หยางชูสับสนจนไม่รู้ว่าควรพูดอะไรถึงจะดี
ในตอนนี้เขารู้สึกเสียใจมากทำไมเขาไม่เคยคิดที่จะเข้าใจเคล็ดวิชา หากตอนนั้นที่นักพรตเฒ่าต้องการรับเขาเป็นศิษย์ เขาตอบตกลงไปตอนนี้เขาคงพูดไม่ออกเพราะคำพูดของนาง
เดี๋ยวก่อนนะหากตอนนั้นเขาฝากตัวเป็นศิษย์กับนักพรตเฒ่าเขาก็ไม่สามารถอยู่ที่เมืองหลวงได้น่ะสิ ไม่สามารถเดินทางไปตงหนิงได้แล้วจะพบกับนางได้อย่างไร
หากเป็นเช่นนั้นล่ะก็เป็นอย่างเช่นตอนนี้คงดีกว่า…
หยางชูเริ่มฟุ้งซ่านรู้สึกว้าวุ่นในใจ ทั้งรู้สึกเศร้าโศก ราวกับว่าเขาคิดเชื่องช้าเพราะจะได้ไม่ต้องเผชิญกับการปฏิเสธของนาง แต่เหตุผลที่กล่าวมาหลีกเลี่ยงไปก็ไม่มีผล
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็รวบรวมสติและมองไปทางหมิงเวย นางเองก็ยังคงมองเขาอย่างจริงจังราวกับรอการตัดสินใจของเขาอยู่
“เรื่องที่ท่านพูดมา ข้าไม่เข้าใจ” หยางชูพูดอย่างตรงไปตรงมา “แต่ความตั้งใจของข้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง ข้ารู้ว่าที่ท่านพูดเช่นนั้นท่านมีเหตุผล ดังนั้นข้าจะคิดหาวิธีโน้มน้าวใจท่านให้เวลาข้าสักหน่อยให้ข้ากลับไปทำความเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้น”
หมิงเวยหัวเราะออกไปราวกับว่ารอคำตอบที่ตนเองต้องการ
“ท่านชอบข้ามากเพียงนั้นเลยหรือ”
หยางชูเบนหน้าไปอย่างอึดอัด “ก็เป็นอย่างนั้น”
“ไม่ต้องทำให้ยุ่งยากเพียงนั้นหรอก” ในที่สุดนางก็เอ่ยปาก “ข้าแค่จะบอกว่าไม่สามารถมีพันธะสมรสกับท่านได้เพราะชะตากรรมของสามีภรรยาจะส่งผลถึงกัน และยังส่งผลถึงลูกด้วย อย่างเช่นหากท่านควรมีบุตรชาย แต่เป็นเพราะท่านอยู่กับข้าที่ไม่มีชะตาชีวิตท่านก็จะไร้ทายาทสืบทอด แต่ถ้าเราไม่มีความสัมพันธ์แบบสามีภรรยาเราก็จะไม่กังวลเรื่องนี้…”
หยางชูมองนางด้วยความสับสนเล็กน้อย “ท่านจะพูดอะไรกันแน่”
หมิงเวยตอบอย่างชัดเจนและจริงจัง “ข้าจะบอกว่าระหว่างพวกเรายกเว้นสถานะสามีภรรยา อย่างอื่นไม่สำคัญท่านอยากใช้ชีวิตร่วมกับข้า ข้าสามารถตอบรับท่านได้ แต่ไม่สามารถไหว้ฟ้าดินหรือจดหนังสือสมรสกับท่านได้”
“….”
จู่ๆ หยางชูก็ลุกขึ้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “ท่านอยากเล่นกับข้าแต่ไม่รับผิดชอบงั้นหรือ”
“อืม…” หมิงเวยครุ่นคิด “เหมือนจะเป็นอย่างนั้น…”
“เกินไปแล้ว!”
หมิงเวยจนปัญญา “มันช่วยไม่ได้นี่เจ้าคะ!”
