หยางชูยิ้ม “พูดถึงเต็มใจเดิมพันความพ่ายแพ้ นานแล้วที่องค์ชายไม่ได้เดิมพันกับกระหม่อม”
อันอ๋องคิดในใจคิดว่าเปิ่นหวางโง่หรือดูก็รู้ว่าหากเดิมพันกับเจ้าไปก็แพ้อยู่ดี!
คิดเช่นนั้นเขาก็ยิ้มเยาะ “ตอนนี้เจ้ายุ่งมาก มีหน้าที่สำคัญในหวงเฉิงซือ เปิ่นหวางจะกล้ารบกวนเจ้าได้อย่างไร”
หยางชูทำเหมือนไม่ได้ยินคำเยาะเย้ยของอีกฝ่ายเขาพูดว่า “เชื้อเชิญอย่างเป็นทางการไม่เท่าพบปะกันโดยบังเอิญ วันนี้พวกเรามีวาสนากันเช่นนี้ ช่างน่าเดิมพันกันจริงๆ ทำไมพระองค์ไม่เดิมพันกับกระหม่อมที่นี่เลยเล่า”
อันอ๋องลังเลตั้งแต่วัยเด็กเขาแพ้การเดิมพันกับหยางชูอยู่หลายครั้ง แต่เมื่อเขาชนะ หยางชูก็จะบอกฮ่องเต้แล้วเขาก็ถูกลงโทษ
“ไม่ดีเท่าไรนะ เสด็จพ่อทรงย้ำว่าไม่ให้พวกเราก่อเรื่อง เปิ่นหวางไม่อยากให้ท่านพิโรธ”
“ข้าไม่พูด ท่านไม่พูด แล้วฝ่าบาทจะพิโรธได้อย่างไรเล่า” พูดจบเขาก็หันไปหาอาสวน “เจ้าไม่พูดใช่หรือไม่”
อาสวนตอบทันที “คุณชายไม่ให้พูด ข้าน้อยจะไม่พูดออกไปแม้แต่คำเดียวขอรับ”
หยางชูพยักหน้าอย่างพอใจแล้วหันไปทางองครักษ์ของอันอ๋อง “แล้วพวกเจ้าล่ะ”
เมื่อถูกเขาจ้องมองด้วยท่าทางเย้ยหยัน องครักษ์ของอันอ๋องก็พูดทันทีว่า “ท่านอ๋องว่าอย่างไร พวกกระหม่อมว่าตามนั้นพ่ะย่ะค่ะ”
หยางชูได้คำตอบที่ต้องการแล้วก็เหลือบไปอีกด้านหนึ่ง บ่าวรับใช้ของตระกูลเว่ย และตระกูลฟางมีหรือจะกล้าทำให้เขาขุ่นเคือง แม้แต่จะเรียกก็ยังไม่กล้าเลย
หยางชูพูดว่า “องค์ชาย พระองค์เห็นแล้วว่าไม่มีผู้ใดกล้าพูดอะไรออกไป พระองค์จะกลัวทำไมกัน หรือคิดว่าไม่สามารถเอาชนะกระหม่อมได้จึงไม่กล้าเดิมพันงั้นหรือ”
อันอ๋องรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังยั่วเขา แต่เขาก็ทนไม่ไหว!
สาวงามอยู่ด้านข้างจะให้พวกนางมองเป็นเรื่องตลกได้อย่างไร!
“เปิ่นหวางเห็นใจเจ้า ในเมื่อเจ้าคิดว่าไม่เป็นไรงั้นมาเดิมพันก็ได้!”
หยางชูหัวเราะทันที “องค์ชายว่าเช่นนั้นถ้าอย่างนั้นพวกเราเดิมพันอะไรกันดี”
อันอ๋องประหลาดใจ “เจ้าให้เปิ่นหวางเลือกงั้นหรือ”
หยางชูยักไหล่ “แน่นอน คนที่เสนอการเดิมพันคือกระหม่อม จะให้องค์ชายเสียเปรียบได้อย่างไรตราบใดที่การเดิมพันที่องค์ชายกำหนดใช้การได้ กระหม่อมก็จะเล่นกับพระองค์!”
อันอ๋องครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ในเมื่อวันนี้พวกเรามาล่าสัตว์ ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาเดิมพันเหยื่อกัน พวกเราจะส่งองครักษ์ออกไปให้พวกเขาแยกย้ายกันไปล่า แล้วเรามาเดิมพันเหยื่อตัวแรกกัน”
“ได้!” หยางชูตอบรับอย่างไม่ลังเล
“ข้าเดิมพันกระต่าย!”
