“จะไม่ใช้อาวุธหน่อยเหรอคะ?”
บเรนถามหยินที่ตั้งท่าสู้อยู่ตรงหน้า
“ไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธกับคนที่ไร้อาวุธ แค่กระบวนท่าก็เพียงพอสำหรับเจ้าแล้ว”[ภาษาอื่น]
“ดูเหมือนจะไม่ใช้อาวุธจริงๆ สินะคะ งั้นพร้อมเมื่อไหร่ก็เชิญเข้ามาได้เลยคะ”
บเรนตั้งการ์ดเตรียมพร้อมต่อสู้กับหยิน ทั้งสองต่างจ้องซึ่งกันและกัน
“กระบวนท่าที่ 1 พยัคจู่โจม”
“!!!!!”
หยินโผล่มาตรงหน้าบเรนอย่างรวดเร็วและโจมตีเธอด้วยหมัดเล็กๆ ของเธอ บเรนเองก็เกือบจะป้องกันแทบไม่ทันจนกระเด็นไปไกล
“ระวังเท้าดีๆละ”
“อึก!!”
บเรนถูกเตะตัดขาแม้เธอจะกระโดดหลบได้ในครั้งแรก แต่ก็ถูกหยินใช้ขาของ เธอหนีบไปที่หน้าแข้งของบเรนและก็ม้วนตัวทำให้บเรนล้มหน้ากระแทกลงกับพื้น จากนั้นหยินก็รีบขึ้นไปนั้งคล่อมบเรนอย่างรวดเร็ว
“กระบวนท่าที่ 10 ตอกตะปูฝาโลง”
“อ๊ากกกก!!”
บเรนร้องออกมาเสียงดังด้วยความเจ็บปวด เธอถูกหยินใช้นิ้วโป้งกดไปที่แผ่นหลังของเธอ ตอนนี้ร่างกายของบเรนไม่สามารถขยับได้อีกต่อไปแม้กระทั้งนิ้ว หยินลุกขึ้นมาและม้งร่างบเรนที่ลงไปกองกับพื้น
“ยัมแพไห?”
“จะถามว่ายอมแพ้ไหมสินะคะ ผลก็เห็นๆกันอยู่ ฉันขอยอมแพ้คะ”
หยินกดนิ้วไปที่เดิมอีกครั้งทำให้ตอนนี้บเรนสามารถขยับได้อีกครั้งแล้ว เธอจึงยืนขึ้นและจัดแว่นของเธอให้ตรง และตั้งการ์ดเตรียมต่อสู้อีกครั้ง
“ขอลองอีกรอบนะคะ คุณหยิน”
“ยังไม่เข็ดรึไง ยัยชาวไร่”[ภาษาอื่น]
“แค่นี้จิ๊บๆคะ”
“งั้นครั้งนี้จะซัดให้หมอบเลย เตรียมตัวไว้ให้ดีละ”[ภาษาอื่น]
หยินพุ่งไปหาบเรนอีกครั้งซึ่งบเรนสามารถหลบได้ และพยามจะใช้เข่าสวนไปที่ท้องของหยิน แต่ก็ถูกเธอใช้ฝ่ามือซัดไปที่ท้องในพริบตาจนกระเด็นไปไกล แม้บเรนจะพอจับทางได้แล้วแต่ก็ไม่อาจสวนกลับเธอได้อยู่ดึ การต่อสู้เป็นไปเรื่อยๆ โดยที่บเรนเป็นฝ่ายที่แพ้ซ้ำไปซ้ำมาจนชุดของเธอเริ่มสกปรกเธอจึงขอยอมแพ้และเดินออกจากสนามไป
“สุดยอดไปเลยแหะ ชนะรองหัวหน้าได้ง่ายๆเลย คุณหยินนี้เป็นใครกันแน่เนี้ย..”
ซอร์ดที่มองการต่อสู้อยู่บ่นพึมพำขึ้นมา
“เธอเป็นผู้ใช้ปราณครับ แถมดูเหมือนว่าตอนนี้เธอจะอยู่ในระดับที่สูงมากแล้วด้วย”
“ไอ้ปราณที่คุณเฟพูดถึง นี้เหมือนเวทมนต์เสริมพลังใช่มั้ย?”
