หูเสี่ยวเทียนยังนำลูกน้องคนสนิทที่เขาไว้ใจได้มาด้วย การสืบสวนของเขาในครั้งนี้แน่นอนว่าย่อมดำเนินการอย่างลับ ๆ กับผู้บัญชาการตำรวจเพื่อให้คนนอกรู้เรื่องนี้น้อยที่สุด ข้อมูลที่หูเสี่ยวเทียนได้มาคือข้อมูลการวิจัยลับอย่างหนึ่งของนายทุนผู้หนึ่ง
ซึ่งนักวิจัยคนนั้นก็ไม่รู้ว่าเบื้องหลังของงานวิจัยนี้คือใคร
หน้าที่ของเขามีเพียงทดสอบดีเอ็นเอของหญิงสาวเหล่านี้ อีกทั้งยังต้องทดสอบเรื่องพันธุกรรมว่ามีความเกี่ยวข้องกับตัวอย่างที่เขาได้รับมามากน้อยแค่ไหน เท่าที่ทราบมาหญิงสาวที่ถูกจับนั้นไม่มีใครที่เกี่ยวข้องกับตัวอย่างเลย
แต่กระนั้นผลที่ทดสอบยังเป็นผลระยะสั้น เรื่องของพันธุกรรมในร่างของผู้หญิงพวกนั้นยังซับซ้อนมาก จึงต้องใช้เวลาอีกสักพักเพื่อตรวจสอบ เพราะฉะนั้นคนที่ถูกจับตัวจึงต้องถูกคุมขังเอาไว้
แต่พวกเธอไม่ได้ถูกนำเลือดมาทดสอบเท่านั้น ยังมีการฉีดสารบางอย่างเข้าสู่ร่างกายของพวกเธอ เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายเผยบางสิ่งบางอย่างที่ซุกซ่อนออกมา นักวิทยาศาสตร์คนนั้นเองก็ไม่รู้ว่าตัวสารที่ฉีดเข้าไปคืออะไรกันแน่
เขาไม่ได้อยู่ในส่วนของการวิจัยสารนั้น จึงเห็นได้ชัดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังมีความระมัดระวังเพียงใด แม้กระทั่งการทำงานเขายังไม่ให้คนในองค์กรรู้ว่าแต่ละส่วนทำงานอย่างไร แต่ละคนเป็นเหมือนเครื่องจักรแค่ทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองเท่านั้น
หลี่เจี่ยซินเดินตามหูเสี่ยวเทียนเข้าไปในห้องนั้น ทั้งยังแนะนำตัวว่าตัวเองเป็นหัวหน้าหน่วยที่จับกุมตัวนักวิทยาศาสตร์คนนี้ เธอต้องพูดแบบนั้นเพราะว่าคงไม่มีใครเชื่อว่าเธอเข้าไปที่นั่นเพียงลำพัง และอุ้มนักวิทยาศาสตร์คนนี้ออกมาอย่างง่ายดายขนาดนั้น
นักวิทยาศาสตร์คนนั้นยังถูกปิดตาอยู่ และยังถูกหลี่เจี่ยซินยัดผ้าไว้ในปากของเขาไม่ให้พูด ก่อนที่เธอจะสั่งลูกน้องให้รมยาสลบเขาอีกครั้งเพื่อเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ ที่หูเสี่ยวเทียนเตรียมเอาไว้แล้ว
หูเสี่ยวเทียนมองหลี่เจี่ยซินอย่างระมัดระวัง แต่ท่าทางของคน ๆ นั้นก็เป็นมิตร เขาสามารถจับความรู้สึกว่าปลอดภัยเป็นอย่างยิ่งเอาไว้ได้ จึงพูดคุยกับหลี่เจี่ยซินอีกหลายคำ
“ผมไม่รู้ว่าพวกคุณเป็นใคร แต่นายของผมบอกว่าไว้ใจพวกคุณได้ ผมต้องขอขอบคุณพวกคุณที่ช่วยทำให้ตำรวจทำงานได้ง่ายขึ้น”
