หลังพิธีอันเคร่งเครียด เธอก็ได้มาพักผ่อนเล็กน้อยที่ห้องนั่งรอ
แม้จะบอกว่าพักผ่อน แต่เธอก็ไม่สามารถกลับไปยังห้องของตัวเองในวังหลังได้ และได้ถูกอเลกเซียกับอิซาเบลจับเปลี่ยนเสื้อเป็นตุ๊กตาแต่งตัวภายในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ได้จัดเตรียมไว้ เปลี่ยนจากชุดทางการของชายาเอกไปเป็นชุดเดรสสำหรับงานราตรี ชุดเดรสตัวนี้ขยับไหล่ได้ จึงนับว่ายังดีกว่าชุดที่แล้วมาก
ชุดนั้นไม่ได้นับไว้ว่าตรงไหล่มันเกือบจะฉีกไปกี่ครั้งแล้ว หากความทรงจำของเฮเลนาไม่ผิดพลาดเธอน่าจะได้ยินเสียง ‘ปริ’ เหมือนผ้าขาดประมาณสองครั้ง แต่เธอก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินไป
หลังจากนั้น เธอก็ได้แต่ใช้เวลาอยู่ในห้องนั่งรออันกว้างขวาง ห้องเดียวกับที่ใช้พักผ่อนก่อนพิธีเริ่มนั่นเอง
ดูเหมือนว่าห้องนั่งรอนี้จะอนุญาตให้เฉพาะผู้ที่มีฐานันดรศักดิ์สูงระดับหนึ่งเท่านั้นจึงจะสามารถเข้ามาพักได้ หากตัดฟาร์มาสกับเฮเลนาออกไป ก็จะมีแอนตันผู้เป็นมหาเสนาบดี โนลด์ลุนด์ผู้เป็นมหาอำมาตย์ แล้วก็ขุนนางอีกไม่กี่รายเท่านั้น
และ
“ขออนุญาตฝ่าบาท”
“แอนตันรึ ว่ายังไง”
“เพราะกำลังรับหน้าที่เป็นพิธีกร กระหม่อมจึงไม่สามารถไปทักทายฝ่าบาทได้ ต้องขออภัยด้วยพะยะค่ะ”
“ไม่เป็นไร โนลด์ลุนด์อุตส่าห์ตระเตรียมทุกอย่างให้หมด เจ้าทำหน้าที่พิธีกรก็สมควรแล้ว”
“……พะยะค่ะ ต้องขออภัยด้วย”
ฟาร์มาสกล่าวอย่างเย็นชากับแอนตันที่เข้ามาพูดคุยทักทาย
นี่ก็เพื่อแสดงต่อภายนอกว่าเขากำลังชื่นชอบโนลด์ลุนด์และเย็นชาเมินเฉยต่อแอนตันอยู่ การทำเช่นนี้จะมองได้ว่าเขาได้กล่าวยอมรับความดีความชอบในฐานะผู้เตรียมการของโนลด์ลุนด์ และยัดเยียดตำแหน่งพิธีกรมาให้แอนตันเหมือนกับกล่าวโทษ
ทว่า สำหรับเหล่าอาคันตุกะผู้ไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง ก็คงคิดว่าแอนตันผู้ได้รับมอบหมายให้เป็น “พิธีกรของงานพิธี” ย่อมเป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจมากกว่า ซึ่งก็เท่ากับการแสดงให้ต่างชาติเห็นว่าแอนตันนั้นอยู่เหนือโนลด์ลุนด์นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม สำหรับเฮเลนาที่ไม่ได้เข้าใจเจตนาในเรื่องนั้นของฟาร์มาสเลยสักนิด เธอก็คิดแค่ว่า ‘ฟาร์มาสไม่ค่อยกินเส้นกับแอนตันรึเปล่านะ’ เท่านั้นเอง
และเพราะเธอยังมีสีหน้าไร้อารมณ์ไม่เปลี่ยนแปลง ฟาร์มาสจึงตีความไปเองอย่างน่าฉงนว่า “เฮเลนาเข้าใจดีทุกอย่าง” ซะงั้น
“เอาเถอะ เฮเลนาเอ๋ย หากมีเรื่องอยากคุยกับแอนตันจะสนทนากันสักหน่อยก็ไม่เป็นไรนะ”
“……เรื่องอยากคุย หรือคะ?”
