หลิวไห่ขยับราวกั้นนั้นแต่เขากลับขยับไม่ออก เขาเดินเข้าไปในช่องนั้นที่พอดีกับรถคันหนึ่งจนกระทั่งถึงชั้นสอง กล้องวงจรกระจายอยู่ภายในอุโมงค์หลายตัว แต่ก็ถูกดวงตาสวรรค์จัดการได้อย่างรวดเร็ว ภาพหลิวไห่จึงไม่ปรากฎตัวอยู่ในนั้น
หลิวไห่ร้อนใจมากเมื่อสุดท้ายแล้วเขาก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปได้ เมื่อเขาไปสะดุดกับบางสิ่งและทำให้สัญญาณบางอย่างดังขึ้น หลิวไห่ตกใจมากเขาจึงออกจากอุโมงค์นั้นทันใด
“ดวงตาสวรรค์มีเสียงสัญญาณดังช่วยจัดการที”
หัวหน้ากลุ่มดวงตาสวรรค์ในชื่อย่ออักษร K ส่ายหน้าส่งเสียงผ่านไปหาหลิวไห่
“เจ้านายระวังด้วย มันอาจเป็นลูกปืนนะครับในครั้งหน้า”
ปลายเสียงส่งตอบกลับมา
“เข้าใจแล้ว จะระวัง”
เมื่อสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นหลิวไห่จึงจำใจต้องออกจากที่นั้น เขาเฝ้าระวังอยู่ตรงนั้นพร้อมทั้งให้ดวงตาสวรรค์หาจุดที่หลี่เจี่ยซินอยู่ เขารอด้วยความทรมานจนกระทั่ง K ส่งสัญญาณแจ้งเตือน
“ซือเจ้อยู่ห่างจากจุดที่เจ้านายอยู่ประมาณสิบห้ากิโลครับ ผมกำลังส่งตำแหน่งให้”
หลังจากได้ตำแหน่งจากดวงตาสวรรค์ หลิวไห่เปลี่ยนรถที่ใช้และยังปลอมตัวเป็นคนขับรถแท็กซี่มุ่งหน้าที่ยังทิศนั้นทันที
หลี่เจี่ยซินรอจนกระทั่งรถพาเธอมายังสถานที่หนึ่ง หญิงสาวแกล้งสลบต่อปล่อยให้พวกมันหิ้วปีกเธอมายังห้องขังห้องหนึ่ง ทั้งได้ยินเสียงของพวกมันคุยกัน
“อย่าให้บุบสลายหรือเกิดริ้วรอยล่ะ คนนี้น่าจะเป็นของจริงที่เจ้านายกำลังตามหาอยู่”
การแต่งหน้าของหลี่เจี่ยซินนับว่าขั้นเทพ แม้แต่คนที่เคยเห็นและคลุกคลีกับเธอก็ยังดูไม่ออกว่าเป็นหลี่เจี่ยซิน คนพวกนี้หลี่เจี่ยซินเห็นว่ามีบางคนเคยเป็นหนึ่งในแก๊งที่เคยคิดจะมาจับตัวเธอ
หลี่เจี่ยซินถูกขังอยู่ในห้อง ๆ หนึ่ง แน่นอนว่าในห้องต้องมีกล้องวงจรปิด หลี่เจี่ยซินไม่กล้าขยับเพราะกลัวว่าพวกมันจะจับได้ รอจนกระทั่งเสียงของคนที่เฝ้าเธออยู่หน้าประตูดังขึ้น
“ทำไมยังไม่ฟื้นอีก เจ้านายอยากคุยกับเธอนะหรือจะใส่ยามากเกินไป”
เสียงของชายอีกคนดังขึ้น
“นั่นน่ะสิ ทำไมยังไม่ฟื้นอีก”
เพราะได้ยินเช่นนั้น ไม่นานหลี่เจี่ยซินก็ขยับตัว เธอทำท่ามึนงงแล้วลุกขึ้น หญิงสาวเดินไปเคาะประตูพร้อมกับตะโกน
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย ฉันถูกขังอยู่ในนี้ค่ะ ช่วยฉันด้วย”
