“ฉันถามเธอจริง ๆ นะที่รัก เธอเอาเงินจากไหนมาจ่ายค่าแหวนพวกนี้”
หลี่เจี่ยซินมองแหวนในมือพร้อมกับคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป
“ไม่ต้องสงสัยหรอก เอาเป็นว่าฉันไม่ได้ถังแตกอย่างที่เธอเข้าใจ”
หลิวไห่ตอบเสียงราบเรียบ
หลี่เจี่ยซินตีเข้าที่แขนของเขาต่อว่าด้วยน้ำเสียงน้อยใจ
“เธอกำลังมีความลับกับฉันเหรอ ตอบฉันมาตามตรงเถอะฉันเข้าใจ เธอนอกใจฉันอีกแล้วใช่หรือเปล่า”
หลิวไห่กำลังขับรถเขามองเธอแล้วถามว่า
“หมายความว่ายังไง”
หลี่เจี่ยซินยิ้มทำเสียงเล็กเสียงน้อย
“เธอไปฮ่องกงคราวนี้คงไปหาหนุ่มสักคนที่รวยมาก ๆ และกำลังเลี้ยงดูเธออยู่ใช่หรือเปล่า”
หลิวไห่สำลัก ผู้หญิงคนนี้คิดบ้าอะไรของเธออยู่
หลี่เจี่ยซินยังพูดด้วยความห่วงใย
“ฉันว่าที่งูของเธอผงกหัวคงเป็นเพราะผู้ชายคนใหม่แล้วล่ะ คงไม่ใช่เพราะฉันแล้ว ฉันน่ะเสียใจจริง ๆ นะทั้ง ๆ ที่คิดว่าเป็นเพราะฉันแท้ ๆ แต่ความจริงกลับไปไม่ใช่ แต่ถ้าเธอกินยามากมันก็ไม่ดีนะมันส่งผลเสียต่อสุขภาพของเธอโดยตรง”
หลิวไห่ส่ายหน้าพลางคิดว่า
เอาล่ะเขารู้จักหลี่เจี่ยซินเพิ่มขึ้นมาอีกนิดแล้ว ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงสายมโนของแท้เลยล่ะ
“เธออย่าเดามั่วได้หรือเปล่า”
“ไม่ต้องอายหรอกเราสองคนแทบจะกลายเป็นแฝดกันอยู่แล้ว จะปิดบังฉันทำไมมีอะไรก็พูดมาตรง ๆ เถอะ”
หลิวไห่เคาะศีรษะหลี่เจี่ยซินเบา ๆ
“ฉันไม่อยากเป็นแฝดกับเธอแล้วล่ะ อย่าพูดมากอีก”
หลี่เจี่ยซินดวงตาเป็นประกายเหมือนลูกสุนัขถูกทิ้งตัวหนึ่ง
“ใจร้าย”
หลิวไห่ไม่มองเธอแล้ว เขาตั้งอกตั้งใจขับรถ
“อย่าคิดอะไรเหลวไหลอีก”
“จะไม่ให้คิดได้ยังไงเธอไปเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะ ทั้ง ๆ ที่บริษัทกำลังย่ำแย่แล้วยังจะถูกถีบออกจากตำแหน่งอีก”
“ฉันก็มีเส้นสายอยู่บ้าง ถ้าไม่ต้องห่วงหรอก”
หลี่เจี่ยซินเห็นว่าเขาเริ่มมีความลับของเขาแล้ว เธอจึงไม่เซ้าซี้อีก ยังไงเฉินเฟยอวี๋ก็เป็นเจ้านายของเธอ เธอสามารถรู้เท่าที่เขาต้องการให้รู้เท่านั้น
หลี่เจี่ยซินคิดว่าตัวเองมีความเป็นมืออาชีพพอจึงพยักหน้าเข้าใจ
“ค่ะเจ้านาย”
หลิวไห่มองเธอรู้สึกพอใจที่หลี่เจี่ยซินเป็นผู้หญิงที่เข้าใจอะไรง่าย ๆ ก็รู้สึกโล่งใจ เธอคนนี้ไม่ทำให้เขารำคาญแม้แต่น้อย
แต่เรื่องที่เขาต้องกำชับก็ต้องกำชับเธออยู่ดี
“แหวนน่ะ เธอห้ามถอดนะ”
หลี่เจี่ยซินไม่ได้คิดสงสัยอะไรจึงพยักหน้ารับคำ
“อืม”
“ยิ่งอยู่ต่อหน้าคนอื่นยิ่งต้องห้ามถอด แสดงตัวให้ดีว่าตัวเองมีคู่หมั้นแล้วอย่าทำให้ฉันขายหน้าและอย่าให้ใครนินทาได้”
“เข้าใจแล้วน่าไม่ต้องห่วง”
“ต่อหน้าหูเสี่ยวเทียนเพื่อนคนนั้นด้วย”
หลี่เจี่ยซินขมวดคิ้ว
“เข้าใจแล้ว ฉันก็ไม่คิดจะทำให้เธอขายหน้าหรอกน่า”
หลิวไห่ยิ้มอย่างพอใจแต่ต้องหุบยิ้มทันทีที่หลี่เจี่ยซินพูดคำต่อมา
“เอาไว้ฉันค่อยหาโอกาสอธิบายให้เขาเข้าใจทีหลัง”
