จิวโมไป๋มองเสื้อผ้าที่ถูกทำลายอีกครั้งด้วยความอ่อนใจ เขาเดินลงจากวันดอกบัวโดยไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อลงไปถึงตีนเขา เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมย วิ่งมารอบๆเขาด้วยความตื่นเต้น แต่พวกมันไม่เข้าใกล้เพราะกลัวถูกเสื้อผ้าสกปรก
จิวโมไป๋ยิ้มก่อนจะเอื่อมมือด้วยความเร็วสูง หยิบพวกมันทั้งสองตัวมากอดในชั่วพริบตา
เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยพยายามดิ้นรนเพื่อหลุดจากอ้อมแขน แต่ไม่สำเร็จ ขนสีขาวของพวกมันเละคราบสีดำ ทั้งสองร้องอย่างไม่พอใจ
จิวโมไป๋แกล้งพวกมันจนพอ เขาก็เดินขึ้นภูเขาสำนัก เขาไปห้องพักอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย พร้อมกับอาบน้ำให้เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมย
เมื่ออาบน้ำเสร็จ ทั้งสองตัวก็หนีหายไปด้วยความโกรธ ไม่เข้าใกล้เขาอีก เขาจึงเดินรอบๆเกาะโดดเดี่ยว เขาไปที่จุดธาตุน้ำ เพื่อทักทายเสี่ยวเฮย ที่กำลังนอนอาบแดดอย่างสบายอารมณ์ ตอนนี้ร่างของมันขยายไปถึง 3 เมตร กลิ่นอายสายเลือดโบราณ ทำให้สัตว์ตัวอื่นๆไม่กล้าเข้าใกล้
เขาเล่นกับมันไม่นานก็ไปที่จุดธาตุดิน ภูเขาสมบัติ เขาก็ต้องประหลาดใจ เสี่ยวหวงในตอนนี้กำลังหลับตานิ่ง ร่างของมันปกคลุมไปด้วยดินแข็งแกร่งราวกับเกราะ พลังกดดันที่แผ่ออกมาอยู่ขั้นที่ 5 กระดูกปลาย!
เขาไม่ส่งเสียงเรียกมัน มองอยู่ห่างๆ สายเลือดของเสี่ยวหวงนั้น เป็นสายเลือดธรรมดา ไม่ได้แข็งแกร่งหรือมีความพิเศษอะไร การที่มันสามารถทะลวงขั้นที่ 5 กระดูก เกินขีดจำกัดของสายเลือดและเผ่าพันธุ์วัวธรรมได้ ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์
เขาเดินจากไปอย่างเงียบๆ
วูบบบ
เสี่ยวจินบินมาเกาะที่ไหล่ขวา และไซร้คอเขาเบาๆ เขาเล่นกับมันไปพลางเดินไปพลางจนมาถึงจุดธาตุไม้ รอบต้นไม้ยักษ์ สัตว์นานาชนิดกำลังทำสมาธิไม่สนใจโลก เขามองไปที่โครงกระดูกสีเขียว ที่นั่งนิ่งราวกับของประดับ เขาก็ส่ายหัวไม่สนใจมันอีก เขาเดินกลับไปที่ห้องหลอมอาวุธ
เสี่ยวจินถูกไล่อีกครั้ง มันบินจากไปอย่างไม่พอใจ
เขาดูเวลาเล็กน้อย ก่อนจะเดินมายืนหน้าเตาหลอมอาวุธ โบกมือเบาๆ เหล็กกองหนึ่งวางอยู่ด้านข้าง และมีคฑาขักขระสีทองหนึ่งอันวางอยู่ เขามองคฑาขักขระด้วยความลังเลเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจ
ไม่รอช้าเขาโบกมือ กฎแห่งธาตุไฟลุกไหม้ทันที อุณหภูมิของเปลวไฟร้อนแรงกว่าไฟหลอม เพราะเขามีเปลวไฟในร่างถึง 2 ชนิด มันส่งผลถึงความแข็งแกร่งของกฎแห่งธาตุไฟที่เขาใช้ แม้จะอยู่ระดับต้นก็ตาม
กองเหล็กถูกหลอมอย่างรวดเร็ว เขาหยิบค้อนและกระหน่ำตีเป็นจังหวะหนักแน่นมั่นคง ตำแหน่งที่ตีแม่นยำ ไม่พลาดสักครั้ง ไม่นานในห้องก็เกิดเสียงค้อนทุบเหล็กดังสนั่น
