หลี่เจี่ยซินในชุดมิดชิดใส่หมวกกันฯ็อคเดินตรงไปยังตรอกนั้นโดยไม่มีใครสังเกตเห็น ในชั่วโมงที่ผู้คนต่างยุ่งอยู่กับการทำงานและหิมะกำลังโปรยปรายลงมาเช่นนี้ จึงไม่มีใครสนใจคนอื่นสักเท่าไหร่ หลิวไห่ยืนมองเธอจากอีกฟากของถนน สายตาของเขามีเธอเป็นจุดโฟกัสทั้ง ๆ ที่รู้ว่าหลี่เจี่ยซินเอาอยู่เขาก็ยังห่วงเธอมากอยู่ดี
หลี่เจี่ยซินเดินไปหยุดระหว่างคนสองคนที่กำลังจ้องกันราวกับกำลังรอว่าใครจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่ละคนจับที่เอวของตัวเองแน่นอนว่าพวกเขาต่างก็พกปืนกันมา
หลี่เจี่ยซินกระแอม ทั้งยังทำเสียงให้เข้มกว่าปกติเล็กน้อย
“ทะเลาะกันเสร็จหรือยัง จะขอถามอะไรหน่อย”
ผู้ชายร่างใหญ่สองคนมองมาที่เธอ หลี่เจี่ยซินยกกระจกหมวกกันน็อคขึ้นแล้วยิ้มจนตาหยี เธอกำลังมีมารยาทจะขอของและถามดี ๆ เพื่อไม่ต้องลงไม้ลงมือกัน แต่สองคนนั้นกลับหัวเราะ
ถึงแม้ว่าหลี่เจี่ยซินจะอยู่ในชุดตัวโคร่งแต่เธอก็ยังตัวเล็กมากอยู่ดี
“เจ้าหนูมายุ่งอะไรเรื่องของผู้ใหญ่ ไปให้ไกล ๆ ตีน ก่อนจะเจอตีนเสียเอง”
ตำรวจคนนั้นพูดขึ้นอย่างรำคาญ เขายังโบกมือไล่เธออีกด้วย
“ยังไม่เสร็จธุระไปไม่ได้”
หลี่เจี่ยซินส่ายหน้า
“ทำไมจะถามทางเหรอ จะไปไหนล่ะ”
ตำรวจคนนั้นถึงจะช่วยคนร้ายทำงานแต่เขาก็ยังเป็นคนดีอยู่มาก
“ไม่ใช่หรอก จะถามว่าซองในซองน้ำตาลในมือของนายน่ะมีอะไร และก็พวกนายกำลังคุยอะไรกันอยู่”
ผู้ชายอีกคนหัวเราะเสียงดัง
“เจ้าหนูนี่วอนตายแล้วมั๊ยล่ะ เสือกอะไรกับเรื่องผู้ใหญ่ถ้าไม่อยากตายก็ไปให้ไกลเลย”
หลี่เจี่ยซินหัวเราะบ้าง ถึงน้ำเสียงจะแหลมเล็กแต่สำหรับหลี่เจี่ยซินแล้วเธอคิดว่านี่ช่างเป็นน้ำเสียงที่น่ากลัวและดุดันจนทำให้คนตัวสั่น
หลิวไห่รอเธออย่างใจเย็น เขาไม่ได้ยินว่าหลี่เจี่ยซินพูดอะไรกับคนพวกนั้นแต่ท่าทางเธอในตอนนี้เหมือนกำลังจะถูกพวกเขารุมอัดอยู่แล้ว เขาลุกขึ้นข้ามถนนที่ไม่มีรถผ่านมาอย่างวดเร็ว หลิวไห่มองไปรอบ ๆ เห็นมอเตอร์ไซต์จอดส่งของจอดอยู่คันหนึ่งจึงคว้าหมวกกันน็อคที่วางอยู่บนเบาะมาสวม
เขาปล่อยให้เธออยู่กับพวกนั้นลำพังไม่ได้อีกต่อไป หลิวไห่สวมหมวกกันน็อคพร้อมกับวิ่งเร็วเมื่อเห็นหลี่เจี่ยซินถูกผู้ชายสองคนผลัก และเธอกำลังจะถูกซัดเข้าที่ใบหน้า แต่แล้วเขาก็ต้องเบาฝีเท้าเมื่อหลี่เจี่ยซินก้าวขาไวจนเขามองไม่ทัน พริบตาเดียวผู้ชายสองคนนั่นก็ล้มไปนอนบนพื้นจมตีนเธอเรียบร้อยแล้ว
“โอ้ ไม่ต้องให้ช่วยแฮะ เอาล่ะใจเย็นหลิวไห่เข้าไปให้เท่ห์ ๆ หน่อย”
เขาบอกกับตัวเองเมื่อคิดว่าท่าทางของตัวเองตอนนี้ลุกลี้ลุกลนจนเกินไป
“ไอ้งั่งเอ๊ย ฉันจะอัดแกให้น่วมเลยคอยดู”
หลี่เจี่ยซินเตะเข้าที่ปากของผู้ชายคนนั้นอย่างแรง เลือดจากปากสาดออกมาเต็มพื้น เธอหัวเราะเสียงใส
“เมื่อกี้ใครจะอัดฉันนะ ไอ้เลวเอ๊ยมีมารยาทมั่งคนถามดี ๆ กลับคิดจะตบกบาลฉันเหรอจำใส่สมองไว้ แกกับฉันมันคนละชั้น”
หลี่เจี่ยซินถือปืนของพวกเขาไว้ทั้งสองมือ หลิวไห่ไม่คิดว่าเธอจะเร็วขนาดฉกปืนของตำรวจและคนร้ายได้ในเวลาพร้อม ๆ กัน
