“ไม่ต้องพูดแล้ว ไม่ว่านายจะได้รับว่าจ้างจริงหรือไม่ มันไม่สำคัญเลย เพราะยังไงฉันก็ต้องสู้กับกลุ่มเลือดมังกรอยู่ดี ถึงไม่มีนาย ก็มีคนอื่นมาสู้แทน ถ้านายสำนึกผิดจริงๆ ฉันก็ยกโทษให้ นายไม่ต้องขอโทษฉันอีกแล้ว”เฉินหูกล่าวด้วยน้ำเรื่องจริงจัง เขาไม่เก็บเรื่องในอดีตที่ผ่านไปแล้ว มาคิดให้ปวดหัว
อูหนิวลังเลมองหน้าเฉินหู เห็นท่าทางของเฉินหู ที่เหมือนไม่สนใจเรื่องในอดีตแม้แต่น้อย เขาก็เบาใจลงเล็กน้อย
“เสียเวลามากไปแล้ว เรามาเริ่มต่อสู้กันเถอะ”แววตาของเฉินหูที่จ้องมองอูหนิวเป็นประกาย เขาอยากต่อสู้กับอูหนิวอีกครั้งมาตลอด เพื่อที่จะทดสอบดูว่า หลังจากหนึ่งเดือนที่พวกเขาเคยต่อสู้กัน ในตอนนี้เขาจะสามารถพัฒนาไปมากขนาดไหน
อูหนิวเห็นว่าเฉินหูยกโทษให้จริงๆ ไม่ได้รับปากส่งๆ เขาก็เบาใจ เขาสำนึกผิดจริงๆ หลังจากที่รู้ว่าเย่จื่อหยวนของกลุ่มเลือดมังกร ใช้วิธีการต่ำช้า ลักพาตัวคนมาต่อรอง เพื่อให้กลุ่มที่ตั้งขึ้นใหม่ อย่างกลุ่มหัวใจเหล็กกล้ามาต่อสู้ด้วย
เขาที่พึ่งรู้หลังจากพ่ายแพ้ในการต่อสู้ มันยิ่งทำให้เขารู้สึกอับอายมากขึ้นไปอีก
เขาถูกพูดลับหลังว่า ไม่มีศักดิ์ศรี ใช้วิธีสกปรกให้กลุ่มที่อ่อนแอมาสู้ด้วย และก็พ่ายแพ้อย่างน่าอับอาย
อูหนิวสาบานว่า ในอนาคตแม้ว่าเขาจะร้อนเงินขนาดไหนก็ตาม เขาจะไม่ทำอะไรสกปรกเพื่อเงินเพียงแค่เล็กน้อยอีกแล้ว
อูหนิวสูดลมหายใจ กล้ามเนื้อของเขาบีบรัดแน่นจนเส้นเลือดบูดเป็นเส้น พลังกดดันแผ่ขยายออกไปทั่วสนามประลอง
“ได้เรามาต่อสู้กันอีกครั้งเถอะ ครั้งนี้ฉันจะไม่พลาดเหมือนเดิมอีกแล้ว!”อูหนิวพูดจบ เขาก็พุ่งเข้าหาเฉินหู ท่าร่างของเขาปราดเปรียวว่องไว ผิดกับขนาดของร่างกายอย่างมาก
เฉินหูตกใจเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าอูหนิวจะพัฒนาท่าร่างจนความเร็วเพิ่มขึ้นถึงขนาดนี้ เขาใช้จิตสัมผัสตรวจสอบการบ่มเพาะพลังของอูหนิว เขาก็พบว่าอูหนิวในตอนนี้อยู่ขั้นที่ 4 อวัยวะภายในกลาง
เฉินหูโยกตัวไปข้างหน้า ก่อนที่เขาจะใช้ท่าร่างหายตัวไปโผล่ดักหน้าอูหนิว หมัดขวาอันหนักหน่วยชกเข้าใส่ดักหน้าอูหนิว ไม่ให้อีกฝ่ายหลบได้ทัน
อูหนิวที่พุ่งมาตกใจกับท่าร่างอันรวดเร็วของเฉินหู แต่ยังไงเขาก็เป็นถึงอันดับต้นๆของปีที่ 3 เขาเปลี่ยนท่าร่างเพื่อชะลอความเร็ว ก่อนที่จะชกหมัดเข้าใส่