เห็นใบหน้าเขาแดงก่ำนางจึงพยายามเกลี้ยกล่อม “ชีวิตคนเราสั้นนัก รีบหาความสุขดีกว่าจะไปทุกข์กับชื่อเสียงจอมปลอมทำไมกัน นอกจากนี้ท่านยังไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ! พวกเรามีอิสระแบ่งปันความสุขกันไม่ต้องรับผิดชอบสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวันไม่ดีหรือ”
หยางชูไม่หลงกลเขามองนางแล้วแค่นหัวเราะ “หากวันหนึ่งท่านไม่มีความสุข และมีคนที่ทำให้ท่านมีความสุขมากกว่าท่านจะไปใช่หรือไม่”
หมิงเวยเงียบ นางรีบกลืนคำว่า ‘ใช่’ ที่เกือบจะหลุดพูดออกไป
หยางชูเห็นท่าทางของนางก็รู้แล้วดังนั้น…
“ล้อเล่นกับความรู้สึก ไร้น้ำใจไร้คุณธรรม!” เขาด่าทอแล้วเดินจากไป เห็นเขาเป็นเช่นนั้นหมิงเวยก็รู้สึกงงงวย นางจับใบหน้าและเอวบางของตนเอง
ก็งามอยู่นะ ใบหน้างดงามเช่นนี้ รูปร่างดีเช่นนี้แล้วยังไม่ต้องรับผิดชอบอีก เขาไม่พอใจอะไรกัน
ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ท้องฟ้าก็เริ่มมืด คนตระกูลจี้สั่งสอนนายท่านจี้เพียงพอแล้วต่างคนต่างกลับห้องไป นายท่านจี้รู้ดีว่าตนเองผิดเขาจึงทำตัวเงียบและไปนอนที่ห้องหนังสือ
ทั้งสองเรือนตกอยู่ในความเงียบสงบ หมิงเวยเตรียมกลับห้องไป แต่เมื่อเดินผ่านแปลงดอกไม้ก็มีมือยื่นออกมาจากด้านในและลากนางเข้าไปในเงามืด
เมื่อหันหลังพิงกำแพงรู้สึกถึงลมหายใจหนักของผู้อื่น นางเผชิญหน้ากับสายตาที่ทั้งรักทั้งชังที่สว่างวาบในความมืด
หมิงเวยกะพริบตา และถามออกไปผ่านสายตา ไม่ใช่เพิ่งวิ่งหนีไปหรอกหรือ ทำไมถึงกลับมาอีก อีกฝ่ายจ้องมองกลับมาแล้วถามเสียงต่ำ “ท่านบอกว่าไม่สามารถมีพันธะสมรสได้ แต่ท่านกลับหมั้นกับลูกพี่ลูกน้องของท่านน่ะหรือ!”
แล้วอย่างไร “ในเมื่อหมั้นกับเขาได้แล้วทำไมหมั้นกับข้าไม่ได้”
อืม…
หมิงเวยครุ่นคิด “มีเหตุผล”
“ถ้าเช่นนั้นท่านไปถอนหมั้นสิ!”
หมิงเวยเงยหน้าขึ้นถามเขาเสียงเบา “ข้าถอนหมั้นกับพี่ห้าแล้วมาหมั้นกับท่าน แต่ไม่ว่ากับผู้ใดข้าก็ไม่สามารถแต่งงานได้ไม่ถือว่าทำเรื่องยุ่งยากเกินความจำเป็นหรอกหรือ”
“….” หยางชูพูดน้ำเสียงดุร้าย “แล้วอย่างไรหากท่านไม่ถอนหมั้น สักวันเขาก็กลายเป็นคู่หมั้นท่าน! งั้นข้าไม่ถือว่าขโมยสตรีที่มีสามีแล้วหรอกหรือ”
หมิงเวยหุบยิ้มนางเขย่งปลายเท้าใช้มือลูบศีรษะเขาแผ่วเบา
หยางชูรู้สึกงุนงงเล็กน้อยกับท่าทีเปลี่ยนไปกะทันหันของนางมืออันอ่อนนุ่มสัมผัสเส้นผมของเขาราวกับว่านางกำลังเกาที่หัวใจของเขาอยู่
“ท่าน…” เขาพูดตะกุกตะกักบังคับตนเองให้มีท่าทางดุดัน “ท่านทำอะไร”
“ปลอบท่านไงเจ้าคะ!”
แสงตะเกียงกลางคืนใต้ชายคาส่องลงมาบนใบหน้าของเขาผ่านช่องว่างกิ่งไม้
หมิงเวยเห็นใบหน้าของเขาแดงเล็กน้อยทำให้นึกถึงลูกสุนัขที่นางช่วยชีวิตไว้เมื่อตอนที่นางยังเป็นเด็ก เมื่อมันโกรธก็หันหลังให้นาง แต่หางยังคงกระดิกราวกับจะบอกว่ามาปลอบใจมัน! และตราบใดที่นางลูบขนมัน มันก็จะเชื่อฟังและทำตัวน่ารัก
“อย่าคิดว่าทำเช่นนี้แล้วข้าจะประนีประนอม!” เขาพูดอย่างเย่อหยิ่ง “ไม่แต่งงานก็ได้ แต่ข้าไม่ยอมเป็นซีเหมินซิ่งแน่[1]!”
