จิวโมไป๋ตกอยู่ในห้วงความคิด
อาวุธหรือสิ่งของที่มีสติปัญญาเขาเคยครอบครองมาก่อน สิ่งของเหล่านี้จะถูกเรียกว่าวิญญาณยุทธภัณฑ์
แต่ในโลกแห่งการบ่มเพาะพลัง สิ่งของไม่ใช่สิ่งมีชีวิต พวกมันไม่มีความคิด พวกมันจึงไม่สามารถเปิดสติด้วยตัวเองได้ นี้คือความรู้ทั่วไปที่ทุกคนรู้
ดังนั้นทุกคนจึงรู้ว่าวิญญาณยุทธภัณฑ์ เป็นคำเรียกสิ่งของที่สร้างจากวิญญาณประดิษฐ์หรือการสิ่งสู่วิญญาณของอดีตสิ่งมีชีวิตลงไปในสิ่งของ
ในประวัติศาตร์ในโลกแห่งการบ่มเพาะพลัง ไม่เคยมีสิ่งของที่เปิดสติปัญญาด้วยตัวเอง
ไม่ต้องพูดถึงเคล็ดวิชาที่สามารถเปิดสติปัญญา พวกมันไม่เคยมีมาก่อนและไม่มีสิ่งที่ใกล้เคียงให้เปรียบเทียบ พูดได้ว่าเคล็ดวิชาที่สามารถเปิดสติปัญญาไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง!
จิวโมไป๋แข็งค้างเหมือนก้อนหิน ปล่อยให้กระบี่เลือนเร้นเล่นกับร่างเสมือนของเขา
ตั้งสติอยู่นานในที่สุดจิวโมไป๋ก็รวบรวมสติกลับมาได้ เขามองไปที่กระบี่เลือนเร้นด้วยดวงตาเป็นประกายก่อนจะเอ่ยขึ้น
“แกเป็นตัวอะไรกันแน่”
กระบี่เลือนเร้นไม่ตอบสนองต่อคำถามของจิวโมไป๋แม้แต่น้อย มันยังคงออดอ้อนพัวพันกับร่างของเขาไม่หยุด
“นี่…”จิวโมไป๋นิ่งไปเล็กน้อย เขาในตอนนี้เหมือนคนโง่ที่พูดคนเดียว เขาพึ่งนึกได้แม้แต่สัตว์ที่สามารถเปิดสติปัญญาได้ พวกมันก็มีบางตัวที่โง่และฉลาด สัตว์ที่เปิดสติปัญญาเล็กน้อย อาจไม่สามารถตอบโต้กับคำพูดได้ ไม่ต้องพูดถึงกระบี่เลือนเร้นที่เปิดสติปัญญาอย่างผิดปกติ แม้จะมีสติปัญญา แต่มันอาจไม่รู้ว่าเขากำลังพูดกับมันอยู่ด้วยซ้ำ
จิวโมไป๋ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนที่เขาจะจับที่ด้ามกระบี่
กระบี่เลือนเร้นสั่นอย่างแผ่วเบาตอบสนองทันที จิวโมไป๋สัมผัสได้ถึงความรู้สึกเล็กน้อยที่บางเบาจากกระบี่เลือนเร้น แม้จะไม่เข้าใจ แต่เขาก็พอจะรับรู้บางอย่างได้
จิวโมไป๋นิ่งเล็กน้อย ก่อนจะส่งความคิดไปที่กระบี่เลือนเร้น แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันจะเข้าใจหรือไม่ก็ตาม
หลังจากนี้พวกเรามาสู้ด้วยกันเถอะ!