“ก็ประมาณนั้น แต่ปราณจะแตกต่างกันหน่อยคือทุกคนสามารถฝึกฝนได้ครับ”
“อุหว่า~ แบบนั้นไม่ขี้โกงไปหน่อยรึไง ถ้าทุกคนสามารถเก่งได้ขนาดนั้นนะ”
“มันก็ไม่ได้ฝึกฝนง่ายขนาดนั้นหรอกครับ กว่าจะถึงขั้นนั้นได้คงต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเลยก็ได้ สู้เอาเวลาไปฝึกฝนดาบปกติยังจะดูมีความหวังเยอะกว่านี้เลย”
“แสดงว่าคุณหยินเธอมีพรสวรรค์มากสินะ อยากลองใช้ปราณมั้งจัง ถ้าใช้คู่กับเวทมนต์คงจะดีน่าดู”
“เหรอครับ? จะใช้ปราณได้ก็จะใช้พลังเวทต์ไม่ได้เลยนะครับ”
“เอ๋? จริงดิ งั้นไม่เอาดีกว่าอีแบบนี้สู้ฝึกดาบกับคุณเฟและพัฒนาไปเรื่อยๆดีกว่า”
“ดีแล้วละครับ ขนาดตัวผมเอง ถ้าให้เลือกระหว่างปราณกับเวทมนต์ ผมขอเลือกเวทมนต์ดีกว่านะ”
“งั้นเหรอ? ฉันนึกว่าคนที่ชอบดาบอย่างคุณเฟจะเลือกปราณซะอีก”
“ผมชอบดาบก็จริง แต่ท่าให้เลือกสำหรับผม ผมขอเลือกเวทมนต์ดีกว่าอย่างน้อยตอนหิวก็จุดไฟย่างเนื้อกินได้ตอนกระหายเองก็สร้างน้ำขึ้นมาดื่มได้ แต่ปราณทำไม่ได้หรอกนะครับ นอกจากวิชาต่อสู้ประโยชน์อื่นๆก็แทบจะไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย”
“อย่างงี้นี้เอง คุณเฟเป็นพวกเน้นสะดวกไว้ก่อนสินะ”
“ผมก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะแต่ว่า–“
“ทำไมหางถึงเพิ่มมาอีกเนี้ย!!!”
ก่อนที่เฟจะพูดจบเขาก็ได้ยินเสียงร้องโวยวายของดาดา เมื่อหันไปมองก็พบกับดาดา ที่โวยวายเรื่องหางของเธอที่กลายเป็น3หาง ทุกครั้งที่เธอพยามกดพลังไว้หนวดของเธอก็จะงอกมาทีละเส้น ตามด้วยหางที่ขยายใหญ่ขึ้นและจำนวนหางที่ค่อยๆเพิ่มขึ้น
“ดูเหมือนฝั้งโน้นจะไปได้ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่นะ”
“ก็คงงั้นละมั้งครับ แล้วฝั้งเราจะเอายังไงกันดีละ จะสู้ต่อจนถึงเวลางานของคุณหรือจะพอแค่นี้ละครับ”
ซอร์ดและเฟทั้งสองต่างเต็มไปด้วยเหงื่อ นี้ก็ผ่านมามากกว่า3ชม. ตั้งแต่เวลาเช้ามืดแล้วที่พวกเขาปะดาบกัน แม้ทุกครั้งจะจบด้วยความพ่ายแพ้ของซอร์ด แต่เธอก็เรียนรู้ทุกครั้งที่แพ้และกลับมาสู้ต่อ ทำให้ฝั้งเฟต้องคิดวิธีรับมือใหม่ๆ มาเพื่อต่อกรอย่าสม่ำเสมอ ทั้งให้ทั้งสองต่างพัฒนาซึ่งกันและกัน
“คำตอบมันก็แน่นอนอยู่แล้ว ก็ต้องต่อสิ!! เอาให้ลืมเรื่องมื้อเช้าไปเลย!!”
ซอร์ดตั้งท่าดาบเพื่อเตรียมจู่โจมเฟ
“อายุน้อยนี้ช่างดีจังเลยนะครับ ผมเองก็รู้สึกปวดที่แขนกำเอวแล้วสิ”
“จะหนีรึไง? คุณเฟ”
“แน่นอนว่าผมอยากจะเลิกใจจะขาดแล้วละครับ..แต่ว่า..”
เฟชักดาบขึ้นมาและตั้งการ์ดเป็นรูปแบบตั้งรับ เพื่อรับมือการจู่โจมที่ดุดันของซอร์ด
“ผมเองก็ไม่อยากยอมแพ้หรอกนะครับ”
ซอร์ดพุ่งไปหาเฟย์ทันทีโดยโจมตีเน้นไปที่ด้านซ้ายซึ้งเป็นจุดอ่อนของเฟ แต่เหมือนเฟจะรู้ทันและสามารถป้องกันได้ทันที การต่อสู้ของพวกเขาดำเนึดต่อไปอย่างต่อเนื่อง
.
.
.
.
“ท่านพี่เฟย์ พวกเราจะไปไหนกันเหรอ?”
