร้านวิญญาณอริยะขุดหินแร่ก้อนนี้ออกมา สะเทือนไปทั่วทั้งสวนหมื่นวิญญาณ
ตั้งแต่ขุนนางชนชั้นสูงไปจนถึงเชื้อพระวงศ์ หรือแม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเซียนผู้แท้จริงเกือบทั้งหมดของอาณาจักรต้าเหยียน แข่งขันเสนอราคาที่สูงมาก หวังซื้อหินแร่วิญญาณก้อนนี้
ราคาของมันกระโดดสูงขึ้นไปถึงหนึ่งล้านศิลาวิญญาณ!
ทว่าหลังจากผ่านการประเมินโดยนักชีพจรวิญญาณหลายท่าน ผลลัพธ์ที่ได้กลับทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจ
หินแร่วิญญาณก้อนนี้เคยล้ำค่ามากก็จริง ด้านในมีของวิเศษวิถีเซียนที่มีอานุภาพสูงซ่อนอยู่
แต่หลังจากกาลเวลาเปลี่ยนผันไป ของวิเศษวิถีเซียนชิ้นนี้ได้สูญเสียต้นกำเนิดรากฐานของมัน กลายเป็นของที่ไร้ประโยชน์
อย่าว่าแต่หนึ่งล้านศิลาวิญญาณ ถึงเป็นหนึ่งหมื่นศิลาวิญญาณก็ไม่คุ้มกับราคานี้!
เจ้าของร้านวิญญาณอริยะไม่อาจยอมรับได้ ด้วยเหตุนี้จึงเชิญปรมาจารย์นักชีพจรวิญญาณจากทั่วสารทิศมาทำการประเมินหินแร่วิญญาณก้อนนี้
แต่ผลลัพธ์ของการประเมินก็ออกมาเหมือนเดิมทุกครั้ง
ปัจจุบันหินแร่วิญญาณก้อนนี้เป็นของประเภทข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง
ยิ่งไปกว่านั้นชื่อเสียงได้แผ่ขยายไปทั่วจนขายไม่ออก!
ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีทางเลือกเช่นนี้ เจ้าของร้านวิญญาณอริยะจึงทำได้แต่นำมันมาตั้งไว้ในร้าน ให้เป็นสมบัติประจำร้าน และยังแขวนป้ายราคาไว้ที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ
ทั้งหมดก็เพื่อวันใดวันหนึ่งได้เจอกับเศรษฐีไร้สมอง จะได้ขายมันออกไปเสีย
ปัจจุบัน เสิ่นเทียนที่สวมบทเป็นผู้สูงศักดิ์
กลับเลือกน้ำเต้าเซียนม่วงครามชิ้นนี้ต่อหน้าผู้คนมากมายในร้านตั้งแต่แว็บแรกที่เห็น
จึงทำให้ผู้คนรู้สึกประหลาดใจมาก
……
คนผ่านทางหัวเราะเสียงดังทันที “ฮ่าๆ เสแสร้งได้ยอดเยี่ยมมาก เกือบถูกเจ้าหลอกเอาจนได้”
กล่าวจบ เขามองไปทางหลี่เหลียงเอ๋อร์ “เทพธิดา ตอนนี้ความจริงถูกเปิดเผยแล้ว หวังว่าทุกท่านจะจัดการเจ้าหมอนี่…”
“หุบปากของเจ้าเสีย” หลี่เหลียงเอ๋อร์ขัดคำพูดของคนผ่านทาง
นางมองไปทางเสิ่นเทียน กล่าวห้ามปรามเสียงเบา “แม้กระทั่งนักชีพจรวิญญาณก็เกิดข้อผิดพลาดเป็นบางครั้งเป็นเรื่องปกติ พี่เสิ่นเปลี่ยนไปเลือกก้อนอื่นดีกว่า!”
คนผ่านทางกำลังจะโต้แย้ง กลับเห็นสายตาที่เฉียบคมราวกับกระบี่มองมาทางนี้
ทันใดนั้น เขารีบหุบปากทันที
เสิ่นเทียนยิ้มเล็กน้อย “ข้าไม่เคยเสียใจกับสิ่งที่ได้เลือก เชิญเทพธิดาเปิดแร่เถอะ!”