ปัง! หมัดของทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรง และเพียงพริบตาที่พวกปะทะกัน พวกเขาก็ระเบิดการโจมตีอย่างรุนแรง หมัด เท้า เข่า ศอก โหมกระหน่ำเหมือนพายุ พุ่งเข้าใส่ฝ่ายตรงข้าม
ทั้งสองต่างก็พัฒนาท่าร่าง เพิ่มความเร็ว พวกเขาไม่ยืนตั้งหลักแลกหมัดกันอีกแล้ว พวกเขาใช้ท่าร่างหลบหลีกและเข้าปะทะกัน ไปทั่วสนามต่อสู้ แลกหมัดกันอย่างไม่ยอมใคร ระยะต่อสู้ของเฉินหูและอูหนิวขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ผู้ชมที่ดูการประลองของทั้งคู่ ต่างก็ส่งเสียเชียร์ด้วยความตื่นเต้น เพราะไม่ค่อยมีการต่อสู้แลกหมัดกันอย่างดุเดือด แบบนี้เท่าไหร่นักในการประลอง
ปัง! ร่างของอูหนิวถอยไปด้านหลังสองก้าว เฉินหูก็ตามมาไม่ห่างเท้าเตะอัดเข้าที่กลางลำตัวอูหนิวอย่างแรง แต่หมัดของอูหนิวก็ชกเข้าที่ใบหน้าเฉินหูเช่นกัน ทั้งสองถอยกระเด็นแยกกัน
อูหนิวเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด
แม้ว่าความแข็งแกร่งของอูหนิว จะเพิ่มขึ้นแตกต่างจากเมื่อหนึ่งเดือนที่แล้วอย่างมาก แต่น่าเสียดาย ที่เฉินหูก็ถูกจิวโมไป๋เคี้ยวเข็ญอย่างหนักมาเช่นกัน
เฉินหูไม่ได้เข้าปะทะตรงๆ ด้วยกำลังล้วนๆอีกแล้ว เขาพยายามอ่านการเคลื่อนไหวฝ่ายตรงข้าม และคิดว่าฝ่ายตรงข้ามจะโจมตียังไง เพื่อออกกระบวนท่าตอบโต้ได้ โดยไม่เสียกำลังไปโดยเปล่าประโยชน์อีก แม้จะมีการออกหมัดโจมตีอย่างเสียเปล่าอยู่บ้าง แต่มันก็เป็นกระบวนท่าทีออกจากสัญชาตญาณ ที่จิวโมไป๋สอนมา
ในการต่อสู้พลังชีวิตของอูหนิวลดลงอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ไม่ถึง 30 วิ ก็ลดเหลือ 700 ทางด้านเฉินหูพลังชีวิตของเขายังคงอยู่ที่ 870
ความแข็งแกร่งของทั้งสอง เริ่มแสดงให้เห็นถึงความต่างชั้นออกกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
ห้องรอปี 1
จิวโมไป๋มองไปที่การต่อสู้ของเฉินหูด้วยความพอใจ พลังลึกลับในร่างของเฉินหูแข็งแกร่งอย่างมาก ยิ่งระดับการบ่มเพาะพลังของเฉินหูสูงขึ้น พละกำลังของเฉินหูก็เพิ่มขึ้นเหมือนไม่มีวันหยุด
เขาตรวจสอบอยู่นาน ก็ค้นพบว่า ตระกูลทางฝ่ายพ่อของเลือดหู สืบทอดมาจากตระกูลของจอมทัพแซ่หู ในช่วงราชวงศ์โจว
จอมทัพแซ่หู โดยเด่นในเรื่องพละกำลังอันมหาศาล สายเลือดที่สืบทอดต่อกันมา จึงได้รับความสามารถพิเศษในเรื่องพละกำลัง
สายเลือดพละกำลังของเฉินหู เหมือนกับสายเลือดพื้นฟูของจิวโมไป๋ ที่ช่วยเพิ่มความสามารถด้านของร่างกายให้แข็งแกร่งขึ้น