หมิงเวยหัวเราะเบาๆ “หากพี่ห้ารู้ว่าท่านเห็นเขาเป็นอู๋ต้าหลาง[2]ต้องโกรธแน่”
“ก็ปล่อยให้เขาโกรธไปหากมีปัญญามาจัดการข้าก็เอาเลย!” เขาเชิดหน้าขึ้น ไม่คิดว่าจี้เสียวอู่เป็นคู่ต่อสู้เลยสักนิด หมิงเวยคิดถึงจี้เสียวอู่ที่อยู่ในเสวียนตูกวันก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
หยางชูเห็นท่าทางนางก็ย้ำว่า “อย่าคิดหลอกลวงข้าอีกข้าไม่ยอมแน่!”
“ขอข้าคิดก่อนเจ้าค่ะ” หมิงเวยถอนหายใจในที่สุด “ท่านลุงค่อนข้างเจ้าอารมณ์ จู่ๆ ไปบอกท่านว่าขอถอนหมั้นคงไม่ดีแน่หากท่านไปพูดเขาก็จะยิ่งโกรธ”
ได้ยินนางพูดเช่นนั้นหยางชูก็รู้สึกสงบลง “แล้วต้องรอถึงเมื่อไร เทศกาลชิวเลี่ยจะมาถึงอีกไม่กี่วันแล้ว”
หมิงเวยยิ้ม “ไม่ต้องรีบร้อนไป ถึงแม้ตอนนี้ถอนหมั้นไม่ได้ แต่สามารถเลื่อนงานแต่งงานของท่านได้ อย่างไรนี่เป็นการเลือกพระชายาท่านไม่ใช่คนสำคัญ กุ้ยเฟยไม่เลื่อนงานนี้เพราะท่านหรอก”
หยางชูรู้สึกสบายใจขึ้น “ท่านมีความคิดอะไรหรือไม่”
“ขอคิดก่อนนะเจ้าคะ” หมิงเวยชะงัก “แต่ตอนนี้มีปัญหานิดหน่อย ท่านลุงต้องสลับเวร เกรงว่าไม่สามารถไปได้”
หยางชูยกมุมปาก “ข้าจัดการเรื่องมามากมาย ท่านแค่รอไปเมื่อถึงตอนนั้นก็สามารถไปได้เอง”
หมิงเวยพูดเรื่องนี้แน่นอนว่าต้องการให้เขาหาวิธีจัดการเรื่องนี้ให้เห็นเขาซ่อนใบหน้าภูมิใจเล็กๆ ของตนไว้ราวกับขอคำชมนางยิ่งอยากหัวเราะ “งั้นข้าจะรอดูเจ้าค่ะ”
“เดี๋ยวนะ!” หยางชูก้าวถอยหลังเขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันกลับมา “ท่าน…ตกลงแล้วใช่หรือไม่”
ครั้งนี้หมิงเวยไม่ได้หลบเลี่ยงแต่อย่างใด นางให้คำตอบยืนยัน “ใช่เจ้าค่ะ”
เขายิ้มออกมา แต้มสีชาดที่กึ่งกลางคิ้วของเขาเป็นประกายระยิบระยับราวกับว่ามีความสุขไปกับเขาด้วย
“งั้นข้าจะรีบไปจัดการ!” เขาหันหลังเดินไปได้สองก้าวแล้วหันกลับมามองนาง และเมื่อเขากระโดดขึ้นไปบนกำแพงก็มองดูอีกครั้ง และในที่สุดก็จากไป
เมื่อร่างของเขาหายไปในความมืดรอยยิ้มบนใบหน้าของหมิงเวยก็หายไป
หากเขาเป็นดาวตี้ชิง ในอนาคตเขาจะต้องมีบุตรอย่างแน่นอน…ให้เขามีความสุขอีกสักหน่อยละกัน
……………
[1] ซีเหมินซิ่ง : ตัวละครจากนิยายเรื่อง “ซ้องกั๋ง” เป็นเศรษฐีผู้ดี เปิดร้านขายยา เป็นผู้มีอิทธิพล มีความโลภ และมักมากในกาม มีเพศสัมพันธ์กับหญิงไม่เลือกหน้าไม่ว่ากับภรรยาของเพื่อนก็ตาม คอยติดสินบนอำมาตย์ไช่จิงขุนนางกังฉิน ทำชั่วสารพัด
[2] อู๋ต้าหลาง : เป็นบัณฑิตจิ้นซื่อ และมีตำแหน่งเป็นนายอำเภอหยางกู่ มีภรรยาแซ่”พาน(潘)” ซึ่งนางเป็นบุตรชาวขุนนาง และคบชู้กับซีเหมินซิ่ง