หลี่เจี่ยซินไม่รู้ว่าที่เธอทำนั้นถูกต้องตามหลักการหรือเปล่า ทั้งหมดเธอจำมาจากในหนังเมื่อนางเอกถูกจับตัว ต้องทำท่าตื่นตระหนกแล้ววิ่งไปเคาะประตูร้องขอความช่วยเหลือด้วยความกลัว
เมื่อไม่มีใครมาเปิดสุดท้ายนางเอกต้องทรุดตัวลงนั่งแล้วเริ่มร้องไห้
และตอนนี้หลี่เจี่ยซินกำลังแสดงบทบาทนั้นที่เธอคิดว่าแนบเนียน พยายามคิดเรื่องเศร้าเพื่อให้น้ำตาไหลออกมา หลี่เจี่ยซินคิดยังไงก็คิดไม่ออกจนกระทั่งเธอคิดถึงเรื่องหนึ่งเข้า
เฉินเฟยอวี๋ทำไมไม่เป็นผู้ชายวะ ฮือ ฮือ ฮือ ทำไมเธอต้องใจเป็นหญิงด้วย
หลี่เจี่ยซินถึงกับน้ำตาไหล เธอตกใจเมื่อคิดว่าเรื่องนี้ช่างเป็นเรื่องเศร้าที่สุดในชีวิต เป็นเรื่องเศร้ากว่าเรื่องที่หูเสี่ยวเทียนจะรู้ว่าเธอแข็งแรงพลังช้างสารหลายเท่านัก ไม่รู้ว่าทำไม่เธอจึงได้เศร้าขนาดนี้ หลี่เจี่ยซินร้องไห้น้ำตาเป็นเผาเต่า คร่ำครวญในใจเรื่องอยากให้เฉินเฟยอวี๋เป็นผู้ชายเต็มตัว
อีกด้านคนที่กำลังเฝ้าเธออยู่ข้างนอก ได้ยินเสียงหลี่เจิงร้องขอความช่วยเหลือพวกเขาก็ได้แต่เงียบ ตอนนี้ก็รู้ว่าเธอร้องไห้เพราะหวาดกลัวแล้ว พวกเขามองหน้ากันไม่คิดว่าด็อกเตอร์จากนาซ่าคนนี้จะขวัญอ่อนร้องไห้โวยวายได้ขนาดนี้
มันออกจะดูขาดสติไปสักหน่อย แต่อย่างว่าแหละ เธอยังไงก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง
พวกเขารอจนกระทั่งมีคนสวมชุดกาวน์สีขาวพร้อมด้วยผ้าปิดจมูกมิดชิดลักษณะคล้ายนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมผู้ช่วยอีกสองคนที่แต่งตัวคล้ายกันเดินเข้ามา
“เปิดประตูแล้วพาอยู่หญิงออกมา”
คนพวกนั้นรีบเปิดประตูแล้วช่วยกันจับแขนของหลี่เจินที่มองพวกเขาอย่างตระหนกให้ลุกขึ้น
หลี่เจี่ยซินเริ่มแสดงอาการหวาดวิตก เธอขยับหนีพวกเขาอย่างที่เคยเห็นในหนัง ในใจคิดตื้นตันว่าการแสดงของตัวเองช่างยอดเยี่ยมสมควรได้รับรางวัลออสก้า
หลี่เจี่ยซินเช็ดน้ำตาแล้วสะอื้น เสียงสะอื้นนี้ของจริง เพราะอารมณ์ตกค้างที่อาลัยอาวรณ์เฉินเฟยอวี๋อยู่
“พวกคุณเป็นใคร จะพาฉันไปไหน”
คนที่ใส่เสื้อกาวน์สีขาวเป็นผู้ชายร่างท้วม เขายังสวมแว่นหนาเตอะพิจารณาหลี่เจี่ยซินตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า หลี่เจี่ยซินก็มองเขาเช่นกัน คนพวกนี้ระวังตัวมาก แต่ละคนปิดหน้าปิดตามิดชิด ไม่มีใครสักคนเดียวที่ยอมเปิดเผยหน้าตาของตัวเอง
ดูเหมือนกับพวกคนชั่วในหนังจริง ๆ ด้วย แบบนี้ยิ่งสนุกล่ะสิ หึ หึ
“ไม่ต้องกลัวนะครับ พวกเราแค่อยากรู้บางอย่างรับรองว่าคุณจะปลอดภัย”