กิ้ง กระบี่เลือนเร้นส่งเสียงไพเราะกังวาลสดใส ตอบสนองต่อคำพูดของจิวโมไป๋
“ฮ่าๆๆ” จิวโมไป๋หัวเราะดังลั่นออกมาอย่างไม่อาจหักห้ามได้ ภายนอกทะเลสติ จิวโมไป๋ฉีกยิ้มกว้างออกมา เจ้าอาวาสหงหมิงและพันเอกนาคามูระ มองจิวโมไป๋ด้วยความสงสัย
จิวโมไป๋ได้สติเขาก็ถอนตัวออกจากทะเลสติ ก่อนจะหันไปยิ้มให้ทั้งสองก่อนจะพูด
“ขอโทษครับ พอนึกถึงรางวัลแล้วผมอดไม่ได้ที่จะดีใจ”จิวโมไป๋แก้ตัว
เจ้าอาวาสหงหมิงมองจิวโมไป๋ด้วยสายตาไม่เชื่อ
พันเอกนาคามูระใช้สายตาเฉียบคมสำรวจจิวโมไป๋อีกครั้ง เขาไม่เชื่อคำพูดของจิวโมไป๋ แต่ไม่อาจเค้นถามได้ เขาจึงดึงสายตากลับ
จิวโมไป๋ก้มหัวขอโทษทั้งสอง ก่อนจะพิงเบาะรถและหลับตา กลับไปในทะเลสติ
มือที่กำกระบี่เลือนเร้น ปล่อยออก กระบี่เลือนเร้นลอยไปในอากาศและพันแขนจิวโมไป๋
จิวโมไป๋ยกมือลูบมันเบาๆ ความตื่นเต้นลดลง เขาก็กลับมาที่ธุระหลัก เขากวาดตามองไปรอบๆตำหนักยุทธ เขาไม่พบกรรมชั่วอยู่เลยแม้แต่อณูเดียว เขาเดินไปข้างหน้า เข้าใกล้กับแท่นวางกระบี่เลือนเร้น เท้าของเขาเตะเข้ากับอะไรบางอย่าง เขาก้มลงมองก็พบกับก้อนผลึกสีดำก้อนตกกระจายอยู่บนพื้น เขาสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่แผ่กระจายออกมาอย่างบางเบา เขาก็จำได้ทันทีว่ามันเป็นพลังที่แผ่ออกมาจากกรรมชั่ว
“นี่…”
กรรมชั่วกลายเป็นผลึก
จิวโมไป๋เอือมมือที่สั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุม ไปแตะมันด้วยความตื่นเต้น
ผลึกกรรมชั่วจริงๆ ไม่ผิดแน่!
ผลึกกรรมชั่ว คือวัตถุล้ำค่าในตำนาน ที่มันถูกเรียกอย่างนั้น ไม่ใช้เพราะความหายากของมัน แต่เป็นเพราะ ผนึกกรรมชั่ว เป็นวัตถุสิ้นเปลือง ใช้เพียงครั้งเดียวก็สลายหายไป ผู้คนที่มีมันจะถูกซ่อนไม่บอกใคร
คุณค่าของผลึกกรรมชั่วมีมากมาย วิธีใช้ก็มีหลายวิธี แต่ที่ทำให้มันถูกเรียกว่าวัตถุในตำนานเพราะการใช้มันสองอย่าง
ช่วยผู้บ่มเพาะพลังทะลวงผ่านระดับเทพยุทธ์!
ช่วยปรมาจารย์ทะลวงผ่านไประดับราชา!
การทะลวงผ่านระดับเทพยุทธ์และปรมาจารย์ราชา ด่านสุดท้ายจะต้องเผชิญหน้ากับจิตมาร ซึ่งถือว่าเป็นกำแพงอันกว้างใหญ่ที่ขัดขวางผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วน ไม่ให้ผ่านไปไม่ได้ ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนถูกหยุดอยู่ระดับปราณสวรรค์ปลายและปรมาจารย์ม่วงปนดำ เพราะจิตมารที่ข้างกันเอาไว้
ผลึกกรรมชั่วจะช่วยลดท่อนความแข็งแกร่งของจิตมารให้อ่อนแอลง ทำให้สามารถสังหารจิตมารทะลวงผ่านเลื่อนระดับได้ง่ายขึ้น
แค่ประโยชน์ทั้งสองอย่าง ผนึกกรรมชั่วก็ถูกเรียกว่าวัตถุในตำนานได้แล้ว
ผลึกกรรมชั่วหนึ่งก้อนมีค่ามหาศาลไม่อาจประเมินได้ เพราะประผลึกกรรมชั่วหนึ่งก้อนสามารถสร้างเทพยุทธ์ได้หนึ่งคน
ไม่แปลกเลยเมื่อมีข่าวเกี่ยวกับผลึกกรรมชั่วปรากฏขึ้น จะเกิดแม่น้ำสายเลือดขึ้น ไม่ว่าผู้บ่มเพาะพลังคนนั้นจะเป็นคนดีเลิศขนาดไหนก็ตาม เมื่อพบกับผลึกกรรมชั่วพวกเขาจะต้องบ้าคลั่ง
เทพยุทธ์คือเป้าหมายที่ผู้บ่มเพาะพลังทุกคนใฝ่ฝัน ถวิลหาทุกลมหายใจ เมื่อโอกาสอยู่ตรงหน้าใครกันที่จะหักห้ามกิเลสได้!
—
ผ่อนคลายมา 3 ตอน ต่อจากนี้จะเข้าสู่ช่วงต่อสู้ทิ้งท้ายก่อนกลับประเทศครับ