“ใช่ เราไม่ได้ใจแคบถึงขนาดจะติเตียนการสนทนาของครอบครัวที่ไม่ได้พบหน้ากันนานหรอก”
“ก็ไม่นะคะ ไม่มีเรื่องอะไรเป็นพิเศษ”
เธอกล่าวตอบคำของฟาร์มาสไปเช่นนั้น
ในความเป็นจริง เธอก็ไม่ได้มีเรื่องที่ต้องคุยกับแอนตันเป็นพิเศษ ยิ่งไปกว่านั้น แม้ฟาร์มาสจะบอกว่านี่เป็นการสนทนาของครอบครัวที่ไม่ได้พบหน้ากันนาน แต่ว่าเดิมทีเฮเลนาก็เป็นทหารและใช้ชีวิตอยู่ในสนามรบเป็นหลักอยู่แล้ว การที่ไม่ได้พบหน้ากันตลอดทั้งปีนับว่าเป็นเรื่องธรรมดามาก ดังนั้นในสภาวะปัจจุบันที่เพิ่งจะเข้าวังหลังมาได้สองสัปดาห์กับอีกนิดหน่อย เธอจึงไม่มีความรู้สึกว่า ‘ไม่ได้พบหน้ากันนาน’ เลยแม้แต่นิดเดียว
ทว่าเมื่อได้ฟังเฮเลนากล่าวเช่นนั้น ฟาร์มาสก็คลี่ยิ้มบาง
“งั้นรึ คงจะมีเรื่องที่เราอยู่ด้วยแล้วพูดคุยไม่สะดวกสินะ”
“เอ๋”
“เราจะออกไปสักครู่ เชิญเจ้าสนทนากับแอนตันจนกว่าเราจะกลับมาเถอะ”
ฟาร์มาสกล่าวแล้วลุกขึ้นยืน จากนั้นก็หันหลังเดินออกไปนอกห้อง
เฮเลนาไม่เข้าใจเลยว่าฟาร์มาสพูดเช่นนั้นด้วยเจตนาแบบไหนกัน ทว่าในเมื่อเขาสั่งให้ ‘คุยกันซะ’ เธอก็ควรจะคุยล่ะนะ
“……เอ่อ”
“ได้ยินจากลิลิธแล้ว ดูเหมือนเจ้าจะสุขสบายดีในวังหลังสินะ”
แอนตันเป็นฝ่ายเปิดเรื่องมาหาเฮเลนาที่กำลังกลุ้มใจว่าจะคุยเรื่องอะไรดี
จะว่าไป เขาคงได้ฟังเรื่องราวจากลิลิธมาบ้างแล้วสินะ
ทีแรกก็กังวลอยู่ว่าควรจะเริ่มอธิบายจากตรงไหนดี แต่ดูเหมือนจะไม่มีความจำเป็นต้องกังวลเป็นพิเศษ
“อ่า ข้าก็แค่อยู่ไปตามเรื่องตามราวแบบของข้านั่นแหละค่ะ”
“ได้ยินว่าเจ้าได้รับความรักใคร่โปรดปรานจากฝ่าบาทก็ตกใจมากเลยล่ะ ข้าไม่ได้รู้รายละเอียดมากนัก แต่ลองปฏิบัติกับเจ้าเสมือนเป็นพระชายาต่อโลกภายนอกเช่นนี้ แปลว่าคงจะโปรดพระทัยน่าดูสินะ”
“อ่า……ก็ นั่นสินะคะ”
จะว่าไปแล้วแอนตันไม่รู้แผนของฟาร์มาสนี่นา เธอคิดขึ้นมาอีกครั้ง
เฮเลนาเองก็ใช่ว่าจะเข้าใจแผนที่ว่าโดยละเอียด ทว่าฟาร์มาสนั้นให้ความไว้วางใจแอนตันอย่างสูง และกำลังคิดว่าโนลด์ลุนด์คือพิษร้ายภายในประเทศ
เพื่อดำเนินการกวาดล้างพิษร้ายเหล่านั้น เขาจึงแสร้งเป็นจักรพรรดิผู้โง่เขลา และผลักไสแอนตันให้ห่างออกไป
หมายความว่า เฮเลนาไม่ควรพูดอะไรออกไปพล่อย ๆ นั่นเอง
“ได้ยินว่าฝ่าบาทพระพันปีเองก็โปรดปรานเจ้ามาก”
“ท่านลูเครเซียช่วยชี้แนะอะไรให้หลาย ๆ อย่างเลยค่ะ”
“อืม……ให้ตายสิ ไม่ได้คิดไว้เลยนะว่ามันกลายจะเป็นแบบนี้ไปได้”
‘เฮ้อ’ แอนตันถอนหายใจ
