ผมคือนักบุญหญิงที่เป่ายิ้งฉุบมาเกิดใหม่ครับ – ตอนที่ 37

   เสียงดาบกระทบกันไปทั้วบริเวณสนามซ้อมของหน่วยของภูติดำยามเช้า มีร่างของคน2คนกำลังปะดาบกันอยู่อย่างดุเดือด ทั้งสองคนต่างเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วจนคนปกติแทบจะมองตามไม่ทัน”

“วันนี้แหละฉันต้องชนะคุณให้ได้!!”

  ซอร์ดพูดออกมาด้วยความมั่นใจในขณะที่กำลังสาดเพลงดาบใส่เฟอย่างรวดเร็ว

“พูดได้ดีเหมือนกันนะครับ”

  เฟพูดในขณะที่ปัดการโจมตีของเธอที่รวดเร็ว หากมองภายนอกเขาคือฝ่ายที่ตั้งรับเพียงอย่างเดียว

“แต่ว่า…ยังอ่อนไปนะครับ”

“!!!!!!”

  เฟอาศัยจังหวะเพียงช่วงเสี่ยววิและกระแทกสันดาบไปที่ท้องของเธอเพื่อสร้างจังหวะ และเฟก็ใช้โอกาศนี้เตะขัดขาของซอร์ดจนล้มและเอาดาบจ่อคอเธอเอาไว้

“พ..แพ้แล้ว”

  ซอร์ดยกมือยอมแพ้เฟก็เก็บดาบเข้าไปในฝักตามเดิม และยื่นมือไป

“คุณเฟนี้เก่งจังเลยนะ ทั้งที่ทางนี้แรงเยอะและตัวใหญ่กว่าคุณแท้ๆ”

  ซอร์ดพูดด้วยน้ำเสียงท้อแท้เล็กน้อย และจับมือของเฟที่ยื่นมือมาช่วย

“การต่อสู้ด้วยอาวุธไม่ได้เกี่ยวกับขนาดตัวและพละกำลังครับ มันขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่ดี ความพร้อมของร่างกาย จังหวะ และเทคนิคครับ”

“ไม่เอาน่า คุณเฟมันก็ยังเป็นเรื่องจริงอยู่ดีที่ฉันแพ้คุณที่มีเพียงแขนเดียวนะ”

“นั้นก็เพราะผมมีโอกาสได้ต่อสู้กับคนเก่งๆบ่อยๆครับ ถ้าคุณซอร์ดต่อสู้บ่อยๆ เดี๋ยวคุณก็เก่งเองแหละครับ”

“นั้นสินะ สกสัยฉันเอาแต่สู้กับพวกมอนสเตอร์มากเกินไปจนเหลิงขนาดนี้ สมแล้วจริงๆที่คุณได้ชื่อว่าแร๊งA”

“โอ้ว!! ซ้อมกันอยู่เหรอ!! ให้ฉันร่วมแจมได้ไหม”

  มินาโตะโผล่มาในสภาพชุดเกราะและอาวุษของเธอทั้ง3 กำลังส่งยิ้มมาทางทั้ง2คน

“ก็ได้นะครับ ท่าคุณมินาโตะสัญญาว่าจะไม่ใช่[Bring] ผมก็ยินดีร่วมซ้อมกับคุณนะครับ”

“เอ๋!! ไม่เอาหรอกดาบของฉันมันหนักโคตรๆเลยนะ ถ้าไม่ใช่[Bring]ฉันก็เคลื่อนไหวเร็วๆ แบบพวกเธอไม่ไหวหรอก”

  นี้คือหนึ่งในจุดอ่อนของมินาโตะที่เฟค้นพบ เหมือนเธอจะไม่สามารถกระโดดหรือเคลื่อนไหวเร็วๆได้เพราะดาบด้านหลังของเธอที่มีน้ำหนักเยอะ เธอจึงกลบจุดอ่อนนั้นด้วยการใช้[Bring]ในการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

“หัวหน้าก็วางดาบก่อนสิ ทางฉันเองก็อยากสู้กับหัวหน้าเหมือนกันนะแต่ฉันต่อสู้[Bring]ของคุณไม่ไหวหรอก”

“พูดอะไรของเธอนะซอร์ด!! ท่าวางดาบทิ้งไว้แล้วมันหายขึ้นมาคนที่จ่ายมันฉันนะ!!”

