หลิวไห่ถูกดำเนินคดีฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาเนื่องจากบรรดาลโทสะ เนื่องจากเพื่อนบ้านได้ยินเสียงทะเลาะกันอย่างแรงของผู้ชายสองคนดังออกมาจากอพาร์ทเม้นของพวกเขาและได้เรียกตำรวจมาเพื่อระงับเหตุ และในที่เกิดเหตุมีเพียงลายนิ้วมือของหลิวไห่เท่านั้นที่เปรอะอยู่เต็มห้อง
หลักฐานมัดตัวและดูเหมือนว่าคดีของหลิวไห่จะจบลงและถูกตัดสินอย่างรวดเร็ว
หลิวไห่ไม่ให้ความร่วมมือ เขาไม่ได้สารภาพว่าฆ่าพ่อของเขายังปฏิเสธอย่างแข็งขัน แต่พยานหลักฐานทุกอย่างชี้ชัดมาที่เขาทำให้หลิวไห่ไม่มีทางต่อสู้ได้อีก
เขาจึงต้องติดคุกทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่ผิด และไม่รู้ว่าจะเรียกร้องหาความยุติธรรมจากเขา
ภาพลักษณ์ของตำรวจในอดมคติของหลิวไห่ถูกทำลายโดยสิ้นเชิง เขาทั้งรังเกียจทั้งโกรธแค้นตำรวจเลวพวกนี้ ทุกครั้งที่เขาพูดเรื่องของประธานกู้ก็มักจะถูกมองด้วยสายตาประหลาดจากคนพวกนั้น
หลิวไห่ได้แต่คิดแค้น หากเขามีโอกาสได้ออกไปเขาจะไม่มีทางปล่อยคนที่ทำร้ายฆ่าพ่อของเขาให้ลอยนวล และจะจัดการกับตำรวจเลว ๆ ให้ได้รับบทเรียนให้ได้ ชาตินี้เขาสาบานไว้แล้วต่อให้เป็นวันสุดท้ายของชีวิตเขาก็จะทำให้คนพวกนั้นก้มลงคุกเข่าต่อหน้าเขาและรับความผิดที่ตัวเองได้กระทำอย่างสาสม
ความสงสัยที่อยู่ในใจของเขาตอนนี้ก็คือเรื่องของพ่อเขา ประธานกู้ต้องการอะไรจากพ่อของเขา และ ทำไมต้องฆ่าพ่อของเขาด้วย
เรื่องพวกนี้เขาจะมีโอกาสออกไปเพื่อสืบหาความจริงหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะกี่ปีเขาก็ยินดีรอ
ทันทีที่หลิวไห่ก้าวเข้าไปในเรือนจำ เขาเดินตามนักโทษคนอื่น ๆ เข้าไปอย่างสงบ คนที่อยู่ด้านหน้าเขาตัวค่อนข้างใหญ่ กล้ามแน่นคล้ายก้ามปู หลิวไห่ไม่สนใจเขาจนกระทั่งเขาหยุดและหลิวไห่ไม่ทันระวังตัวจนเดินชนเขาเข้า
“ไม่มีตาหรือไงวะไอ้ลูกหมา”
เขาหันมาส่งเสียงคำรามเหมือนหมาตัวหนึ่ง หลิวไห่รู้ว่าตัวเองมัวแต่เหม่อจึงขอโทษเขาเบา ๆ
“ขอโทษ”
ผู้ชายกล้ามปูเมื่อเห็นหน้าของเขาชัดกลับยิ้มอย่างมีเลศนัย
“หึ ขอโทษเหรอ มึงคิดว่าที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยหรือไงวะ กูไม่ต้องการคำขอโทษไร้ราคานั้นหรอก ถ้าจะขอโทษกูมึงยอมมาเป็นเด็กกูมั๊ยล่ะหน่วยก้านดีนี่ หน้าตาก็ใช้ได้ ถูกสเปคพอดี”
หลิวไห่ไม่สนใจหมาตัวนั้นที่เริ่มเห่าหอน เขาจึงเงียบไป ในเมื่อขอโทษแล้วสำหรับเขาถือว่าจบ ในขณะที่คนคนนั้นยังมองเขาด้วยสายตาที่น่าขยะแขยง
พวกเขาเดินไปได้สักพัก ก็เข้าสู่ประตูที่เปิดโดยอัตโนมัติอีกสามประตู ในตอนนี้หลิวไห่รู้สึกหน้าร้อนและสมเพชตัวเองเป็นอย่างยิ่ง ความฝันสูงสุดของเขาคือการเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แล้วดูตอนนี้สิ เขากลายเป็นนักโทษตลอดชีวิตไปแล้วช่างตลกสิ้นดี
ผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าเขาหันมามองหลิวไห่หลายครั้ง ผู้ชายคนนี้ตัวโตกว่าหลิวไห่ราวห้าเซ็นติเมตร ความจริงหลิวไห่ก็สูงราวหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซ็นติเมตร ซึ่งนับว่าเป็นคนสูงกว่าคนทั่วไป แต่ผู้ชายคนนี้กลับสูงกว่าเขาและตัวใหญ่เป็นอย่างยิ่ง
