ดูเหมือนว่าวันนี้หลี่เจี่ยซินจะแปลกไปมาก เธอไม่เป็นตัวของตัวเองเลย หลิวไห่คิดว่าเธอคงเป็นกังวลกับคนพวกนั้นจึงพยายามจะปลอบเธอ ในที่สุดหลี่เจี่ยซินก็พูดขึ้น
“ที่รักฉันจะขออะไรสักอย่างได้หรือเปล่า”
เฉินเฟยอวี๋เป็นคนที่หลี่เจี่ยซินไว้ใจที่สุด และเธอก็ไม่คิดจะปิดบังเขาในทุกเรื่องนอกจากอาการป่วยของเธอ
หลิวไห่มองใบหน้างามของเธอแล้วพยักหน้า
“ได้สิ มีอะไรบ้างที่ฉันทำให้เธอไม่ได้”
หลี่เจี่ยซินเม้มปาก เห็นสายตาห่วงใยและยินดีที่จะทำตามที่เธอขอของเฉินเฟยอวี๋แล้วก็นึกตัดใจไม่ขาด ในเมื่อเธอเลือกที่จะเป็นเพื่อนกับเขาไม่แย่งชิงกับหยางชิวแล้วเธอก็ควรปล่อยเขาไปไม่ใช่หรือ
ทำไมในตอนนี้ยังคิดจะครอบครองเขาอีก เพียงแค่เห็นความอ่อนโยนเล็กน้อยของเขาแบบนี้
หลิวไห่เห็นเธอเงียบจึงถามย้ำออกมาอีก
“ว่ายังไง มีอะไรให้ฉันช่วยรีบบอกมาเร็ว”
หลี่เจี่ยซินยิ้ม
“ฉันคิดว่าฉันอาจจะไม่ใช่ตัวฉันเอง”
หลิวไห่ไม่เข้าใจ
“เธอหมายความว่ายังไง”
หลี่เจี่ยซินพร้อมแล้วที่จะเล่าความสงสัยที่เกิดขึ้นกระทันหันให้เขาฟัง
“ฉันน่ะเพิ่งรู้ว่าช่วงวัยเด็กจำอะไรไม่ได้เลย”
หลิวไห่เลิกคิ้ว
“วัยเด็กเหรอ ฉันก็ยังจำไม่ได้เลย กว่าจะจำความได้ก็รู้สึกว่าโตแล้ว ใคร ๆ เขาก็เป็นแบบนี้แล้วเธอว่ามีอะไรผิดปกติเหรอ”
หลี่เจี่ยซินส่ายหน้า
“ฉันหมายความว่า ฉันน่ะเหมือนเป็นเด็กคนอื่น ไม่ใช่หลี่เจี่ยซินคนนี้”
เธอชี้ที่รูปเด็กหญิงตัวเล็กในภาพ นั่นเป็นภาพในตอนเธออายุสามขวบ
หลิวไห่มองตาม เขาค่อนข้างตกใจอยู่ไม่น้อยที่เธอพูดคำนี้ออกมา
“ทำไมคิดแบบนั้น”
หลี่เจี่ยซินยักไหล่
“ไม่แน่ว่า ฉันอาจจะเป็นเด็กที่ไหนมาสวมรอยก็เป็นได้ และกำลังถูกปิดบังโดยคนที่ปิดบังนั้นได้ตายจากไปทั้งสองคนแล้ว”
“หลี่เจี่ยซิน เธอไม่สบายหรือเปล่า ยังปวดหัวอยู่เหรอ”
หลิวไห่กลับคิดแบบนั้น เรื่องแบบนี้จะเกิดได้ยังไงกันล่ะ คนอื่นที่สวมรอยเป็นลูกสาวของอีกบ้านมันมีแต่ในละครไม่ใช่เหรอ
หลี่เจี่ยซินถอนหายใจ
“ฉันรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ ถ้าฉันจะบอกว่าพยาบาลคนนั้นที่เข้ามาเจาะเลือดของฉัน เหมือนฉันจะคุ้นเคยสายตาของเขามาก เธอจะว่ายังไง”
หลิวไห่รู้ว่าหลี่เจี่ยซินจริงจึงกับเรื่องนี้แล้ว ไม่ใช่ว่าแค่เธอรู้สึกไม่สบายเท่านั้น
“เธอหมายความว่ายังไงกัน คุ้นเคยคนที่ไม่เคยเจอกันมาก่อนเหรอ”