“ไอ้ดาบโคตรใหญ่ที่อยู่ข้างหลังนั้นในหน่วยเราท่าไม่ใช่หัวหน้าก็ยกไม่ไหวหรอกนะ!! รู้รึเปล่า!!”

“แต่ฉันก็ไม่อยากประมาทอยู่ดีนั้นแหละ… เอางี้ละกัน!! ฉันจะอยู่ตรงนี้เฉยๆพวกเธอก็โจมตีมาได้เต็มที่เลย!!”

“เอาจริงเหรอครับ? นั้นหมายความว่าคุณต้องรับมือพวกผม2คนเลยนะ”

“ก็ใช่นะสิ แต่ฉันไม่คิดจะแพ้หรอกนะ”

  มินาโตะยิ้มอย่างมั้นใจพร้อมกับหยิบกระบองประจำตัวของเธอขึ้นมาและชี้มาทางพวกเฟ

“ช่วยไม่ได้นะครับแบบนี้ผมคงสนองความต้องการให้คุณแล้วสิ”

“งั้นฉันก็คงต้องขอร่วมด้วยละกัน”

เฟและซอร์ดชักดาบขึ้นมาอีกครั้ง

“Come on~”

  มินาโตะกวักมือเรียกทั้งสองด้วยน้ำเสียงและใบหน้ากวนๆ ทั้งสองจึงพุ่งเข้าไปหาเธออย่างรวดเร็ว

“สามคนนั้นบ้าการต่อสู้กันจังนะ”

  ช็อกเกอร์พูดขึ้นมาในขณะที่กำลังเล่นผมของดาดาที่นั้งมองการต่อสู้อยู่ข้างสนาม

“ก็ช่วยไม่ได้นี้น่า พวกนั้นเขาชอบสู้ระยะประชิดกันนี้น่า ส่วนพวกเราที่ทำหน้าที่สนับสนุนไม่ค่อยมีบทบาทเยอะหรอก”

  เมโลดี้กำลังไล่ตบหางของดาดาที่กำลังส่ายไปมาอย่างรวดเร็วเพราะไม่อยากให้เมโลดี้จับ

“รองหัวหน้ามาช้าจังน้า~ ทั้งๆที่เป็นคนเรียกเรามาในวันหยุดแท้ๆ”

  ดีน่าบ่นอุบอิบขึ้นมาในขณะที่กำลังดมผมของดาดาอยู่

“จริงด้วย!! น้องแมวกินขนมไหม!! วันนี้พี่สาวพกมาเต็มเลยนะ”

  เมโลดี้โชวถุงขนมต่างๆ ที่พกมามากมายให้กับดาดาดู ซึ่งดูเหมือนเธอจะไม่สนใจอะไรมากนัก

“น้องแมววันนี้ดูซึมๆรึเปล่านะ”

“ช่วยไม่ได้นี้น่า เมื่อวานดูเหมือนจะซึมๆ เรื่องมังกรน่าดู ก็เธอเล่นไม่มีบทบาทเลยนี้น่า”

“ยัยบ้า!! พูดอะไรของเธอเนี้ย!! หางน้องแมวตกแล้วเห็นไหม!!”

.

.

.

.

“มินาโตะ!! เฟละ!!”

  เธอรีบวิ่งไปหามินาโตะและหน่วยที่พึ่งกลับมาทันที

“อ๋อ ท่าหมายถึงเฟละก็อยู่ตรงนั้นไง”

“เอ๋!!”