หยินถามเฟที่เดินอยู่ข้างๆเธอ หลังจากฝึกตอนเช้าเสร็จ เขาก็ชวนหยินให้ตามมาด้วยกัน แม้ทางดาดาพยามจะคัดค้าน แต่เขาก็ไม่ยอมให้ดาดาตามมาอยู่ดี
“ก็ไปหาลูกสาวราชาปีศาจที่เจ้าตามหาไง”
“ท่านพี่จะช่วยข้าจับนางงั้นเหรอ ช่างน่ายินดียิ่งนัก หากท่านพี่ทำผลงานครั้งนี้ได้ ท่านพ่อและเหล่าอาจารย์ต้องยกโทษให้กับท่านแน่นอน และท่านเองก็สามารถกลับมาฝ่ายธรรมะได้ด้วย”
“อย่าเข้าใจผิดไป ที่ข้าจะพาเจ้าไปก็แค่พาเจ้าไปคุยกับนางเท่านั้น หากเจ้าจะทำร้ายนาง เจ้าก็ถือว่าเป็นศัตรูกับข้าด้วย”
“ข้าไม่เข้าใจ ทำไมท่านถึงต้องพยามปกป้องพวกปีศาจพวกนั้นกัน พวกมันเข่นฆ่าผู้คนราวกับเป็นของเล่น ท่านพี่ลืมไปแล้วรึไง”
“นั้นก็แค่เรื่องที่เจ้าตัดสินไปเองเท่านั้น อย่าเอาข้าไปรวมกับเจ้าสิหยิน”
“ข้าไม่ได้ตัดสินไปเอง ตลอด10กว่าปีมานี้ข้าท่องยุตภพมามากมาย ข้าเห็นเหล่าผู้คนที่เดือดร้อนเพราะปีศาจมาก็มาก พวกมันเข่นฆ่าผู้คนเพื่อความสุขส่วนตัวของมันเอง แถมข้ายังเคยเห็นพวกมันกลืนเด็กทารกต่อหน้าต่อตาอีก ท่านที่หนีออกมาตั้งแต่วัยเยาว์จะไปรู้อะไร!!”
“ข้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าไปเห็นอะไรมา แต่สิ่งที่เจ้าเห็นกับข้าเห็นมันแตกต่างกันก็เท่านั้น ข้าเองก็ไม่สามารถบอกว่าเจ้าผิดหรอก แต่ถึงอย่างงั้นข้าก็มั้นใจว่ามันไม่ถูกต้องนักหรอก”
“งั้นท่านก็บอกมาสิ! ว่าท่านคิดอะไรอยู่ในหัวกันแน่ ข้าจะได้เข้าใจท่านสักที”
“…….”
เฟเงียบไม่ตอบอะไรกับหยินเขายังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ จนมาหยุดที่หน้าร้านแผงลอยที่หนึ่ง ฮานะยังคงยืนเรียกลูกค้าอยู่ที่เดินผ่านไปมา ส่วนรัสเซียตักไอศกรีมให้กับลูกค้าด้วยรอยยิ้ม
“ยังขยันขันแข็งเหมือนเคยเลยนะครับ คุณฮานะ”
“อ่าว นั้นมันคุณเฟสินะเจ้าคะ ไม่ทราบว่าคุณดาดายัง—“
เมื่อฮานะสังเกตุคนที่ยืนอยู่ข้างๆ หน้าตาที่เป็นมิตรของเธอ ก็เปลี่ยนไปเป็นใบหน้าตึงเครียดทันที
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ..คุซานากิ ฮานะ”[ภาษาอื่น]
“บุปผาสีขาวหยิน..”[ภาษาอื่น]
ฮานะถอยหลังไปเล็กน้อย และจ้องไปที่หยินอย่างไม่ละสายตา
“ข้าไม่ได้มาสู้กับเจ้าสักหน่อย ไม่เห็นต้องระวังตัวขนาดนั้นเลย”[ภาษาอื่น]
“ดิฉันเชื่อใจท่านไม่ได้หรอกเจ้าคะ สำหรับดิฉันแล้วท่านอันตรายเกินไปที่จะลดการป้องกันได้”[ภาษาอื่น]
“เจ้ายังโกรธที่ข้าสะบัดหัวเพื่อนของเจ้ารึไง?”[ภาษาอื่น]
“เรื่องนั้นดิฉันไม่ได้มีความแค้นอะไรต่อท่านอีกแล้ว หากเป็นไปได้ดิฉันขอให้ท่านกลับไปเพื่อพวกเราสองคนด้วยเถอะนะเจ้าคะ”[ภาษาอื่น]
“ถ้าข้าบอกว่า ข้าไม่กลับละ?”[ภาษาอื่น]
หยินปล่อยจิตสังหารเต็มที่ใส่ฮานะที่ยืนอยู่ และเตรียมพร้อมจะชักกระบี่ประจำตัวของเธอออกมา
“งั้นเราจะได้เห็นดีกันเจ้าคะ”[ภาษาอื่น]
“งั้นผมเองก็ขอร่วมด้วยนะครับ”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังจะประจัญหน้ากัน เฟก็ชักดาบมาจ่อที่คอของหยิน
“ท่านคิดจะทำอะไรของท่านนะ!! ท่านพี่!!”