แน่นอนว่า เฮเลนาเองก็ไม่ได้คิดไว้แม้แต่น้อยว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้เหมือนกัน
ถึงมันน่าจะเป็นผลจากการที่แผนการและความคิดอันชาญฉลาดหลาย ๆ อย่างมาทับซ้อนกันจนออกมาเป็นแบบนี้ แต่ปัญหาคือเฮเลนาที่อยู่ใจกลางของแผนการเหล่านั้นกลับเป็นคนที่ไม่ได้คิดอะไรเลยนั่นแหละ
จากนั้น—แอนตันก็ลดเสียงลงอย่างกะทันหัน
“เฮเลนาเอ๋ย”
“ค่ะ”
“ระวังคุณหนูชาร์ลอตเต เอียนส์เวิร์ธเอาไว้ให้ดีล่ะ”
“……อ่า”
น้ำเสียงของแอนตันนั้นจริงจังมาก
ดูเหมือนเขาจะกำลังระแวดระวังโนลด์ลุนด์ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่ถ้าเงี่ยหูฟังดี ๆ ก็อาจได้ยินบทสนทนาของทางนี้ได้อยู่กระมัง
แม้ดูเหมือนโนลด์ลุนด์จะกำลังทำงานอะไรสักอย่างตามเรื่องราวอยู่ แต่ถ้าเขาอยากจะเงี่ยหูฟังก็คงสามารถทำได้ล่ะนะ
“หมายความว่าอย่างไรคะ?”
“มีความเป็นจริงข้อที่ว่าเจ้าได้มาออกงานพิธีไว้อาลัยครบรอบหนึ่งปีในวันนี้แล้ว ซึ่งก็แปลว่าสำหรับสังคมภายนอกฝ่าบาทได้ยอมรับเจ้าเป็นพระชายาเอกแล้วนั่นเอง”
“……แต่ในงานพิธีข้าก็โดนปฏิเสธว่ายังไม่ใช่พระชายาอยู่เลยนะคะ”
“นั่นมันเป็นแค่การแสดงท่าทีตามมารยาทเท่านั้นแหละ แต่เดิมทีผู้ที่ได้ออกงานพิธีไว้อาลัยครบรอบหนึ่งปีร่วมกับจักรพรรดิน่ะก็มีค่าเท่ากับว่าได้รับการยอมรับในฐานะพระชายาเอกในอนาคตไปแล้ว หากย้อนดูในประวัติศาสตร์ก็ไม่เคยมีตัวอย่างใดเลยที่ผู้ซึ่งไม่ได้ออกงานไว้อาลัยครบรอบหนึ่งปีของจักรพรรดิองค์ก่อนจะได้กลายมาเป็นพระชายาเอกน่ะ”
“……เอ๋”
‘เพิ่งจะได้ยินเป็นครั้งแรกนี่แหละ’ เฮเลนาเบิกตากว้าง
ฟาร์มาสบอกแค่ว่า ‘อยากให้เธอช่วยมาออกงานในฐานะตัวตนที่มีตำแหน่งรองจากชายาเอก’ เท่านั้นเอง ไม่เห็นเคยรู้เรื่องมาก่อนเลยว่า ‘การมาออกงานพิธีนี้ = การเป็นชายาเอก’ น่ะ
“ทว่าโนลด์ลุนด์น่าจะอยากวางตัวเครือญาติเอาไว้ในตำแหน่งพระชายาเอก และเมื่อพิจารณาข้อที่ว่าในปัจจุบันนี้ฝ่าบาทไม่ได้สนใจคุณหนูชาร์ลอตเตเลยแล้วล่ะก็ ทางนั้นน่าจะต้องลงมือทำอะไรสักอย่างแน่ ผู้ที่จะสามารถทำอันตรายเฮเลนาซึ่งอยู่ในวังหลังได้ก็มีแต่ผู้ที่อยู่ในวังหลังเหมือนกัน และตัวหมากที่เจ้านั่นสั่งการได้ก็มีแค่คุณหนูชาร์ลอตเตและผู้ติดตามเท่านั้น”
“……”
“ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมาไม้ไหนแต่อย่าประมาทโดยเด็ดขาดล่ะ โนลด์ลุนด์น่าจะกำลังวางแผนทำร้ายเฮเลนาต่อจากนี้ แล้วก็กำลังเลือกเฟ้นคนที่จะมาทดแทนตำแหน่งได้อยู่เป็นแน่”
“……”