“ไม่มีปัญหา” หยางชูยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นกระหม่อมเดาว่าเป็นจิ้งจอกแล้วกัน เป็นจิ้งจอกขาว”
อันอ๋องได้ยินเช่นนั้นก็สบายใจขึ้น จิ้งจอกจะมีมากกว่ากระต่ายได้อย่างไร พื้นที่ล่าสัตว์แถบชานเมืองตะวันตกถูกพักไว้เป็นเวลาสิบปี รังกระต่ายจึงมีมากขึ้น อีกอย่างจิ้งจอกขาวเป็นสัตว์หายากที่ไม่พบเจอได้โดยง่าย
หยางชูพูดต่อว่า “ในการเดิมพันรางวัลเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ องค์ชายเดิมพันอะไร”
อันอ๋องแตะเครื่องประดับที่เอวของเขา “หยกกิเลนนี้เสด็จพ่อประทานให้ เพียงพอหรือไม่”
“แน่นอนว่าพอ”
“แล้วเจ้าล่ะ”
หยางชูครุ่นคิดแล้วเขาก็หยิบกริชออกมา “สิ่งนี้เป็นรางวัลที่ฝ่าบาทประทานให้ พระองค์อยากได้มานานแล้วไม่ใช่หรือหากองค์ชายชนะสิ่งนี้เป็นของท่าน”
อันอ๋องดีใจมาก “ถือว่าเป็นอันตกลง”
ด้วยเหตุนี้คนที่มานั่งจึงมีเพิ่มมาหนึ่งคน
เว่ยเสี่ยวอันและคนอื่นๆ แอบร้องไห้ ชื่อเสียงของอันอ๋องไม่ดีแล้วชื่อเสียงของคุณชายสามตระกูลหยางจะไปดีได้อย่างไร คนหนึ่งไม่พอยังเพิ่มขึ้นมาอีกคนอีก หากเรื่องในวันนี้แพร่ออกไปพวกนางไม่จมอยู่กับข่าวลือหรอกหรือ
แต่ทั้งสองไม่อธิบายอะไรเลยจึงไม่มีโอกาสที่จะปฏิเสธจึงทำได้แค่เพียงกัดฟันทนต่อไป คนกลุ่มหนึ่งพบลำธารสายเล็กจึงทำการปูเสื่อวางอุปกรณ์สำหรับทานอาหารราวกับมาเที่ยวเล่น
เหล่าองครักษ์ถูกพวกเขาส่งออกไป
หยางชูพักผ่อนอย่างสบายอารมณ์ เขาทานเนื้อกระต่ายเคลือบน้ำผึ้งที่เสี่ยวถงทำพลางชื่นชมทิวทัศน์ แต่ก็ไม่ลืมที่จะแสดงความใส่ใจด้วยการแบ่งอาหารให้หมิงเวยและคนอื่นๆ ด้วย
ผ่านไปสักพักก็มีคนกลับมา “คุณชาย จับได้แล้วขอรับ!”
คนที่มาถึงคืออาสวน
อันอ๋องหันหน้ากลับไปแล้วใบหน้าของเขาก็เขียวคล้ำ “ไปหาจิ้งจอกมากมายขนาดนี้ได้ที่ไหนกัน”
ตะกร้าที่อาสวนถืออยู่ข้างในนั้นมีสุนัขจิ้งจอกขาวตัวน้อยที่เพิ่งเกิดจำนวนหนึ่ง!
หยางชูยิ้ม “องค์ชายดูเหมือนว่าข้าจะโชคดี!” เขายื่นมือออกมาและมองไปที่หยกกิเลนบนเอวของอันอ๋อง
อันอ๋องรู้ว่าตนเองถูกหลอกเข้าเสียแล้วเขาต้องพบรังจิ้งจอกขาวมานานแล้วและจงใจพูดเช่นนั้น เพื่อที่ให้อาสวนไปจับมา
แต่ตนพูดออกไปแล้วว่ายอมเดิมพันรับความพ่ายแพ้ แล้วยังต่อหน้าสตรีมากมายเช่นนี้เขาทำได้เพียงแต่ยอมรับ
เขากล้ำกลืนมอบหยกกิเลนให้อีกฝ่าย แต่อันอ๋องยังไม่ยอมแพ้ เขาพูดอีกว่า “หยางซาน เจ้ากล้าเดิมพันอีกหรือไม่”
หยางชูกัดผลไม้ไปหนึ่งคำ และมอบตะกร้าจิ้งจอกตัวน้อยให้เด็กสาวเล่น “องค์ชายต้องการเดิมพันอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”
จิ้งจอกขาวทั้งน่ารักทั้งงดงาม เหล่าเด็กสาวมองไปรอบๆ ตะกร้าด้วยความสนใจ
เด็กนี่เอาใจพวกสตรีอีกแล้ว!
อันอ๋องเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองเขาครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “มาเดิมพันกันว่าองครักษ์ที่เดินกลับมาเป็นคนถัดไป ตอนที่ข้ามกิ่งไม้นั้นเขาก้าวเท้าซ้ายหรือเท้าขวา”
หยางชูตอบรับอย่างไม่คิดอะไร “ได้!”