“ผมก็บอกแล้วเธอไปแล้ว หากคิดจะทำอะไรคุณฮานะ ผมเองก็เป็นศัตรูกับเธอเหมือนกัน หยิน”
“ท่านพี่!! แต่นี้มันลูกของราชาปีศาจศัตรูของพวกเรานะ!!”[ภาษาอื่น]
“พูดอะไรของเธอนะ? คนที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้าก็แค่คู่รักคู่หนึ่งกำลังช่วยกันทำมาหากินก็เท่านั้นเอง”
“ก็ได้..เห็นแก่ท่านพี่ ครั้งนี้ข้าจะปล่อยไปก่อน”
หยินใจเย็นลงและเลิกปล่อยจิตสังหารใส่ฮานะ เมื่อเห็นดังนั้นเฟก็เก็บดาบเข้าไปในฝักตามเดิม
“มีเรื่องอะไรกันนะ ฮานะ เสียงดังเอะอะมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
“ไม่มีอะไรหรอกเจ้าคะ ก็แค่เจอเพื่อนเก่าเท่านั้นเอง ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกเจ้าคะ”
“หืม~ เพื่อนเหรอ… เป็นคนที่สวยดีนะ แถมชุดเองก็คล้ายๆกับชุดกิโมโนของฮานะเลย นั้นเรียกว่าชุดอะไรเหรอ?”
“ที่เธอใส่นั้นเป็นชุดฮั่นฝูเจ้าคะ ที่มันคล้ายกันก็อาจจะเป็นเพราะว่าวัฒนธรรมของประเทศพวกเราใกล้เคียงกันมากเพียงเท่านั้น และก็–“
“พอๆ ไม่เอาเรื่องประวัติศาสตร์ มันยากเกินไปฉันไม่เข้าใจหรอก เอาเป็นว่านั้นคือชุดที่ฮันฟู่ใช่มะ?”
“ใช่แล้วละเจ้าคะ รัสเซียสนใจชุดแบบนั้นเหรอเจ้าคะ”
“ก็สนใจอยู่นะ แต่ไม่เอาดีกว่า ชุดกิโมโนของฮานะดูน่ารักกว่าตั้วเยอะ ที่สำคัญมันน่าจะถอดง่ายกว่าด้วย แถมยังล้วงได้สบายเพราะชินแล้วอีกด้วย ขืนเปลี่ยนตอนนี้ก็อดเล่นหมุนๆ กับฮานะนะสิ”
“เดี๋ยวสิเจ้าคะ!! พูดเรื่องนี้พูดต่อหน้าบุรุษแบบนี้มันไม่งามนะเจ้าคะ รัสเซีย”
“บุรุษเหรอ? อ๋อหมายถึงคุณเฟสินะ ก็แค่พูดเรื่องบนเตียงนึดหน่อยไม่มีอะไรเสียหายสักหน่อย”
“กลับไปขายไอศกรีมได้แล้วเจ้าคะ!! ท่านลูกค้ากำลังรออยู่นะเจ้าคะ”
“โอะ!! จริงด้วย!! รอแปปนะ!!”
รัสเซียกลับไปขายไอติมให้กับลูกค้าตามเดิม ตามที่ฮานะสั้ง ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ค่อยพอใจนึดหน่อยด้วย
“นะ..นี้เจ้าเป็นพวกลักเพศหรอกเหรอ!! คุซานากิ!!!”[ภาษาอื่น]
“ถ้าใช่แล้วจะทำไมละเจ้าคะ?”[ภาษาอื่น]
“เปล่าหรอก..ก็แค่รู้สึกตลกนึดหน่อยที่ลูกสาวราชาปีศาจที่เป็นศัตรูกับพวกเรามาอย่างยาวนาน เป็นพวกผิดธรรมชาตินะ”
“ความรักมันไม่เกี่ยวกับเพศหรอกนะเจ้าคะ แม้ธรรมชาติจะกำหนดก็จริง แต่ธรรมชาติก็ไม่ได้ห้ามให้พวกเรารักกันนี้เจ้าคะ”
“เจ้านี้ช่างเหลวไหลซะจริงคุซานากิ ถ้าสตรีรักสตรีเจ้าจะมีทายาทสืบต่อไปได้อย่างไร”
“ไม่จำต้องมีทายาทสืบต่อก็ไม่เป็นไรเจ้าคะ ตราบใดที่ดิฉันกับรัสเซียยังรักกัน ดิฉันก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว”
“เหอะ!! ความสัมพันธ์แบบนี้มันจะไปได้สักกี่น้ำกันคุซานากิ”
“ดิฉันก็ไม่ทราบว่าความสัมพันธ์ของพวกเราจะจบลงที่ใด แต่ทว่าตอนนี้ พวกเราได้สร้างความทรงจำดีๆ ด้วยกันมากมาย ทั้งผิดพลาด ทั้งหัวเราะ ทั้งร้องไห้ แม้จะใช้เวลาอยู่ด้วยกันเพียงไม่นาน แต่ดิฉันก็พอใจกับมันเจ้าคะ!! ต่อให้มันจะต้องจบลงในวันนี้ดิฉันก็ไม่เสียใจแน่นอน!!”