เฮเลนาผู้ไม่สามารถเข้าใจความหวั่นวิตกของแอนตันได้ จึงได้แต่เอียงศีรษะด้วยความฉงน
จงระวัง “สนมฟ้าจันทรา” ชาร์ลอตเต เอียนส์เวิร์ธเอาไว้ซะ—เรื่องนี้ฟาร์มาสก็เคยบอกเธอ
อีกทั้งคำกล่าวที่ชาร์ลอตเตคือตัวหมากของโนลด์ลุนด์ และย่อมชิงชังตัวตนของเฮเลนาซึ่งอยู่ใกล้กับตำแหน่งชายาเอกที่สุดในเวลานี้อยู่ มันก็เป็นความจริงอย่างไม่ต้องสงสัย
ทว่า
น่าเสียดายแต่สำหรับเฮเลนานั้น ต่อให้มีชาร์ลอตเตสักพันคนเธอก็คงสามารถกำราบลงได้อย่างง่ายดาย
ไม่ว่าจะคิดยังไงก็นึกภาพอนาคตที่ชาร์ลอตเตทำอันตรายอะไรเธอไม่ออกเลย
ซึ่งก็แปลว่า บทสรุปในความคิดของเฮเลนาก็คือ
‘ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่พยักหน้าส่ง ๆ ไปก่อนละกัน’ แล้วก็จบลงที่การละทิ้งความคิดเหมือนทุกทีนั่นเอง
“เข้าใจแล้วค่ะ ท่านพ่อ”
“งั้นก็ดี โทษทีนะ ต้องให้เจ้าลำบากซะแล้ว”
“ไม่หรอกค่ะ ที่สำคัญกว่านั้น มีเรื่องหนึ่งที่ข้าอยากจะถามค่ะ”
เฮเลนาลุกขึ้นยืน
แอนตันนั้นส่วนสูงค่อนข้างต่ำหากเทียบจากค่าเฉลี่ยของบุรุษทั่วไป หากยืนเทียบกันแล้วก็จะอยู่ต่ำกว่าระดับสายตาของเฮเลนามาก
และเฮเลนาก็ได้วางฝ่ามือลงบนศีรษะของแอนตันผู้นั้น
“ได้ยินมาจากลิลิธค่ะ”
“มุ…..”
เธอค่อย ๆ ใส่แรงเข้าไปในกำมือ
ด้วยพละกำลังของเฮเลนาที่ผ่านการขัดเกลาแล้วขัดเกลาอีก ร่างของแอนตันจึงค่อย ๆ สูญเสียน้ำหนักลอยขึ้นอย่างช้า ๆ
อนึ่ง การโดนบีบหัวแล้วยกขึ้นแบบนี้ ไม่รู้ทำไมบางคนในกองอัศวินพยัคฆ์แดงถึงมาขอร้อง “ทำใส่ข้าด้วยเถอะครับ!” กันซะงั้น เฮเลนาเองก็ฉงนใจว่าทำไมถึงได้อยากโดนทำอะไรเจ็บ ๆ แบบนี้กัน ในหมู่คนเหล่านั้นมีบางคนที่ถึงกับแสดงสีหน้าปลื้มปิติเลยด้วยซ้ำ
“ท่านพ่อพูดว่าข้าเป็นยังไงนะคะ?”
“ขึ่ก……! ย หยุดนะเฮเลนา! โอ้ย ๆๆๆๆๆ!”
“ไอ้หญิงสูงอายุแบบนั้นมันมีดีตรงไหนกันนะ จำถ้อยคำพวกนี้ได้หรือเปล่าคะ?”
“ฮ เฮเลนา ใจเย็นก่อน! โอ้ย ๆๆๆๆ!!”
พ่อกับลูกสาว
เพราะอย่างนั้นเฮเลนาจึงไม่เกรงใจเลยสักนิด
แต่เดิมทีแม้สาเหตุใหญ่ที่สุดที่มันกลายเป็นแบบนี้จะเป็นเพราะแผนการของฟาร์มาส แต่แอนตันเองก็มีส่วนผิดด้วย
หากแอนตันทำหน้าที่ให้มันดี ๆ และยับยั้งการคดโกงของโนลด์ลุนด์ให้ได้มากกว่านี้ เฮเลนาก็ไม่จำเป็นต้องเข้าวังหลังแต่แรกเลยด้วยซ้ำ
และที่สำคัญที่สุด
—ไม่เข้าใจว่าไอ้หญิงสูงอายุแบบนั้นมันมีดีตรงไหนกันนะ แล้วก็เอียงคอแบบงง ๆ น่ะ
—เจอกันครั้งหน้าจะอัดสักเปรี้ยง
เฮเลนานั้น
เป็นคนที่หากสาบานว่าจะล้างแค้นแล้ว เธอก็จะลงมือทำอย่างแน่นอน