“นี่แกเป็นตัวอะไรกันแน่”
เมื่อตำรวจคนนั้นเห็นหลี่เจี่ยซินถือปืนไว้ในมือถึงกับตกใจ เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเด็กน่ากลัวคนนี้แย่งปืนไปจากเขาตอนไหน
“บรรพบุรุษของแกยังไงล่ะ”
“ไอ้เลวแกกล้าด่าบรรพบุรุษฉันเลย”
“เอาสิวะ จะทำไมล่ะจะอัดฉันหรือไง”
หลี่เจี่ยซินดูหนังมาเฟียมาเยอะ เธอยืมคำพูดพวกนี้มาใช้แล้วก็รู้สึกคึกคักและสนุกมาก ในขณะที่คนฟังแทบคลั่งจนผวาเข้าไปจะต่อยเธอ ตำรวจคนนั้นยังไม่ทันขยับตัวก็ถูกเท้าใหญ่ของใครบางคนถีบจนล้มหน้าฟาดไปกับพื้นอีกครั้ง
หลี่เจี่ยซินตาค้าง
ที่รักของเธอทำไมรุนแรงแบบนี้ คนบอบบางแบบหลิวเฟยอวี๋ไปจำนิสัยอันธพาลแบบนี้มาจากใครกัน หลี่เจี่ยซินรู้สึกรับไม่ได้จริง ๆ เธอชอบหลิวเฟยอวี๋ที่นุ่มนิ่มบอบบางเละคอยให้เธอคุ้มครองมากกว่า
“กล้าคิดอัดคนของฉันเหรอวะ”
ผู้ชายอีกคนขยับคิดวิ่งหนี หลี่เจี่ยซินเห็นแล้วจึงดึงให้เขานั่งคุกเข่าลงตามเดิม
“เจ้านายเอายังไงดี”
“ให้มันคายข้อมูลออกมา ถ้าไม่ยอมบอกก็ตัดนิ้วมันซะ”
หลี่เจี่ยซินขนลุก รู้สึกปลาบปลื้มใจที่เขาทำได้ดีทั้งที่เมื่อสักครู่ยังอยากให้เฉินเฟยอวี๋บอบบางอยู่เลย
เฉินเฟยอวี๋นายนี่เท่ห์ชะมัด ว๊าว ตัดนิ้ว คำนี้ฉันก็อยากจะพูดเหมือนกัน
เธอโยนปืนของตำรวจให้หลิวไห่ เขาดึงกระสุนออกจนหมดรังปืนโดยที่ไม่มีใครรู้เพื่อป้องกันเหตุร้ายเอาไว้ก่อน
สองคนที่ได้ฟังถึงกับสะดุ้ง ตำรวจคนนั้นรักตักกลัวตายเขาหาเงินจากการทุจริตในหน้าที่มาเยอะ ยังไม่ได้ใช้เลยเขาจะมานิ้วขาดไม่ได้
“พวกแกต้องการอะไร”
เขาจึงถามขึ้น
“ก็แค่บอกมาว่าพวกแกกำลังให้คนตามเฝ้าใครและทำไมกัน”
“เฝ้าใคร ฉันจะตามเฝ้าใครแกพูดเรื่องอะไร”
ตำรวจคนนั้นได้รับการฝึกมาดี จึงปฏิเสธได้ไหลลื่นจนไม่มีพิรุธ
หลี่เจี่ยซินดึงมีดพกออกมา แล้วดึงมือของตำรวจคนนั้นออกมากางที่พื้น
“เจ้านาย นิ้วไหนก่อนดี”
หลิวไห่เหยียบเข้าที่มือของตำรวจคนนั้นแล้วขยี้เบา ๆ
“ไม่ต้องเลือกตัดทิ้งทั้งห้านิ้วเลย”
หลี่เจี่ยซินวางมีดลงบนนิ้ว ดึงเวลาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าตำรวจคนนั้นกำลังเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขากำลังพูดไม่ออก
“ฉันชอบนับขอนับสามแล้วกัน”
เธอกดปลายมีดลงไปที่นิ้วก้อยของเขาก่อน ยังไม่ทันอ้าปากตำรวจคนนั้นก็โพล่งออกมา
“บอกแล้ว บอกแล้ว ฉันกำลังตามคน ตามคนอยู่”
หลี่เจี่ยซินทำหน้าท่าเสียดายมากที่ไม่ได้ตัดนิ้วคน หลิวไห่ยกยิ้มเมื่อคน ๆ นี้คายข้อมูลออกมาแล้ว
“ตามใครบอกมาให้หมด”
นายตำรวจคนนั้นชี้ไปที่ผู้ชายอีกคน
“ถามเขาสิ เขารู้ดีกว่าผมอีก”
หลิวไห่นั่งลงใช้ปืนของตำรวจจ่อเข้าที่ปลายคางของเขา พร้อมกับทำเสียงเหี้ยม
“เฟี้ยว นัดเดียวจอดแกคิดว่าจะรอดหรือเปล่า อย่าให้ถามมากรีบบอกมา”
ผู้ชายคนนั้นที่ผ่านมาเขาที่คุกเข่าอยู่ตรงนั้นหยิบซองน้ำตาลแล้วโยนให้พวกเขา
“พวกเราแค่ตามคนพวกนี้ ผู้หญิง เก่ง ฉลาด อายุ ยี่สิบถึงยี่สิบห้าปี ในย่านนี้ทุกคนแล้วค่อย ๆ คัดคนที่โง่ในกลุ่มออกทีละคนจนกว่าจะเจอคนที่เก่งที่สุด”