“เจ้าคิดรึไง ว่าคนอื่นเขาจะยอมรับความสัมพันธ์อันผิดธรรมชาติของพวกเจ้าได้!! ต่อให้พวกเจ้าพอใจแต่ถ้ามันไม่เป็นที่ยอมรับมันก็ไร้ค่าอยู่ดี!!”
“มันไม่ได้ไร้ค่าเลยแม้แต่น้อยเจ้าคะ แม้มันอาจจะมีคุณค่าน้อยนึดจนไม่อาจเอาไปเปรียบกับก้อนหินริมทางได้ แต่ถึงอย่างงั้นมันก็มีคุณค่าสำหรับเราสองคน แม้คนอื่นจะไม่ยอมรับไม่เป็นไร ต่อให้ถูกขับไล่ก็จนถึงสุดขอบโลกที่ไร้ซึ่งผู้คนก็ช่าง ดิฉันก็จะขออยู่เคียงข้างรัสเซียเจ้าคะ!! ก็นี้คือความตั้งใจที่ดิฉันเตรียมใจเอาไว้ในฐานะภรรยาของรัสเซีย!! ไม่ว่าใครก็มาเปลี่ยนความตั้งใจของดิฉันไม่ได้!! นี้คือคำสาบานของฮานะผู้นี้ที่มีต่อตนเองเจ้าคะ!!”
“…..”
หยินไม่ได้พูดอะไรตอบโต้กับฮานะ ในฐานะคนที่ละทิ้งตระกูลเพื่อไล่ตามคนที่เธอรัก เธอเข้าใจความรู้สึกนั้นดี… แต่ถึงอย่างงั้นตัวเธอเองก็ไม่อาจยอมรับได้อยู่ดี
“ข้าไม่อาจยอมรับได้หรอก!! เพราะพวกเจ้าชาวบ้านบริสุทธิ์ต้องตาย มีครอบครัวหลายครอบครัวต้องเสียผู้นำครอบครัวไปจนไม่อาจอยู่ได้!! แต่เจ้ากลับหนีบาปของตัวเองมามีความสุขคนเดียวในดินแดนที่ห่างไกลเนี้ยนะ? ตอบข้ามาสิ!! คุซานางิ ฮานะ!!”
“นั้นเป็นเรื่องของสงครามเจ้าคะ ใช่ว่าจะมีแต่ฝั้งท่านที่สูญเสีย พวกเราเองก็สูญเสียไปมากเช่นกัน ไม่มีใครอยากให้เกิดความสูญเสียหรอกนะเจ้าคะ”
“งั้นเจ้าจะอธิบายเรื่องที่แดนเหนือได้อย่างไร!! วันนั้นข้าเห็นปีศาจอย่างพวกเจ้าฆ่าเด็กและสตรีที่ไม่รู้เรื่องอย่างเลือดเย็นเลยนะ!!”
“ทุกๆ สถานที่ย่อมมีคนดีและไม่ดีปะปนกันไป ไม่เว้นแม้กระทั้งพวกเราเองก็ตาม แม้จะไม่อยากเปรียบเทียบ แต่พวกท่านเอง พอเห็นพวกเราท่านก็ไม่เคยปล่อยให้รอดชีวิตเลยนี้เจ้าคะ ขนาดคนๆนั้นไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยพวกท่านเองก็ไม่เคยปราณีเพียงเพราะ ว่าพวกเราคือปีศาจที่พวกท่านตัดสินว่าคือสิ่งชั่วร้าย แถมยังย้ำยีร่างกายที่ไร้วิญญาณของพวกเราแบบไม่ให้เกียติกันอีก หรือไม่จริงละเจ้าคะ?”
“อย่ามาโกหก!! พวกเราไม่เคยทำอย่างงั้นซักหน่อย!!”
“ไม่เคยทำเหรอเจ้าคะ? นี้ท่านจะบอกว่าท่านไม่รู้เรื่องที่พวกเราถูกไล่ล่าไปทำยาอายุวัฒณะให้กับผู้นำและพวกชนชั้นปกครองของพวกท่านรึไง?”
“แล้วไงละ!! ทีพวกเจ้ายังควักเด็กทารกมากินจากท้องของมารดาเลยนี้!! โดนแบบนี้ก็กรรมตามสนองแล้วละ!!”
“งั้นก็แสดงว่าตัวท่านเองก็ยอมรับแล้วว่าพวกท่านเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าพวกเราแล้วสินะเจ้าคะ ถ้างั้นเหตุใดท่านถึงเชื่อว่าสิ่งที่พวกท่านทำมันถึงถูกต้องกันละ”
“นั้นมัน..”