หลี่เจี่ยซินพยักหน้า
“ใช่เหมือนฉันกับเขาจะรู้จักกันมาก่อน คุ้นเคยแบบนั้นน่ะ”
หลิวไห่จับมือของหลี่เจี่ยซินเอาไว้
“เอาล่ะ เรามาพูดกันทีละประเด็นนะ ให้เธอตั้งสติก่อน”
หลี่เจี่ยซินคิดจะพูดอีกหลายประโยค แต่ก็เป็นแบบที่เขาว่า เธอต้องค่อย ๆ คิด จึงได้ตั้งสติและฟังเขา
“ข้อแรก เธอรู้สึกว่าไม่ใช่หลี่เจี่ยซินตัวจริง และเหมือนเธอจะหายไปตอนอายุสี่ขวบ”
หลี่เจี่ยซินพยักหน้า
“ข้อสอง เธอรู้สึกว่าคุ้นเคยกับพยาบาลที่มาเจาะเลือดคนนั้น เหมือนเคยเจอกันมาก่อน”
หลี่เจี่ยซินพยักหน้าอีก
หลิวไห่เม้มปาก เขาบอกกับเธอว่า
“เรื่องนี้ไม่ยาก ฉันจะให้คนของสถานีตำรวจสอบสวนดู หากว่าเธอหายไปเมื่อตอนอายุสี่ขวบต้องมีการแจ้งความ เราสามารถสืบเรื่องนี้ได้จากแฟ้มลับของตำรวจ ดังนั้นเธอในฐานะเจ้าตัวย่อมสามารถไปตามเรื่องนี้เองได้”
หลี่เจี่ยซินดีใจเป็นอย่างยิ่ง เธอจับมือเขาแน่น เฉินเฟยอวี๋คนนี้เธอไว้ใจได้จริง ๆ ผิดกับเฉินเฟยอวี๋คนที่อยู่กับหยางชิวที่เขาค่อนข้างจะขี้กลัวและโง่เขลา แต่แล้วหลี่เจี่ยซินก็คล้ายจะสะดุดบางสิ่ง
เธอกำลังแบ่งแยกเฉินเฟยอวี๋เป็นสองคน เป็นสิ่งที่เธอรู้สึกแต่ไม่คาดคิดมาก่อน ได้แต่ปล่อยมันเอาไว้ในใจโดยไม่เคยคิดจะค้นหาความจริง นั่นเป็นเพราะว่าเธอมีเฉินเฟยอวี๋อยู่ข้างกายมาตลอดเวลา จนกระทั่งมีหยางชิวโผล่เข้ามาจึงทำให้หลี่เจี่ยซินเริ่มที่จะคิดมันอีกครั้ง
เธอเป็นคนเปิดเผยอยู่แล้ว สำหรับผู้ชายคนนี้หลี่เจี่ยซินคิดสิ่งใดก็ถามออกไปตรง ๆ
“ที่รัก ฉันพูดจริง ๆ ยังมีอีกเรื่องที่ฉันคิดมากในตอนนี้”
หลิวไห่ยิ้ม
“ว่ามาสิ มีอะไรอีกฉันจะช่วยเธอคลี่คลายเอง”
หลี่เจี่ยซินยกมือขึ้น ประคองใบหน้าของเขาเอาไว้ตรึงไว้แบบนั้นไม่ให้เขาขยับ เธอค่อย ๆ สำรวจใบหน้าหล่อเหลาของเขาช้า ๆ ทั้งดวงตา เส้นผม จมูก ปาก กระทั่งรูขุมขน ไฝฝ้านั้นเฉินเฟยอวี๋ไม่มีอยู่แล้ว เขาเป็นผู้ชายหน้าสะอาด เฉินเฟยอวี๋ที่อยู่ตรงหน้าของเธอก็เช่นกัน ไม่มีอะไรที่ผิดเพี้ยนเลย
เธอจับมือของเขา เฉินเฟยอวี๋คนนี้มีแหวนหมั้นในมือ แต่ในขณะเดียวกันเขากลับถอดเมื่ออยู่ต่อหน้าหยางชิว แต่เรื่องนี้ก็เข้าใจได้นี่นา เพราะเขารักหยางชิวไม่อยากให้หยางชิวเสียใจเลยถอดแหวนหมั้น ในขณะที่หลี่เจี่ยซินกลับไม่ยอมถอดออก