ที่สนามประลอง
เฉินหูและอูหนิวต่อสู่กันโดยไม่อ้อมกำลัง ยิ่งต่อสู้ยิ่งอย่างรุนแรง อูหนิวรู้ตัวเองว่าไม่สามารถสู้เฉินหูได้ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ตาม แต่เขาไม่ถอดใจ เขาพยายามต่อสู้กับเฉินหูให้ถึงที่สุดอย่างไม่ย่อท้อ
แต่สุดท้าย พลังชีวิตของอูหนิวลดลงเป็น 0 พลังชีวิตของเฉินหูยังอยู่ที่ 600
ในการประลองรอบที่ 10 เฉินหูสามารถเอาชัยชนะไปได้
แม้ว่าทั้งสองจะเป็นผู้บ่มเพาะพลังสายร่างกายเหมือนกัน แต่เฉินหูเหนือกว่าทั้งร่างกายและเคล็ดบ่มเพาะพลัง แม้ระดับการบ่มเพาะพลังจะน้อยกว่า กระบวนท่าและท่าร่างจะเป็นวิชาพื้นฐาน แต่ความเหนือกว่าของร่างกายและพละกำลังที่มากเกินปกติ ทำให้เฉินหูชนะไปได้อย่างง่ายดาย
เฉินหูเดินไปยื่นมือให้อูหนิว
อูหนิวยิ้มก่อนจะจับมือ ให้เฉินหูดึงขึ้น
ก่อนที่ทั้งสองจะพูดคุยกัน ก่อนจะกลายเป็นหัวเราะเสียงดัง
การประลองคู่ต่อไปก็เริ่มขึ้น
จนมาถึงคู่ที่ 16 หวังเสี่ยวเปา ได้ต่อสู้กับ นักศึกษาชายปีที่ 2 หวังเสี่ยวเปาหลอกล่อคู่ต่อสู้มาใกล้ขอบสนามประลอง ก่อนจะใช้หอกไม้แทกร่างของฝั่งตรงข้ามกระเด็นออกจากสนามประลอง เอาชนะอย่างง่ายดาย
คู่ที่ 20 หลานซูเมิง ได้ประลองกับ ฮั่นฉิงฉิง หนึ่งในสี่สาวงามของมหาวิทยาลัยเทียนซู และหญิงสาวยังเป็นอันดับ 5 ของปีที่ 3
เมื่อสาวงามทั้งสองขึ้นบนสนามประลอง ผู้คนต่างโห่ร้องตะโกนด้วยความตื่นเต้น มีไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นสาวงามต่อสู้กัน
หลานซูเมิงใช้กระบี่ไม้เป็นอาวุธ
ฮั่นฉิงฉิง ใช้กระบี่ไม้เช่นกัน
ทำให้ผู้ชมเกิดการเปรียบเทียบขึ้นทันที
ทั้งสองต่อสู้กันอ่อนช้อยงดงาม จนคนดูละลานตา ผู้คนแทบจะไม่สามารถละสายตาจากสาวงามทั้งสองไปได้
การต่อสู้ของทั้งสองไม่ได้รุนแรงอะไร ทำให้พลังชีวิตของทั้งสองไม่ได้ลดลงเร็วนัก จนกระทั้งหมดเวลาการประลอง พลังชีวิจของทั้งสองลดลงไม่ถึง 200 เสียด้วยซ้ำ
หลานซูเมิงมีพลังชีวิต 860 มากกว่าฮั่นฉิงฉิงที่มีพลังชีวิต 840 ทำให้หลายซูเมิงที่มีพลังชีวิตเหลือมากกว่าได้เข้ารอบต่อไป
ฮั่นฉิงฉิงแพ้ไปอย่างไม่น่าเกลียด
เสียงเชียร์ให้กำลังใจสาวงามทั้งสองดังขึ้น ผู้ชมไม่ติดใจอะไรกับการประลอง
สาวงามทั้งสองเดินออกจากสนามประลองไปด้วยกัน พร้อมกระซิบพูดคุยกันด้วยรอยยิ้ม พร้อมหัวเราะคิกคักเบาๆ ทำให้ผู้ที่มองดูรู้สึกหลงไหล
