สองเดือนต่อมาพ่อของเขาก็ออกจากโรงพยาบาล เงินเก็บของพ่อมีมากจนหลิวไห่ตกใจในตอนแรก แต่เพราะค่าใช้จ่ายในการรักษาทั้งของเขาก่อนหน้านั้นและยังมีของพ่อของเขา ด้วยค่าใช้จ่ายที่มากเช่นนี้จึงทำให้เงินเก็บของพ่อเหลือไม่มากแล้ว
หลิวไห่ได้ใช้เงินส่วนหนึ่งในการปรับปรุงบ้านเพื่อให้สะดวกต่อการใช้ชีวิตของผู้ป่วยอัมพาต ยิ่งทำให้เงินของเขาหร่อยหรอลงจนเขากลุ้มใจ
“พ่อครับทุกอย่างเริ่มต้นที่ผมใช่หรือเปล่าครับ ผมทำให้ประธานกู้เกลียดทำให้กู้เมิ่งไม่ชอบหน้า พวกเราก็เลยตกอับแบบวันนี้”
หลิวไห่เอาแต่โทษตัวเอง มองพ่อด้วยสายตาเซื่องซึม
พ่อของเขาปลอบเขาด้วยรอยยิ้ม ทำราวกับว่าเรื่องที่ผ่านมาไม่ได้สำคัญอีกต่อไปแล้ว
“ไม่ใช่หรอก หากจะโทษก็ต้องโทษพ่อที่ตัดสินใจกลับเข้าไปรับงานนั้นอีก จำไว้ว่าไม่ใช่ความผิดลูกบางทีมันอาจเป็นโชคชะตาก็ได้ที่ทำให้พ่อเป็นแบบนี้”
“แต่พวกมันทำให้พ่อเป็นแบบนี้นะครับ ไม่ใช่โชคชะตามันทำให้พ่อเป็นอัมพาต”
ความคิดของหลิวไห่ในตอนนี้คือ ทำไมโลกนี้ถึงได้ไรัซึ่งความยุติธรรมเช่นนี้ คนเลวพวกนั้นจะมีใครที่สามารถจัดการพวกเขาได้หรือเปล่า
พ่อของเขาเห็นความโกรธที่อยู่ในดวงตาลูกชายแล้วรู้สึกไม่สบายใจ พยายามที่จะไม่ให้หลิวไห่คิดแค้นแล้วเอาตัวเองไปลำบาก การต่อกรกับประธานกู้เท่ากับหาเรื่องตาย
“อย่าคิดแค้นเลย พวกเราสู้เขาไม่ได้หรอก เขามีทั้งเงินมีทั้งอิทธิพลพ่อแค่หวังว่าเราสองคนจะอยู่ด้วยกันอย่างสงบ เรื่องที่ผ่านมาแล้วเพราะพ่อทะเยอทะยานเองหากพ่อไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวก็ไม่มีทางที่จะได้รับความลำบากแบบนี้ พ่ออยากให้ลูกปล่อยวางแล้วใช้ชีวิตของพวกเราไปไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนั้นอีก ลูกจะรับปากพ่อได้หรือเปล่าว่าจะไม่ทำอะไรให้ตัวเองลำบากเด็ดขาด”
หลิวไห่ถอนหายใจ เขาไม่อยากเห็นพ่อไม่สบายใจ แต่ในใจของคนเลือดร้อนไม่ยอมคนแบบเขาก็รู้สึกต่อต้านและไม่ยินยอม
“แต่ขาพ่อล่ะครับ เพราะพวกมันขาของพ่อถึงเป็นแบบนี้”
“ก็คิดในแง่ดี ช่วงนี้พ่อก็ได้พักอย่างเต็มที่ไม่ต้องออกไปไหนมาไหนให้วุ่นวายอีก ลูกก็มีความสามารถ ถึงจะพลาดจากการเป็นตำรวจในปีนี้ปีหน้าก็ยังมีโอกาสสอบอีกได้ไม่ใช่เหรอ”
หลิวไห่ก้มหน้า น้ำตาของเขาซึมออกมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด
“พ่อครับ ผมไม่อยากเป็นตำรวจอีกแล้วครับ”
พ่อของหลิวไห่รู้สึกผิด เขารู้ว่าการเป็นตำรวจคือความฝันของลูกชายมานานเพียงใด แต่เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้หลิวไห่เกลียดตำรวจไปแล้ว เขาจึงได้แต่ตบไหล่ลูกชายเป็นการปลอบเบา ๆ
“ได้สิไม่อยากเป็นแล้วก็ไม่เป็นไร ลูกชายพ่อเป็นคนเก่งทำอะไรก็ได้ เอาแบบนี้แกกับพ่อมาช่วยกันคิดว่าพวกเราจะทำอะไรกันต่อไป พวกเราเป็นทีมเดียวกันใช่หรือเปล่า รับรองว่าถ้าพวกเราได้ร่วมมือกันไม่ว่าทำอะไรก็ต้องประสบความสำเร็จแน่นอน”
หลิวไห่ยิ้มทั้งน้ำตา
“ครับพ่อ เรามาร่วมมือกันเถอะ ต่อไปผมจะหาเงินมาเยอะ ๆ เพื่อให้พ่อไม่ต้องลำบากนะครับ”