“ไม่ได้จนกว่าฉันจะอนุญาตถ้าฉันไม่อนุญาตเธอก็ไม่มีสิทธิ์บอกใครเรื่องนี้โดยพลการ”
หลี่เจี่ยซินไม่พอใจที่ตัวเองโดนกันซีนขนาดนี้ แต่ในเมื่อเขาเป็นเจ้านายเธอจะพูดอะไรได้ เขามีบุญคุณกับเธอขนาดนี้จึงได้แต่หุบปาก
“เข้าใจแล้วน่า แต่เธอน่าจะใจกว้างกว่านี้”
หลิวไห่ยกมุมปาก
“ฉันน่ะเป็นคนใจแคบมาก ๆ เข้าใจนะ”
เขาทำเสียงสูงหลี่เจี่ยซินเห็นว่าเขาเริ่มอารมณ์ไม่ดีจึงไม่ต่อปากต่อคำอีก
“ค่ะ เจ้านาย รับทราบ”
“ดีมาก ต่อไปให้เชื่อฟังคำสั่งให้ดีและอย่าคิดอะไรเลอะเทอะอีก”
หลี่เจี่ยซินไม่เข้าใจว่าตัวเธอไปคิดอะไรเลอะเทอะตอนไหน เธอจึงไม่ตอบเขาดวงตาจับจ้องอยู่ที่แหวนบนนิ้วมือ
การใส่แหวนหมั้นของเขาและเขายังมีสัญลักษณ์เดียวกันบนนิ้วมือนั้นทำให้เธอรู้สึกแปลก ๆ และบางครั้งยังพาลให้ใจเต้นระทึก
กระทั่งกลับมาถึงบ้านเขาหลิวไห่รีบตรงเข้าไปที่ห้องทำงาน ท่าทางเร่งรีบยังบอกหลี่เจี่ยซินว่าห้ามรบกวน
หญิงสาวสงสัยเป็นอย่างยิ่ง ปกติเฉินเฟยอวี๋ไม่เคยใช้ห้องทำงานเลยแม้แต่ครั้งเดียว คราวนี้ถึงกับเปิดห้องนั้นสงสัยว่าเขาคงตั้งใจจริงที่จะเอาบริษัทคืนเป็นแน่
ท่าทางจริงจังและมาดแมนของเขาแบบนี้จู่ ๆ ก็ทำให้หลี่เจี่ยซินใจเต้นระรัว เธอบอกเขาเสียงเบา
“ก็ได้ อยากได้อะไรก็บอกนะฉันจะเตรียมให้”
“ไม่เป็นไร ถ้าดึกมากฉันยังไม่ออกมาเธอก็นอนก่อนนะ”
“อื้ม”
หลิวไห่หายเข้าไปในห้องทำงานหลายชั่วโมงจนกระทั่งดึกดื่นก็ยังไม่ออกมา หลี่เจี่ยซินทำได้แค่นอนรอเขาในห้องกระทั่งหลับไป
ด้านหลิวไห่ ตอนนี้เขาพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะหารหัสผ่านเพื่อที่จะเข้าไปดูข้อมูลในแฟรชไดร์ฟที่เขาได้มา
ปลายสายโทรศัพท์ของเขาอยู่ที่ฮ่องกง พวกเขาพยายามกันอย่างมากก็ไม่สามารถเปิดดูข้อมูลได้
“ถ้างั้นนายต้องมาหาฉันที่นี่แล้วล่ะ ฉันคิดว่าเราต้องรอบคอบกว่านี้”
หลิวไห่พูดขึ้น
ปลายสายของเขาคือลูกน้องคนสนิทชื่อ อาไฉ่ ซึ่งเป็นอีกคนที่ติดตามเขาตั้งแต่ออกจากคุกเช่นกัน
“ได้ครับนาย พรุ่งนี้ผมจะจองตั๋วเครื่องบินไฟลท์แรกเลยครับ”
หลิวไห่วางสายไปแล้ว เขาดึงแฟรชไดร์ฟออกจากคอมพิจารณาอยู่นาน
“พ่อครับพ่อใช้รหัสอะไรกันแน่ครับ มันคงสำคัญมากจนทำให้พ่อต้องใช้ชีวิตของพ่อแลกกับมัน”
หลิวไห่กลับไปที่ห้องนอนเขามองดูนาฬิกาตอนนี้เป็นเวลาตีสองกว่าแล้ว และหลี่เจี่ยซินก็กำลังนอนอย่างไม่เกรงใจเขาสักนิดจนเต็มเตียง
หลิวไห่ขยับขาของหลี่เจี่ยซินที่นอนพาดมายังฝั่งเขาพร้อมกับบ่นเบา ๆ
“ผู้หญิงที่ไหนเขานอนเหมือนเธอกันบ้าง”
หลิวไห่ถอนหายใจ มองผู้หญิงร่างเล็กที่นอนหลับอย่างสบายใจตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“ฉันชอบอะไรในตัวเธอกันนะ”
หลี่เจี่ยซินหันหันหน้ามาฝั่งเขา หลิวไห่จึงเอนตัวลงนอนตะแคงมองหน้าหลี่เจี่ยซินเนิ่นนาน เขาใช้นิ้วเขี่ยขนตายาวงอนของเธอ หญิงสาวพลิกตัวหลิวไห่สะดุ้งสุดตัวเมื่อโดนขาหนัก ๆ ของเธอพาดเข้าที่ท้อง
ท่าทางว่าคืนนี้เขาคงนอนไม่หลับอีกเป็นแน่