คู่ที่ 24 เซี่ยลี่เยว์ต่อสู้กับนักศึกษาชายปีที่ 2 ทันทีที่เสียงสัญญาณต่อสู้ดังขึ้น เซี่ยลี่เยว์ก็พุ่งเข้าไปหาคู่ต่อสู้ เธอใช้กระบี่ไม้ฟันออกไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาก็แทงเข้าไปที่กลางอกของชายหนุ่ม พลังชีวิตลดลง 300 เหลือ 700 ทันที
ยังไม่ทันทีชายหนุ่มจะหายตกใจ หลานซูเมิงก็ฟันกระบี่ออกไปอีก 3 กระบี่ พลังชีวิตของชายหนุ่มก็หมดลง เขาล้มลงนอนด้วยความมึนงง
เซี่ยลี่เยว์เข้ารอบไปได้อย่างง่ายดาย
คู่ที่ 30 อูเหวินต่อสู้กับ นักศึกษาหญิงชั้นปีที่ 4 หญิงสาวเป็นอันดับสุดท้ายของปี 4 ที่ได้เข้าประลอง
อูเหวินอาศัยความเร็ว ใช้มีดไม้ฟันไปตรงจุดที่หญิงสาวเปิดช่องว่าง เขาค่อยๆลดพลังชีวิตของหญิงสาวจนหมด โดยที่หญิงสาวไม่สามารถตอบโต้อูเหวินได้เลย
คู่ที่ 38 อูถงจวิน ชายหนุ่มปี 1 ที่มีระดับการบ่มเพาะพลังขั้นที่ 4 ต้นอีกคน เขาได้ประลองกับนักศึกษาชายชั้นปีที่ 2
เขาหลอกล่อคู่ต่อสู้มาใกล้ขอบสนามประลอง และใช้ดาบยาวฟันฝ่ายตรงข้ามตกสนามประลอง เหมือนที่หวังเสี่ยวเบาทำ
ทำให้เขาเข้ารอบไปอย่างสบายไม่กินแรง
คู่ที่ 40 จูหวังเฉิน ต่อสู้กับ ลี่ฝาน ผู้แข็งแกร่งอันดับที่ 9 ของมหาวิทยาลัยเทียนซู
จูหวังเฉินในชุดต่อสู้สีแดง ผมสีแดงที่เช็ทตั้งชี้แหลม เขาเดินไปยืนกลางสนามประลองอย่างเย่อหยิ่ง เขาเหลือบตามองลี่ฝานเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเย้ยหยัน
“โอ้ว นั้นมันรุ่นพี่ที่แพ้การประลองกลุ่มไม่ใช่เหรอ”
“เจ้าหนู แกพูดว่าอะไรนะ”ลี่ฝางกล่าวเสียงเย็นชา มือกำดาบไม้ในมือแน่น พลังกดดันแผ่กระจายออกจากร่างอย่างช้าๆ
“อ่าว ไม่ใช้รุ่นพี่หรอกเหรอ ที่ไปช่วยกลุ่มเลือดมังกรประลองกับกลุ่มหัวใจเหล็กกล้า แล้วก็แพ้อย่างไม่น่าให้อภัย ทั้งๆที่ฝ่ายตัวเองได้เปรียบทุกอย่าง”จูหวังเฉินกล่าวถากถาง
ทำให้ลี่ฝางโกรธจัด
เมื่อเสียงประกาศเริ่มการประลองดังขึ้น
ลี่ฝางพุ่งเข้าหาจูหวังเฉินก่อน ดาบไม้ในมือฟันฉับลงไปที่หัวของจูหวังเฉินอย่างรุนแรง พลังกดดันโหมกระหน่ำเข้าใส่จูหวังเฉิน เหมือนคลื่นยักษ์ที่ถาโถมลงไป
จูหวังเฉินยิ้มเยาะ เหมือนเขาไม่รับรู้ถึงพลังกดดันที่กดทับลงมา เขาโยกตัวหลบด้านข้างอย่างง่ายดาย ดาบไม้ฟันห่างออกไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จูหวังเฉินยกหมัดขวาชกไปที่ลี่ฝางจากทางด้านข้าง