รองหัวหน้าขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณหนู ศิลาวิญญาณหนึ่งแสนก้อนไม่ใช่จำนวนน้อยๆ”
กล่าวจบ เขาหันไปมองทางเสิ่นเทียน “เสิ่นเอ้าเทียน ตอนนี้ยังไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่หากเกี่ยวพันถึงศิลาวิญญาณหนึ่งแสนก้อน ผลที่ตามมาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่เจ้าจะรับผิดชอบได้”
เห็นได้ชัดว่าเขายอมรับคำพูดของคนผ่านทางแล้ว รู้สึกว่าเสิ่นเทียนเป็นเป็นพวกลวงโลกสร้างชื่อให้กับตนเอง
การที่เขาเลือกน้ำเต้าเซียนม่วงครามชิ้นนี้ ก็เพื่อทำให้ผู้คนตกใจจนเดินหนี หลังจากนั้นฉวยโอกาสไปจากที่นี่
……
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ต้องระวัง
นั่นก็คือพวกลวงโลกที่สร้างชื่อเสียงให้กับตนเองอย่างเดียวโดยไม่มีผลกระทบต่อผู้อื่นกับพวกที่หลอกลวงทำให้ผู้อื่นสูญเสียผลประโยชน์
บทลงโทษของระหว่างทั้งสองคนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
พวกแรกหลังจากที่ถูกจับได้ อย่างมากก็ถูกจับไปขังสองสามปี สั่งสอนเล็กน้อย
ถ้าหากคุณหนูเหลียงเอ๋อร์ฟังการชี้แนะของเสิ่นเทียนเปิดหินแร่วิญญาณที่มีราคาสูงเสียดฟ้าก้อนนี้
และต่อมาพิสูจน์ได้ว่าเสิ่นเทียนเป็นนักต้มตุ๋น แท้จริงแล้วไม่มีความสามารถแต่อย่างใด
หากเป็นเช่นนั้น อย่างน้อยเสิ่นเทียนก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ในคุกหลายพันปี!
ในฐานะที่เป็นผู้คุมกฎ เขาจำเป็นต้องเตือนเสิ่นเทียนก่อน
ได้ยินคำกล่าวเตือนของผู้คุมกฎ คนอื่นในร้านที่ถามหาต้นสายปลายเหตุ ก็กระจ่างขึ้นมาในทันใด
“อะไรนะ ‘ปรมาจารย์’ ท่านนี้หลอกแม้กระทั่งกลุ่มผู้คุมกฎ”
“ร้ายกาจมากน้องชาย ให้คุณหนูใหญ่ของกลุ่มผู้คุมกฎเปิดแร่ก้อนนี้ เล่นถูกคนแล้ว!”
“พูดอะไรของเจ้า พี่นักพรตก็แค่พลาดไปชั่วขณะ เลือกผิดก็เท่านั้น เขาจะผิดพลาดสักครั้งไม่ได้เลยหรือ”
“ใช่แล้ว ให้โอกาสพี่นักพรตอีกครั้ง จะสามารถเลือกแร่ที่ดีได้อย่างแน่นอน!”
“สตรีมีผมยาว แต่กลับมีวิสัยทัศน์สั้น ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นนักต้มตุ๋นยังจะปกป้อง หรือเป็นเพราะหน้าตาของเขาดีอย่างนั้นหรือ”
“ไม่เช่นนั้นจะอย่างไรเล่า! ไม่ปกป้องคนหน้าตาดีอย่างพี่นักพรต หรือจะให้ปกป้องคนอัปลักษณ์อย่างเจ้า”
“เหอะๆ ไร้เหตุผลสิ้นดี!”
……
บรรยากาศในร้านวิญญาณอริยะเริ่มเดือดขึ้นทีละนิด
ในตอนนั้นเอง มีน้ำเสียงที่หนักแน่นดังออกมาจากฝูงชน
“ดี!”
“สมคำกล่าวผู้กล้ากำเนิดจากคนหนุ่มสาว!”
“คิดไม่ถึงว่าในบรรดาคนหนุ่มสาว จะมีคนที่เชี่ยวชาญค้นวิญญาณประเมินแร่อย่างท่านอยู่ด้วย คนรุ่นใหม่น่าเกรงขามยิ่งนัก!”
