ข้อมูลลับที่พ่อของเขานำออกมาถูกปริ้นออกมาเป็นกระดาษชุดแล้วชุดเล่าจนกระทั่งเป็นกระดาษปึกหนึ่ง หลิวไห่ไล่ดูทีละแผ่นเมื่อเห็นว่าเป็นสูตรทางเคมีบางอย่าง
“มันคือสูตรอะไรกันแน่ ที่พ่อของฉันต้องตายเพราะมัน”
หนึ่งในแฮ็คเกอร์หนุ่มหล่อพูดขึ้น
“เหมือนพวกเขากำลังทดลองบางอย่างอยู่เลยนะครับ สูตรพวกนี้ ว่าแต่ว่าคุณพ่อของเจ้านายเป็นนักวิทยาศาตร์เหรอครับ”
หลิวไห่ส่ายหน้า
“ไม่ใช่เหรอ เขาเป็นแค่เลขาคนหนึ่งเท่านั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องวิทยาศาสตร์เลย”
อีกหนุ่มหล่อหัวเราะ
“นายครับส่วนพวกผมก็เป็นแค่นายแบบธรรมดา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเป็นแฮ็คเกอร์เลยเหมือนกัน”
ความหมายนี้หลิวไห่ไม่ต้องตีความ
หรือว่าพ่อของเขาจะมีตัวตนอีกตัวตนหนึ่งที่หลิวไห่ไม่รู้ เขาล้วงในกระเป๋าแล้วดึงภาพที่เขาเพิ่งพบออกมาดู ทุกคนในนั้นล้วนใส่เสื้อกาวน์สีขาว รวมทั้งพ่อของเขาด้วย
คนพวกนี้กำลังทดลองอะไรอยู่กันแน่
“ต่อไปงานของพวกนายคือต้องหาให้เจอว่ากู้เมิ่งมันแอบซ่อนอะไรเอาไว้หรือเปล่า ล้วงเอาความลับของมันมาให้ได้”
“ไม่มีปัญหาครับ”
หลิวไห่เก็บเอกสาร เขารู้สึกว่าคนพวกนี้กำลังทำเรื่องไม่ดี เพียงแต่ว่าเป็นเรื่องอะไรและเขาต้องเปิดโปงคนพวกนี้ให้ได้
สูตรทางเคมีพวกนี้หลิวไห่คิดว่าคงต้องให้ลุงเฉิงเป็นคนช่วยเหลือเขาเสียแล้ว
“ส่งข้อมูลสูตรลับพวกนี้ให้นายใหญ่ อีกไม่นานเราก็จะได้รู้กันว่ามันคือสูตรอะไรกันแน่”
หลายวันต่อมาในขณะที่หลิวไห่กำลังทำงานอยู่นั้น กู้เมิ่งก็เข้ามาหาเขาถึงบริษัท หลิวไห่วางปากกาลงเอนตัวพิงเก้าอี้พร้อมทั้งกอดอก
สายตาแบบนี้แน่นอนว่ากู้เมิ่งย่อมรู้แล้วว่าเขาไม่ใช่เฉินเฟยอวี๋
“นายมีอะไรก็ว่ามา”
“หึ ฉันก็แค่แปลกใจเลยมาดูให้เห็นเองกับตา ไม่คิดว่าจะมีคนที่เหมือนนายจนคนอื่นแยกไม่ออกแบบนี้”
“เห็นแล้วยังไง”
หลิวไห่ยักไหล่ เขาไม่ได้คิดปิดบังอะไร
“ไม่กลัวฉันเอาเรื่องนี้ไปบอกพวกผู้ถือหุ้นเหรอ คนที่นั่งทำงานบริหารอยู่นี้ที่แท้คือฝาแฝดของเฉินเฟยอวี๋ ชื่อหลิวไห่ คงสนุกน่าดู”
หลิวไห่ไม่สนใจ
“อยากทำอะไรก็เรื่องของนาย ฉันไม่สนใจหรอก”
“อ้อ ไม่แคร์ซะด้วย”
“ใช่ ไม่แคร์อยากทำอะไรก็ทำเถอะ”
กู้เมิ่งหัวเราะ
