ประธานกู้ถึงกับหัวร้อนเมื่อถูกใครบางคนลูบคม ยังดีที่เขายังสามารถกู้สถาณการณ์เอาไว้ได้ทัน เขาฟาดลูกน้องคนหนึ่งจนปางตายเพราะการทำงานที่ผิดพลาดในครั้งนี้
“ปล่อยให้มันเข้ามาได้ยังไง ไหนบอกว่าข้อมูลที่ได้เป็นข้อมูลจริงยังไงล่ะ”
กู้เมิ่งที่อยู่ในหน้าจอใหญ่ในห้องทำงานของประธานกู้เหงื่อซึมทั้งใบหน้าซีดเผือด งานนี้เป็นงานแรกของเขาในถิ่นใหม่เขากลับทำพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย
“พวกมันมีเพราะกลุ่มที่ชื่อว่าดวงตาสวรรค์ครับ พวกมันส่งข้อมูลปลอมเข้าระบบหวังล่อให้เราติดกับ”
ประธานกู้ปาถ้วยน้ำชาที่อยู่ในมือทิ้ง น้ำเสียงของเขาคราวนี้เหี้ยมเกรียมเป็นอย่างยิ่ง
“และแกก็ไปฮุบเหยื่อของมัน กู้เมิ่งพ่อไม่คิดว่าแกจะอ่อนหัดขนาดนี้”
กู้เมิ่งดวงตาแดงก่ำ
“ผมขอโทษครับพ่อ ผมไม่รอบคอบเองตรวจสอบข้อมูลไม่ชัดเจน ผู้หญิงคนนั้นมันเป็นสายลับครับ ผมกำลังสืบว่ามันอยู่หน่วยไหนเป็นใครกันแน่”
ประธานกู้สูดลมหายใจเข้าลึก
“ลากคอมันมาให้ฉัน คราวนี้ถ้าแกทำพลาดอีกแม้แกจะเป็นลูกฉัน ฉันก็ไม่มีวันยกโทษให้ ยังมีหัวหน้านักวิทยาศาสตร์คนนั้นอีก พาเขากลับมาให้ได้ถ้าพากลับไม่ได้ก็ฆ่ามันซะ”
“ครับพ่อ”
ประธานกู้วางสายไปแล้ว กู้เมิ่งลุกขึ้นสายตาแดงก่ำด้วยโกรธจัด เขาถือว่าความผิดนี้เป็นความผิดของลูกน้องของเขาทั้งหมด ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นคนตัดสินใจแท้ ๆ
“ยังอยู่ทำไม ไปตามลากคออีนั่นมาให้กู ถ้าลากมันมาไม่ได้ก็ไม่ต้องกลับมา”
“ครับนาย”
ลูกน้องของเขาออกไปแล้ว กู้เมิ่งยังอาละวาดจนข้าวของในห้องแตกกระจาย งานนี้เขาไม่รู้ว่าเป็นหลิวไห่ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด เขาคิดว่าเป็นเพราะดวงตาสวรรค์ทำงานให้ตำรวจ ยังมีความเข้าใจว่าผู้หญิงที่บุกเข้ารังของเขาคือสายลับที่ถูกฝึกมายอย่างดี
“ไม่ว่าแกจะเป็นใครฉันจะลากคอแกออกมาให้ได้”
หลิวไห่ทิ้งจีพีเอสและเครื่องดักฟังเสียงที่อยู่ในร่างกายของนักวิทยาศาสตร์คนนั้นไว้ที่โกดังร้างแห่งหนึ่ง พร้อมทั้งให้คนของเขาเฝ้าดูว่าจะมีใครบุกมาหรือเปล่า แน่นอนว่าเรื่องนี้เขาไม่ต้องเปลืองแรงเอง เขาส่งเรื่องให้ฝ่ายสืบสวนของหูเสี่ยวเทียนในการตามจับคนต่อ
หลี่เจี่ยซินกลับไม่พอใจเธออยากลงมือด้วยตัวเองมากกว่า
“ไม่ต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงหรอก ไหน ๆ เราก็มีตำรวจเป็นลูกน้องก็ใช้พวกเขาซะ คนที่มาก็ต้องเป็นมือกลุ่มนักฆ่าอยู่แล้ว ถึงเราจะจับพวกมันได้ก็ไม่ได้อะไรหรอก เอาเวลามาเค้นความจริงกับคนที่อยู่กับเราดีกว่า”