  ภาพที่ดาดาเห็นคือเฟและภูติดำอีกคนเดินกอดคอและคุยกันอย่างสนิทสนม ราวกับรู้จักกันมานาน

“เห็นว่าตอนสู้กับมังกรดูเหมือนพวกนั้นจะติดใจในฝีมือของกันและกันน่าดูเลยละ เป็นมิตราภาพที่ดีจริงๆนะเนี้ย”

  มินาโตะยิ้มเบาๆและมองทั้ง2คนด้วยสายตาอ่อนโยน ส่วนทางดาดาเองเริ่มรู้สึกเจ็บๆที่หน้าอก เธอรู้สึกอิจฉาภูติดำคนนั้นมากที่สามารถพูดคุยกับเขาได้อย่างสนิทสนมขนาดนั้นและสามารถต่อสู้เคียงข้างเขาได้ ในขณะที่เธอนั้นต้องให้เขาปกป้องตลอดเวลา แม้จะเป็นแร๊งCแล้วก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยสักนึด

“สวัสดียามเย็นคะ น้องแมวเหมียว”

“!!”

  ดาดารู้สึกตกใจเป็นอย่างมากที่ถูกบเรนมาพูดข้างๆของเธออย่างกระทันหัน จนกระโดกถอยออกมาอัตโนมัติ

“บเรน!! ฉันตามหาเธอแทบแย่!! ขอร้องละ!! ขอแค่เรื่องนั้นอย่าบอกย้าย้าเลยนะ!!”

  มินาโตะลงไปคุกเข่าอ้อนวอนบเรนทั้งน้ำตา เธอไม่อยากจะมาทะเลาะกับย้าย้าอีกแล้ว

“เรื่องนั้นฉันไม่บอกท่านแม่ย้าย้าหรอกคะ สบายใจได้ แต่คุณก็อย่าลืมเขียนรายงานเรื่องในวันนี้และจดหมายสำนึกผิดด้วยนะคะ”

  บเรนพูดและส่งยิ้มไปทางมินาโตะอย่างอารมดี

“เข้าใจแล้วละ!! ฉันจะไปเขียนเดี๋ยวนี้แหละ!!”

ร่างของมินาโตะหายไปในทันทีที่พูดจบ เธอใช้เทเลพอทเพื่อกลับไปทำงานของเธอต่อตามที่บเรนสั้ง

“สรุปน้องแมวเหมียวกำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่รึเปล่าคะ”

“ปะ..เปล่าซักหน่อย”

“ถึงคุณจะทำเฉไฉไปก็เท่านั้นคะ คุณกำลังวลเรื่องความแข็งแกร่งของตัวเองและเรื่อง2คนนั้นสินะคะ”

“…..”

“ไม่คิดจะทำเฉไฉต่อเหรอคะ น้องแมวเหมียว”

  เธอไม่คิดจะตอบอะไรบเรน เธอพูดถูกถึงเรื่องที่เธอกังวล เธอนั้นอ่อยแอและยังคงเป็นเด็กในสายตาของเขาเสมอ ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย แม้แต่เมื่อ10ปีก่อน เธอก็เป็นคนที่ทำให้เฟต้องสูญเสียแขนของตัวเองไปเพราะปกป้องเธอ

“ท่าเงียบแบบนั้นแสดงว่าคุณยอมรับแล้วสินะคะ”

“อืม..”

