มหาวิทยาลัยเทียนซู
พื้นที่สนามต่อสู้กลางแจ้ง
ปัง! หมัดอันแข็งแกร่งสองหมัด ปะทะกันเสียงดังสนั่น
“ตาย!”เฉินหูร้องคำรามเสียงดังลั้น เขาเหวี่ยงหมัดชกใส่ฝ่ายตรงข้ามอย่างรุนแรง พลังหมัดที่ชกออกมาสร้างแรงกดดันอันหนักอึ้ง เหมือนภูเขาลูกเล็กๆลูกหนึ่ง อูหนิวชายหนุ่มร่างกายำผิวสีแทนสูงกว่า 2.1 เมตร ยืนปักหลักมั่นคงเหมือนเสาเหล็ก เขาสูดลมหายใจ เบ่งพลังกล้ามเนื้อทั่วร่าง และใช้หมัดชกตอบโต้ ไม่คิดจะป้องกันตัวเลยแม้แต่น้อย
ปัง! เสียงหมัดเข้าปะทะกันอีกครั้ง ใบหน้าของทั้งสองเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะชกหมัดปะทะกันอีกครั้ง อย่างไม่มีใครยอมถอย ถ้าไม่ใช้ถุงมือหนังที่เอาไว้ป้องกันแรงกระแทก คอยปกป้องหมัดเอาไว้ หมัดของพวกเขาต้องราวหรือแตกหักอย่างแน่นอน
ด้านบนสนามต่อสู้ มีโฮโลแกรมฉายภาพการต่อสู้ ที่เกิดขึ้นตามจุดต่างๆของสนามต่อสู้ และทั้ง 2 ด้านซ้ายขวาของหน้าจอโฮโลแกรม มีรายชื่อและรูปภาพของผู้เข้าร่วมการต่อสู้ ฝั่งละ 24 คน ด้านล่างของชื่อแต่ละคนจะมีตัวเลขกำกับอยู่
เฉินหู 92/100 อูหนิว92/100
เฉินหู 90/100 อูหนิว90/100
เฉินหู 88/100 อูหนิว88/100
ทุกครั้งที่ทั้งสองชกหมัดปะทะกัน เพื่อประลองความแข็งแกร่ง ตัวเลขจะลดลง ครั้งละ 2
ห่างออกมาไม่ไกลนัก หวังเสี่ยวเปากำลังต่อสู้อย่างรุนแรงไม่แพ้กัน เขาเคลื่อนตัวไปรอบๆด้วยความเร็วสูง ที่ไม่สมกับน้ำหนักตัวเอง สายตาจ้องมองจางเฮอ ชายหน้านิ่งที่ไม่แสดงสีหน้า ให้ใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อเห็นจังหวะโจมตี หวังเสี่ยวเปาบิดหอกไม้แทงสามครั้งซ้อน ใส่ลำตัว หัวไหล่ และ หัวใจของจางเฮอ
แต่ดาบไม้ในมือของจางเฮอ ก็ปัดหอกที่แทงใส่ออกไปได้ พร้อมฟันดาบตอบโต้กลับ หวังเสียวเปาหมุนใช้หอกไม้ป้องกันได้ทั้งหมด และแทงหอกไม้ไปที่ขา แต่จางเฮอก็ใช้ความเร็วหลบ และฟันใส่แขนหวังเสี่ยวเปาที่ถือหอกยืนออกมา หวังเสี่ยวเปาพลิกข้อมือรับคมดาบไม้ และเตะใส่ร่างจางเฮอ แต่จางเฮอใช้ขาถีบยันการเตะ ป้องกันเอาไว้ได้ และชกหมัดใช้กลางอกหวังเสี่ยวเปา