หลี่เจี่ยซินมีเครื่องแปลงเสียงติดอยู่ที่ปาก เวลาพูดเสียงของเธอจะทุ้มและแหบเครือ แต่หูเสี่ยวเทียนก็ยังเดาได้ว่านั่นไม่ใช่เสียงจริงของเธอ หัวหน้าหน่วยคนนี้เองก็ไม่ใช่ธรรมดา ในขณะที่เขาเปิดหน้าเปิดตาเดินเข้ามา แต่คน ๆ นี้แม้แต่ลูกตาเขายังไม่ได้เห็น แต่ถึงจะปิดมิดชิดเขาก็ยังสัมผัสความจริงใจจากคน ๆ นี้ได้
หลี่เจี่ยซินกระแอมเล็กน้อย เธอดีใจที่เครื่องแปลงเสียงนี้ทำงานได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าย่อมเป็นอุปกรณ์ที่กลุ่มดวงตาสวรรค์ติดตั้งให้เธอก่อนที่จะบุกรังโจร
“ผมจะรอฟังข่าวจากคุณตำรวจ หวังว่าจะสืบเรื่องได้เพิ่มขึ้นจากผู้ชายคนนั้น”
“แน่นอนครับ ผมจะไม่ทำให้พวกคุณต้องผิดหวัง”
หูเสี่ยวเทียนพิจารณาคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหัวหน้าของคนพวกนี้อย่างละเอียด คนคนนี้ตัวเล็กจนเหมือนจะเป็นผู้หญิง แต่ท่าทางของลูกน้องทั้งหลายก็เชื่อฟังเธอเป็นอย่างยิ่ง คงจะมีฝีมือไม่น้อย
หลี่เจี่ยซินตบไหล่เขา แน่นอนว่าเธอใช้แรงไม่มากแต่ทำให้หูเสี่ยวเทียนที่ไม่ทันระวังแทบจะกระเด็นล้มลงไป เขาเซเล็กน้อย หลี่เจี่ยซินจึงช่วยจับเขาเอาไว้ หูเสี่ยวเทียนรู้สึกคุ้นเคยกับฝ่ามืออุ่น ๆ นี้เหลือเกิน แต่เขาก็คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเธอ
หลี่เจี่ยซินเห็นท่าทางของเขาคล้ายจะเจ็บไม่น้อย จึงได้แต่พูดขอโทษออกไป
“เอ่อ ผมขอโทษ”
หลี่เจี่ยซินเม้มปากโดยที่หูเสี่ยวเทียนไม่รู้ เธอไม่ได้ตั้งใจแค่จะทำเหมือนพวกผู้ชายเขาทำกัน ตบไหล่เพื่อให้กำลังใจ ไม่คิดว่าเธอจะเผลอรุนแรงไปจนเขาอาจจะเจ็บได้
“ไม่เป็นไรครับ คุณตัวเล็กขนาดนี้แรงไม่น้อยเลยนะครับ”
หลี่เจี่ยซินแข็งค้าง แน่นอนว่าเธอร้อนตัวกลัวว่าเขาจะจับได้ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีทางอยู่แล้ว แต่เธอก็อดกลัวลนลานไม่ได้
“เอ้อ บังเอิญผมชอบกินข้าวเยอะ ๆ กับไก่ทั้งตัวครับ”
หูเสี่ยวเทียนมึนงง คน ๆ นี้จู่ ๆ ทำไมพูดเรื่องกินข้าวกัน หรือเพราะเขากินไก่เยอะถึงได้มีแรงมากขนาดนี้ ว่าแต่ว่ามันใช่เรื่องจริงเหรอ หรือว่าเขาจะลองกินดู
“อ้อครับ”
เขาเออออไปแบบนั้นแหละ เพื่อสร้างความคุ้นเคย หลี่เจี่ยซินเห็นเขาไม่สงสัยอะไร แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก พลางพูดต่อว่า
“อีกอย่าง คนที่จับตัวผู้หญิงพวกนั้นไว้ ทางเราคิดว่าอาจจะเป็นคนของประธานกู้ มหาเศรษฐีผู้โด่งดังนะครับ อันนี้ไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงเป็นเพียงข้อสงสัยของฝั่งเรา ที่เราบอกคุณตำรวจก็เพราะว่าอยากให้จับตาดูกู้เมิ่งเอาไว้ด้วยครับ”
