เมื่อได้ยินว่าต้องออกบวช จิวโมไป๋ก็ส่ายหน้าปฏิเสธทันที แม้เขาจะทำความดีช่วยเหลือผู้อื่น แต่มันก็แค่เป็นการทำเพื่อบรรเทาความรู้สึกในใจเท่านั้น มันไม่ถึงกับต้องออกบวชเพื่อปฏิบัติธรรม
ชายซอมซ่อไม่สนใจคำตอบของจิวโมไป๋ แววตาของเขาทอประกายวูบหนึ่งก่อนจะหายไป โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ก่อนจะกล่าว
“เมื่อเจ้าผ่านชั้นที่ 4 ของหอทดสอบ เจ้าก็สามารถเข้าไปเขตชั้น 2 ของวัดได้ เจ้าจะเข้าไปตอนนี้เลยไหม”
จิวโมไป๋นิ่งคิดเล็กน้อย
เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยที่ได้ยิน พวกมันทั้งสองก็ตื่นเต้นอย่างมาก พวกมันทั้งสองเคยได้ยินถึงตำนานเขตชั้น 2 มานาน แต่ไม่เคยมีโอกาสได้เข้าไป สายตาของพวกมันสั่นระริกเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่ไม่กล้าขยับ เมื่อรู้สึกถึงพลังของชายซอมซ่อกดทับร่างของพวกมัน
จิวโมไป๋คิดอยู่ครู่เดียว เขาก็ตัดสินใจทันที มันไม่มีอะไรเสียหายที่จะเข้าไปดูว่าหลังประตูเขตชั้น 2 มีอะไร เขารู้สึกคาดหวังเล็กน้อย ว่าภายในจะมีอะไรที่ช่วยเขาสนับสนุนให้แข็งแกร่งขึ้น
“ผมจะต้องทำอย่างไร ถึงจะเข้าไปได้”จิวโมไป๋กล่าวถามขึ้นอย่างสุภาพ
ชายซอมซ่อยิ้มแผวเบาและตอบอย่างง่ายดาย
“ผลักประตูเข้าไปได้เลย”
จิวโมไป๋เลิกคิ้วด้วยความสงสัยแต่ก็ลุกขึ้นก่อนจะทำความเคารพ
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ชี้แนะ”พูดจบเขาก็หันไปยังสัตว์ทั้ง 4 ที่นั่งอยู่
“พวกแกรอฉันที่นี่ก่อน ไม่นานฉันก็จะออกมา”พูดจบจิวโมไป๋ก็เดินไปยังประตูเข้าเขต 2
ชายซอมซ่อยิ้มแผวเบา นัยน์ตามืดมนทอประกายคาดหวังบางอย่าง
เสี่ยวไป๋ที่รู้สึกได้ว่าพลังที่กดทับคลายออก มันก็ถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย แต่ไม่นานมันก็นึกอะไรบางอย่างขึ้น มันยืนขึ้นจะร้องเตือนจิวโมไป๋ แต่เมื่อมันอ้าปาก เสียงของมันก็หายไป ไม่สามารถส่งเสียงได้ เสี่ยวเหมยที่เห็นก็ชะงักค้างด้วยความกลัว ก่อนที่มันจะจำอะไรบางอย่างได้ แต่เสียงของมันก็ไม่สามารถร้องออกมาได้เช่นกัน
ชายซอมซ่อค่อยๆหยิบแผ่นป้ายไม้สีน้ำตาลขึ้นมาและหมุนเล่นบนฝ่ามือ เขาก้มมองไปยังเสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมย ก่อนจะกล่าว
“ไม่ต้องตกใจ มันไม่มีอันตรายในการผ่านประตูวัด และถ้าเจ้าหนูผ่านประตูวัดไปได้ด้วยตัวเอง มันจะช่วยทำให้เส้นทางการบ่มเพาะมั่นคงยิ่งขึ้น มีแต่เรื่องดีไม่มีอะไรอันตรายเลย”
เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยไม่กล้าทำอะไร พวกมันได้แต่มองตามหลังจิวโมไป๋ด้วยความกังวล
ชายซอมซ่อมองกลับไปยังร่างของจิวโมไป๋ เขาก็คาดหวังที่จะได้เห็นจิวโมไป๋แสดงอะไรที่น่าประหลาดใจออกมา
จิวโมไป๋เดินมาถึงหน้าประตูไปเขตชั้น 2 ของวัด เขาไม่ลังเลยกมือสองข้างผลักประตูตรงกกลางอย่างแรง
คึก คึก คึก เสียงประตูไม้ขยับดังขึ้น ก่อนที่ภาพเบื้องหน้าของเขาจะตัดไปอย่างรวดเร็ว
วูบ!
