ทาคาฮิโระขมวดคิ้ว พลังกดดันอันรุนแรงที่แผ่ออกมาจากพลองเหล็ก เขาไม่สามารถรับมันได้ โดยไม่บาดเจ็บ เขาตัดสินใจอย่างรวดเร็ว กระแทกเท้าถีบตัวพุ่งตัวไปข้างหลัง หลบออกจากระยะการโจมตี
แต่อิโทซะได้มาดักรออยู่ก่อนแล้ว เขามาอยู่ด้านหลังทาคาฮิโระอย่างเงียบเชียบ รัศมีดาบวงกลมแผ่พุ่งเข้ามาดักเอาไว้ ก่อนที่คลื่นดาบจะฟาดฟันเข้ามาด้วยความเร็วราวสายฟ้าฟาด พริบตาเดียวคลื่นดาบก็ปิดกั้นทางถอยของทาคาฮิโระอย่างสิ้นเชิง
ทาคาฮิโระเหลือบตามองด้วยหางตา ก่อนจะหมุนร่างเป็นวงกลม ใช้ดาบคาตานะฟันไปกลางคลื่นดาบ สลายพลังของมันในพริบตา แต่มันก็ทำให้ร่างของเขา เข้าไปในรัศมีดาบของอิโทซะ ในตอนนั้นเองคลื่นดาบความเร็วสูงนับไม่ถ้วนก็โจมตีเข้ามา
ทาคาฮิโระยังใจเย็นไม่มีความตกใจแม้แต่น้อย เขาหมุนตัวอีกหนึ่งรอบ รวมพลังกดดันไปที่ดาบคาตานะในมือ เกิดเงาดาบยาว 5 เมตร ก่อนจะฟาดฟันไปคลื่นดาบทั้งหมด คมดาบอันแหลมคมตัดคลื่นดาบเป็นชิ้นๆ ก่อนที่ร่างของเขาจะระเบิดกฎแห่งธาตุสายฟ้าสีม่วงอย่างรุนแรงออกมาจนอากาศบิดเบี้ยว กฎแห่งธาตุสายฟ้าทั้งหมดไหลไปรวมกันที่ดาบคาตานะ พลังของมันทวีความรุนแรงขึ้นอย่างน่ากลัว ก่อนจะฟันดาบไปยังอิโทซะ คลื่นดาบห่อหุ่มด้วยกฎแห่งธาตุสายฟ้า แผ่พลังทำลายร้างอันรุนแรง พื้นดินที่มันพุ่งผ่าน จะทิ้งรอยขี้เถ้าสีดำเอาไว้เบื้องหลัง
อิโทซะกัดฟันแน่น ดวงตาฉายแววเสียใจเล็กน้อย การที่เขาลอบโจมตีทาคาฮิโระจากด้านหลัง โดยไม่ร้องเตือน สำหรับผู้บ่มเพาะพลังประเทศเกาะมันเป็นสิ่งที่น่าอับอายอย่างมาก
ถ้าทาคาฮิโระไม่ใช่คนทรยศ และต้องการจะฆ่าเขา การโจมตีด้านหลัง มันจะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้
เขาตั้งสมาธิปัดความรู้สึกผิดทิ้งไป ดวงตาฉายแววคมกล้าไม่วอกแวก ขาขวาของเขาบาดเจ็บ ทำให้เคลื่อนไหวหลบการโจมตีไม่สะดวก และเขาไม่สามารถต่อสู้พัวพันได้ ดังนั้นเขาจะต้องรีบจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด ไม่เปิดโอกาสให้ทาคาฮิโระเข้าประชิดตัว
ร่างของอิโทซะพลันระเบิดกฎแห่งธาตุสายฟ้าออกมาอย่างรุนแรง พลังทั้งหมดไหลไปรวมกันที่ดาบ ก่อนที่เขาจะชัดดาบด้วยความเร็วเหนือเสียง คลื่นดาบสายฟ้าฟันออกไป มันตัดผ่านอากาศทำให้เกิดกลิ่นเผาไหม้
คลื่นดาบสายฟ้าของอิโทซะใช้ความเร็วเหนืองเสียง ตัดผ่านทุกสิ่งแม้แต่ห่วงอากาศ แตกต่างจากคลื่นดาบสายฟ้าของทาคาฮิโระที่มีแต่พลังทำลายอันรุนแรง
คลื่นดาบสายฟ้าของอิโทซะฟันที่หลังแต่เร็วกว่ามาก คลื่นดาบสายฟ้าทั้งสองเข้าปะทะกันระหว่างกึ่งกลางระหว่างอิโทซะและทาคาฮิโระพอดี
