ประตูเรือนรับรองเปิดออก หญิงใบหน้างดงามเต็มไปด้วยเสนห์น่าหลงไหล ก้าวขาเรียวยาวเดินผ่านประตูเข้ามา ร่างของเธอสูงโปร่งในชุดสำนักสีม่วงดูธรรมดาสามัญ แต่มันไม่ทำให้ร่างกายที่มีสัดส่วนเย้ายวนด้อยค่าลง แต่กับทำให้เกิดเสนห์อีกอย่างที่ไม่ด้อยกว่าแต่กับเพิ่มมากขึ้น ในมือของเธอถือดาบคาตานะยาว 1 เมตร ด้ามจับประดับด้วยไหมสีม่วง กลิ่นอายแหลมคมแผ่กระจายออกมาจากดาบ
ดวงตาคู่งามกวาดมองจิวโมไป๋และเจ้าอาวาสหงหมิง นัยน์ตาเป็นประกายระยิบระยับ ถ้าสบตาสามารถทำให้ผู้คนตกอยู่ในห้วงแห่งความลุ่มหลงใหล
แต่น่าเสียดายที่หญิงสาวต้องพบกับความผิดหวัง เจ้าอาวาสหงหมิงยังคงสนทนาพูดคุยเกี่ยวกับหลักธรรม เพื่อชักชวนจิวโมไป๋ให้ออกบวช น้ำเสียงลื่นไหลมั่นคง ไม่มีสั่นไหว
ทางด้านจิวโมไป๋ ก่อนที่เขาจะผ่านการเกิดใหม่ เขามีอายุเกือบร้อยปี เพราะความรักครั้งแรก ทำให้เขาต้องพบกับความเจ็บปวด ทำให้ครอบครัวต้องพังพินาศ ทำให้เขาปิดใจเรื่องความรัก เวลาผ่านไปเกือบร้อยปี มันได้หล่อหลอมให้จิตใจของเขาจนแข็งแกร่ง ไม่ถูกเสนห์ของหญิงสาวชักจูง
จิวโมไป๋แสร้งเมินหญิงสาวผู้มาใหม่ แต่ก็ลอบใช้จิตสัมผัสตรวจสอบเธออย่างละเอียด
กระบี่เลือนเร้นตอบสนองต่อกลิ่นอายของหญิงสาว เธอมีกลิ่นอายเหมือนกับทาคาฮิโระ กลิ่นอายแห่งความตายของเด็กสาวสีดำ!
เขามั่นใจว่า เธอและทาคาฮิโระ จะต้องเป็นคนของเด็กสาวสีดำอย่างแน่นอน
และที่น่าประหลาดใจก็คือ กรรมชั่วในร่างของหญิงสาว มีมากกว่าทาคาฮิโระเกือบเท่าตัว!
หญิงสาวต้องเข่นฆ่าคนบริสุทธิ์มากมายขนาดไหนถึงได้มีกรรมชั่วมากมายขนาดนี้
ใบหน้างดงาม แต่จิตใจกับชั่วช้า ไม่สามารถมองแค่เพียงหน้าตา แล้วตัดสินใจได้จริงๆ
กลิ่นหอมที่ลอยเข้ามาก่อน ถูกผสมกับพิษหลอนประสาทชนิดไร้สี ไร้กลิ่น ไม่สามารถรู้สึกได้ กว่าจะรู้สึกตัวก็สูดดมเข้าไปแล้ว
เมื่อร่วมเข้ากับเสนห์ชวนหลงไหลของหญิงสาว ถ้าไม่บ่มเพราะทางศาสนาจนแข็งแกร่ง จะต้องถูกหญิงสาวชักจูงอย่างง่ายดาย
จิวโมไป๋พูดคุยกับเจ้าอาวาสหงหมิง ไม่คิดที่จะหันไปทักทายใดๆ
มิซากิ ริกะเดินเข้ามาในเรือนรับรอง เธอเห็นท่าทางไม่แยแสของจิวโมไป๋และเจ้าอาวาสหงหมิงเธอเลิกคิ้วคู่งามด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะซ่อนมันอย่างรวดเร็ว เธอไม่ทักทายทั้งสองเดินนำสองพี่น้องฝาแฝดตระกูลไดอิจิ ไปนั่งอีกด้าน ทางฝั่งตรงข้ามของจิวโมไป๋ ที่หันมาทางเจ้าอาวาสหงหมิงพอดี