“บริษัทกระจอก ๆ นี่ตอนแรกก็อยากได้จะเอามาฟอกเงินแต่ตอนนี้ยิ่งเห็นว่าเป็นบริษัทของน้องชายของนายยิ่งอยากได้มากขึ้น นายคิดว่ายังไงล่ะจะยอมแพ้เลยหรือเปล่า”
หลิวไห่หัวเราะ
“คิดว่าฉันจะยอมง่าย ๆ เหรอ”
“ไอ้ขี้คุกอย่างแกนี่ยังอวดเก่งเหมือนเดิมนะ จำไม่ได้เหรอว่าเป็นใครที่จับแกโยนเข้าคุก”
หลิวไห่ไม่สะทกสะท้าน
“ไอสวะที่ปากดีฝีมือไม่มีอาศัยบารมีพ่อแบบแกนี่มาข่มขู่คนอื่นอย่างไม่อายปากเลยนะ กู้เมิ่งถ้าแกไม่มีพ่อก็คงไม่ต่างจากหมาข้างถนนตัวหนึ่งหรอก ถามจริงเหอะแกยังภูมิใจอะไรในตัวเองวะ”
เมื่อถูกดูถูกกู้เมิ่งคนอันธพาลมีหรือจะยอม เขากระชากคอเสื้อของหลิวไห่ขึ้นมาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“แกก็คอยดูว่าฉันจะทำลายบริษัทนี้ยังไง ไม่ว่าแกหรือไอ้น้องตุ๊ดของแกฉันก็ไม่มีทางไว้หน้า”
“ก็ลองดูสิถ้าแกแน่จริง ฉันในตอนนี้ไม่ใช่เหยื่อของแกอีกแล้ว กู้เมิ่งแกมันไอ้กระจอกคิดเหรอว่าฉันจะอยู่เฉย ปล่อยให้แกทำอะไรเหมือนเมื่อก่อน”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น กู้เมิ่งปล่อยหลิวไห่ในขณะที่เขาขยับคอเสื้อ จ้องตาของกู้เมิ่งไม่ลดละ
หลี่เจี่ยซินถือแก้วกาแฟมาให้ผู้ที่มาเป็นแขก เธอเป็นห่วงเฉินเฟยอวี๋ ท่าทางของกู้เมิ่งเหมือนอันธพาลข้างถนนไม่เหมือนนักธุรกิจเลยสักนิด จึงหาทางเข้ามาหาเขาข้างใน
“คุณกู้คะ กาแฟค่ะ น้ำค่ะ”
หญิงสาววางกาแฟลงบนโต๊ะ ขยับให้เขา กู้เมิ่งกล่าวขอบคุณพร้อมกับจับมือนุ่มนิ่มของเธอ หลิวไห่ตาลุกเป็นไฟแต่เขาก็ได้แต่ใจเย็นเมื่อเห็นว่าหลี่เจี่ยซินกัดฟันกรอด แต่เธอยังมีมารยาทค่อย ๆ ดึงมือของตัวเองออกมาจากการเกาะกุมของกู้เมิ่ง
คราวนี้หลี่เจี่ยซินวางกาแฟให้หลิวไห่ เขาจับมือของเธออย่างเปิดเผยยังใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมือของเธอที่ถูกมือสกปรกของกู้เมิ่งจับเมื่อสักครู่
“รีบไปล้างมือนะ สกปรกหมดแล้ว”
หลี่เจี่ยซินอมยิ้ม ปล่อยให้หลิวไห่เช็ดมือให้จนเขาแน่ใจว่าสะอาดแล้วทิ้งผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นทันที
กู้เมิ่งมองพวกเขาด้วยความสนใจ เมื่อเห็นว่าหลิวไห่ไม่กลัวเขาเลยสักนิด กล้าที่จะเปิดเผยความรู้สึกว่าคิดยังไงกับผู้หญิงคนนั้น
หลิวไห่ยกกาแฟขึ้นจิบ เขารู้ทันทีว่าเป็นกาแฟสำเร็จรูปราคาถูกที่เขาไม่กิน หลี่เจี่ยซินคนนี้คงชงมาส่ง ๆ แต่หลิวไห่ก็ยังกินอย่างมีความสุข ไม่ว่าเป็นอะไรที่เธอทำเขาก็ชอบทั้งนั้น