“ท่านจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ แม้เราจะมีรูปร่าง ภาษา และวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน แต่พวกเราก็มีหัวใจเช่นเดียวกับพวกท่าน เราหัวเราะเมื่อสนุก เราร้องไห้เมื่อเศร้า เราเจ็บและโกรธแค้นเมื่อถูกทำร้าย พวกเรารักคนอื่นได้เช่นเดียวกับพวกท่าน แม้มุมมองในสายตาของพวกท่าน เราคืออสูรร้ายที่เข่นฆ่าผู้คนไม่เลือกหน้า แต่จากมุมของเราท่านเองก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนักหรอกนะเจ้าคะ ที่สำคัญในตอนนี้ คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของท่านเองไม่ใช่ เจ้าหญิงแห่งดินแดนปีศาจที่ชื่อ คุซานางิ ฮานะ อีกต่อไปแล้ว แต่เป็นเพียงสตรีทั้วไปที่ช่วยสามีทำมาหากิน ที่ชื่อว่าฮานะเท่านั้น ไม่มีนามอื่นนอกจากนั้นแล้วละเจ้าคะ”
“……”
ฮานะมองตาของหยินในขณะที่พูด สายตาของเธอนั้นไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย มันดูแข็งแกร่งในขณะเดียวกันมันก็ดูอ่อนแอเช่นกัน มุมมองในตัวหยินที่มีต่อพวกปีศาจเองก็เริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย หยินเองก็เริ่มจะเห็นมุมมองที่เฟเห็นแล้ว
“เจ้าคิดจะทรยศท่านพ่อสินะ ฮานะ”[ภาษาอื่นที่เฟกับหยินฟังไม่ออก]
“ทะ..ท่านพี่ยูกิ”[ภาษาอื่นที่เฟกับหยินฟังไม่ออก]
ฮานะดูตกใจกับการปรากฏตัวของหญิงสาวอีกคนที่ใส่ชุดกิโมโนสีขาว เธอมีผิวสีขาวซีดและมีผมสีน้ำเงินเช่นเดียวกับดวงตา ริมฝีปากสีแดงเข้ม เธอมีใบหน้าที่ดูคล้ายกับฮานะ แต่ดูอ่อนวัยและดูสง่างามยิ่งกว่า
“เจ้าเองก็อยู่ด้วยเหรอ บุปผาสีขาว”[ภาษาอื่นที่เฟกับหยินฟังไม่ออก]
“คุซานางิ ยูกิ..”[ภาษาอื่น]
แม้เธอจะฟังไม่ออกแต่เธอก็รู้จักคนตรงหน้าอยู่ดี เธอจึงชักกระบี่ของเธอออกมาเพื่อเตรียมพร้อมสู้ แต่ถึงอย่างงั้นเธอก็ไม่อาจทำอะไรตามใจเพราะที่นี้มีคนสัญจรไปมาอยู่มาก หากต่อสู้ที่นี้อาจจะเกิดความเสียหายร้ายแรงได้
“หืม? มีเรื่องอะไรกันเหรอ? แล้วนั้นมันใครกันอีกละนั้นใส่กิโมโนเหมือนฮานะเลย”
รัสเซียที่พึ่งขายไอติมเสร็จก็เดินออกมาดูที่หน้าร้านตัวเองอีกครั้ง และเหมือนเธอจะสังเกตุเห็นยูกิที่พึ่งปรากฏตัวขึ้น
“เจ้าเองสินะที่ลักพาตัวน้องสาวของข้า”[ภาษาอื่นที่เฟกับหยินฟังไม่ออก]
“หา? พูดอะไรอะ ฟังไม่รู้เรื่อง?”
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่สามารถล้มทหารระดับสูงของพวกเราได้จะเป็นเพียงสตรีที่มีใบหน้าดูโง่เขลาแบบนี้”[ภาษาอื่นที่เฟกับหยินฟังไม่ออก]
“อยากจะกินไอติมเหรอ? งั้นคิดแค่1เหรียญเงินก็ได้นะ”
“เจ้าจะท้าทายข้ารึไง!! จงแข็งไปซะ!!”[ภาษาอื่นที่เฟกับหยินฟังไม่ออก]
ยูกิพ่นลมหายใจแช่แข็งใส่รัสเซียที่กำลังยิ้มแย้มอยู่ โดยที่หวังจะปลิดชีพเธอทันที แต่ทว่า…
“โอะ!! เย็นดีจัง!! นี้มันอะไรกันเนี้ย!!”
“ทำไมยัยเด็กนี้ถึงไม่เป็นอะไรเลยละ!!”[ภาษาอื่นที่เฟกับหยินฟังไม่ออก]
รัสเซียกลับดูดี้ด้ามากกว่าที่ได้รับความเย็นที่ได้รับมาจากยูกิ
“เอ่อ..ท่านพี่ยูกิเจ้าคะ.. เผอิญสามีของหนูเธอทนความเย็นได้ดีมาก ถ้าเป็นไปได้ท่านพี่ช่วยหยุดสักพักแล้วมาคุยกันดีๆกันเถอะนะเจ้าคะ”[ภาษาอื่นที่เฟกับหยินฟังไม่ออก]
“หุบปากยัยน้องไม่รักดี!!”[ภาษาอื่นที่เฟกับหยินฟังไม่ออก]
“ว้าย!!”
