หลี่เจี่ยซินเปลี่ยนเส้นทางจากที่แต่เดิมตั้งใจจะกลับบ้านของพวกเขา แต่ตอนนี้หญิงสาวขับรถมุ่งออกไปนอกเมือง ถนนทั้งโล่งทั้งกว้างเพราะวันนี้เป็นวันหยุดไม่นานเธอก็พาคู่หมั้นปลอม ๆ มาถึงบ้านเดิมของย่าซึ่งเป็นบ้านทรงโบราณหลังไม่ใหญ่มากติดกับริมแม่น้ำบรรยากาศอึมครึมหลังหนึ่ง
คนชราเดินออกมาต้อนรับพร้อมทั้งมีอาสะใภ้ของหลี่เจี่ยซินคอยพยุง
หลี่เจี่ยซินวิ่งเข้าไปกอดคุณย่าอย่างดีใจ
“มาแล้วเหรอ เสี่ยวเจี่ยกับหลานเขย”
เป็นครั้งแรกที่หลิวไห่เห็นคุณย่าของหลี่เจี่ยซิน ดูแล้วคงอายุร่วมร้อยปีได้กระมังแต่ใบหน้ายังสดใสเป็นอย่างยิ่ง ความจำของคุณย่ายังดีและพูดจาคล่องแคล่วไม่มีติดขัด
ตั้งแต่หลี่เจี่ยซินได้งานบอดี้การ์ดทั้งยังเป็นคู่หมั้นปลอม ๆ ของเฉินเฟยอวี๋ฐานะการเงินของเธอก็มั่นคงขึ้น เขาช่วยเธอใช้หนี้ยังให้หักเงินเดือนเพื่อผ่อนชำระ และยังได้เงินเดือนก้อนโตจนสามารถดูแลย่าของเธอได้เป็นอย่างดี
หลิวไห่มองสำรวจรอบบริเวณบ้านหลังใหญ่แบบโบราณอย่างรวดเร็ว เขาทำความเคารพคนชราแล้วถูกพาเข้ามายังลานกลางบ้าน
“ไม่ต้องเกรงใจนะ ย่าเตรียมของบำรุงไว้มาก กินให้อิ่มย่าให้อาสะใภ้ใส่กล่องกับบ้านให้หลานทั้งสองด้วย”
“ขอบคุณครับคุณย่า”
หลี่เจี่ยซินสังเกตุดูเห็นว่าหลิวไห่ไม่ได้รู้สึกอึดอัดเหมือนทุกครั้งก็รู้สึกสบายใจ หรือว่าความยากลำบากในการที่ต้องรักษาบริษัทจะทำให้เขาคิดได้ ไม่เอาแต่ความสบายเหมือนเดิม
ปกติแล้วเฉินเฟยอวี๋เป็นคนไม่ชอบบ้านหลังนี้ หนึ่งปีที่หมั้นกันมาเฉินเฟยอวี๋มาที่นี่แทบจะนับครั้งได้ นั่นเป็นเพราะเขาบอกว่าบรรยากาศน่ากลัวจึงไม่ค่อยชอบบ้านหลังนี้นัก
คิดแล้วก็ช่างตรงกันข้ามกับในตอนนี้ ไม่ว่าเขาจะเสแสร้งแกล้งทำหรือชื่นชมความงามของบ้านอย่างใจจริง หลี่เจี่ยซินก็รู้สึกดีเป็นอย่างยิ่ง
และดูคุณย่าเองก็จะชอบเขามากขึ้นแล้ว
“นี่คือยาบำรุงที่ย่าตุ๋นเองกับมือ เป็นสูตรเฉพาะของต้นตระกูลรับรองว่าหลานเขยกินแล้วต้องแข็งแรงกว่าม้าพันธุ์ดี จะได้มีเหลนให้ย่าเร็ว ๆ”
หลี่เจี่ยซินที่กำลังยกน้ำแกงขึ้นดื่มแทบจะสำลัก
“ย่าคะยังไม่แต่งกันเลยจะมีเหลนได้ยังไง”
คนชราอายุเกือบร้อยปีแต่ยังแข็งแรงอยู่มากโบกมือพร้อมกับหัวเราะ
“ไม่ต้องจัดงานแต่งให้วุ่นวาย จดทะเบียนสมรสก็เสร็จพิธีแล้ว ขอเพียงรักและจริงใจต่อกันก็พอ”
หลี่เจี่ยซินถึงกับหัวเราะออกมา
“ย่าคะ ทำไมย่าไม่หัวโบราณเลยล่ะ จะมายกหลานสาวให้คนอื่นโดยไม่จัดพิธีได้ยังไง”
“ก็ถึงเวลาสมควรต้องแต่งงานแล้วไม่ใช่เหรอ”
หลิวไห่พยักหน้าแล้วเห็นด้วย