ลี่ฝางรีบใช้ท่าร่างหลบห่างออกมา ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธและอับอาย เขาไม่คิดเลยว่าจูหวังเฉินจะหลบดาบและตอบโต้กลับมาได้
“ตาย!”ลี่ฝางกำดาบไม้แน่น ก่อนจะพุ่งเข้าไปอีกครั้งดาบไม้ฟันออกไปอย่างรุนแรง เสียงแหวกอากาศดังขึ้นจนน่ากลัว
แต่จูหวังเฉินยังคงใจเย็น เขามองดาบที่ฟันเข้ามา เขาอ่านระยะดาบและโยกตัวหลบ ด้วยระยะห่างจากร่างของเขาเพียง 10 ซม. เท่านั้น
ลี่ฝางชะงักตกใจ ไม่คิดว่าจูหวังเฉินจะหลบได้อีกครั้ง เขาพลิกดาบจะฟันอีกครั้ง แต่จูหวังเฉินชกหมัดไป ทำให้ลี่ฝางต้องใช้ท่าร่างหลบอย่างช่วยไม่ได้
ทุกครั้งที่ลี่ฝางฟันดาบมา จูหวังเฉินจะหลบอย่างง่ายดายและชกกลับไปเสมอ ถ้าลี่ฝางไม่โจมตีเขาจะไม่ขยับ
เหมือนกับว่าจูหวังเฉินกำลังหยอกล้อเล่นกับลี่ฝางอยู่
ใบหน้าของลี่ฝางบิดเบี้ยว เขาหอบเล็กน้อย ทั้งๆที่เขาพึ่งฟันดาบไปแค่ 20 ครั้ง แต่เหมือนกับว่าเขาฟันดาบไปกว่า 200 ครั้ง และทุกๆครั้งจูหวังเฉินจะหลบอย่างง่ายดาย มันยิ่งบั่นทอนกำลังใจของเขาให้ลดลง
“แก! ทำไมแกถึงหลบได้!”ลี่ฝางร้องคำรามเสียงดัง เขาเริ่มเสียหัวเสียอย่างเห็นได้ชัด
จูหวังเฉินยิ้มเยียด ยกมือขึ้นมาและกระดิกนิ้วท้าทาย
“บัดซบ!”ลี่ฝางกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ และพุ่งเข้าหาจูหวังเฉินอีกครั้ง เขากระหน่ำฟันใส่ไม่ยั้ง แต่จูหวังเฉินก็โยกหลบทุกดาบได้อย่างไม่ยากเย็น
จูหวังเฉินอยู่ขั้นที่ 4 ต้น ส่วนลี่ฝางอยู่ขั้นที่ 4 ปลาย แม้จะห่างกัน 2 ขั้นเล็ก แต่ความแข็งแกร่งโดยร่วมไม่ต่างกันมากนัก เพราะในขั้นอวัยวะภายใน มันช่วยปรับเปลี่ยนอวัยวะภายใน ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบต่างๆของร่างกาย และช่วยเพิ่มความเร็วในการดูดซับโอสถ
แต่ในขั้นอวัยวะภายใน ไม่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายโดยตรง ทำให้ในขั้นนี้ ถ้าไม่ได้ผู้บ่มเพาะพลังสายร่างกาย ความแตกต่างก็ไม่ต่างกันนัก
การต่อสู้ของจูหวังเฉินและลี่ฝาง เหมือนการต่อสู้ของเด็กและผู้ใหญ่ ทั้งๆที่ทั้งสองอยู่ขั้นที่ 4 อวัยวะภายในเหมือนกัน
ลี่ฝางเหนื่อยหอบอย่างหนัก เหงื่อไหลออกจากร่างกายเหมือนน้ำปะปา แรงจะอ้าปากพูดของเขาแทบจะไม่มีแล้ว
ลี่ฝางผู้แข็งแกร่งอันดับที่ 9 ของมหาวิทยาลัยเทียนซู ทำอะไรชายหนุ่มปี 1 ไม่ได้เลย!
