ในที่สุดหลิวไห่ก็ให้หยางชิวมาพบเขาเพียงลำพังในเย็นวันหนึ่ง และปล่อยให้หลี่เจี่ยซินอยู่กับเฉินเฟยอวี๋เพียงสองคน
“พี่ชายหนูไปไหนล่ะวันนี้ ทำไมไม่เห็นหน้า”
หลี่เจี่ยซินเองก็ถามไปแบบนั้นด้วยความคุ้นเคย เด็กน้อยบอกเบา ๆ
“พี่ชายบอกว่าจะไปทำธุระค่ะ ไม่กลับดึกมากไม่ให้หนูรอ”
ว่าแล้วเด็กน้อยก็ทำท่ากลุ้มใจ
“ทำไมเป็นอะไรเหรอ”
หลี่เจี่ยซินเห็นเด็กน้อยทำท่าหงอย ๆ จึงถามออกไปโดยไม่คิด
“มีการบ้านค่ะ เยอะมากเลยหนูทำไม่ได้ว่าจะรอให้พี่ชายมาสอน”
หลี่เจี่ยซินพยักหน้า ก่อนจะลูบหัวเด็กน้อย
“พยายามเข้านะ”
แน่นอนว่าเธอไม่คิดจะสอน แต่เด็กคนนี้นี่สิกลับจับมือของเธอแน่น
“พี่สอนหน่อยสิคะ พี่สาวคนสวย”
หลี่เจี่ยซินส่ายหน้า เธอไม่คิดจะสอนเด็กน้อยคนนี้หรอกนะ บ้าบอ เธอไม่ใช่พี่สาวของเด็กนี่ทำไมต้องทำหน้าที่นี้ด้วย แต่เด็กน้อยกลับทำท่าจ๋อย ทั้งน้ำตาคลอเบ้า หลี่เจี่ยซินเห็นแบบนั้นก็รู้สึกสงสาร จึงบอกว่า
“เอาล่ะ พี่ไม่แน่ใจนะว่าจะสอนได้หรือเปล่า แต่จะลองดูมีวิชาอะไรบ้างล่ะ”
เด็กน้อยเอาหนังสือเล่มโตให้พี่สาว เป็นวิชาประวัติศาสตร์เล่มหนึ่ง แม้จะเป็นของเด็กประถมแต่ก็เล่มหนามากจนเธอตกใจ
“ประวัติศาสตร์สามก๊กค่ะ หนูงงไปหมดแล้วไม่รู้ก๊กไหนเป็นก๊กไหน และยังมีคณิตศาสตร์อีก”
หลี่เจี่ยซินหน้าซีด ประวัติศาสตร์บ้าอะไรกัน คณิตศาสตร์อีก
“พี่ทำได้หรือเปล่าคะ ถ้าทำไม่ได้ก็แปลว่าสู้พี่ชายไม่ได้”
ทีแรกหลี่เจี่ยซินคิดจะปฏิเสธ แต่พอเด็กน้อยบอกว่าเธอสู้พี่ชายไม่ได้หญิงสาวมีหรือจะยอม คนที่เธอจะไม่มีทางยอมแพ้ก็คือหยางชิวคนนี้แหละ
หลี่เจี่ยซินลูบหัวเด็กน้อยอีกครั้ง
“มาพี่จะสอน”
หลังจากนั้นเธอก็เปิดดูคร่าว ๆ หลี่เจี่ยซินเปิดหนังสือเพียงผ่าน แต่สิ่งประหลาดก็พลันเกิดขึ้น เธอสามารถจดจำตัวหนังสือในนั้นได้หมด แยกแยะตัวละครทุกตัวได้อย่างว่องไว และสอนเด็กน้อยด้วยบทสรุปง่าย ๆ จนเด็กเข้าใจและสนุกสนาน
เธอเก่งกาจยิ่งกว่าครูมืออาชีพ
เมื่อประวัติศาสตร์ผ่านไป ก็มาถึงคณิตศาสตร์ หลี่เจี่ยซินไม่เคยรู้ว่าตัวเองเก่งคณิตศาสตร์มาก่อน ตอนเด็ก ๆ พ่อของเธอแทบไม่ให้แตะด้วยซ้ำ เธอลืมไปแล้วว่าตัวเองสอบผ่านมาได้ยังไง
โรงเรียนที่เธอเรียนก็เป็นโรงเรียนกีฬา ไม่ได้เน้นเรื่องพวกนี้เสียด้วย แต่หลี่เจี่ยซินกลับสอนเด็กน้อยจนเข้าใจ และที่น่าประหลาดใจคือ เธอตกใจตัวเองมากเปิดอินเตอร์เน็ตดูยังเอาโจทย์แข่งขันโอลิมปิกมาลองทำ
เธอแน่ใจว่าเธอไม่เคยเรียนมาก่อน แต่หลี่เจี่ยซินสามารถตอบคำถามได้ถูกต้องทุกข้อและรวดเร็วภายในเสี้ยววินาที