อย่างน้อยสิ่งนี้ก็ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นหัวใจ
เธอบอกให้เขาพูดออกมาสักคำ
“ให้พูดอะไรล่ะ”
“พูดอีก ยาว ๆ”
“พูดอะไร ฉันไม่รู้จะพูดอะไรนี่ เธอดูประหลาดมาก”
หลี่เจี่ยซินคุ้นเคยน้ำเสียงของเฉินเฟยอวี๋อยู่แล้ว แต่หลิวไห่เองก็มีโทนเสียงที่คล้ายกับเฉินเฟยอวี๋อย่างมาก หากไม่ใช้เครื่องแยกเส้นเสียงยังไงก็ไม่มีทางแยกออกเป็นแน่ เขางอนิ้วเขกเข้าไปที่ศรีษะของหลี่เจี่ยซิน
“เธอเป็นอะไร ดูเพี้ยน ๆ นะ”
หลี่เจี่ยซินถอนหายใจ
“ที่รักฉันอาการหนักแล้ว ฉันคิดกระทั่งว่าเธอมีอีกร่าง เธอมีฝาแฝดที่เหมือนกันมากจนกระทั่งฉันยังแยกไม่ออก”
หลี่เจี่ยซินหน้าเศร้า ในขณะที่หลิวไห่ตาค้างแข็ง นี่เขาถูกจับได้แล้วเหรอ แล้วยัยนี่ก็ปิดปากสนิท เธอคิดว่าเขาสองคนเป็นคนละคนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เธอรู้แล้วเหรอ
ในใจหนึ่งของหลิวไห่ก็รู้สึกดีเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่อยากหลอกหลี่เจี่ยซินอีก คิดว่าจะหาโอกาสเหมาะ ๆ จะบอกเธอ สารภาพซะให้เสร็จสิ้น ทุกเรื่องจะได้คลี่คลาย แต่อีกใจก็กลัวว่าหากเขาและเธอเปิดตัวจะทำให้หลี่เจี่ยซินเป็นอันตราย และการสู้กับประธานกู้ก็อันตรายมาก เขายอมรับว่ารักเธอมากไม่อยากให้เธอเสียใจหากเขาเป็นอะไรไป
เพราะแบบนี้การตัดเธอออกไปก็ย่อมดี
ถึงเขาจะรู้ว่าหลี่เจี่ยซินจะรู้สึกยังไงกับเขา แต่การที่มีหยางชิวเข้ามาขวางก็ทำให้เธอย้อนกลับไปที่จุดเดิมที่ว่าเขาเป็นเกย์ ไม่สามารถเปลี่ยนได้ ดังนั้นหลี่เจี่ยซินก็คงทำใจได้ง่ายขึ้น แต่หากงานของเขาสำเร็จ เขาก็จะขอเธอแต่งงานอย่างเปิดเผย ได้แต่หวังว่าในตอนนั้นคงไม่สายไป
แต่ที่หลิวไห่ไม่รู้คือหลี่เจี่ยซินเองกลับคิดว่าตัวเองกำลังจะตาย เป็นความรู้สึกที่เธอค่อนข้างแน่ใจ แต่กลับไม่ตระหนกจนเกินไป คล้ายกับว่าจิตใต้สำนึกของเธอล่วงรู้วันตายของตัวเองมาเนิ่นนานแล้ว
แต่สิ่งที่เธอสงสัยเธอต้องได้คลี่คลายก่อน เกิดอะไรขึ้น และทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้ เป็นหลี่เจี่ยซินที่แข็งแกร่งไม่มีใครสู้ได้ และทำไมเธอถึงต้องตายด้วย
หลิวไห่แสร้งหัวเราะออกมาทำลายความเงียบ เขายิ้มแล้วบอกว่า