“มีอะไรให้เรียกเลยนะคะ ฉันจะเข้ามาทันที”
หลี่เจี่ยซินกระซิบ หลิวไห่ส่ายหน้าเห็นเธอที่กังวลขนาดนี้ก็รู้สึกอับอายเล็กน้อย มีผู้ชายที่ไหนที่ต้องให้ผู้หญิงคอยกังวลและยังพยายามจะทำตัวเป็นโล่กันกระสุนให้เขา
หลี่เจี่ยซินมองเฉินเฟยอวี๋อย่างห่วงใย เห็นเขายังสบายดีก็วางใจ ใจหนึ่งอยากจะอยู่ฟังพวกเขาคุยกันแต่เธอก็ถูกหลิวไห่ไล่ออกมาอีกครั้ง
“ไม่ต้องห่วงนะ ออกไปเถอะ”
เขาจับมือเธอแล้วบีบเบา ๆ พร้อมพยักหน้าอีกคร้ง
แม้จะยังไม่วางใจในความปลอดภัยของเขาหลี่เจี่ยซินก็ต้องออกมาตามคำสั่ง ยังจ้องกู้เมิ่งด้วยสายตาราวกับต้องการฟาดฟันให้ตาย มีเพียงหลิวไห่ที่เห็นในขณะที่กู้เมิ่งเอาแต่จ้องหลิวไห่เช่นกัน
หลิวไห่หัวเราะในลำคอ กู้เมิ่งถูกหลี่เจี่ยซินหมายหัวแล้วอย่าหวังว่าเขาจะอยู่ดีมีสุข
เมื่อออกมาแล้วหลี่เจี่ยซินถือถาดกาแฟแน่น หญิงสาวแนบหูเข้ากับประตู พยายามแอบฟังในสิ่งที่พวกเขาคุยกันน่าเสียดายที่ห้องทำงานของเฉินเฟยอวี๋เป็นห้องเก็บเสียงเธอจึงไม่ได้ยินอะไร เธอพึมพำออกมา
“คราวหน้าฉันจะแอบติดที่ดักฟังไว้ในห้องเจ้านาย จะได้รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกัน ไม่ไว้ใจเลยจริง ๆ ฉันไม่ไว้ใจเลย”
เมื่อพยายามฟังเต็มที่แล้วไม่ได้ยินอะไร หญิงสาวจึงเอาแต่เดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องทำงานของเขาด้วยยังกังวล
เฉินเฟยอวี๋คนอ่อนแอคนนั้นถ้าเกิดอันตรายจะกล้าร้องหรือให้ช่วยเหรือเปล่านะ? ไม่ใช่กลัวจนกระจู่หดไม่กล้าส่งเสียงนะ?
เลขาของเฉินเฟยอวี๋ทนไม่ไหว ดึงหลี่เจี่ยซินให้นั่งลง
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไม่ต้องห่วงขนาดนั้น เจ้านายไม่เป็นอะไรหรอก คุณกู้เขาไม่โง่พอจะหาเรื่องให้ตัวเองในออฟฟิศของเจ้านายหรอกค่ะ”
หลี่เจี่ยซินยิ้มพร้อมกับพยักหน้า ถึงจะเข้าใจแล้วแต่เธอก็ยังห่วงอยู่ดี หลี่เจี่ยซินนั่งได้ไม่นานเธอก็เริ่มเดินวนอีกครั้ง เธอเดินจนเลขาอีกคนของเฉินเฟยอวี๋ถึงกับเวียนหัวแต่ไม่เข้ามาห้ามเธอแล้ว
เมื่อสักครู่ที่หลี่เจี่ยซินเข้ามา กู้เมิ่งเห็นแล้วว่าหญิงสาวดูเป็นห่วงหลิวไห่มาก และหลิวไห่ที่มองหญิงสาวตาเยิ้มแบบนั้นก็คงมีใจให้เธอไปแล้ว
ในตอนนี้ไม่รู้ว่าหลี่เจี่ยซินมีฝีมือแค่ไหน เขารู้เพียงแต่ว่าเธอคือคู่หมั้นปลอม ๆ ของเฉินเฟยอวี๋