“งั้นก็ดีแล้วละคะ พรุ้งนี้ตอนเช้ากรุณามาที่สนามซ้อมของพวกเราที่อยู่ทางทิศใต้ของเมืองด้วยนะคะ”

“ทำไมละ? ไม่มีเหตุผลที่ฉันต้องไปซักหน่อย”

“ท่าคุณอยากมีประโยชน์กับเขาก็กรุณามาด้วยคะ นี้คือคำแนะนำพิเศษของฉันให้แก่คนอ่อนแออย่างคุณคะ”

  ตั้งแต่มาเมืองนี้เธอก็ได้ยินคำว่าอ่อนแอมาตอกย้ำเธอตลอด แม้แต่เด็กที่ตัวเล็กกว่าตัวเองก็ยังพูดว่าเธออ่อนแอ เป็นถึงกระนั้นก็ยังเป็นความจริงที่เธอนั้นอ่อนแอยิ่งกว่าเด็กคนนั้นอยู่ดี

“ได้สิ..พรุ้งนี้ฉันจะไป!!”

  แต่ถึงอย่างงั้นเธอก็อยากต่อสู้เคียงกับเขาอยู่ดี.. ขอแค่เป็นประโยชน์ให้กับเขาสักเล็กน้อยก็ยังดี

“เป็นสีหน้าที่ดีมากคะ น้องแมวเหมียว”

  บเรนยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับเธอ และเดินไปหากลุ่มภูติดำเพื่อพูดคุยอะไรสักอย่างกัน

“เป็นยังไงบ้างดาดา”

  เฟเดินเข้ามาถามเธอด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

“ฉันไม่เป็นไรหรอกว่าแต่นายเถอะ สู้กับมังกรเป็นยังไงบ้าง”

“ก็ไม่เลวเหมือนกันนะ เหมือนกับว่าผมได้ทำความฝันวัยเด็กให้เป็นจริงเลยละ แต่น่าเสียดายเหมือนกันที่คุณมินาโตะมาสังหารมันไปซะก่อน”

“งั้นก็ดีแล้วละ”

  ดาดารู้สึกดีใจเล็กน้อยที่เขาทำหน้ามีความสุขที่ได้สู้กับมังกร ต่างจากเธอที่ทำได้แค่หนีไปหามินาโตะเท่านั้น

“แต่ถึงอย่างงั้นก็ยังดีนะครับ ที่คุณซอร์ดมาช่วยซ้อมดาบต่อหลังจากมังกรตายไป ทำให้วันนี้ใช้แรงไปเกือบหมดเลยละ ฮ่าๆๆๆ”

  เมื่อพูดชื่อของซอร์ดเขาก็ยิ้มอย่างดีอกดีใจ ดาดารู้สึกเจ็บเล็กน้อยที่เฟพูดชื่อของภูติดำคนนั้นอย่างสนิทสนมยิ่งกว่าตัวเธอเสียอีก

“เป็นอะไรไปเหรอ? ดาดา”

“อ๊ะ.อืม เปล่าหรอกไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ”

“งั้นเหรอค.. ถ้างั้นกลับกันเถอะ ผมเองก็ชักหิวๆแล้วสิ”

“อืม กลับกันเถอะ เฟ!!”

  เธอเดินข้างๆ เฟเพื่อกลับไปที่โรงแรม ถึงในวันนี้เธอจะได้อยู่เคียงข้างเขาในฐานะลูกสาวแต่ในอนาคต เธอหวังว่าในสักวันจะสามารถเดินเคียงข้างเขาในฐานะอื่นที่มาใช่ลูกสาวของเขา

.

.

.

.

“สวัสดีคะ พวกคุณมาเร็วกว่าที่ฉันคิดอีกนะคะ”

  บเรนพูดพร้อมขยับแว่นของเธอ ตอนนี้เธออยู่ในชุดธรรมดาทั้วไป ผมของเธอที่ปกติใส่หมวกเกราะไว้ตลอดเวลาในตอนนี้ก็รวบผมเป็นทรงหางม้าเรียบร้อย

“รองหัวหน้ามาช้าอ่า~”

  ดีน่าโวยวายใส่บเรนที่พึ่งมาถึง เธอมารอเบรนมากกว่าชั่วโมงกว่าแล้ว

“ที่มาช้าก็เพราะฉันมีธุระนึดหน่อยเท่านั้นคะ ต้องขออภัคพวกคุณที่ต้องมารอฉันนะคะ”

“หืม~ ธุระที่ว่านั้นเกี่ยวกับรอยดูดที่คอคุณด้วยรึเปล่าคะ?”