หลี่เจี่ยซินมีหรือจะเชื่อ เหอะเล่นจับคนมาแบบนี้แล้วปลอบว่าคนคนนั้นจะปลอดภัยเนี่ยนะ
“ฉันไม่ไปตอบฉันมาก่อนพวกคุณจะพาฉันไปไหน”
เธอมองคนสองคนที่จับเธอด้วยดวงตาสั่นระริกที่เสแสร้งแกล้งทำอย่างแนบเนียน
ผู้ชายใส่เสื้อกาวน์ยังพูดต่อ
“ไม่ต้องห่วงครับมากับพวกเราดี ๆ เถอะ จะได้ไม่ถูกทำร้าย แต่ถ้าคุณขัดขืนคนพวกนี้อาจจะทำอันตรายกับคุณก็ได้ครับ ด็อกเตอร์หลี่เจิน”
หลี่เจี่ยซินดวงตาเบิกกว้าง ชื่นชมดวงตาสวรรค์ในใจคนพวกนั้นก็สมควรได้รับรางวัลนักเขียนบทยอดเยี่ยมเหมือนกัน
“คุณรู้จักฉันได้ยังไง ฉันไม่รู้จักคุณ”
หลี่เจี่ยซินในตอนนี้ถูกคนสองคนลากแขนแล้ว เธอกลัวว่าตัวเองจะเผลอไปตีพวกเขาเข้าจึงได้แต่สงบใจแล้วปล่อยให้พวกเขาลากเธอไปตามทาง
“ว่าง่าย ๆ นะครับ หากคุณไม่ใช่คนที่พวกเราตามหาเราก็จะปล่อยคุณไป”
ผู้ชายคนนั้นยังพูดต่อ จนกระทั่งหลี่เจี่ยซินถูกนำตัวไปยังสถานที่หนึ่ง ที่ ๆ เธอถูกลากผ่านเป็นห้องกระจกใส ดูเหมือนว่าคนที่อยู่ข้างในจะมองไม่เห็นคนข้างนอก แต่คนข้างนอกสามารถมองเห็นคนข้างในได้อย่างชัดเจน
แต่ละคนเป็นผู้หญิงหน้าตาดี ยังแต่งตัวด้วยชุดสีขาวเหมือนว่าพวกเขาอยู่ในโรงพยาบาล มีเตียงนอนและยังมีห้องเล็ก ๆ ถูกกั้นเอาไว้ เหมือนเป็นห้องน้ำอีกหนึ่งห้อง
หลี่เจี่ยซินตกใจมาก ผู้หญิงที่เธอเห็นทุกคนล้วนเป็นคนที่ออกข่าวว่าหายตัวไปอย่างลึกลับ จนตอนนี้ยังจับคนไม่ได้ ที่แท้พวกเธอถูกขังอยู่ที่นี่ และแต่ละคนดูจากสภาพที่ทรุดโทรมแบบนั้นคงผ่านอะไรมามาก บางคนดูเหมือนจะเหม่อลอย บางคนเอาแต่ร้องไห้ บางคนนอนนิ่ง ๆ อยู่บนเตียง บางคนทุบประตูจนมือพัง
นี่เกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอ คนเลวพวกนี้กำลังทำอะไรกันแน่?
หลี่เจี่ยซินแสกนสายตาอย่างรวดเร็ว ความจำของเธอดีเป็นอย่างยิ่ง เธอได้กลิ่นสีดูเหมือนว่าที่นี่คงเพิ่งจะถูกสร้างไม่นาน หรือว่าจะเป็นที่วิจัยใหม่ของสกุลกู้ ที่ย้ายฐานจากฮ่องกงมาที่แผ่นดินใหญ่ตามที่เฉินเฟยอวี๋บอกเธอกันแน่
หลี่เจี่ยซินไม่ยักกะถูกปิดตา คนพวกนี้ควรจะปิดตาเธอไม่ใช่เหรอ ทำไมพวกเขาถึงให้เธอเห็นอะไรแบบนี้
“พวกนายกำลังจะทำอะไร จะจับฉันขังเอาไว้เหมือนผู้หญิงพวกนั้นเหรอ”
แน่นอนว่าน้ำเสียงของหลี่เจี่ยซินต้องเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
“ก็ต้องดูว่าคุณให้ความร่วมมือมากแค่ไหน หากไม่ให้ความร่วมมือก็จะเป็นเหมือนพวกเธอ”