ยูกิผลักฮานะที่พยาทเข้ามาห้ามจนล้มลงไปก้นกระแทกกับพื้น
“เฮ้ย..ทำอะไรฮานะของฉันไม่ทราบ?”
รัสเซียที่เห็นฮานะเองก็โกรธทันที จนบรรยากาศรอบๆตัวของเธอเริ่มแผ่ความเย็นออกมาจนคนรอบข้างรู้สึกได้
“เหอะ!! คิดจะใช้พลังน้ำแข็งต่อกรกับปีศาจหิมะเนี้ยนะ น่าสนุกดี!! ข้าจะรับพลังของเจ้าเอง ข้าจะทำให้เจ้าสิ้นหวังกับความโง่เขลาของตัวเองให้ดู!!”[ภาษาอื่นที่เฟกับหยินฟังไม่ออก]
ยูกิพูดอย่างมั้นในขณะที่รัสเซียค่อยๆเดินมาใกล้ๆ เธอพร้อมกับความโกรธ
“ท่านพี่ยูกิ!! หนีไปเจ้าคะ!!”[ภาษาอื่นที่เฟกับหยินฟังไม่ออก]
“เจ้าพูดอะไรของเจ้ากันนะฮานะ ทำไมข้าต้อง–“[ภาษาอื่นที่เฟกับหยินฟังไม่ออก]
“[Eternal Ice]”
เมื่อรัสเซียจับไปที่ไหล่ของยูกิได้เธอก็กลายเป็นก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ทันที
“ท่านพี่ยูกิเจ้าคะ!! ตอบหนูหน่อยสิเจ้าคะ!! ท่านพี่ยูกิ!!”[ภาษาอื่นที่เฟกับหยินฟังไม่ออก]
เมื่อเห็นดังนั้นฮานะรีบวิ่งมาหายูกิที่กลายเป็นก้อนน้ำแข็ง เธอพยามจะทุบก้อนน้ำแข็งเพื่อเรียกพี่ของเธอ แต่ดูเหมือยพี่สาวของเธอ จะไม่อาจตอบอะไรได้อีกแล้ว
“ทำบ้าอะไรของเธอกันเจ้านะหะ!!!”
“เอ๋? อย่าบอกนะว่านี้ก็เพื่อนของฮานะเหมือนกันนะ”
“นี้ยิ่งกว่าเพื่อนอีกเจ้าคะ!! นี้มันพี่สาวของดิฉันเลยนะเจ้าคะ!!”
“อย่างงี้นี้เอง ก็ว่าทำไมถึงดูคล้ายๆ ฮานะ ที่แท้ก็เป็นพี่สาวนี้เอง”
“ถ้ารู้แล้วก็รีบละลายน้ำแข็งนี้เร็วๆสิเจ้าคะ!! เดี๋ยวท่านพี่ยูกิก็ตายหรอก!!”
“ไม่ต้องห่วงไปหรอกน่า นี้มันเป็นเวทผนึกเท่านั้นเอง ไม่ถึงขั้นตายหรอก เดี๋ยวพอน้ำแข็งละลายก็กลับมาเป็นปกติเองแหละ”
“งั้นเหรอเจ้าคะ.. ถ้างั้นต้องใช้เวลาเท่าไหร่เหรอเจ้าคะ”
ฮานะกลับมาใจเย็นอีกครั้งเมื่อได้ยินดังนั้น ทางฝั้งรัสเซียเองก็ทำท่าเหมือนกำลังคิดอะไรบ้างอย่าง
“ถ้านับจากพลังเวทที่ใส่ไปเมื่อกี้และเจตนาของเวทมนต์เอง ก็ราวๆ สักร้อยปีเลยละมั้ง”
“ใครเขาจะไปรอตั้งร้อยปีกันละ!! รีบๆละลายน้ำแข็งเดี๋ยวนี้เลยนะเจ้าคะ!!”
“นี้มันเวทมนต์สายผนึกสุดยอดของฉันเลยนะ แม้แต่ฉันเองก็ละลายมันไม่ได้หรอก”
“ถ้างั้นก็ใช้เวทมนต์ไฟมาละลายมันสิเจ้าคะ!!”
“แบบนั้นก็ไม่ได้เหมือนกันนั้นแหละ ฉันใช้เวทไฟไม่ได้หรอกนะ ที่สำคัญนี้นะเป็นเวทมนต์สายผนึก แค่เวทไฟปกติละลายมันไม่ได้หรอก”
“อะไรกัน..”