“ก็ได้จะเอายังไงต่อล่ะ”
หลิวไห่คิดว่าหลังจากนี้เขาคงไม่มีเวลาที่จะมาจัดการงานในบริษัทของเฉินเฟยอวี๋แล้ว เรื่องภายในเขาก็เคลียร์ให้เรียบร้อย ถึงเวลาที่เฉินเฟยอวี๋จะกลับมาดูแลต่อและแยกตัวหลี่เจี่ยซินออกจากเขาเพื่อไม่ให้เธอเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องจนได้รับอันตราย
สูตรยาที่เขาส่งให้ลุงเฉิงช่วยวิเคราะห์ก็ดูเหมือนว่าจะได้เรื่องแล้ว เขาจำเป็นต้องกลับไปฮ่องกงในอีกไม่ช้า
“นายครับเขาฟื้นแล้วครับ”
หลังจากที่เอาของพวกนั้นออกจากร่างกายของนักวิทยาศาสตร์คนนั้น เขาก็เป็นลมไปทันทีตอนนี้หลิวไห่ย้ายเขามายังสถานที่ซ่อนอันเป็นความลับแม้แต่หลี่เจี่ยซินยังไม่รู้
“พวกนายหาทางง้างปากมันให้ได้ ฉันให้ดวงตาสวรรค์ตามหาลูกของมันแล้ว คิดว่ายังไงมันก็คงยอมเปิดปาก”
ครับนาย
หลิวไห่ยังต้องมาทำงานแทนเฉินเฟยอวี๋เป็นปกติ เรื่องน้องสาวบุญธรรมของเฉินเฟยอวี๋เขาก็จัดการเรียบร้อยจนเธอในตอนนี้เชื่อฟังเป็นอย่างยิ่ง ดูเหมือนว่าเฉินอิ่งยังอยากจะสร้างความสัมพันธ์กับเขาขึ้นมาใหม่ด้วย
และคืนนี้เธอก็นัดเขาทานข้าว
หลิวไห่ตัดสินใจที่จะไปตามนัด เขารู้ดีว่าเฉินอิ่งมีความสัมพันธ์กับกู้เมิ่งค่อนข้างลึกซึ้ง ในเวลาที่กู้เมิ่งถูกเหยียบจมูกเขาต้องแสดงออกให้กู้เมิ่งเห็นว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาแม้แต่น้อย
ไม่แน่ที่เฉินอิ่งนัดเขาวันนี้ก็เพื่อที่จะเป็นสายสืบให้กับกู้เมิ่งว่าเขาในช่วงนี้ยังปกติหรือไม่ แต่ด้วยสติปัญญาของกู้เมิ่งหลิวไห่เชื่อว่ายังไงเขาก็ย่อมตามไม่ทันเป็นแน่
หลิวไห่แต่งตัวหล่อเหลา เขาไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ว่าเขาดูดีขนาดไหน จากสายตาที่มองไม่กะพริบของหลี่เจี่ยซิน
“ที่รักฉันปล่อยเธอไปหาผู้หญิงอื่นไม่ได้”
หลี่เจี่ยซินรู้สึกหวงเขาขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายในตอนนี้ไม่ควรที่จะเห็นความสมบูรณ์แบบของโลกที่อยู่ตรงหน้าเธอ มันเสี่ยงเกินไปแล้ว
หลิวไห่หัวเราะ เขายีผมของเธอพร้อมกับพูดเบา ๆ
“ฉันไปกินข้าวกับน้องสาวจะมีอะไรกัน เธอไม่ต้องตามไปหรอกช่วงนี้กู้เมิ่งก็อยากได้เธอด้วย ฉันดูแลตัวเองได้”
หลี่เจี่ยซินส่ายหน้าจริงจัง เธอเป็นบอดี้การ์ดของเขาจะไม่ไปได้ยังไง
“แต่เฉินอิ่งขอให้ฉันไปคนเดียว บอกว่าเป็นเรื่องที่พี่น้องต้องปรับความเข้าใจกันฉันแค่อยากจะทำให้เรียบร้อยก่อนที่เฉินเฟยอวี๋จะ…”