หวังเสียวเปา ถอยร่างกายเอียงตัวเล็กน้อย หลบหมัดออกมาได้ แล้วแทงหอกออกไปพร้อมกัน จางเฮอเคลื่อนที่ด้วยความเร็วหลบและฟันกลับ ยิ่งพวกเขาต่อสู้ ยิ่งรวดเร็วและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาทั้งสอง เป็นนักสู้ประเภทหาจังหวะโจมตี เพื่อโจมตีเข้าจุดตายในครั้งเดียว ทำให้พวกเขาต้องใช้สมาธิมหาศาล อ่านความเคลื่อนไหวให้มากกว่าที่คู่ต่อสู้อ่านทางเรา กระบวนท่าที่ออกไปแต่ละครั้ง มีจริงและหลอกสลับกันไป แต่ก็ไม่มีใครพลาดท่าโดนโจมตีแม้แต่ครั้งเดียว
ตัวเลขใต้รูปของทั้งสองยังเต็ม 100
การต่อสู้ของพวกเขากลายเป็นการต่อสู้ยืดเยื้อไปในที่สุด
อูเหวินวิ่งไปรอบๆสนามต่อสู้พร้อมปล่อยลูกธนูไม้ ยิงคนของกลุ่มเลือดมังกร จนเลขใต้รูปเหลือ 0 ออกจากการต่อสู้ เขาวิ่งไปตามต้นไม้ หาจังหวะยิงธนูจัดการลงทีละคน แต่เขาก็ไม่สามารถผ่อนคลายได้ ด้านหลังของเขามีฟางกวน วิ่งตามไม่ทิ้งห่างมากนัก ท่าเท้าของฟางกวนรวดเร็วฉับไว มีดไม้ในมือของอีกฝ่าย เหมือนเขี้ยวของสัตว์ร้าย มันโจมตีอย่างดุร้ายรุนแรงและเข้าจุดตายทุกครั้ง ถ้าพลาด เขาต้องออกจากการต่อสู้ทันที
อูเหวินเกือบพลาดท่าเสียทีไปหลายครั้ง เขาอาศัยจิตสัมผัส ที่ฝึกมาจากจิวโมไป๋ คาดเดาล่วงหน้าก่อนหนึ่งก้าว หลบออกมาอย่างหวุดหวิด
ตรงกลางสนามต่อสู้ เหยาติงหลงถือดาบไม้ต่อสู้กับลี่ฝานที่ใช้ดาบไม้เช่นกัน พวดเขาฟาดฟันดาบปะทะกัน หลายสิบครั้ง ก็ไม่มีใครเสียเปรียบไปมากกว่ากัน พวกเขาต่อสู้กันอย่างไม่มีใครยอมกัน รัศมีการปะทะรุนแรงและขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ทำให้พื้นที่รอบข้างของทั้งสองกลายเป็นพื้นที่ว่าง ที่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
เฉินหูกัดฟันแน่น มือของเขา เริ่มแสดงอาการปวดแปลบ กระดูกมือเริ่มร้าว เขาชกหมัดผลัก อูหนิว ก่อนจะเปลี่ยนสไตล์การต่อสู้อย่างฉับพลัน
“ตาย!”เฉินหูร้องคำราม ยกเท้าเตะตัดลำตัวอูหนิวอย่างดุดัน อูหนิวชะงักเล็กน้อยและยกขาป้องกัน เปรี้ยง! เสียงปะทะกันดังลั้น อูหนิวขยับตัวเล็กน้อยเพื่อตั้งหลัก ก่อนจะเตะสวนกับเข้าลำคอของเฉินหู
เฉินหูหมุนตัวหลบและตั้งท่ากระโดดเตะ แต่ในจังหวะนั้นเอง ลูกธนูไม้จากอีกด้านยิงมาอย่างรวดเร็ว ถ้าเขาไม่ป้องกัน เขาจะต้องถูกยิงเข้าที่ตำแหน่งหัวใจ ออกจากการต่อสู้ไปในทันที
ใครเป็นคนยิง? เขาจำได้ว่ามีแค่น้องเล็กที่เลือกธนูในการต่อสู้ หรือว่าน้องเล็กแพ้ไปแล้ว?