เคร้งๆ เคร้งๆ เคร้งๆ
เมื่อกองเหล็กถูกทุบตีจนหลอมรวมกันเป็นแท่นเหล็ก เขาก็ผลักมันไปด้านข้าง จากนั้นก็หยิบคฑาขักขระออกมาและใช้กฎแห่งธาตุไฟเผาไม้มัน คลื่นความร้อนสูงเผาอย่างรุนแรง เวลาผ่านไปกว่า 20 นาที คฑาขักขระก็ค่อยๆกลายเป็นสีแดงก่ำจากการเผาไหม้ เขาก็เริ่มทุบทำลายมัน
เคร้งๆ เคร้งๆ เคร้งๆ เงาค้อนนับไม่ถ้วนกระหน่ำทุบ เส้นเอ็นผุดที่แขน เขาเพิ่มพละกำลังขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาไม่ถึง 10 นาที คฑาขักขระ ก็ถูกทำลายเป็นแท่นเหล็ก เขาโบกมือ โยนมันไปทับแท่งเหล็กที่เขาตีก่อนหน้า ก่อนจะเริ่มทุบตีให้พวกมันร่วมเข้าด้วยกัน เวลาผ่านไป 30 นาทีเขาเหวี่ยงค้อนไปกว่าหมื่นครั้ง
แท่งเหล็กและแท่งเหล็กที่เคยเป็นคฑาขักขระ ก็กลายเป็นพลองสีแดงก่ำจากความร้อน
เขาถอนหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อย โยนค้อนทิ้ง และใช้ที่คีบเหล็กนำพลองเหล็กที่แดงก่ำไปจุมน้ำ
ซี่ๆๆๆ เสียงน้ำเดือดพร้อมไอน้ำกระจายทั่วห้อง ไม่นานความร้อนก็หายไป เขาจึงยกพลองเหล็กกลับมา มันเป็นสีดำขรุขระทั้งอัน เขาวางบนแท่น ก่อนจะหยิบที่ขัดออกมา และขัดมันไม่นานผิวสีทองสว่างก็ปรากฏขึ้น เขาขัดไม่นานพลองเหล็กสีทองก็ปรากฏขึ้น
พลองสีทองมีความยาว 2 เมตร ดูธรรมดาไร้ลวดลาย เขาไม่ตกแต่งมันเพราะไม่มีเวลา
เขาทดลองเหวี่ยงมันไปรอบๆ พลองสีทองมีความยืดหยุนสูง แตกต่างจากพลองผ่านฟ้าที่แข็งอย่างมาก ทดลองเหวี่ยงไปหลายครั้งเขาก็พยักหน้าพอใจ เขายังไม่สามารถทดลองได้ว่าความสามารถของคฑาขักขระจะหายไปหรือไม่เพราะไม่มีคู่ต่อสู้ เขาม้วนจึงมันรอบเอว ก่อนจะใส่เสื้อคลุมทับ จากนั้นก็เดินออกจากห้องสร้างอาวุธ
เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยรออยู่แล้ว
จิวโมไป๋ยิ้มอย่างรู้สึกผิด ที่ต้องทิ้งพวกมัน เขาคุกเข่าลงข้างหนึ่งตรงหน้าทั้งสอง ก่อนจะใช้สองมือลูบหัวเสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยเบาๆ
“ขอโทษนะ ฉันไม่สามารถพาพวกแกไปได้ ฉันมีธุระที่จะต้องไปทำ พวกแกรออยู่ที่นี่ก่อน ฉันทำธุระเสร็จแล้วจะมารับพวกแกไปกินอาหารอร่อยๆ”จิวโมไป๋ปลอบพวกมัน
“โฮกกก”เสี่ยวไป๋ร้องคำรามอย่างไม่พอใจ
เสี่ยวเหมยเชิดหน้าหันไปทางอื่น แสดงให้เห็นว่ามันกำลังโกรธเขาอยู่
“ฉันสัญญา ว่าเมื่อกลับมารับพวกแก ฉันจะไม่ถึงพวกแกอีก”จิวโมไป๋ต้องปลอบมันอยู่พักใหญ่
เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยไม่พอใจ แต่ก็ยอมปล่อยเขาไป
เขารีบเดินออกจากเกาะโดดเดี่ยว หนีจากสายตาทิ่มแทงจากพวกมันทั้งสองตัว เขาขึ้นเครื่องบินล่องหนที่จอดอยู่ แล้วสั่งให้มันบินไปที่เมืองเทียนซู