ในห้องรอปี 1
จิวโมไป่ขมวดคิ้วมองไปยังร่างของลี่ฝาง การออกระบวนท่าเพียงแค่นั้น ไม่มีทางที่จะทำให้เหงื่อไหลออกมาเยอะขนาดนั้นได้ ก่อนที่เขาจะมองไปยังร่างของจูหวังเฉิน
ในตอนนั้นเองเหมือนเขาจะค้นพบอะไรบางอย่าง
ในสนามประลอง
จูหวังเฉินเดินมาหยุดอยู่ข้างๆลี่ฝาง ที่ยืนหลับตาด้วยความเหนื่อยล้า เหมือนจะเป็นลมล้มลงไปได้ทุกเมื่อ จูหวังเฉินก้มลงกระซิบล้อเลียนที่ข้างหูลี่ฝาง
“รุ่นพี่เหนื่อยรึยัง”
“ถอยไป!”ลี่ฝางฟันดาบไม้ออกไปทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่
จูหวังเฉินโยกหลบได้อย่างง่ายดายเพราะดาบของลี่ฝางช้าลงอย่างเห็นได้ชัด
ลี่ฝางโซเซเล็กน้อยก่อนจะผยุงตัวยืนได้
“ถ้าเหนื่อยนัก ก็ยอมแพ้ไปเถอะ”จูหวังเฉินกล่าว
“ไม่”ลี่ฝางกัดฟัน ก่อนจะลืมตาขึ้นมองไปยังจูหวังเฉิน แต่มันก็แค่นั้น ร่างกายของเขาอ่อนเพลียจนไม่มีแรงแล้ว ถ้าไม่มีดาบไม้ยันพื้นประคอง เขาคงล้มลงไปแล้ว
“หึหึ งั้นก็ได้ เห็นแก่ความพยายามของรุ่นพี่ ฉันจะให้รุ่นพี่เป็นหินก้าวเท้าชิ้นแรก รุ่นพี่สมควรดีใจนะ ที่จะได้เป็นก้าวแรกของตำนานที่ฉันจะสร้าง”จูหวังเฉินกล่าวด้วยความเย่อหยิ่ง เมื่อพูดจบเขาก็เดินเข้าหาลี่ฝางอย่างช้าๆ
ทุกย่างก้าวของจูหวังเฉินอุณหภูมิโดยรอบก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับมือสองข้างของเขาปรากฏเปลวเพลิงสีแดงที่ร้อนแรง
“หมัดนี้ ฉันตั้งชื่อมันว่า หมัดอัคคีผลาญ ช่วยรับไปด้วยนะรุ่นพี่ ฉันหวังว่ารุ่นพี่จะไม่เป็นไร”พูดจบจูหวังเฉินก็ชกไปที่กลางอกของลี่ฝางอย่างรุนแรง
เปรี้ยง! ร่างของลี่ฝางกระเด็นออกไป 10 เมตร กลางอกมีเปลวเพลิงสีแดงลุกไหม้อย่างน่ากลัว พลังชีวิตของลี่ฝางลดลงไป 700 ก่อนที่จะลดลง 50 ต่อวินาที เพียง 4 วินาที พลังชีวิตของลี่ฝางก็หมดลงทันที
เจ้าหน้าที่พยาบาล ที่อยู่ข้างสนามประลองรีบวิ่งขึ้นมาตรวจดูอาการลี่ฝางอย่างรวดเร็ว
ห้องพิเศษ
“กฏแห่งธาตุไฟ!”ชายวัยกลางคนท่าทางแข็งแกร่งพูดขึ้นด้วยความตกใจ
“เด็กคนนั้นเป็นผู้ตระหนักกฏแห่งธาตุไฟ”ชายชุดทหารพูดกับคนข้างๆ แววตาของเขาเป็นประกาย
“เขาพึ่งอยู่ขั้นที่ 4 ต้นเท่านั้น เร็วเข้า อย่าเสียเวลารีบไปส่งคำเชิญ”ชายวัยกลางคนอีกด้านหนึ่งของห้องพิเศษ กระซิบบอกลูกน้อง
ลูกน้องคนนั้นวิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ช้าไปเล็กน้อย เพราะมีคนออกไปก่อนเขาถึง 3 คน
ห้องรอปีที่ 1
“กฏแห่งธาตุไฟพื้นฐาน”จิวโมไป๋มองไปยังจูหวังเฉินด้วยความตกใจ
ในสามพี่น้อง หวังเสี่ยวเปาพึ่งตระหนักกฏแห่งธาตุดินได้เล็กน้อย
เฉินหูถ้าไม่มีโอสถเสริมธาตุทอง เขาก็คงยังไม่สามารถใช้กฏแห่งธาตุทองพื้นธาตุได้
มีเพียงอูเหวินที่สามารถใช้กฏแห่งธาตุลมพื้นฐานได้เท่านั้น!
—