“””!!!!”””

  ดีน่าและช็อกเกอร์รีบมองไปที่คอของบเรน พวกเธอก็เห็นรอยดูดขนาดใหญ่ แม้ผิวของพวกเธอจะคล้ำแต่มันก็ยังมองออกได้ง่ายอยู่ดี ทางบเรนเองก็รีบเอาผ้าอะไรสักอย่างมาแปะปิดไว้ที่คอทันที

“อ๋อๆ อย่างงี้นี้เองรองหัวหน้าเองก็มีเวลาแบบนั้นบ้างสินะ ทั้งๆที่ปกติบ่นว่าชอบอยู่คนเดียว แท้ๆ หุๆๆ”

“ก็น้า~ รองหัวหน้าเองก็เป็นภูติดำเหมือนพวกเรานี้เนอะ”

“”เนอะ!””

  เหล่าภูติดำหัวเราคิกคักและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ส่วนทางบเรนเองก็อายหน้าแดงเพราะถูกล้อเลียน

“อะ แฮ่มม!! ที่เรียกพวกคุณมาในวันนี้ก็ไม่ได้มีอะไรหรอกคะ!! จากนี้ไปฉันจะขอให้คุณฝึกฝนน้องแมวเหมียวใช้เวทมนต์สนับสนุนเพียงเท่านั้นคะ”

  บเรนพยามเปลี่ยนเรื่อง ซึ่งภูติดำเองก็ไม่คิดจะเซ้าซี้อะไรกับรองหัวหน้าของเธอ

“เธอจะบ้ารึไง? เผ่าสัตว์อย่างฉันใช้เวทมนต์ได้ที่ไหนละ?”

“ถ้าเป็นเผ่าสัตว์ทั้วไปก็ใช้คะ แต่สำหรับคุณที่เป็นเผ่าสัตว์มายานั้นย่อมไม่มีปัญหาคะ”

“ห๊า? เผ่ามายา? อะไรละนั้น”

  ดาดาทำหน้างงงวนเธอไม่เข้าใจสิ่งที่บเรนพูดเลยสักนึด

“นั้นสินะคะ.. ให้คุณเฟอธิบายคงเข้าใจง่ายกว่า.. คุณเฟคะ!!!”

  บเรนตะโกนเรียกเฟที่ตอนนี้กำล้งสู้กับมินาโตะอย่างเมามันอยู่ เมื่อเฟได้ยินที่บเรนเรียกเขาก็รู้ว่ามันหมายถึงอะไร เขาจึงหยุดสู้และทิ้งซอร์ดรับมือกับมินาโตะคนเดียว

“ช่วยบอกเผ่าพันธ์ที่แท้จริงของน้องแมวเมี้ยวมาตามตรงด้วยคะ..”

“เฟ? นี้มันเรื่องอะไร? “

  ดาดากำลังอยู่ในความสับสนเธอไม่เข้าใจว่าบเรนกำลังพูดเรื่องอะไรกันแน่

“ก็เรื่องที่คุณเผ่าแมวปีศาจที่เป็นหนึ่งในเผ่ามายาไงคะ”

“พะ..พูดเรื่องอะไรของเธอเนี้ย!! ฉันเป็นเผ่าแมวธรรมดา จะเป็นแมวปีศาจได้ไง!!”