หูเสี่ยวเทียนพยักหน้า เขาได้ยินแบบนี้เขาย่อมตกใจไม่น้อยเพราะตัวเองเพิ่งเข้าไปร่วมงานเลี้ยงของบริษัทกับหลี่เจี่ยซินมาได้ไม่นาน กู้เมิ่งคนนั้นท่าทางอ่อนเป็นอย่างยิ่ง เขาคนนั้นดูหยิ่งยโสคิดว่าตัวเองเก่ง แต่แท้ที่จริงเป็นคนขี้ขลาดและชอบใช้อำนาจของพ่อเข้าไปข่มเหงคนอื่น
หูเสี่ยวเทียนเป็นตำรวจ เขาย่อมต้องศึกษากู้เมิ่งคนที่อาจจะได้ร่วมธุรกิจกับพ่อเขามาไม่น้อย แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะเหี้ยมโหดจนถึงขั้นทดลองคน อีกทั้งยังเป็นผู้หญิงที่ท่าทางดี และมีความสามารถระดับหัวกะทิทั้งนั้น
กู้เมิ่งคนอ่อนแอที่เอาพ่อเป็นกำบังคนนั้นจะทำได้เหรอ นอกเสียจากว่าประธานกู้จะรู้เห็น แน่นอนว่าการวิจัยในเรื่องพวกนี้ต้องใช้เงินทุนมหาศาล และคนที่ใช้เงินทุนมหาศาลนั้นหากบอกว่าเป็นประธานกู้ นักธุรกิจอันดับหนึ่งในฮ่องกง ทั้งยังมีความสัมพันธ์อันดีกับนักการเมืองระดับชาติแล้ว ย่อมสามารถทำได้และไม่มีใครกล้าตรวจสอบด้วย
เพียงแต่เขาต้องหาหลักฐานในแน่น และต้องสืบให้ได้ว่าคนคนนั้นกำลังทดลองอะไรกันแน่
หลี่เจี่ยซินยังกำชับเขาอีกเรื่อง
“หลีกเลี่ยงสถานที่มีกล้องวงจรปิดด้วยนะครับ คนพวกนั้นมีคนที่เก่งกาจทางด้านคอมพิวเตอร์มาก พวกเขาสามารถหาคนได้อย่างว่องไวจนคุณคาดไม่ถึง จากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งเอาไว้ทั่วโลก”
หูเสี่ยวเทียนรู้สึกว่า สิ่งที่คนคนนี้พูดถึงดูจะเวอร์ไปสักหน่อย แต่เรื่องพวกนี้เขาก็สัมผัสมาเยอะ บางทีเธออาจจะพูดถูกก็ได้ เมื่อได้ยินแบบนั้นก็เศร้าสลดใจที่วิทยาการของตัวร้ายล้ำหน้าไปกว่าของตำรวจมาก
“แล้วพวกคุณล่ะครับ ทำแบบนี้ได้หรือเปล่า”
หลี่เจี่ยซินสงสัย
“แบบไหนครับ”
“ก็หาคนโดยใช้กล้องที่มีอยู่ทั่วโลก”
หูเสี่ยวเทียนวนนิ้วในอากาศ คล้ายจะบอกว่าทั้งโลกนี้เต็มไปด้วยกล้อง ซึ่งเขาก็พูดไม่ผิด
“ใช่ครับ เราเองก็ทำได้แต่ว่าคนพวกนี้นก็ยังดัดหลังเราได้หลายครั้ง พวกแฮ็กเกอร์ต่างลงมือรวดเร็ว เวลาชั่ววินาทีก็สร้างความได้เปรียบแล้ว ผมเองก็ไม่ค่อยรู้ แต่คุณต้องระวังตัวด้วยอย่าให้พวกมันรู้ว่าคุณเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่อย่างนั้นจะทำอะไรก็ลำบาก พวกมันไม่ได้ตามคุณโดยคน แต่เป็นเทคโนโลยีที่คุณคาดไม่ถึงเลยล่ะ กระทั่งโทรศัพท์ก็ต้องใช้รหัสลับอย่าให้ใครดักฟังได้”
หลี่เจี่ยซินเตือนเขาด้วยความหวังดีจริง ๆ แม้เธอจะรู้ใจตัวเองแล้วว่าเธอชอบเฉินเฟยอวี๋ ที่ผ่านมาเป็นแค่การชื่นชมหูเสี่ยวเทียนจนคิดว่ามันคือความรักแต่เธอก็หวังดีกับเขา อีกอย่างหากเฉินเฟยอวี๋ปฏิเสธเธอ เธอก็คิดจะพิจารณาหูเสี่ยวเทียนคนหล่อที่จิตใจดีคนนี้อีกสักรอบ
เธอจึงต้องปกป้องเขาอย่างเต็มที่ ไม่ให้ว่าที่สามีสำรองของเธอต้องได้รับความลำบาก
