ในตอนนั้นเองหยุนปิงพลันเคลื่อนไหวก่อน เธอก้าวเดินอย่างช้าๆ แต่เมื่อเธอก้าวเท้า ร่างของเธอย่นระยะ 100 เมตรในก้าวเดียว เธอเดิน 10 ก้าวก็เข้าปะชิดร่างของฮิโรกิในชั่วไม่กี่อึดใจ
เพลิงผลาญธุลีที่แผ่คลื่นความร้อน เมื่อกระทบถูกร่างของหญิงสาว ก็เกิดไอหมอกสีขาวปกคลุมร่างของเธอ ไม่สามารถผ่าไอหมอกสีขาวเข้าไปได้
โดยไม่พูดอะไร หยุนปิงโบกมือเงาสีขาวสาดประกายเย็นยะเยือก ไปที่ร่างของฮิโระกิ เลือดสีแดงสาดกระจาย
ก่อนที่จะเห็นกระบี่สีขาวในมือของเธอ
“อ๊าากกก…”ฮิโรกิถอยร่นไปหลายก้าว กลางลำตัวมีบาดแผลใหญ่ ถ้าเขาถอยช้ากว่านี้ร่างของเขาจะถูกตัดครึ่ง
ช่างเป็นการโจมตีที่โหดเหี้ยม
ฮิโรกิข่มความเจ็บปวด รวบรวมสมาธิควบคุมเพลิงผลาญธุลีไหลไปที่ดาบในมือที่เริ่มบิดเบี้ยว อุณหภูมิโดยรอบพลันทวีความรุนแรงขึ้น
แต่หญิงสาวไม่เปิดโอกาสให้ฮิโรกิได้รวบรวมพลังจนสำเร็จ กระบี่อ่อนในมือสาดกลายแสงเหมือนงูที่คดเคี้ยว ทะลวงผ่านการป้องกันของฮิโรกิแทงไปที่ท้อง ตรงบริเวณที่ไม่มีอวัยะสำคัญอย่างแม่นยำ
“อัก!”ฮิโรกิเบิกตากว้างมองหยุนปิงเขม่ง ก่อนที่ร่างจะค่อยๆถูกน้ำแข็งปกคลุม เพลิงผลาญธุลีพยายามจะต่อต้าน แต่เมื่อพลังของฮิโรกิหมดลง ก็ไม่สามารถดึงพลังมาต่อต้านได้อีก เปลวเพลิงค่อยๆไหลกลับไปในโคมไฟ
หญิงสาวเหลือบมองที่โคมไฟ เธอเอื่อมมือจะไปหยิบ แต่ฮิโรกิที่ยังประคองสติไม่ให้สลบได้ เขารู้ตัวว่าไม่สามารถเก็บโคมไฟไว้ได้ เขาจึงรวบรวมพลังทั้งหมด โยนโคมไฟออกไปยังทิศทางที่มีคนของสำนักอยู่มากที่สุด
หญิงสาวมองโคมไฟที่ถูกโยนไป เธอจำได้ว่าทางนั้นเป็นทิศทางที่จี้หยางเฟยลูกศิษย์ของเธอวิ่งไป เธอรู้ถึงความโชคดีของจี้หยางเฟยดี ดังนั้นเธอจึงไม่คิดที่จะเขาไปยุ่ง
“คุณหยุน”ยามาโมโตะปรากฏตัวขึ้นด้านข้างของหญิงสาว เขามองฮิโรกิที่กลายเป็นน้ำแข็งด้วยความตกใจ
“เขายังมีชีวิตอยู่”หยุนปิงกล่าวเรียบเย็นชา
ยามาโมโตะพยักหน้า ก่อนจะกวาดตามองออกไป เห็นว่ายังมีการต่อสู้อยู่ เขาจึงร้องตะโกนสุึดเสียง
“บรรพบุรุษดาบเพลิงทลายฟ้าถูกจับแล้ว ทุกคนที่มีส่วนเกี้ยวข้องจะต้องถูกสอบสวน ถ้ายอมรับความผิดโทษจะลดลง…”
การต่อสู้ค่อยๆสงบลง
เอนโจ ซากาคิชิเจ้าสำนักดาบเพลิงทลายฟ้าและนาคามูระ ฟุกายะเจ้าสำนักดาบสายฟ้าคำรณจ้องหน้าเขม่ง ไม่มีใครยอมใคร
ตระกูลอิชิดะที่ทรยศใบหน้าซีดเผือก พวกเขาไปยืนรวมกลุ่มกับคนของสำนักดาบเพลิงทลายฟ้า
ไม่มีใครพูดคุยกับพวกเขา พวกเขาเหมือนถูกลอยแพจากทั้งสองสำนัก
จี้หยางเฟยทะยานล่างมาถึงภูเขาขาด เขาก็เห็น จิวโมไป๋ อิโทซะและคิยูมิร่างครึ่งแมวดำกำลังล้อมเคนซูกุอยู่
เคนซูกุสมกับที่เป็นอัจฉริยะอันดับ 2 เขาไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ด้วยดวงตาที่มีความสามารถสุดยอดสัญชาตญาณ ทำให้เขาสามารถหลบและอ่านการเคลื่อนไหวของทุกคนได้ในชั่วพริบตา