“ไม่ต้องห่วงนะไอ้น้อง พี่จะดูแลเองนี่มันถิ่นของพี่”
หลิวไห่กำมือแน่น รู้สึกว่าสายตาของผู้ชายคนนี้ที่มองเขาแปลกพิกล เขาไม่อยากก่อเรื่องคิดจะทำตัวให้ดีเผื่อมีโอกาสลดโทษลงได้บ้าง
จนกระทั่งเข้ามาด้านใน ผู้คุมเรือนจำคนหนึ่งก็เดินเข้ามา มีผู้ชายผู้คุมซึ่งน่าจะเป็นนักโทษความประพฤติให้พวกเขาเข้าไปถอดเสื้อผ้าที่จุดหนึ่ง
ทุกคนต่างต้องเปลือย หลิวไห่และนักโทษคนอื่นถอดเสื้อผ้าจนเหลือตัวเปล่าอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็เดินผ่านเครื่องตรวจร่างกายเพื่อป้องกันไม่ให้นำสิ่งใดแปลกปลอมเข้ามาอย่างละเอียด
ในตอนนั้นนั่นเอง ที่หลิวไห่ถูกจับก้น เขาหันไปมองผู้ชายคนนั้นด้วยความไม่พอใจ ไอ้หนุ่มก้ามปูตัวสูงคนนั้นเหมือนกำลังท้าทายเขา หลิวไห่ข่มความแค้นไว้ในใจ เดินตามนักโทษคนอื่นไปรับเสื้อผ้านักโทษและผ้าเช็ดตัวของเรือนจำหนึ่งผืนอย่างเงียบ ๆ โดยไม่หันมาโมงผู้ชายตัวโตที่ตอนนี้เดินตามก้นเขามาแม้แต่น้อย
ทุกคนต่างเปลี่ยนเสื้อผ้าและอยู่ในชุดนักโทษเรียบร้อย ทุกคนก็ถูกนำไปยังห้องโล่งห้องหนึ่งและถูกสั่งให้นั่งลงด้านหน้าเป็นเวทีเตี้ย ๆ นักโทษวันนี้หลิวไห่นับได้ประมาณสิบกว่าคน ผู้ช่วยผู้คุมคนหนึ่งเดินเข้ามาบอกกฎการอยู่ในเรือนจำอย่างละเอียดให้พวกเขารู้
หลิวไห่ฟังอย่างผ่าน ๆ สิ่งที่เขาท่องไว้ในใจคือห้ามหาเรื่อง หลังจากนั้นผู้ช่วยผู้คุมก็ปล่อยพวกเขาเข้าเรือนนอน หลิวไห่มองเห็นผู้ช่วยผู้คุมคนหนึ่งเดินมาใกล้ ๆ ผู้ชายกล้ามปูที่จับก้นเขาคนนั้น ดูเหมือนว่าพวกเขาจะส่งบางอย่างให้แก่กัน
หลิวไห่มองอย่างสนใจดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสนใจพวกเขาเหตุการนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เหมือนว่าเป็นเรื่องที่พวกเขากระทำกันมาอย่างชำนาญจนใครก็จับสังเกตไม่ได้
หลิวไห่และผู้ชายก้ามโตถูกนำเข้ามาในห้องขังรวมห้องหนึ่ง ห้องนี้มีคนอยู่ราวสามสิบคนรวมกับคนที่มาใหม่แล้ว เพราะเป็นเวลาเย็นแล้ว พวกเขามาไม่ทันเมื้อเย็นของเรือนจำ จึงทำให้ทุกคนที่เพิ่งเข้ามาต้องอดข้าวโดยไม่มีใครสนใจ
หลิวไห่หาพื้นที่ว่างได้ที่หนึ่งซึ่งเป็นพื้นที่ว่างที่คับแคบพอแค่ให้เขาเอนตัวนอนเท่านั้น ในขณะที่ผู้คุมเข้ามาตรวจเป็นรอบสุดท้ายและสั่งให้ทุกคนเข้านอนตามเวลา หลิวไห่ไม่สนใจคนข้าง ๆ ที่ชวนเขาคุย ความเงียบของหลิวไห่ทำให้คนอื่นไม่กล้าเข้าใกล้
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปหมดแล้ว ผู้ชายก้ามปูคนนั้นกลับไม่นอนเขาลุกขึ้นนั่งทันที หลิวไห่ชำเลืองมองคนคนนั้น เห็นว่าคนสี่ห้าคนกำลังรุมล้อมเขาอยู่พร้อมกับเรียกว่าลูกพี่ แล้วเอาขนมปังออกมาพร้อมน้ำขวดหนึ่งให้เขากิน และพื้นที่อันจำกัดของห้องนี้กลับถูกคนของเขาที่มีอยู่แค่ไม่กี่คนครอบครองไปมากกว่าครึ่ง ในขณะที่นักโทษคนอื่นแทบจะนอนกอดกันอยู่แล้ว
หลิวไห่ได้แต่คิดในใจว่า ไม่ว่าที่ไหนในโลกไม่เว้นแม้แต่คุกก็ยังมีอภิสิทธิ์ชนที่มีอำนาจเหนือคนอื่น แต่เรื่องนี้เขายังไม่ได้รับความเดือดร้อนเกินไปเขาจึงพอทนได้
ผู้ชายกล้ามปูคนนั้นมองมาที่หลิวไห่ที่ตอนนี้นอนหันหลังให้เขาแล้วพูดขึ้นมาว่า
“พวกมึงลากมันมานี่ ให้มันรู้ว่าใครเป็นใคร”