“ข้าเดิมพันเท้าซ้าย” หยางชูเชื่อฟังอย่างดี “ถ้าอย่างนั้นกระหม่อมเดิมพันเท้าขวา”
ทั้งสองจ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง และแล้วองครักษ์ของอันอ๋องก็กลับมา
เท้าซ้ายๆๆ เขาพูดในใจ และเมื่อองครักษ์ยืนตรงหน้ากิ่งไม้ เขาก็ยกเท้าขึ้น
เท้าซ้าย! อันอ๋องรู้สึกปลาบปลื้มใจนัก
แต่แล้วก็มีเสียง ‘ป้อก’ ดังขึ้น และกิ่งไม้บนหัวขององครักษ์ก็หักลงมา
องครักษ์เซถอยหลังรอจนเขายืนได้อย่างมั่นคงจากนั้นก็เดินข้ามกิ่งไม้สองกิ่งนั้นไป ซึ่งได้เปลี่ยนเป็นเท้าขวาเสียแล้ว
อันอ๋องเห็นทุกอย่างเขาหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธและลุกขึ้นยืนทันที
“หยางซาน!”
หยางชูยิ้ม “องค์ชายจะรับสั่งอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าโกง!” คิดว่าเขาตาบอดหรืออย่างไร เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนหักกิ่งไม้นั่น
“เหตุใดองค์ชายถึงพูดเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ” หยางชูทำหน้าไม่รู้ร้อน “กระหม่อมแค่ขว้างก้อนหินเล่นแค่นี้ก็ไม่อนุญาตงั้นหรือ”
อันอ๋องพูดอย่างโกรธเคือง “เปิ่นหวางรู้ว่าเจ้ามาเพื่อหาเรื่องเปิ่นหวาง!”
หยางชูยิ้มเยาะ เขามองด้วยสายตาเย็นชาแล้วพูดว่า “องค์ชายมองออกแล้วงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ ทรงรู้ช้าเสียจริง!”
เขายอมรับแล้ว! อันอ๋องพูดอย่างโกรธเคือง “เจ้าคิดจะทำอะไร ช่วงนี้เปิ่นหวางไม่ได้ทำให้เจ้าขุ่นเคืองอะไร เจ้ามาหาเรื่องโดยไร้เหตุผลคิดว่าเปิ่นหวางกลัวงั้นหรือ!”
หยางชูพูดประชดประชัน “องค์ชายไม่ได้ทำให้กระหม่อมขุ่นเคืองงั้นหรือ ไม่รู้หรือว่าก่อนที่กระหม่อมจะมาพระองค์ทำอะไรไว้”
อันอ๋องไปไม่ถูก เขาทำอะไรเขาก็แค่ล่าสัตว์ของเขาอยู่ดีๆ
เมื่อเห็นหยางชูจ้องมองเด็กสาวเหล่านั้นเขาก็ได้สติ “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
หยางชูโยนหินในมือแล้วลุกขึ้นยืน
หยางชูอายุมากกว่าอันอ๋องสองปีและเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว เขาเกิดมามีรูปร่างสูง ท่าทางยืดตัวตรงทำให้สูงกว่าอันอ๋องประมาณห้าหลีหมี่[1]ได้
หยางชูอาศัยความได้เปรียบด้านความสูงก้มลงมองอันอ๋อง “ตอนนั้นต่อหน้าแม่นางเมิ่ง พวกเราพูดกันดิบดีว่าหากแข่งเรื่องสตรี ถูกใจใครเป็นของคนนั้น ตอนนี้องค์ชายกินเต้าหู้[2]สตรีของกระหม่อม คิดจะทำลายสัญญาหรือพ่ะย่ะค่ะ”
อันอ๋องตกตะลึง เขาหันศีรษะไปดูเหล่าเด็กสาว จากนั้นก็มองกลับมาที่หยางชู และในที่สุดเขาก็หยุดไปที่หมิงเวย
“นางเป็นคนของเจ้าหรือ” เขาถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ
หยางชูยกยิ้มมุมปาก
อันอ๋องร้องขึ้นมา “หยางซาน เจ้ากล้ากินเต้าหู้สตรีชนชั้นสูงงั้นหรือ!”
หยางชูพูดอย่างเกียจคร้าน “กินเต้าหู้อะไรพ่ะย่ะค่ะ นี่คือสิ่งที่องค์ชายทำไปเมื่อครู่นี้แล้วมาโยนใส่หัวกระหม่อม พระองค์ทรงเดิมพันไว้แต่แรก หากผิดสัญญากระหม่อมก็ต้องจัดการ ตอนนี้กระหม่อมไม่มีความสุขจึงต้องทำให้พระองค์ไม่มีความสุขด้วย”
พูดจบเขาก็จับอันอ๋องโยนลงลำธาร
……………
[1] หลีหมี่ : เซนติเมตร
[2] กินเต้าหู้ : ลวนลามทั้งทางสายตา หรือทางสัมผัส