“จริงๆ เรียกแมวปีศาจก็ไม่ถูกนะครับ ก็จริงอยู่ที่เป็น1ในเผ่ามายาแต่เธอไม่ใช่แมวปีศาจครับ”

“ตายจริง? นี้ฉันเดาพลาดเหรอคะ? และน้องแมวเมี้ยวเป็นตัวอะไรกันแน่ละคะ”

“ดาดา…ตั้งใจฟังให้ดีนะครับ… เผ่าพันธ์ที่แท้จริงของเธอนะ”

“ฟะ..เฟ.. ทำไมทำหน้าจริงจังแบบนั้นละ นายกำลังทำให้ฉันกลัวนะ”

  เฟพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน…

“เธอนะ เป็นหนึ่งในเผ่าของจิ้กจอกมายาครับ”

“”””ห๊า?””””

  ภูติดำทั้งหมดรวมถึงดาดาร้องออกมาด้วยความงงงวย สิ่งที่เขาพูดมันคนละสปีชี่กับเธอชัดๆ หูของเธอแหลมก็จริงแต่มันก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมายมันก็ยังเหมือนแมวอยู่ดี ส่วนหางเองมีจะมีขนฟู่ไปบ้างแต่ก็ไม่ได้เหมือนจิ้กจอกขนาดนั้น พูดง่ายๆ องค์ประกอบของเธอก็เหมือนแมวบ้านขนยาวทั้วไปนั้นเอง

“นายพูดบ้าอะไรของนายยะ!!! นายเอาที่ไหนมาบอกฉันเป็นจิ้กจอกยะ!!”

“ก็ดาดาขนเป็นสีสั้มใช่มั้ยละ นั้นแหละคือสิ่งที่บอกว่าเธอเป็นจิ้กจอกนะ”

“แต่จิ้กจอกที่ฉันรู้จักมันหางฟู่กว่านี้ยะ ที่สำคัญหางฉันมีขนสีขาวตรงปลายหางเหมือนพวกจิ้กจอกซะทีไหนกันแหกตาดูสิยะ!! หางฉันมีแต่ขนสีดำแซมๆเท่านั้นแหละ!!”

  ดาดาพูดพร้อมถือหางของตัวเองมาโชวให้กับเฟดูใกล้ๆ เพื่อแสดงหลักฐานของเธอ

“ดาดา..จิ้กจอกทุกตัวมันไม่ได้มีขนสีขาวตรงปลายหางทุกตัวนะ”

“แล้วไงละ!! นายจะบอกว่าฉันเป็นจิ้งจอกเพราะสีขนเนี้ยนะ!! นายจะบ้ารึเปล่า!! ถึงตอนเด็กๆฉันจะจำอะไรไม่ค่อยได้แต่ฉันก็ยังจำได้ว่าแม่ของฉันก็เป็นเผ่าแมวนะ!!”

“งั้นก็ช่วยไม่ได้นะ… ถ้าผมแสดงหลักฐานว่าเธอเป็นจิ้งจอกได้ จะเชื่อผมไหม”

“งั้นก็แสดงมาสิ!! ถ้าไม่มีหลักฐานใครเขาจะไปเชื่อละ”

“ก็ได้ครับถ้างั้นก็…”

  เฟหยิบแผ่นกระดาษสีแดงที่มีสัญญาลักษณ์ตัวอักษรแปลกๆ ขึ้นมาโชวให้กับดาดาดู

 

“ลองเอาไปถือดูสิ”

“อะ..อืม..”

  ดาดารับกระดาษนั้นมาถือไว้กับตัว ซึ่งเธอก็ยังงงๆอยู่ดีว่านั้นคืออะไร

“ทีนี้ลองพูด เฮบันฮาดา ดูนะ”

“ฮะ..เฮบันฮาดา ว้ายย!!!”

  เมื่อเธอพูดจบกระดาษอันนั้นก็ลุกไหม้หายไปทันที แม้เธอจะตกใจเล็กน้อย แต่ถึงอย่างงั้นเธอก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันคืออะไร

“นะ..น้องแมวเหมีย…หางของคุณมัน!!”