นี่เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่
ท่ามกลางความดีใจของเด็กน้อย หลี่เจี่ยซินก็สงสัยในตัวเองเป็นอย่างมาก หลี่เจี่ยซินเปิดคลิปคณิตศาสตร์ดู จนไปเจอคลิปรับรางวัลของนักคณิตเหรียญทองระดับโลก เธอดูคลิปนั้นทั้งยังรู้สึกคุ้นเคยว่าตัวเองเคยยืนอยู่บนแท่นนั้นเหมือนกัน
นี่มันอะไรกัน
เธอยิ่งคิดก็ยิ่งนึกไม่ออก ความทรงจำของเธอบางส่วนขาดหายไป แต่ก่อนเธอไม่เคยสนใจแต่เมื่อใคร่ครวญอย่างละเอียดแล้ว หลี่เจี่ยซินคิดว่ามันหายไปจริง ๆ แต่เป็นเธอที่ไม่เคยคิดจะรื้อฟื้น
ยิ่งคิดหลี่เจี่ยซินก็ยิ่งปวดหัว อาการของเธอรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง จนกระทั่งเลือดกำเดาของเธอไหล เฉินเฟยอวี๋เดินออกมาจากห้องนอนกำลังโทรศัพท์ไปหาหยางชิว ไม่รู้ว่าคุยกับพี่ชายเขาเรื่องอะไร
ไม่ใช่ว่าหมอนั่นคิดจะทำตัวเป็นพ่อของเขา แล้วให้หยางชิวหาเงินมาสู่ขอหรอกนะ นี่มันสมัยไหนแล้ว
เฉินเฟยอวี๋คิดพลางยิ้ม ทำตัวเหมือนสาวน้อยในห้องหอ ที่กำลังลุ้นรอคอยว่าพ่อของตัวเองจะพูดอะไรกับว่าที่ลูกเขย
หลี่เจี่ยซินกำลังจับระเบียง ท่าทางไม่ค่อยดี เฉินเฟยอวี๋ไม่ได้วางสายเมื่อเขาเห็นว่าเธอทรุดลงตรงนั้น
“เป็นอะไรไป ที่รัก เธอเป็นอะไร ว๊าย เลือดกำเดา เลือด หลี่เจี่ยซิน”
หลี่เจี่ยซินหมดสติไปแล้ว ในขณะที่หยางชิวรับสายพอดีเขาเพิ่งมาถึงร้านกาแฟแห่งหนึ่งที่นัดกับหลิวไห่เอาไว้ เฉินเฟยอวี๋ก็โทรมาแล้ว เขารับสายแต่ไม่มีเสียงพูดนอกจากเสียงหวีดร้องเรียกหลี่เจี่ยซิน
“คุณหลิวครับ”
หลิวไห่มาถึงร้อนกาแฟพอดี ยังไม่ทันได้ข่มขู่หยางชิวเขาก็รู้ว่าหลี่เจี่ยซินล้มลงแล้ว เขารีบตะคอกเสียงใส่โทรศัพท์ในขณะที่เฉินเฟยอวี๋ตอบกลับมา
“พี่ชายแย่แล้วที่รักของฉันเลือดกำเดาไหล เธอเป็นลมไปแล้วฉันทำยังไงดี”
นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่เจี่ยซินคนแข็งแรงเกิดอาการแบบนี้ ที่ผ่านมาไม่เคยมีอะไรทำร้ายเธอได้ เรื่องเจ็บป่วยอย่าให้พูดถึง เฉินเฟยอวี๋จึงกังวลเป็นอย่างมาก เขาจะทำยังไงดี
“อาเฟย พาเธอไปโรงพยาบาล พี่จะไปรอที่นั่น”
ที่โรงพยาบาล
หลี่เจี่ยซินยังไม่ฟื้น เลือดของเธอยังไหลออกมาจากจมูก มันไหลจนเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าไปหมดยิ่งทำให้เฉินเฟยอวี๋ทำอะไรไม่ถูก เมื่อสองคนนั้นมาถึงเฉินเฟยอวี๋ถึงกลับวิ่งเข้าไปร้องไห้กอดหลิวไห่แน่น
“พี่ชาย ช่วยที่รักของฉันด้วยเธอจะเป็นอะไรไม่ได้เด็ดขาด”
หลิวไห่ทำใจให้เย็น กอดน้องชายพร้อมกับตบหลังเบา ๆ
“หมอต้องช่วยเธอได้ เธอต้องไม่เป็นอะไร”