“ถ้ายังงั้นก็จดทะเบียนพรุ่งนี้เลยดีหรือเปล่าครับ ส่วนพิธีวันไหนสะดวกก็จัดเลยไม่ต้องวุ่นวายมาก ตัวผมเองก็ไม่มีญาติที่ต้องเชิญให้วุ่นวายด้วย”
เมื่อหลานเขยพูดถูกใจ ย่าของหลี่เจี่ยซินจึงยิ้มกว้าง คะยั้นคะยอให้เขาดื่มยาบำรุงจนหมด ยังมีน้ำแกงสมุนไพรที่ตุ๋นกับมืออีกหลายชาม
หลี่เจี่ยซินยิ้มแป้น นั่นเป็นเพราะว่าเธอเข้าใจว่าเฉินเฟยอวี๋เพียงแต่พูดเล่นเท่านั้น
“แล้วแต่คุณเลยค่ะ”
เธอยังสนับสนุนเขาอีก
“ดี ในเมื่อตกลงแล้วพรุ่งนี้เรามาจดทะเบียนกัน”
ย่าของหลี่เจี่ยซินดีใจมาก ยังอวยพรพวกเขาอีกหลายคำ
หลังดื่มของบำรุงเรียบร้อย ย่าของหลี่เจี่ยซินก็ให้บางอย่างแก่หลิวไห่
“นี่คือของสำคัญของสกุลหลี่ เป็นประคำหยกศักดิ์สิทธิ์เก็บไว้นะจะทำให้แคล้วคลาด ย่าเก็บไว้ให้หลานเขยนานแล้ว”
หลิวไห่มองหยกล้ำค่าในมือ เขาพอดูของเก่าเป็นอยู่บ้างจึงได้แต่ตกใจ
“คุณย่าครับหยกนี่มีราคาไม่น้อยเลยนะครับ ให้ผมจะดีเหรอครับ”
ย่าของหลี่เจี่ยซินจึงจับมือของเขาเอาไว้ มือเหี่ยว ๆ ของคนแก่ให้ความอบอุ่นแต่แห้งผากทำให้คนที่ได้สัมผัสรับรู้ได้ถึงประสบการณ์ที่ผ่านโลกมายาวนานของสตรีผู้นี้
ตอนนี้เขารู้สึกอบอุ่นในใจและรู้สึกเศร้าใจไปพร้อม ๆ กัน
หลังจากนั้นคนชราจึงจับมือของหลี่เจี่ยซินมาวางที่มือของเขา เขาถือโอกาสจับมือของหลี่เจี่ยซินเอาไว้อย่างถนอม
โชคชะตาของเขากับหลี่เจี่ยซินเหมือนว่าได้เริ่มต้นมานานแล้ว และตอนนี้เขาก็พร้อมจะสานต่อแล้วเช่นกัน
“สองคนต่อไปถือเป็นคนคนเดียวกันแล้ว ต้องดูแลกันให้ดีนะ หลานเขยของย่าดูก็รู้ว่าเป็นคนดีขนาดไหน ถึงจะมีบางเรื่องที่ปิดบังบ้างแต่ย่าเชื่อว่าเขาจริงใจกับเสี่ยวเจี่ยของย่า รับปากว่าจะดูแลเสี่ยวเจี๋ยให้ดีได้หรือเปล่่า”
ความรู้สึกของหลิวไห่ในตอนนี้คือ
คุณย่าคนนี้รู้แล้วว่าเขาไม่ใช่เฉินเฟยอวี๋ตัวจริง แต่ยังวางใจเขาได้ขนาดนี้ เป็นเพราะอะไรกัน
มือของเฉินเฟยอวี๋สัมผัสมือคนชราอย่างอบอุ่น
“ผมจะดูแลเสี่ยวเจี่ยให้ดีที่สุดครับคุณย่าไม่ต้องเป็นห่วง”
เป็นเพราะนิสัยแบบนี้ของเขา ชอบใจอ่อนกับคนชรา ทำให้เผลอรับปากเรื่องดูแลหลี่เจี่ยซินไป
การรับปากแบบนี้จะไม่เท่ากับการยินดีรับเธอเอาไว้ตลอดชีวิตหรอกเหรอ
ในขณะที่หลิวไห่คิดไปไกล หลี่เจี่ยซินกลับคิดว่านี่ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งในการแสดงของเขา
มีคนมาหาที่หน้าบ้าน อาสะใภ้จึงออกไปต้อนรับ พบว่าเป็นคนส่งจดหมายคนหนึ่ง เธอรับมาพร้อมกับกล่าวขอบคุณเบา ๆ
จดหมายฉบับหนึ่งอยู่ในมือของอาสะใภ้ แต่หลี่เจี่ยซินเห็นว่าเธอซ่อนเอาไว้ไม่ให้คุณย่าเห็น หลี่เจี่ยซินจึงยิ้มซุกซน