หลี่เจี่ยซินพยายามชวนคุย เรื่องพวกนี้ดวงตาสวรรค์ที่กำลังดักฟังอยู่ต้องได้ยินแน่ ๆ
และเป็นจริงดังนั้น กล้องของดวงตาสวรรค์ที่ติดอยู่แทบจะรอบร่างของเธอกลายเป็นหูตาสับปะรดชั้นเยี่ยม ที่พวกเขามองเห็นได้ทะลุปรุโปร่ง หลักฐานพวกนี้ถูกบันทึกไว้อัตโนมัติ
“บอกฉันมา ฉันจะร่วมมือทุกอย่าง ฉันแค่ทำงานในนาซ่าวิจัยอวกาศไม่ได้รู้เห็นเรื่องภายนอกมาหลายปีแล้วนะคะ”
นี่คือสคริปที่เธอท่องมา และได้ใช้งานจริง ๆ
ผู้ชายคนนั้นตอบเธออย่างใจเย็น น้ำเสียงของเขายังเป็นกันเองกับเธอด้วย
“ผมรู้ว่าคุณเป็นใคร ประวัติของคุณเราสืบมาอย่างละเอียดแล้วนั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมคุณถึงมาที่นี่ บางทีคุณอาจช่วยพวกเราได้ครับ”
เขาเดินนำหลี่เจี่ยซินเข้าไปในห้องแห่งหนึ่ง ในนั้นมีเตียงนอนคนไข้เหมือนเตียงที่เธอเห็นในห้องผู้หญิงเหล่านั้นที่ถูกขังเป๊ะ หลี่เจี่ยซินเริ่มไม่ไว้ใจ เธอในตอนนี้แทบอยากจะง้างมือชกหน้าพวกเขาแล้วช่วยผู้หญิงพวกนั้นออกมาซะ
แต่จากที่เธอดู สถานที่แห่งนี้มีกล้องอยู่แทบทุกจุด ยังมีคนถือปืนคุมเชิงอยู่มาก คนมากขนาดนี้เธอช่วยตัวเองย่อมไม่มีปัญหา แต่หากให้ช่วยผู้หญิงพวกนั้นด้วยเธอคิดว่ามันคือภารกิจที่เธอคงจะทำไม่สำเร็จ
หลี่เจี่ยซินมักจะประเมินและวางแผนการต่อสู้ได้รวดเร็วเสมอ ถึงแรงของเธอจะมหาศาลแต่การแบกชีวิตคนอื่นไว้บนบ่าหลายชีวิตแบบนั้น เธอไม่แน่ใจจะสำเร็จ เมื่อไม่แน่ใจเธอย่อมยังไม่ลงมือ
หลิวไห่ได้ยินเสียงของหลี่เจี่ยซินแล้ว เขาค่อยสบาย เขาจึงบอกเธอว่า
“ที่รักถ้าเธอสบายดีให้กระแอมนะ ฉันจะได้สบายใจไม่ต้องห่วงฉันใกล้จะถึงเธอแล้ว”
หลี่เจี่ยซินได้ยินแบบนี้ เธอจึงกระแอมออกมา เทคโนโลยีล้ำเลิศของดวงตาสวรรค์นี่นับว่าใช้ได้ดีเป็นอย่างยิ่ง คนที่จับตัวเธอลากหลี่เจี่ยซินเข้าไปในห้อง ผู้ชายใส่ผ้าปิดปากใส่แว่นคนนั้นจึงพูดขึ้น
“ผมขอเตรียมอุปกรณ์สักครู่ เดี๋ยวจะกลับมาระหว่างนี้ก็ให้รออย่างใจเย็นนะ”
หลี่เจี่ยซินแทบจะพ่นคำว่า ใจเย็นพ่องงงง ออกไป
จับคนมาขังเอาไว้แล้วยังมีผู้ชายท่าทางน่ากลัวถือปืนคุมแบบนั้นอีก ใครจะใจเย็นได้ฟะ ท่าทางอีนักวิจัยคนนี้ก็ดูจิตไม่ปกติ เมื่อกี้เธอเห็นกับตาว่าเขายังหัวเราะเยาะผู้หญิงคนนั้นที่ทุบประตูจนมือพัง สายตาของหมอนั่นดูจะมีความสุขมากที่ได้ขังคนเอาไว้เหมือนสุนัขแบบนี้
เอาล่ะ หลี่เจี่ยซินตัดสินใจแล้ว ว่าไอ้นักวิทยาศาสตร์คนนี้เป็นคนที่เธอต้องลากคอมันกลับไปกับเธอให้ได้