หูเสี่ยวเทียนเข้าใจแล้ว เขาต้องระวังตัวเองให้มาก ต่อไปการรายงานทุกอย่างไม่ต้องใช้นกพิราบสื่อสารแล้วเหรอ เฮ้ย เทคโนโลยีพวกนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสียจริง ๆ
“เมื่อผมได้เรื่องจะติดต่อพวกคุณยังไงครับ”
หลี่เจี่ยซินส่ายหน้า
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะให้คนไปหาคุณที่สถานีถามความคืบหน้าเป็นระยะ”
หลังจากนั้นหลี่เจี่ยซินก็กระซิบบอกเขาถึงรหัสที่ใช้บอกผ่าน มันเป็นบทกลอนบทหนึ่งที่หูเสี่ยวเทียนเคยสอนเธอท่องในตอนยังเป็นเด็ก
หูเสี่ยวเทียนย่อมคุ้นเคยเป็นอย่างดี เขาฟังไปอมยิ้มไปในใจก็คิดถึงใบหน้าของหลี่เจี่ยซิน
“ผมไม่ยักรู้ว่ามีคนจำบทกลอนนี้ได้แม่นขนาดนี้”
หลี่เจี่ยซินหัวเราะ แต่ไม่เผยพิรุธ
“ก็เป็นกลอนทั่วไปที่เด็ก ๆ ต้องท่องจำนี่ครับ ผมเลยจำได้แม่นยำ ทำไมครับ คุณมีความหลังกลับโครงกลอนบทกวีนี่เหรอครับ”
หูเสี่ยวเทียนยิ้มหล่อเหลา เขาในตอนนี้อยู่นอกเครื่องแบบ ใส่เสื้อเชิตขาวเหมือนคนทำงานออฟฟิศแต่ท่อนล่างเป็นกางเกงยีนส์สีซีด ยังมีขาดที่หัวเข่าเล็กน้อย ดูแล้วเหมือนดารานักแสดงสุดหล่อที่เปล่งประกายจนคนแสบตา
“คือว่า ผมเคยสอนคนที่ผมแอบชอบท่องบทนี้ครับ เลยจำได้ดีและค่อนข้างมีความทรงจำที่ดีกับมัน”
หลี่เจี่ยซินถึงกับตกตะลึง คนที่เขาแอบชอบในอดีตเหรอ ละ…แล้วตอนนี้ล่ะ ยังชอบอยู่หรือเปล่า
แต่หูเสี่ยวเทียนไม่รู้เรื่องว่าเธอกำลังคิดล่องลอยไปไกล เขาจึงพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เป็นงานเป็นการเป็นอย่างยิ่ง
“ผมจะพาเขาไปไว้ยังที่ปลอดภัย รับรองว่าห่างไกลจากกล้องวงจรปิดและจะไม่มีใครเห็นหน้าเขาแน่ ๆ”
หลี่เจี่ยซินได้สติแล้ว เธอกะพริบตาไล่ความคิดฟุ้งซ่าน คิดถึงคำพูดของกลุ่ม F4 สุดหล่อแล้วย้ำกับเขาอีกรอบ ตามที่ดวงตาสวรรค์บรีฟเธอมาอย่างดี
“เรื่องส่วนสูงของเขาด้วยนะครับ ให้ผู้ชายคนนั้นแต่งตัวให้ดูอ้วนหน่อยและใสรองเท้าเสริมส้น พวกนั้นบางทีก็ติดตามคนจากความสูง พวกเขาจะคัดกรองคนที่สูงขนาดเท่าเหยื่อแล้วค่อยไล่ตามดูทีละคน ดังนั้นเสื้อผ้า และรองเท้าของเขาต้องพิเศษสักหน่อย”
หูเสี่ยวเทียนพยักหน้า
“ครับ เข้าใจแล้วผมจะดูแลเรื่องนี้ด้วยตนเอง”
หูเสี่ยวเทียนรู้สึกถูกชะตากับหัวหน้าหน่วยลึกลับนี้ เหมือนพวกเขาคุ้นเคยกันเป็นอย่างมาก แต่คน ๆ นี้ไม่ปล่อยให้เขาเห็นพิรุธอะไรเลย น้ำเสียงที่ถูกแปลงจากเครื่องแปลงเสียงทำให้เขาจับน้ำเสียงไม่ได้ เสื้อผ้าที่ปกปิดมิดชิดใส่กระทั้งแว่นดำสวมหมวกทำให้เขาประเมินไม่ได้ว่าคนคน ๆ คล้ายคลึงกับคนที่เขารู้จักหรือเปล่า