ฮานะลงไปซึ่มทันทีที่ได้ยินว่าเวทมนต์นี้ไม่สามารถคลายได้ จริงๆแล้ว ยูกิ คือพี่สาวที่สนิทที่สุดของเธอในบรรดาพี่สาวทั้ง3ของเธอ แม้เธอจะเป็นคนปากร้ายไปหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นคนที่ใจดีและดูแลฮานะมาตั้งแต่เด็กๆ การที่มาเห็นพี่สาวตัวเองมาโดนผนึกตั้งร้อยปี แม้แต่เธอเองก็ทำใจไม่ได้เหมือนกัน
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ถ้าเป็นเวทมนต์ผนึกของฉันท่านทวดแก้มันได้สบายๆอยู่แล้ว”
“จริงด้วย…หากเป็นคนๆนั้นละก็.. รัสเซียเจ้าคะ!! รีบไปหาท่านทวดกันเถอะเจ้าคะ”
“เอ๋? แต่ฉันต้องดูแลร้านนะ เธอไปคนเดียวไม่ได้รึไง”
“ไม่ได้เจ้าคะ!! คนๆนั้น ถ้าไม่ใช่หลานสาวของตัวเองก็ไม่คิดจะฟังคำขอร้องของใครหรอกนะเจ้าคะ!! เอ้า!! รีบๆไปได้แล้ว!!”
ฮานะรีบจูงรัสเซียและออกวิ่งไปทันที โดยทิ้งยูกิที่กลายเป็นก้อนน้ำแข็งเอาไว้เป็นอนุเสาวรีหน้าร้าน
“นี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันเนี้ย?”
มินาโตะที่พึ่งมาถึงบ่นพึมพำออกมาในขณะที่ดูก้อนน้ำแข็งที่มียูกิยืนอยู่อย่างสง่าผ่าเผยอยู่ข้างใน
“คุณมินาโตะพึ่งมาถึงเหรอครับ?”
“ก็ใช่นะสิ ฉันพึ่งออกเวรนี้แหละ เมื่อกี้มีคนวิ่งมาแจ้งว่ามีคนทะเลาะกันตรงนี้ก็เลยเทเลพอร์ตมาเลย พอจะเล่าได้รึเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้น”
“เหมือนเธอจะเป็นพี่สาวของคุณฮานะนะครับ และเหมือนจะเข้าใจอะไรผิดกันสักอย่างก็เลยถูกคุณรัสเซียแช่แข็งนะครับ”
“ยัยบ้านั้น!! เพิ่มงานให้ฉันอีกแล้ว!! แบบนี้จะทำยังไงดีละเนี้ย ฉันเองก็แก้เวทมนต์ของยัยนั้นไม่ได้ด้วย…ขืนปล่อยไว้คงมีแบบนี้คงได้มีข่าวลือแปลกๆอีกแหงๆ”
“แม้แต่คุณมินาโตะเองก็ทำอะไรไม่ได้เลยเหรอครับ”
“แน่นอนสิ เรื่องเวทมนต์นะยัยนั้นเก่งเป็นอับดับ3ของหมู่บ้านเราเลยนะ แถมปริมาณพลังเวทเองก็มากกว่าฉันตั้งเยอะด้วย เพราะแบบนั้นยัยนั้นถึงเป็นตัวปัญหาไง!! ถ้าเจอละก็จะให้มานั้งเขียนจดหมายขอโทษซะให้เข็ดเลย!!”
“ใจเย็นก่อนสิครับ เห็นว่าตอนนี้กำลังไปตามคุณร็อดนี่มาช่วยแก้ปัญหาให้แล้วนะครับ”
“งั้นเหรอ.. เดี๋ยวฉันขอตัวไปดักเทศน์ยัยพวกนั้นที่บ้านท่านทวดก่อนนะ”
เมื่อพูดจบร่างของมินาโตะก็หายไปทันที
“ปีศาจหิมะ..ถูกผนึกด้วยน้ำแข็ง นี้มันเรื่องอะไรกัน..”[ภาษาอื่น]
หยินที่เฝ้าดูเหตุการณ์มาตั้งแต่แรกบ่นพึมพำออกมาด้วยความตกตะลึง นี้มันค่อนข้างเหนือความคาดหมายของเธอมาก
“นี้แหละคือพวกที่เรียกว่าภูติดำ มันสิ่งมีชีวิตที่เหนือสามัญสำนึกน่าดูเลยนะ น้องหยิน”[ภาษาอื่น]
เฟพูดพร้อมกันไปยิ้มให้กับหยิน นอกจากเธอจะรู้จักมุมมองอื่นดีขึ้นแล้ว ก็ได้เรียนรู้ว่าเธอนั้นไม่ควรไปหาเรื่องภูติดำในเมืองนี้ซี้ซัวเด็ดขาด ไม่งั้นเธออาจจะถูกผนึกไว้ร้อยปีเช่นเดียวกับปีศาจหิมะตรงหน้าเธอก็เป็นได้