เธอรู้ดีว่าถ้าเธอเข้าไปทำความรู้จักกับทั้งสอง จะทำให้เกิดความอึดอัดได้ เธอจึงเลือกที่จะไม่เข้าไปใกล้ทันที เธอนั่งในระยะไม่ห่างนัก อยู่ในระยะสายตาที่มองมาเห็นได้ เพื่อที่อีกฝ่ายจะเหลือบมามองเธอ และเธอเลือกจิวโมไป๋ที่อายุน้อยระดับการบ่มเพาะพลังต่ำ จิตใจไม่แข็งแกร่ง เธอจะสามารถล่อลวงได้ง่ายกว่าเจ้าอาวาสหงหมิง
ริยะยิ้มในใจ และพูดคุยกับสองฝ่าแฝดตระกูลไดอิจิ เสียงไพเราะล่อลวงดังราวระฆังแก้ว เวลาผ่านไปหลายนาที จิวโมไป๋ยังคงพูดคุยกับเจ้าอาวาสหงหมิงไม่แม้แต่จะเลือบตามองมายังหญิงสาว
ริกะ ลอบมองจิวโมไป๋อย่างไม่พอใจ จนเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง จิวโมไป๋ก็ยังไม่แม้แต่จะหันมามองเธอ
ริกะด่าทอจิวโมไป๋ที่เมินเฉยต่อเธอในใจ พลันคิดว่าจิวโมไป๋อาจเป็นพวกรักรวมเพศ เธอไม่คิดว่าเสนห์ของเธอจะมีผู้ชายสามารถต้านทานได้!
เวลาผ่านไปอีก 30 นาที ก็มีคนใหม่เดินเข้ามา
ซากายะ อิซาชิ เดินเข้ามา ในมือถือดาบคาตานะที่ยาวกว่าปกติ เขามองจิวโมไป๋และเจ้าอาวาสหงหมิง ก่อนจะหันไปอีกทางเขาไม่กล่าวทักทายใคร เดินแยกไปนั่งอีกด้าน
ริกะไม่สนใจอิซาชิ เธอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกสมองน้อย คิดอะไรงี่เง่าไร้สาระ เธอสามารถใช้แผนมากกว่าร้อยวิธีที่จะกำจัดอีกฝ่าย
ไม่นานนักหงหยุนและหงเฟยที่รักษาบาดแผล เสร็จก็เดินเข้ามา พวกเขาเดินมานั่งข้างๆเจ้าอาวาสหงหมิง หงหยุนยิ้มบางๆที่มุมปาก นัยน์ตาฉายแววภาคภูมิใจลึกๆ หงเฟยนั่งสงบเรียบร้อยไม่มีท่าทางเสียใจ
เวลาผ่านไปอีก 10 นาที นาคามูระ อิโทซะก็เดินเข้ามาพร้อมกับแมวสีดำในมือ ในมือของเขาถือดาบคาตานะสองเล่ม
เขาเดินไปกล่าวทักทายเจ้าอาวาสหงหมิงอย่างสุภาพและพูดคุยกับจิวโมไป๋เล็กน้อย ก่อนจะเดินแยกไปนั่งอีกด้าน
การกระทำของอิโทซะ ทำให้คนที่อยู่ในห้องสนใจเล็กน้อย แต่ต่างฝ่ายต่างไม่ยุ่งเกี่ยวกัน
เวลาผ่านไปอีก 1 ชั่วโมง พันเอกนาคามูระเดินมาพร้อมกับทาเคยูชิที่รักษาบาดแผลภายนอกจนเสร็จ แต่ใบหน้าของเขาซีดกว่าปกติเล็กน้อย
ทาเคยูชิเดินมากล่าวขอบคุณจิวโมไปที่ช่วยรักษา ก่อนจะเดินไปนั่งอีกด้าน
พันเอกนาคามูระเดินไปนั่งกับลูกชาย
เวลาผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง
ทาคาฮิโระก็เดินเข้ามาร่างกายของเขาไร้บาดแผล เขามองไปที่จิวโมไป๋ด้วยใบหน้าฉายแววโกรธแค้น เขาไม่ซ่อนท่าทางของเขาซักนิดเดียว ก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลาย
พันเอกนาคามูระก็ลุกขึ้น มองทุกคนและกล่าว
“เมื่อทุกคนมากันครบแล้ว พวกเราก็ไปกันได้แล้ว”
—