วินาทีนี้ เฉินหูสับสนงุนงง ทำให้ความเร็วในการตัดสินใจลดลง
ในเวลาที่เฉินหูกำลังตกใจ ลูกธนูก็พุ่งเข้าปะทะร่างของเขา
…
2 ชั่วโมงก่อน
อาคารบ่มเพาะพลังมหาวิทยาลัยเทียนซู
สมาชิกกลุ่มหัวใจเหล็กกล้า 4 คน กำลังรอคิวเข้าห้องบ่มเพาะพลัง อยู่ห้องโถงใหญ่ของอาคาร พวกเขาทั้งหมดเป็นนักศึกษาปี 1 ที่พึ่งเข้าร่วมกลุ่มหัวใจเหล็กกล้าเมื่อไม่กี่วันก่อน ทำให้ยังคงเหนียมอายขาดความมั่นใจอยู่บ้าง พวกเขานั่งคุยกันอยู่มุมหนึ่งห้องห้องโถง เพื่อรอเวลา
เมื่อถึงคิวเข้าห้องบ่มเพาะพลังที่พวกเขาเช่า กลุ่มของพวกเขาก็ลุกขึ้น เดินไปที่ลิฟต์ แต่ก็มีกลุ่มคน 10 คน ยืนขวางทางพวกเขาไว้
“รุ่นพี่มีอะไรหรือเปล่าครับ”ชายหนุ่ม จำหน้าหนึ่งในคนที่ขวางพวกเขาได้ เขาเป็นรุ่นพี่ปี 2 และยังเป็นสมาชิกกลุ่มเลือดมังกร
“ไม่มีอะไรหรอก”รุ่นพี่คนนั้นยิ้ม ก่อนจะชี้ไปทางคนที่มากับเขา”น้องชาย นายมองดูสิ พวกเรามีกันตั้งหลายคน ไม่มีห้องบ่มเพาะพลังเหลือให้พวกเราทั้งหมดเข้าไปได้ ถ้านายยอมให้สิทธิ์เข้าห้องบ่มเพาะพลังให้กับพวกเรา ฉันจะจ่ายเงิน ที่พวกนายเช่าห้องบ่มเพาะพลังคืนทั้งหมด”ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเป็นการสั่ง ไม่ให้อีกฝ่ายปฏิเสธได้เลย
ชานหนุ่มลังเล หันมามองเพื่อนอีก 3 คน พวกเขาก็เงียบไม่กล้าพูด
คนที่มากับรุ่นพี่ปี่ 2 เดินมาหนึ่งก้าว เพิ่มความกดดันให้ เด็กหนุ่มกลุ่มหัวใจเหล็กทั้ง 4
สุดท้ายทั้ง 4 ก็จำใจมอบสิทธิ์ เข้าห้องบ่มเพาะพลังให้กับกลุ่มเลือดมังกร
“เอาไปค่าเช่าห้อง 100 เครดิต คงพอนะ”คนของกลุ่มเลือดมังกรโอนเงินให้ พร้อมยิ้มเยาะ ก่อนจะพากันเดินจากไป สร้างความโกรธแค้นให้กับเหล่าเด็กหนุ่มอย่างมาก
แต่พวกเขายังถือว่าโชคดีที่ไม่เจ็บตัว ในเวลาเดียวกัน คนของกลุ่มหัวใจเหล็กกล้า ถูกคนของกลุ่มเลือดมังกรหาเรื่อง ถ้าโชคดีอาจจะแค่ถูกข่มขู ดูถูก แต่คนที่โชคร้ายถูกซ้อมจนบาดเจ็บหนัก
เพราะกลุ่มหัวใจเหล็กกล้า เป็นกลุ่มที่ก่อตั้งขึ้นมาได้ไม่นาน ทำให้สมาชิกกลุ่มอ่อนแอ ไม่มีทางที่จะต่อสู้กับกลุ่มเลือดมังกร ที่ก่อตั้งมานานกว่า และก่อนหน้านั้น เย่จื่อหยวนก็ได้ใช้เงินจำนวนมากสนับสนุนสมาชิกกลุ่ม จนการบ่มเพาะพลังของสมาชิกกลุ่ม เหนือกว่า นักศึกษาธรรมดาที่พึ่งได้รับโอสถ 12 ชนิด ช่วยเหลือในการบ่มเพาะพลัง ในเวลาไม่ถึง 2 เดือน