ร่างของจิวโมไป๋ยืนค้างอยู่ในท่าทางผลักประตู ไม่ขยับเขยื่อน บนร่างของเขามีพลังงานบางอย่างปกคลุมเพียงครู่หนึ่งและหายไปราวกับไม่เคยมีอะไรมาก่อน
ชายซอมซ่อที่หมุนป้ายไม้เล่นอยู่ชะงักกึก สายตาแปรเปลี่ยนเป็นคมกริบอย่างฉับพลัน เพ่งมองไปยังร่างของจิวโมไป๋
“กลิ่นอายกาลเวลา!”
ชายซอมซ่อโบกมือเกิดเป็นวงแหวนข่ายอาคมปกคลุมทั่วร่างของจิวโมไป๋
“ไม่มีอะไรเลย? เกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่ ข้ายังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายกาลอยู่เลย ข้าไม่มีทางมองผิดอย่างแน่นอน”
ชายซอมซ่อโบกมืออีกครั้ง ข่ายอาคมอันทรงพลังก็ปกคลุมร่างของจิวโมไป๋ กลิ่นอายอันแข็งแกร่งทรงพลังทำให้อากาศเกิดการบิดเบือนอย่างรุนแรง
เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยเห็นท่าทางผิดปกติของชายซอมซ่อพวกมันก็แสดงท่าทางกังวล พวกมันลืมความหวาดกลัวชายซอมซ่อ ลุกขึ้นและวิ่งไปยังร่างของจิวโมไป๋
แต่ยังไม่ทันได้ออกวิ่งไปได้ไกล
เพล้ง! ข่ายอาคมจะพังทลายอย่างรุนแรงเหมือนกับเป็นเศษแก้ว คลื่นพลังอันรุนแรงกระจายออกไปโดยรอบ
แต่ก่อนที่คลื่นพลังจะได้สร้างความเสียหาย ชายซอมซ่อก็โบกมือ เกิดเป็นข่ายอาคมป้องกันคลื่นพลัง แต่เขาก็ไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด เศษของคลื่นพลังพัดร่างของเสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยกระเด็นกลับมา เศษคลื่นพลังก็กระทบร่างของเสี่ยวหวงและเสี่ยวจินที่อยู่ห่างออกมา ทำให้พวกมันทั้งสี่สลบไปทันที
ใบหน้าของชายซอมซ่อแสดงออกถึงความประหลาดใจอย่างมาก
พลังแห่งกาลเวลาจริงๆ!
พลังกาลเวลาของใครกันทำไมถึงแข็งแกร่งขนาดนี้!
ชายซอมซ่อสูดลมหายใจ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น นานแล้วที่เขาไม่ได้พบคนที่แข็งแกร่งพอจะต่อสู้กับตัวเองได้ เขาไม่คิดเลยว่าจะพบตัวตนที่แข็งแกร่งจากร่างของจิวโมไป๋
ชายซอมซ่อมองร่างของจิวโมไป๋และครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ทางด้านจิวโมไป๋ ภาพเบื้องหน้าของเขาเปลี่ยนไปกลายเป็นดำสนิท ก่อนจะมีประตูไม้ขนาดใหญ่ 2 บานปรากฎขึ้นท่ามกลางความมืดมิด
จิวโมไป๋มองไปรอบๆ ก่อนจะตรวจสอบร่างกายตัวเอง เขาสัมผัสไม่ได้ได้ถึงพลังภายในร่างกายแม้แต่น้อย แตกต่างจากหอทดสอบที่สามารถใช้ร่างกายได้เหมือนกับว่าเป็นร่างจริง
จิวโมไป๋มองไปยังประตูไม้ทั้งสองบาน เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายบางอย่างที่คุ้นเคย
และที่เด่นชัดที่สุดจะเป็นประตูบานขวา ที่กำลังเรียกร้องให้เขาเปิดมันออก
จิวโมไป๋ลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายเขาก็เดินเข้าไปผลักประตูไม้ด้านขวา ก่อนที่ภาพเบื้องหน้าจะเปลี่ยนไปอีกครั้ง
วูบ ร่างของเขากำลังลอยอยู่ภายในร้านอาหารแห่งหนึ่งที่คุ้นเคย มีลูกค้ากำลังทานอาหารและมีพนักงานกำลังทำงาน พวกเขามองไม่เห็นร่างของจิวโมไป๋ที่กำลังลอยอยู่ เหมือนเป็นอากาศธาตุ
‘ที่นี่มัน?’จิวโมไป๋ตกใจ ก่อนจะรู้สึกได้ว่าเสียงที่เขาพูดออกมา มันดังขึ้นในใจ เขาไม่สามารถพูดได้ และร่างกายของเขาขยับไม่ได้ ทำได้แต่ลอยนิ่งๆอยู่กลางอากาศ