  บเรนชี้ไปที่ด้านหลังของดาดาด้วยสีหน้าตกตะลึง

“หางฉันเหรอ… นี้มันอะไรเนี้ย!!!!”

  เมื่อเธอหันกลับมามองที่หลังตัวเองก็ตกใจกับหางของเธอที่ตอนแรกมีเพียงหางเดียวตามปกติ แต่ตอนนี้หางของเธอมีเพิ่มขึ้นมาอีก3หาง ทำให้ตอนนี้เธอมีหางทั้งหมด4หาง หางบางหางของเธอก็มีสีขาวตรงปลายตามที่เธอบ่นไว้อีกด้วย ที่สำคัญหางของเธอยังใหญ่และยาวขึ้นอีกด้วย

“น้องแมว..หน้าของเธอมัน..”

  ดีน่ายื่นกระจกที่พกติดตัวมาให้กับเธอ เมื่อดาดามองดูในกระจกนั้นก็พบว่าใบหูของเธอยาวและใหญ่ขึ้น และตรงแก้มใกล้ๆจมูกเองก็มีหนวดยาว3เส้นทั้งสองข้างงอกขึ้นมา เหมือนหนวดแมว

“ฟะ..เฟ..นะ..นายทำอะไรกับฉันเนี้ย!!!!”

  ดาดาร้องอย่างหวยโหย กับการเปลี่ยนแปลงของตัวเองที่ค่อนข้างมาก จนเธอปรับตัวไม่ทัน

“ก็เธอบอกว่าให้ผมแสดงหลักฐานว่าเป็นจิ้กจอกไม่ใช่เหรอ?”

“นี้มันไม่ใช่แค่จิ้กจอกเฉยๆแล้วยะ!! นี้มันสภาพของพวกสัตว์กลายพันธ์ชัดๆ!!”

  สัตว์กลายพันธ์ที่ดาดาพูดถึงคือสัตว์ทั้วไปที่ได้รับพลังเวทมากจำนวนมากๆ จนกลายพันธ์จนแข็งแกร่งขึ้น บางก็มีหางเพิ่มขึ้น บางก็มีสติปัญญาที่ฉลาด บางตัวสามารถใช้มนต์แปลงกายมาเป็นมนุษย์ได้เลยก็มี

  ซึ่งตอนนี้ดาดาหากเข้าไปเดินในเมืองเธอคงถูกเข้าใจผิดเป็นสัตว์กลายพันธ์และถูกล่าเพราะความเข้าใจผิดอย่างแน่นอน

“จะ..จิ้กจอกเก้าหางเหรอคะ?”

“รู้จักด้วยเหรอครับ?”

“เคยได้ยินเรื่องเล่าคะ”

  บเรนมีความรู้มาจากมีเรียเกี่ยวกับจิ้กจอกเก้าหางเล็กน้อยเท่านั้น

“อะไรนะ!! จิ้กจอกเก้าหางเหรอ!! นี้เธอบอกว่าหางฉันมันจะเพิ่มมาอีก5อันเหรอ!! ไม่เอาเด็ดขาด!!”

“ใจเย็นๆ หน่อยสิดาดา มี9หางมันก็น่ารักดีนะ”

“นายไม่เคยมีหางก็พูดได้นี้!! รู้ไหมว่าหางมันทำความสะอาดยากแค่ไหนนะ!! ไหนจะเรื่องหมัดและเหาอีก ถ้ามันมีถึง9หางละก็ฉันดูแลไม่ไหวหรอก!!”