พ่อของหลิวไห่มองลูกชายอย่างภาคภูมิใจ ถึงหลิวไห่จะไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเขา แต่เขากลับรู้สึกว่าเด็กคนนี้เป็นสายเลือดที่เข้มข้นของเขาจริง ๆ เขาไม่ได้บอกหลิวไห่ว่าที่เขาต้องกลับมาทำงานนี้เพราะประธานกู้ขู่เอาชีวิตของหลิวไห่ ทำให้เขาตัดสินใจทำมันอีกครั้ง
ความจริงในตอนนั้นเขาน่าจะพาหลิวไห่หนีไปให้ไกลที่สุด เมื่อคิดได้ก็สายไปเสียแล้ว
หลิวไห่ยังมีความสงสัย เขาจึงถามพ่อขึ้นมาว่า
“พ่อจะบอกผมได้หรือยังครับว่ามันคืองานอะไรที่พ่อทำให้กับประธานกู้”
พ่อของหลิวไห่เพียงแต่ส่ายหน้า และพูดด้วยคำพูดเดิมว่า
“ลูกไม่รู้เรื่องจะปลอดภัยกว่า เราสองคนพ่อลูกย้ายกลับไปแผ่นดินใหญ่ดีหรือเปล่า หนีไปจากเรื่องยุ่ง ๆ พวกนี้กัน”
พ่อของเขาคิดว่าเรื่องอาจจะไม่จบ คนพวกนั้นอาจจะสงสัยแล้วย้อนกลับมาหาเขาก็เป็นได้ ดังนั้นต้องรีบหนีไปให้เร็วที่สุด
ในเมื่อพ่อไม่ยอมบอก หลิวไห่จึงไม่คิดจะคาดคั้นเรื่องนี้อีก เขาจึงได้แต่พยักหน้า
“ครับ พ่ออยากไปไหนผมก็จะไปด้วยครับ ผมอยู่ที่ไหนก็ได้ที่มีพ่อ”
พ่อของหลิวไห่ถอดสร้อยไม้กางเขนออกจากคอของเขา แล้วสวมให้หลิวไห่
“อย่าถอดออกนะลูก แล้วพระเจ้าจะคุ้มครองให้ลูกปลอดภัยถือเป็นเครื่องลางและของขวัญจากพ่อ”
หลิวไห่มองสร้อยไม้กางเขนที่ตัวเองสวมอยู่ สร้อยนี้พ่อของเขาใส่ไม่เคยถอดออก วันนี้ยกให้เขาหลิวไห่จึงตื้นตันเป็นอย่างมาก
“ครับพ่อ ผมรักพ่อครับ”
สองคนพ่อลูกต่างกอดกัน น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ ผู้ชายคนนี้สำหรับหลิวไห่แล้วมีความสำคัญกับชีวิตของเขามากยิ่งกว่าพ่อผู้ให้กำเนิดเสียอีก
น่าเสียดายที่หลิวไห่ไม่มีโอกาสกลับไปใช้ชีวิตที่แผ่นดินใหญ่กับพ่อ เมื่อวันหนึ่งเขากลับมาที่บ้านหลังจากออกไปซื้อของก็พบว่าพ่อของเขาได้ถูกทำร้ายจนอาการสาหัส ที่บ้านของเขาถูกรื้อกระจาย ข้าวของพังเสียหาย
“พ่อครับ พ่อ พ่ออยู่กับผมนะครับ พ่อ พ่อ”
หลิวไห่นั่งลงจมกองเลือด ร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด เขาไม่สามารถยื้อชีวิตพ่อของเขาเอาไว้ได้ เมื่อในที่สุดพ่อก็จากไป
“พ่อ พ่อ พ่อ ครับ ฮือ ฮือ ฮือ”
หลิวไห่ทำอะไรไม่ถูกได้แต่ร้องไห้อยู่เช่นนั้น หลังจากนั้นไม่นานตำรวจก็บุกเข้ามาทันใด
“คุณหลิว เพื่อนบ้านให้การยืนยันได้ยินเสียงทะเลาะกันอย่างรุนแรงระหว่างคุณและพ่อของคุณ เราขอจับกุมคุณในข้อหาฆาตกรรมพ่อของตัวเอง คุณมีสิทธิที่จะไม่พูด สิ่งที่คุณพูดอาจถูกใช้ในการพิจารณาคดีกับคุณในชั้นศาล คุณมีสิทธิที่จะมีทนายความ ถ้าคุณไม่สามารถจ้างทนายได้ ศาลจะแต่งตั้งทนายให้กับคุณ”
“ไม่ ผมไม่ได้ฆ่าพ่อ พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว ไม่ ไม่ ผมไม่ได้ทำ ผมไม่ได้ทำ”
หลิวไห่ถูกจับใส่กุญแจมือ เขาคุ้มคลั่งไปแล้วจึงทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าจับกุมตัวเขา บาดเจ็บนอนกองไปที่พื้นหลายราย สุดท้ายแล้วหลิวไห่ถูกยิงเข้าที่แขนและถูกกระบองไฟช็อตเข้าที่ร่าง สุดท้ายแล้วเขาก็สลบไป