แน่นอนว่าย่อมไม่มีหลี่เจี่ยซินอยู่ในสายตา สำหรับหูเสี่ยวเทียนแล้ว หลี่เจี่ยซินคือสาวน้อยน่ารักที่พอเฉินเฟยอวี๋ไม่อยู่ก็ลาพักร้อน อยู่บ้านปลูกดอกไม้อย่างมีความสุข ผู้หญิงที่สวยบอบบางและจิตใจดีแบบหลี่เจี่ยซินคงไม่มีทางมาใส่เครื่องแบบปิดมิดชิดและยังเป็นหัวหน้าหน่วยจับกุมคนร้ายที่เหี้ยมโหดคนนี้ได้
หูเสี่ยวเทียนขึ้นรถพานักวิทยาศาสตร์คนนั้นออกไปแล้ว หลี่เจี่ยซินยกมุมปาก ข้อมูลที่เขาให้ตำรวจไปเมื่อสักครู่ย่อมเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น ส่วนพวกเขาจะขูดส่วนที่มากกว่าจากนักวิทยาศาสตร์คนนั้นได้หรือไม่ก็ต้องขึ้นอยู่กับฝีมือของพวกเขาแล้ว
หลี่เจึ่ยซินกดโทรศัพท์หาเฉินเฟยอวี๋ เพื่อรายงาน เฉินเฟยอวี๋ไม่ได้รับสายเธอ เธอจึงคิดว่าเขากำลังยุ่งจึงได้แต่ฝากข้อความไว้ว่าเรียบร้อย ให้ที่รักเธอกลับหาเธอด้วย เพราะเธอคิดถึงเขามาก
แน่นอนว่าข้อความพวกนั้นเป็นระหัสลับของพวกเขา หมายถึงว่าเธอทำงานเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงเมื่อได้เรื่องคืบหน้าเธอจะรีบรายงานเขาทันที
เฉินเฟยอวี๋ฟังข้อความของหลี่เจี่ยซินแล้วสบายใจ และแน่นอนว่าโทรศัพท์ของเขาถูกแฮ็กเรียบร้อย นั่นเป็นเพราะว่าเฉินเฟยอวี๋ตั้งใจตั้งแต่แรก อย่างน้อยปลาก็กินเหยื่อแล้ว ข้อความที่หลี่เจี่ยซินพูดกับเฉินเฟยอวี๋ล้วนหวานเลี่ยนที่สุด
กู้เมิ่งที่กำลังดักฟังอยู่ถึงกับรู้สึกสะอิดสะเอียน แน่นอนว่าเรื่องไร้สาระพวกนี้กู้เมิ่งย่อมไม่สนใจ ผู้หญิงสำหรับเขาก็แค่เครื่องบำบัดความใคร่ กู้เมิ่งหัวเราะในลำคอ
“ท่าทางว่าหลี่เจี่ยซินจะไร้การปกป้องจากหลิวไห่แล้วหาโอกาสไปจับตัวเธอมาให้กู”
“ครับนาย”
ลูกน้องของเขารับคำอย่างรวดเร็ว เมื่อหลิวไห่ไม่อยู่ การรักษาความปลอดภัยย่อมหละหลวมลงไปมาก ไม่มีใครเฝ้าหลี่เจี่ยซินตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงอีกต่อไป
“อ้อยกำลังเข้าปากช้าง ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
กู้เมิ่งรู้สึกถึงชัยชนะอันหอมหวาน เขาสั่งให้คนที่จับตัวเฉินเฟยอวี๋ซ้อมไอ้ตุ๊ดควายคนนั้นให้ปางตายก่อนส่งถึงมือหลิวไห่ ให้เฉินเฟยอวี๋ไปตายในอ้อมอกพี่ชายสุดที่รักของมัน เขาได้ทั้งเงินได้ทั้งชีวิตของเฉินเฟยอวี๋ ให้ไอ้หลิวไห่กระจอกนั่นรู้ตัวสักทีว่าอย่าได้ริปีนขึ้นมาเทียบชั้นกับเขาอีก
“อัดไอ้นั่นให้น่วม เอาให้มันขาดใจตายคาอ้อมอกของไอ้หลิวไห่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ทนไม่ไหวแล้วโว๊ย อยากเป็นหน้ามันตอนที่มันได้รู้ว่าน้องมันกำลังจะตายจริง ๆ ”