หลิวไห่เห็นท่าทางสองคนมีพิรุธ เขาเองก็อดสงสัยไม่ได้แต่ก็ไม่ได้ถามออกไป
“ใครมาเหรอ”
ย่าถามขึ้น
“ไม่มีอะไรค่ะ แค่คนมาถามทางเท่านั้น”
อาสะใภ้กลับโกหกคุณย่าไปแบบนั้น หลิวไห่ไม่คิดว่าการที่คนจะมาส่งจดหมายเป็นเรื่องแปลกอะไร เขายังไม่เข้าใจนัก หรือระหว่างหลี่เจี่ยซินกับอาสะใภ้คนนี้จะมีความลับบางอย่างที่บอกคุณย่าไม่ได้
เวลาผ่านไปจนกระทั่งถึงเย็น หลิวไห่และหลี่เจี่ยซินจึงขอตัวกลับได้ ในตอนนั้นคนแก่ก็หมดแรงแล้วจึงเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ
เมื่ออยู่ในรถกันสองคนหลี่เจี่ยซินจึงเป็นฝ่ายบอกเขาเอง
“ที่รักสงสัยเหรอคะว่าคนส่งจดหมายเอาอะไรมาส่ง”
เขาพยักหน้าแต่ก็บอกเธอว่า
“ถ้าไม่สะดวกพูดก็ไม่เป็นไรนะ ไม่จำเป็นต้องบอกทุกเรื่องก็ได้”
หลี่เจี่ยซินคาดเข็มขัดนิรภัยให้เขาด้วยความเคยชิน กลิ่นแชมพูหอมอ่อน ๆ ยังคงติดอยู่ที่เรือนผมของเธอ หลิวไห่อดที่จะสูดความหอมของเรือนผมนั้นไม่ได้
“พูดได้ค่ะ ความจริงของนั่นสำคัญกับคุณย่าไม่น้อย”
“สำคัญแต่ก็ปิดบังท่านเหรอ”
“ใช่ค่ะ”
“ทำไมล่ะ”
หลิวไห่ยิ่งฟังก็ยิ่งงง
“คุณย่าแก่มากแล้ว หลายครั้งมักจะลืมว่าคุณปู่เสียแล้วคิดว่ายังทำงานอยู่ต่างเมือง จึงมักจะส่งจดหมายถึงคุณปู่เป็นประจำค่ะ อาสะใภ้ไปส่งก็ต้องมีหลักฐานการส่งเลยใช้จดหมายฉบับเดิมนั่นแหละ ส่งไปเรื่อย ๆ ที่อยู่ก็เป็นของที่นี่จดหมายฉบับนั้นจึงถูกตีกลับมาที่นี่ประจำค่ะ”
“หมายความว่าคุณย่า ส่งจดหมายหาคุณปู่แต่อาสะใภ้ให้ให้ที่อยู่ผู้รับเป็นที่นี่เหรอ”
หลี่เจี่ยซินพยักหน้า
“ใช่คะ ที่อยู่ที่ทำงานของคุณปู่ไม่มีนี่คะ ท่านเสียไปนานแล้วอาสะใภ้เลยเขียนที่อยู่ที่นี่แทน”
“อืม ผมเข้าใจแล้วล่ะ”
เขาตอบ คิดแล้วก็อดสงสารคนแก่ไม่ได้ เขาดีใจแทนหลี่เจี่ยซินถึงพ่อแม่จะเสียไปแล้วก็ยังมีญาติผู้ใหญ่ให้ดูแล ในขณะที่เขาไม่มีใครเลยที่นับว่าเป็นญาตในชีวิตนอกจากน้องชายฝาแฝดของเขา
แต่แล้วหลิวไห่ก็คิดอะไรบางอย่างออก
ในวันนั้นก่อนเกิดเรื่อง พ่อของเขาให้หลิวไห่ส่งของบางอย่างกลับแผ่นดินใหญ่ ในซองนั้นบรรจุอย่างแน่นหนา หลิวไห่ยังถามพ่อของเขาว่ามันคืออะไร
ซึ่งในวันนั้นพ่อของเขาตอบว่า
“ของสำคัญที่สุดในชีวิตของพ่อ มันอาจทำให้พ่อได้รับอันตรายถึงชีวิต ลูกช่วยไปส่งมันกลับแผ่นดินใหญ่ส่งไปที่ตู้ไปรษณีย์ที่เราเช่าเอาไว้แทนพ่อที”
ในตอนนั้นหลิวไห่ยังคิดว่าพ่อเขาแค่เพียงพูดเล่น จัดการส่งให้ตามที่พ่อบอกก็ลืมไปแล้ว
หรือว่าในซองนั้นอาจจะมีของที่เขากำลังตามหาอยู่ก็เป็นได้