หลิวไห่เกือบจะหลุดปากไปแล้ว หลี่เจี่ยซินฉลาดไม่น้อยที่ผ่านมาเธอสงสัยมากแต่ยังจับไม่ได้คาหนังคาเขา
หลี่เจี่ยซินขมวดคิ้วมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามร้อยแปด
“ที่รักเธอจะพูดอะไร กำลังจะพูดอะไร”
หลิวไห่แสร้งหัวเราะกลบเกลือน ก่อนจะพูดต่อว่า
“ก่อนที่ฉันเฉินเฟยอวี๋คนนี้จะเกลียดน้องสาวเข้าไส้ไปมากกว่านี้ เราต้องปรับความเข้าใจกันคุณแม่ที่อยู่บนสวรรค์จะได้สบายใจ”
หลี่เจี่ยซินยังมองเขาไม่วางตา แต่สุดท้ายเธอก็ไม่มีอะไรจะพูดอยู่ดี
“ก็ได้ ฉันไม่เข้าไปก้าวก่ายแต่จะมองดูห่าง ๆ ได้หรือเปล่า”
หลิวไห่ยอมแพ้แล้ว เขารู้ว่าหลี่เจี่ยซินไม่ปล่อยเขาไปลำพังแน่ เพราะแบบนี้เขาจึงทำอะไรไม่สะดวกต้องให้เฉินเฟยอวี๋ตัวจริงกลับมาเสียที
“ก็ได้ แต่เธอก็อย่าทำให้ตัวเองเป็นจุดสนใจก็แล้วกัน”
หลี่เจี่ยซินยิ้มปากฉีก เธอดีใจมากรีบไปเปลี่ยนชุดใส่สูทเป็นบอดี้การ์ดอย่างเรียบร้อย หลิวไห่ไล่ให้เธอไปเปลี่ยนบอกให้แต่งตัวอย่างผู้หญิงธรรมดา หลี่เจี่ยซินส่ายหน้า
“ฉันไม่มีเสื้อผ้าผู้หญิง”
หลิวไห่ยกยิ้ม
“ในตู้เสื้อผ้าเธอ อีกฝั่งฉันให้คนส่งมาให้หลายชุดเลยเธอเลือกที่เหมาะ ๆ มาสักชุด”
หลี่เจี่ยซินกระโดดโลดเต้นเข้าไปเลือกชุด และแล้วเธอก็ไม่สามารถเลือกได้เดือดร้อนหลิวไห่ต้องเข้าไปช่วยเหลือ
“แต่ละชุดทั้งแพงทั้งสวย ที่รักเธอดีแบบนี้เราแต่งงานกันจริง ๆ เถอะ”
หลี่เจี่ยซินจับมือของเขา ในขณะที่หลิวไห่ก้าวถอยหลัง หลี่เจี่ยซินยังเดินหน้าต่อเรื่อย ๆ ใช่เธอจริงจังมาก ในใจตอนนี้คิดดีแล้วว่าที่ผ่านมาเธอกำลังมีความรู้สึกบางสิ่งบางอย่างกับเขา ในวันนี้ที่เห็นเขาหล่อเหลาเช่นนี้ เธอก็ไม่อยากให้ใครเห็นเขาแล้ว
เธออยากครอบครองเฉินเฟยอวี๋
เธอคิดว่าเธอชอบเขา จนทนไม่ไหวแล้ว
หลิวไห่ผู้ที่กำลังจะหาทางสลัดทิ้งหลี่เจี่ยซินไม่ให้เธอเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตอีกต่อไปถึงกับตกใจ หลี่เจี่ยซินผลักเขาลงเตียงแล้วทาบทับร่างทั้งร่างของเธอลงมา
หลี่เจี่ยซินจับคางของเขาให้เงยขึ้น สบตาของหลิวไห่อย่างมีความหมาย
“เธอจะว่ายังไงเมื่อฉันคิดว่าฉันชอบเธอเข้าจริง ๆ แล้ว ตั้งแต่เธอกลับจากฮ่องกงเธอไม่ยุ่งกับผู้ชายคนไหนอีก เฉินเฟยอวี๋เธอกำลังทำให้ฉันคิดว่าเธอชอบฉัน งูของเธอก็มักผงกหัวเมื่ออยู่กับฉัน ดังนั้นฉันคิดว่าเราสองคนใจตรงกันแล้ว”
ใจของเขาเต้นแรงเมื่อหลี่เจี่ยซินพูดคล้ายกับกำลังขอเขาแต่งงาน
เขายิ้มแล้วตอบว่า
“หลี่เจี่ยซิน เธอแอบไปกินไวน์มาอีกใช่หรือเปล่า”