  ดาดาแทบจะกรีดร้องออกมา เพราะเรื่องหางของเธอที่มันอาจจะเพิ่มขึ้นมาในอนาคต ซึ่งสำหรับเธอแค่มีแค่1หางก็รำคาญที่จะต้องมาคอยดูแลมันจะแย่อยู่แล้ว แต่หากมีถึง9หางละก็เวลาอาบน้ำของเธอต้องเยอะขึ้น แต่ถ้ามีหมัดขึ้นมาเธอต้องคอยซื้อยาไล่หมัดที่แสนราคาแพงนั้นอีก ซึ่งแน่นอนหากหางเธอเยอะขึ้นเธอก็ต้องใช้มันเยอะขึ้นตามปริมาณหางของเธอ แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว

“แบบนี้คงเรียกน้องแมวเหมียวไม่ได้แล้วสินะคะ แบบนี้คงต้องเรียกน้องหมาสี่หางสินะ..”

“ฉันว่าเรียกน้องจอกๆก็ดีนะ รองหัวหน้า”

“ไม่ๆ แบบนั้นมันไม่ดีหรอกฉันว่าเรียกน้องสั้มจะดีกว่า”

“ชื่อยังกะพวกสัตว์เลี้ยงเลยแหะ ฉันว่าเรียกน้องสี่หางดีกว่า”

“เธอจะบ้ารึไงยะ ในอนาคตจะมีหางเพิ่มมาตั้ง5อันเชียวนะ หัดนึกถึงอนาคตกันหน่อยสิ ท่าให้ฉันแนะนำละก็เรียกน้องจอกจิ้งน่าจะดีกว่า”

“””เห็นด้วย/คะ”””

“พวกหล่อนไม่ได้คิดจะเรียกชื่อฉันเลยสินะ!! ฉันชื่อดาดาต่างหาก!!! จะน้องสั้มหรือน้องจอกจิ้งก็ไม่เอาทั้งนั้นแหละ!! หัดเรียกชื่อฉันบ้างสิยะ!!!”

“”””ไม่เอา/คะ ก็ชื่อนั้นมันเชยนี้น่า/คะ””””

“อย่ามาบอกชื่อฉันเชยนะย้า!!!!”

พรึ่บบบ!!!

“เอ๋?”

  จู่ๆ ก็มีลูกไฟสีฟ้าปรากฏรอบตัวๆของดาดา โดยที่มันลอยไปลอยมาอยู่รอบๆเธอไปเรื่อยๆ ก่อนที่มันจะหายไปซะเฉยๆ ทิ้งไว้ให้ดาดายืนงงไปซะอย่างงั้น

“ฟะ..เฟ..นายเปลี่ยนฉันกลับได้รึเปล่า”

  ดาดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ก่อนที่จะหันไปมองทางเฟที่กำลังทำหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรบ้างอย่างอยู่

“เรื่องนั้น…ท่ามีวิธีละก็ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันนะ ฮ่าๆๆๆ”

  เฟพูดติดตลกและหัวเราะ แต่ดูเหมือนทางดาดาจะไม่ขำกับเขาด้วย..

“เอ่อ..ดาดาเป็นอะไรไปเหรอ? ทำไมถึงกางกรงเล็บและมองมาทางผมแบบนั้นละ”

“ยังจะถามอีกเหรอยะ!! ตาบ้า!!!”

“อ๊ากกกกก!!!!”

  ดาดากระโดดตะครุบเฟและก็ข่วนเขาด้วยเล็บตัวเองแบบไม่ยั้งด้วยความโกรธ

ผมคือนักบุญหญิงที่เป่ายิ้งฉุบมาเกิดใหม่ครับ

ผมคือนักบุญหญิงที่เป่ายิ้งฉุบมาเกิดใหม่ครับ

Status: Ongoing
อ่านผมคือนักบุญหญิงที่เป่ายิ้งฉุบมาเกิดใหม่ครับชาย2คนที่เป่ายิ้งฉุบแย่งตัวละนักบุญหญิงเพราะอยากเล่นตัวละครผู้หญิงกัน แต่เมื่อเขาสามารถเอาชนะเพื่อนของตัวเองได้ ก็พบว่าตัวเองได้มาอยู่ต่างโลกในฐานะของนักบุญจริงๆ เสียแล้ว

Comment

Options

not work with dark mode
Reset