ทั้งสามไม่ใช่ผู้บ่มเพาะพลังทั่วไป เคนซูกุยังจะสามารถเอาตัวรอดได้โดยไม่พลาดพลั้ง แม้สภาพของเขาจะสะบักสะบอมมากก็ตาม
เสียงฝีเท้าของจี้หยางเฟยและชายชุดคลุมเทา ทำให้ ทั้ง 4 คนที่กำลังต่อสู้อยู่หันไปมอง
เมื่อเห็นชุดของหน่วยลับพวกเขาก็รู้ว่าหน่วยลับมาถึงแล้ว ใบหน้าของเคนซูกุเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนที่จะหยุดการต่อสู้
เขาทรุดตัวลงนั่ง เป็นการแสดงให้เห็นว่าเขายอมจบการต่อสู้
ชายชุดคลุมสีเทาเข้าไปตรวจสอบโดยรอบทันที
จี้หยางเฟยพยักหน้าให้กับจิวโมไป๋
จิวโมไป๋ขมวดคิ้ว เขารู้สึกไม่สบายใจ เขาจึงอดไม่ได้่ที่จะถาม
“พี่จี้มาที่นี่ได้ยังไง”
จี้หยางเฟยยิ้มเล็กน้อย”ประเทศของเรากำลังเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่รุนแรง เมื่อได้ข่าวว่าพวกนายได้พบกับการโจมตีของวิญญาณระดับสูง ประเทศจึงส่งอาจารย์ของฉันมารับตัวพวกนายกลับ”
จี้หยางเฟยอธิบายอย่างคลุมเครือไม่ชัดเจน
จิวโมไป๋รู้สึกถึงความผิดปกติ แต่เขาไม่ถามอะไรต่อ หรือว่านี้จะเป็นพลังแห่งโชค ที่ชักนำให้คนมาช่วยพวกเขาได้ทัน
ในระหว่างที่กำลังพูดคุย จิตสัมผัสที่จับตาดูการต่อสู้ของฮิโรกิกับอาจารย์ของจี้หยางเฟยก็จบอย่างรวดเร็ว เขาเห็นฮิโรกิโยนโคมไฟมาทางนี้ เขาก็เริ่มกระสับกระส่าย เขาพึ่งนึกได้ว่าจี้หยางเฟย เป็นบุตรแห่งสวรรค์ของโลก ถ้าจี้หยางเฟยได้รับเปลวเพลิงผลาญธุลีไปมันจะไม่ใช้เรื่องแปลกเลย
โคมไฟลอยละลิ่วตรงมา จิวโมไป๋สงบอารมณ์ โคมไฟลอยผ่านมาถึงเนิดเขา ในตอนนั้นเอง ยันต์แผ่นหนึ่งที่เขาลอบติดไว้ตรงนั้นก็ลุกไหม้ ก่อนที่โซ่สีขาวจะพุ่งขึ้นไปรัดโคมไฟและลากมันเข้าพุ่มไม้ ในเวลาเดียวกันยันต์อีก 4 แผ่นที่เขาวางไว้ตรงนั้นก็ลุกไหม้กลายเป็นม่านพลัง 4 รูปแบบปกปิดพลังงานทุกประเภทอย่างสมบูรณ์
จิวโมไป๋ถอนหายใจ เขาลอบว่างแผ่นยันต์ในช่วงที่ลอบแยกตัวออกไปในระหว่างการต่อสู้กับกลุ่มของ เคนซูกุ
เขาวางไว้ 10 จุด บริเวณตีนเขาสำนักทางด้านหลัง ที่เขาวางยันต์เอาไว้ เพื่อที่เวลาที่เขาลอบไปขโมย เขาจะได้แอบซ่อนโคมไฟในจุดที่เขาวางยันต์ จะได้ไม่มีใครสังเกตเห็น แต่เขาไม่คิดเลยว่าฮิโรกิจะโยนโคมไฟและผ่านมาทางที่เขาวางยันต์พอดี
เขาจึงได้รับโคมไฟมาง่ายๆ ไม่ต้องไปขโมยเหมือนแผนที่วางเอาไว้
แต่เขาไม่สามารถประมาทโชคของบุตรแห่งสวรรค์ได้ เขาต้องหาโอกาสไปเก็บโคมไฟ
จิวโมไป๋กวาดตามองซ้ายขวาเห็นทาเคยูชิ ที่เขาช่วยบรรเทาอาการ ลดความรุนแรงของวิชาต้องห้าม เขาจึงพูดขึ้น
“อาการของทาเคยูชิไม่ค่อยดี ฉันจะพาเข้าไปรักษา”เมื่อจิวโมไป๋พูดขึ้น ทุกคนที่ได้ยินก็นิ่งไปเล็กน้อย จิวโมไป๋อ่านสีหน้าของพวกเขาออก เขาจึงรีบพูด”ไม่ต้องกังวล ฉันจะพาเข้าไปรักษาตัวที่ห้องของฉันเอง”
เขาเป็นคนนอกไม่มีความจำเป็นที่ต้องทำแบบนี้ แต่เพราะเขาได้ต่อสู้รวมกันมา ทำให้ทุกคนเห็นด้วยโดยไม่ได้คัดค้าน