“ในอนาคตของโลกบำเพ็ญเซียน ท่านจะต้องมีอนาคตอย่างแน่นอน!”
ตอนนี้ทั้งร้านวิญญาณอริยะ มีเพียงคนผู้นี้ที่วิพากษ์วิจารณ์เสิ่นเทียนในเชิงบวก
กลายเป็นจุดสนใจของฝูงชนโดยปริยาย
ทันใดนั้น สายตาของผู้คนหันไปมองต้นทางของเสียง
พบว่าคนพูดเป็นชายชราในชุดเสื้อคอจีน ดูแล้วน่าจะมีอายุประมาณห้าสิบปี
คนผู้นี้กำลังหมุนลูกมันฮ่อสองลูกในมือ สีหน้าท่าทางดูเป็นคนใจดี บนร่างกายเต็มไปด้วยกลิ่นอายของผู้มีสติปัญญา
ราวกับเป็นปราชญ์ที่เคยผ่านความผันผวนของชีวิต
เขาเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเสิ่นเทียน สายตามุ่งมั่น “น้องชายรู้สึกว่าน้ำเต้าเซียนม่วงครามชิ้นนี้มีโชคลิขิตจริงหรือ”
เสิ่นเทียนพยักหน้าอย่างหนักแน่น “มี ในแร่ก้อนนี้ต้องมีโชคลิขิตอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นเป็นโชคลิขิตอันประเสริฐ!”
“ดี!”
ชายชรากุมมือของเสิ่นเทียนด้วยความตื่นเต้น “วิสัยทัศน์ของน้องชายเฉียบแหลมยิ่งนัก”
“มุมมองของท่านกับข้าเหมือนกันไม่มีผิด!”
“น้ำเต้าเซียนชิ้นนี้ถูกปกคลุมด้วยลวดลายสีม่วงครามที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ยิ่งไปกว่านั้นยังก่อกำเนิดครรภ์เซียนที่ล้ำเลิศ”
“ผู้คนธรรมดาคิดว่ามันกลายเป็นของไร้ประโยชน์เนื่องจากรากฐานต้นกำเนิดได้จางหายไปหมดแล้ว”
“มีเพียงผู้ที่มีวาสนาแท้จริงถึงสามารถพบมัน ในน้ำเต้าเซียนชิ้นนี้มีพลังชีวิตสายหนึ่งแฝงอยู่ เป็นโชคลิขิตอันประเสริฐอย่างแท้จริง”
“น้องชาย น่าเสียดายที่พวกเราได้พานพบช้าเกินไป น่าเสียดาย!”
เสิ่นเทียนก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน “ผู้อาวุโส น่าเสียดายที่พานพบช้าเกินไป น่าเสียดาย!”
กล่าวจบ เขามองไปทางผู้คนที่อยู่ด้านหลัง กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เฉยเมย “ดูเหมือนยังมีคนเชื่อข้าอยู่”
มุมปากของรองหัวหน้ากลุ่มผู้คุมกฎกระตุกเล็กน้อย
“ท่านนี้คือเถ้าแก่หลิว เถ้าแก่ของร้านวิญญาณอริยะ”
……
รอยยิ้มบนใบหน้าของเสิ่นเทียนชะงักทันที
หา ตาแกนี่เป็นเถ้าแก่ของร้านวิญญาณอริยะ
แค่กๆ น่าขายหน้าเสียจริง!
ในตอนนั้นเอง มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างกะทันหัน
คนผ่านทางตบขาของตนเองทันที ตะโกนเสียงดัง “ข้ารู้แล้ว นักแสดง เจ้าต้องเป็นนักแสดงแน่นอน!”
เห็นความสนใจของผู้คนกลับมาที่ตนเองอีกครั้ง คนผ่านทางยิ้มอย่างเย็นชาแล้วกล่าว
เขาชี้ไปที่เสิ่นเทียน กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ในที่สุดข้าก็รู้จิตใจที่ไม่บริสุทธิ์ของเจ้าแล้ว!”
“อันที่จริง เจ้าเป็นนักแสดงที่ถูกเถ้าแก่หลิวว่าจ้างมาสินะ!”
……………………………………………..