“อย่าคิดมากเลย เอาแบบนี้ดีหรือเปล่า เรามาช่วยกันตามหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องของเธอค่อย ๆ แกะปมไปทีละเรื่องจนกระจ่าง ตอนนั้นค่อยมาว่ากันเรื่องความรู้สึกที่เธอมีต่อฉัน”
หลี่เจี่ยซินใคร่ครวญ ใช่ เธอไม่รู้จะตายวันไหน อย่างน้อยก่อนตายก็ขอให้รู้ว่าตัวเองเป็นหลี่เจี่ยซินตัวจริงหรือเปล่า
“ก็ได้ ขอบคุณนะที่รัก เพราะมีเธอทำให้ฉันไม่รู้สึกตัวคนเดียวอีกต่อไป”
หลิวไห่ดึงเธอเข้ามากอด จูบปลอบโยนที่หน้าผาก หลี่เจี่ยซินอบอุ่นหัวใจกอดเขาอย่างมีความสุข และคืนนี้เธอก็ออดอ้อนให้เขานอนกับเธอ หลิวไห่เองก็เตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว เขายังเตรียมเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวมาด้วย
คืนนี้ทั้งคู่นอนกอดกันอย่างมีความสุข หลี่เจี่ยซินแทบจะไม่คลายอ้อมแขนจากเขาเลย เธอเอาแต่สัมผัสลูบไล้กล้ามของเขาเล่นอยู่ทั้งคืน แม้สองคนจะร่วมรักกันอย่างหนักแล้วหลี่เจี่ยซินก็ยังไม่ปล่อยเขา
เช้าวันต่อมา
หลิวไห่เพิ่งได้ทักทายคุณยายในตอนเช้า แน่นอนว่าคุณยายตกใจและเห็นเขาเป็นคนแปลกหน้า หลี่เจี่ยซินต้องแนะนำอีกครั้งว่าเขาคือคู่หมั้นของเธอ แวะมาหาและจะพาเธอไปทำธุระ หลิวไห่ถูกคุณยายใช้ไม้เรียวตีไปหลายครั้ง เพราะยังคิดว่าหลี่เจี่ยซินเป็นเด็กน้อยจะมีคู่หมั้นได้ยังไง
สุดท้ายแล้วหลิวไห่ต้องเปลี่ยนสถานะเป็นเพื่อนวัยเด็กของเธอ ที่จะพาเธอไปเที่ยวเล่นที่สนามเด็กเล่น คุณยายถึงได้อนุญาตให้พวกเขาออกจากบ้าน
หลิวไห่และหลี่เจี่ยซินไปที่โรงพักเพื่อสืบหาความจริง แต่น่าเสียดายที่แต่ก่อนการจัดเก็บเอกสารนั้นไม่ค่อยดี ทุกอย่างจึงหายไปแล้ว อีกทั้งคดีนี้ก็ได้รับการคลี่คลายแล้วนับว่าเป็นคดีไม่สำคัญ จึงไม่มีใครสนใจเก็บไว้
หลี่เจี่ยซินคอตก พวกเขาขอบคุณคุณตำรวจเดินออกมาอย่างหงอย ๆ ที่ไม่ได้เรื่องอะไร จู่ ๆ คุณลุงคนหนึ่งก็วิ่งออกมา เขาเหมือนเป็นตำรวจที่เกษียณแล้วบังเอิญมีลูกชายเป็นตำรวจอยู่ที่นี่จึงแวะเอาข้าวกลางวันมาให้ ได้ยินเรื่องของหลี่เจี่ยซินเขาจึงจำได้ เพราะเขาก็เป็นหนึ่งในคนที่ช่วยตามหา แต่ภายหลังต้องไปทำคดีอื่นก็เลยไม่ได้ติดตามต่อ รู้แต่ว่าเด็กกลับมาอย่างปลอดภัยก็เท่านั้น
“ถ้าอยากรู้ลองไปถามผู้หมวดที่ทำหน้าที่นี้ในตอนนั้นนะครับ เขาคงดีใจที่ได้พบคุณอีกครั้ง ตอนนั้นเขาทุ่มเทหาคุณมากครับ”
ชายชราพูดพร้อมกับเขียนที่อยู่ของอดีตตำรวจให้เธอ