อีกด้านหนึ่งของมหาวิทยาลัยเทียนซู
หวังเสี่ยวเปากำลังพาเหยาติงติง ไปส่งหอหลังจากที่พวกเขาไปดูหนัง กินข้าวด้วยกัน
“ฉันได้ยินมาว่า ภาพยนตร์เรื่อง’กระบี่มารอาถรรพ์’ ในฉากต่อสู้ เกือบ 95% เป็นการใช้วิชาการต่อสู้ที่มีอยู่จริงของสำหนักยุทธต่างๆ นักแสดงเกือบทุกคน นอกจากตัวเอก พวกเป็นคนของสำหนักยุทธ เมื่อถึงฉากต่อสู้พวกเขาต่อสู้กันจริงๆไม่ได้เป็นการแสดง จากที่ฉันได้ยินมา ในระหว่างถ่ายทำ มีผู้บาดเจ็บจำนวนมากที่ต้องเขารักษาตัว
สำหรับเทคนิคพิเศษที่เห็นในเรื่อง พวกเขาใช้แค่ในฉากบางฉากที่ จำเป็นต้องใช้จริงๆเท่านั้น”หวังเสี่ยวเปาพูดกับหญิงสาวที่เดินด้านข้าง
“จริงเหรอ ถึงว่าทำไมฉากต่อสู้ถึงดูน่าตื่นเต้น กว่าหนังเรื่องอื่นๆ”เหยาติงติงพูดด้วยรอยยิ้ม ดูไม่ประหม่าเหมือนตอนแรก เธอไม่เคยไปดูหนังกับผู้ชายสองต่อสอง ที่ไม่ได้เป็นคนในครอบครัวมาก่อน ทำให้เธออายไม่ค่อยกล้าพูดมากนัก แต่เมื่อพวกเขาได้ดูหนังด้วยกัน เธอก็ลดความเขินอายลงไปมาก
“จำคนร้ายเสื้อม่วงได้ไหม นั้นเป็นคนของสำนัก…”หวังเสี่ยวเปาพูดไปเรื่อยๆ สายตาเลือบมองหญิงสาวข้างตัว เขาไม่สามารถละสายตาจากเธอได้จริงๆ เขาชำเลืองมองมือเล็กๆของหญิงสาว เขาอดไม่ได้ที่อยากจะเอื้อมมือเข้าไปจับ
“ดูเหมือนจะกำลังสนุกกันน่าดูเลยนะ”คำพูดเสียดสีดังมาจากด้านข้าง หวังเสียวเปาชะงักหันกับไปมอง เห็นชายหัวล้านกงหนานกำลังยืนกอดอก ใบหน้าของเขาประดับด้วยรอยยิ้มน่าเกียจ ด้านข้างของกงหนานมีชาย 3 คน ที่หวังเสี่ยวเปาเห็นหน้าแล้วรู้สึกคุ้นเคย เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
“แค่ไม่กี่วัน แกก็ลืมความเจ็บปวดที่พวกฉันมอบให้ไปแล้วสินะ”หวังเสี่ยวเปาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่เย็นชา เขาไม่พอใจอย่างมาก ที่กงหนานมาทำให้บรรยากาศดีๆ ที่เขาทำมาทั้งวันหายไปหมด
กงหนานยิ้มเล็กน้อยหันไป ก้มหัวเล็กน้อยให้ ชาย 3 คนที่ยืนอยู่
ชายผิวสีแทนร่างกายกำยำ เดินมาอย่างช้าๆพลังกดดันที่ส่งออกมา ทำให้หวังเสี่ยวเปาขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะอีกฝ่ายมีบรรยากาศที่คล้ายกับเฉินหู