“นายชอบเธอเหรอ ชอบคู่หมั้นปลอม ๆ ของน้องชายตัวเองจริง ๆ เข้าล่ะสิ”
หลิวไห่ยิ้มเย็น
“นายคงสืบเรื่องของฉันมาจนหมดแล้วสิ ว่างมากเหรอถึงได้มาหาเรื่องคุย”
หลิวไห่ไม่อยากให้กู้เมิ่งรู้ว่าเขากำลังตามสืบสกุลกู้อยู่ จึงพูดคุยอย่างสบายพยายามที่จะทำให้เขารู้ว่าหลิวไห่สนใจเพียงบริษัทของเฉินเฟยอวี๋เท่านั้น
“ฉันกำลังจับตาดูนายอยู่ หลิวไห่ฉันอยากรู้ว่านายจะไปได้ไกลแค่ไหน”
หลิวไห่ลุกขึ้นหยิบสูทที่พาดอยู่บนเก้าอี้ขึ้นมา
“ก็รอดูแล้วกัน ฉันมีธุระถ้านายอยากอยู่ต่อก็เชิญ”
“คู่หมั้นปลอม ๆ ของนายสวยมากเลยนะ ท่าทางจะอ่อนหวานเมื่ออยู่บนเตียง”
หลิวไห่คิดเรื่องร้อนแรงบนเตียงของเขาและหลี่เจี่ยซิน เขาอยากจะซัดหน้ากู้เมิ่งนัก
หลี่เจี่ยซินไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนหวานอย่างที่เห็น ตรงกันข้ามเธอร้อนแรงยิ่งกว่าไฟเสียอีก เขากดเสียงเข้ม
“อย่ายุ่งกับเธอ หากนายไม่อยากตาย”
เขาเตือนกู้เมิ่งด้วยความหวังดีจริง ๆ แต่กู้เมิ่งกลับหัวเราะ
“ฉันก็จะคอยดูว่านายจะปกป้องผู้หญิงคนนั้นได้แค่ไหน ฉันน่ะนายก็รู้ว่าชอบแย่งของคนอื่นเสียด้วย”
หลิวไห่เป็นฝ่ายดึงคอเสื้อของกู้เมิ่งขึ้นมา น้ำเสียงเย็นเยียบฟังดูน่ากลัว
“ฉันเตือนนายแล้ว ว่าถ้าไม่อยากตายอย่ายุ่งกับเธอ”
หลิวไห่ส่ายหน้าดวงตาแข็งกร้าวก่อนจะสะบัดกู้เมิ่งลงไปบนพื้น แล้วเดินออกไปจากห้องทันที หลิวไห่ได้ยินเสียงหัวเราะของกู้เมิ่งไล่หลัง คิดแทนเขาว่า กู้เมิ่งนายซวยแล้วที่คิดจะแตะต้องหลี่เจี่ยซิน
กู้เมิ่งเห็นท่าทางของหลิวไห่แล้วหัวเราะลั่น ท่าทางของหมอนั่นจะตกหลุมรักหลี่เจี่ยซินจริง ๆ แล้ว และยังไม่ปิดบังเขาสักนิดคิดเหรอว่าจะปกป้องเธอได้
เขาจินตนาการภาพ เห็นร่างขาว ๆ สวย ๆ ของหลี่เจี่ยซินอยู่บนเตียงตัวเอง แล้วร้องโหยหวนออกมาแล้วหัวเราะด้วยความพอใจ
กู้เมิ่งมองถ้วยกาแฟที่หลี่เจี่ยซินนำมาให้ เขายิ้มกับแก้วกาแฟนั้นราวคนบ้า
“ไหนดูหน่อยว่าคนสวยจะชงกาแฟอร่อยแค่ไหน”
กู้เมิ่งดื่มกาแฟเข้าไปคำโตก่อนจะพ่นออกมาเมื่อมันเค็มจนเกลือเรียกพี่
“ยัยบ้าคนนี้ แก แกกล้าแกล้งฉันเหรอ ไม่อยากตายดีซะแล้วนังบ้าเอ๊ย”
เขารีบหยิบน้ำที่วางตรงหน้ามากิน ที่ไหนได้มันเค็มกว่าเดิมเสียอีก กู้เมิ่งโกรธจนเส้นเลือดขึ้นดวงตาร้องออกมาอย่างโกรธจัด
“อีบ้าเอ๊ย กูจะฆ่ามึงมึงกล้ามาก มึงกล้ามาก”