จิวโมไป๋สงบสติลง เขาคาดเดาว่าการเปิดประตูจะต้องมีการทดสอบอะไรบางอย่าง และตอนนี้สติของเขาถูกดึงออกมา ไม่ได้เป็นร่างกายของเขา
เมื่อใจเย็นลงเขาก็จำได้ทันที ว่าที่นี่เป็นร้านอาหารตระกูลจิว ร้านอาหารของครอบครัวของเขา และเป็นช่วงก่อนที่ร้านจะถูกชายหัวล้านทำลาย
ในขณะที่จิวโมไป๋กำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
โครม! เสียงกระแทกประตูอย่างรุนแรงดังขึ้น ก่อนที่ประตูไม้สักที่แข็งแรงทนทานและหนักหลายร้อยกิโลกรัม จะล้มลงเข้ามาในร้านอย่างรุนแรง เสียงล้มดังสนั่นไปทั่วร้าน
ลูกค้าและพนักงานของร้านที่อยู่บริเวณนั้นกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว
กลุ่มชายฉกรรจ์ 10 คน เดินเข้ามาในร้าน ด้วยท่าทางที่จะมาสร้างปัญหา ชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ใส่เสื้อกล้ามรัดรูป ทำให้เห็นรอยสักน่ากลัวทั่วร่าง
ลูกค้าที่เห็นก็รู้ได้ทันทีว่าคนพวกนี้ไม่ได้มาดีอย่างแน่นอน พวกเขาถอยหลบไปอยู่มุมหนึ่งของร้าน
พนักงานชายที่อยู่ใกล้ตัวสั่นด้วยความกลัว มือกดลงไปที่กำไลข้อมือเพื่อเรียกยามรักษาความปลอดภัย แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ
หัวหน้าชายฉกรรจ์ ผู้มีรูปร่างใหญ่กำยำมองไปยังพนักงานชายด้วยแววตาแข็งกร้าว ก่อนจะเดินไปชกที่ท้องของพนักงานชายอย่างรุนแรง
“อัก!”พนักงานชายล้มลงไปนอนที่พื้นด้วยความเจ็บปวด
“จะตามหาคนช่วยเหรอ? ไม่มีใครมาช่วยทั้งนั้น! วันนี้ข้าจะทำลายร้านนี้ ไม่มีใครช่วยได้ทั้งนั้น”หัวหน้าชายฉกรรจ์พูดจบ ลูกน้องด้านหลังก็เข้าไปทำลายข้าวของภายในร้านทันที
โครมคราม! เพร้ง! ปัง! เสียงทำลายข้าวของดังขึ้น ลูกค้าต่างก็กรีดร้องวิ่งออกจากร้านด้วยความหวาดกลัว ชายฉกรรจ์ปล่อยลูกค้าออกไปไม่ขัดขวาง พนักงานร้านในต่างยืนตัวแข็งด้วยความกลัวไม่กล้าขยับ
กลุ่มชายฉกรรจ์ที่ไม่ได้ทำลายข้าวของ ก็เข้าไปซ้อมพนักงานชายทุกคน ก่อนจะตะคอกเสียงดัง
“เจ็บไหม! ถ้าเจ็บก็อย่ามาทำงานร้านอาหารนี้อีก ไม่อย่างนั้นจะไม่แค่เจ็บแบบนี้แน่!”
ชายฉกรรจ์คนหนึ่งยกร่างของพนักงานชายที่ถูกซ้อมจนสะบักสะบอมขึ้นมาและตะคอกเสียงดัง
“พูดออกมา! ว่าจะไม่มาทำงานที่ร้านอาหารนี้อีก!”
พนักงานชายตัวสั่นระริกด้วยความเจ็บปวดและกลัว เขาพูดด้วยเสียงสั่นเทา
“ผม…ผมจะไม่มาทำงานที่นี่อีก”
“ดี!”ชายฉกรรจ์ปล่อยร่างของพนักงานชายลงไปกองที่พื้น แล้วกระทืบพนักงานชายเป็นการส่งท้ายและยิ้มเยาะ ก่อนจะหยิบขาโต๊ะที่ทำจากไม้ขึ้นมาและเดินไปยังเคาเตอร์ตอนรับหน้าร้าน และใช้กำลังทั้งหมดทุบเคาเตอร์ที่ทำจากไม้จนหักครึ่ง อุปกรณ์บนเคาเตอร์กระจัดกระจาย เครื่องคิดเงิน โฮโลแกรมหน้าจอวงจรปิดตกไปบนพื้น
ชายฉกรรจ์เดินไปกดที่เครื่องคิดเงิน แต่ก็ติดระบบป้องกัน เขาก็ไม่สนใจ ทำเป็นกดไปที่เครื่องคิดเงิน ปล่อยให้คนอื่นทุบทำลายร้าน ในตอนนี้ร้านอาหารถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี เพียงแค่ไม่ถึง 2 นาที เท่านั้น
หัวหน้าชายฉกรรจ์ยืนอยู่หน้าร้าน ในมือถือบุหรี่ขึ้นมาสูบอย่างสบายใจ
‘นี่มันอะไร’จิวโมไป๋มองเหตุการณ์ด้วยความงุนงง เขายังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
จนกระทั้ง มีคนลงมาจากชั้น 2 ของร้าน
จิวโมไป๋มองไปยังร่างที่คุ้นเคย
‘พ่อ แม่!’
—