เปรี้ยง! เสียงฟ้าผ่าดังกึกก้องอย่างน่ากลัว คลื่นพลังสายฟ้าสีม่วงอันรุนแรงระเบิดออก ทำลายพื้นที่โดยรอบ ทำให้พื้นดินเกิดรอยคมดาบลึกมากมาย
ทาคาฮิโระยืนอย่างมั่นคงแต่ใบหน้าซีดเผือดเล็กน้อย ดวงตากรอกไปมา ก่อนที่เขาจะกวัดแกว่งดาบไปทางด้านหน้าและด้านหลัง คลื่นพลังดาบสายฟ้าโจมตีออกไปสองด้าน
ในเวลาเดียวกัน จิวโมไป๋ก็พุ่งทะยานเข้ามา พลองเหล็กแผ่กลิ่นอายรุนแรง ก่อนจะฟาดพลองเหล็กลงมา เกิดเงาลวงตา พลองเหล็กขยายใหญ่ขึ้นราวกับเสายักษ์ มันทุบคลื่นดาบสายฟ้าจนแตกกระจายเป็นชิ้นๆ และโถมต่อไปโดยที่พลังของมันไม่ลดลง
อีกด้านรัศมีดาบของอิโทซะเข้าปกคลุมร่างของทาคาฮิโระ ก่อนที่เงาแสงสีม่วงจะตัดผ่านอากาศด้วยความเร็วสูง มันตัดคลื่นดาบของทาคาฮิโระและตรงเข้าไปที่กลางลำตัวของทาคาฮิโระในพริบตาเดียว
ความตื่นตระหนกเกิดขึ้นที่ดวงตาของทาคาฮิโระ ร่างของเขาอยู่ตรงกลางถูกการโจมตีดักหน้าหลัง ปิดกั้นเส้นทางหลบหนีอย่างสมบูรณ์
เขาเหลือบไปเห็นริกะ ที่ยืนซ่อนตัวอยู่หลังเสาดิน ของอาคารหลังหนึ่งที่พังทลายจนไม่เหลือซาก เหลือเพียงเสาดินที่หักครึ่ง หญิงสาวดูการต่อสู้อยู่ไกลๆไม่เข้าร่วมการต่อสู้
ทาคาฮิโระดึงสายตากลับ ในใจเต็มไปด้วยความโกรธ เขากัดที่ลิ้นจนเลือดไหลออกมา เขาก็ได้สติ ร่างกายพลันระเบิดกฎแห่งธาตุสายฟ้าอย่างรุนแรง เขาใช้วิชาเร่งเร้าประสาทสัมผัสอีกครั้ง ดวงตาสาดประกายแสงสีม่วงแลบแปลบปลาบ เส้นประสาททั่วร่างเชื่อมต่อกันโดยไม่มีอะไรขวางกัน เพียงแค่คิด ร่างกายก็ตอบสนองในทันที
วิชาเร่งเร้าประสาทสัมผัสจะไม่ใช่วิชาต้องห้าม แต่มันก็ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อร่างกาย หลังจากใช้วิชานี้ติดต่อกันนานๆ เส้นประสาทอาจเกิดการบาดเจ็บและอาจทำให้ร่างกายเป็นอัมพาตได้
ทำให้ไม่ค่อยมีคนใช้วิชานี้นัก
แต่ทาคาฮิโระมีร่างกายที่แข็งแกร่งจากยาพันธุกรรม ทำให้เส้นประสาทของเขาแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป เขาจึงกล้าใช้วิชานี้ติดต่อกันหลายครั้ง
ทาคาฮิโระโยกตัวไปข้างหน้า ก่อนจะตีหลังกากลับหลังด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ หลบพลองเหล็กของจิวโมไป๋ พลองเหล็กฟาดพลาดลงพื้นจนแตกร้าวเป็นหลุมลึก
ในเวลาเดียวกันคลื่นดาบสายฟ้าของอิโทวะ ก็ฟันพลาดเข้าใส่ร่างของจิวโมไป๋ แต่ก่อนที่คลื่นดาบสายฟ้าจะถึงสัมผัสกับร่างของจิวโมไป๋มันก็สลายไปอย่างแยบยล
จิวโมไป๋กระทืบเท้าที่พื้น ส่งร่างตัวเองเปลี่ยนทิศทางไล่ตามทาคาฮิโระ ไม่ยอมปล่อย พลองเหล็กในมือโจมตีออกไปคดเคี้ยวราวกับไม่ใช่เหล็ก มันเหมือนงูที่กำลังฉกเหยื่อ
ยิ่งโจมตีกระบวนท่าพลองของเขาก็ยิ่งแปลกพิศดารขึ้นเรื่อยๆ