เป็นพวกบ้าการต่อสู้
เขาใช้จิตสัมผัสตรวจสอบระดับการบ่มเพาะพลังของอีกฝ่าย เขาก็ชะงัก และ ตรวจสอบอีก 2 คน เขาก็เปลี่ยนใจ ไม่คิดต่อสู้
“ติงติง รีบไปที่หอพัก ฉันจะขวางพวกเขาเอาไว้ให้เอง”
เหยาติงติงอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เห็นท่าทางจริงจังของหวังเสี่ยวเปา เธอก็พยักหน้า แล้วหันหลังวิ่ง แต่ยังไม่ทันที่เธอจะวิ่งไปไกล ชายร่างเล็กก็มายืนขวางเธอเอาไว้
“หลบไป!”หวังเสี่ยวเปาสังเกตความเคลื่อนไหวของชายร่างเล็กอยู่แล้ว เมื่ออีกฝ่ายพุ่งตัวขวางหน้าเหยาติงติง เขาก็พุ่งมาด้านหน้าเหยาติงติง และชกหมัดใส่ชายร่างเล็ก
ชายร่างเล็กแปลกใจอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่ประมาท เขาใช้ท่าเท้าแปลกประหลาด หลบหมัดของหวังเสี่ยวเปา และเตะสวนกลับเข้าใส่ข้างลำตัว แต่หวังเสี่ยวเปายกขาป้องกันไว้ได้ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที เมื่อชายร่างกายกำยำพุ่งเข้ามาอีกด้านและปล่อยหมัดเข้ามา ในจุดที่หวังเสี่ยวเปาไม่มีทางหลบได้เลย
หวังเสี่ยวเปา ผลักเหยาติงติงให้วิ่งหนีไป และเขาก็ยกแขนสองข้างป้องกันหมัด
ปัง! แขนของเขาสั่นระริกด้วยความเจ็บปวด แต่เขากัดฟันฝืนตัวกระโดดถอยตัวไปด้านหลัง แต่ชายร่างเล็ก เข้ามาชกที่ด้านข้างทำให้หวังเสี่ยวเปาเสียหลัก ชายร่างกำลังเดินมาอย่างช้าๆ เตะใช้ร่างของหวังเสี่ยวเปาอย่างแรงจนกระเด็นไปไกล
ทางด้านเหยาติงติง เธอถูกชายหน้านิ่ง จับเอาไว้ และกงหนานเดินมาหาเธอ
หวังเสี่ยวเปาพยายามพยุงตัวลุกขึ้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เขาพึ่งเลื่อนเป็นขั้นที่ 2 ปลายเมื่อเช้าวันนี้ แต่ทั้ง 3 คนที่กงหนานพามาอยู่ขั้นที่ 3 ปลาย
ระดับการบ่มเพาะพลังห่างกัน 1 ขั้นใหญ่ เขาไม่มีทางสู้ได้เลย
แต่เมื่อเห็นว่าเหยาติงติงถูกจับ เขาไม่มีทางหนีไปอย่าแน่นอน
ขณะกำลังลุกขึ้น หวังเสี่ยวเปากดกำไลข้อมือ เพื่อขอความช่วยเหลือ เฉินหูและอูเหวิน เพราะเขาจำได้ว่าจิวโมไป๋ ไม่ได้อยู่ที่เมืองเทียนซู
—
ตอนนี้ ยาวกว่าปกติ ฮ่าๆ ชดเชยที่ไม่ได้ลงเมื่อวานครับ
มีอีกครับ ตอนเย็น…