หลิวไห่พาหลี่เจี่ยซินไปตามหาความจริงกับอดีตนายตำรวจคนนั้นที่เคยทำคดี พวกเขากดกริ่งหน้าบ้านอยู่ไม่นานก็มีคนมาเปิดประตู เป็นผู้ชายวัยชราคนหนึ่งแต่ท่าทางยังดีแข็งแรงเป็นอย่างยิ่ง
คนทั้งสองจึงแนะนำตัวและสอบถามถึงคดีเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ชายชราทำท่าคิดพร้อมกับมองหลี่เจี่ยซิน
“หนูเป็นเด็กคนนั้นเหรอที่หายไป”
“ใช่ค่ะ หนูเองค่ะ แต่หนูมีบางอย่างที่อยากจะถามคุณลุงค่ะ ไม่ทราบว่าคุณลุงพอจะบอกข้อมูลให้หนูได้รู้ได้หรือเปล่าคะ”
“อืม เข้ามาสิ”
หลี่เจี่ยซินยิ้มหวาน ใบหน้าของเธอสวยน่ารักจึงดึงดูดใจคนได้ง่ายอยู่แล้ว เขาจึงยินดีตอบคำถามยังเชื้อเชิญเธอและหลิวไห่ให้เข้ามาในบ้านอีกด้วย ห
ลี่เจี่ยซินสังเกตุเห็นว่าด้านในบ้านของนายตำรวจคนนี้เต็มไปด้วยถ้วยเกียรติยศมากมาย ในขณะที่เขาเป็นตำรวจคงทำความดีความชอบไม่น้อย นายตำรวจคนนี้คงเป็นอดีตตำรวจที่ดีมากคนหนึ่ง
“มีเรื่องอะไรสงสัยเหรอ ความจริงเรื่องก็ผ่านมานานแล้วลุงก็เหมือนจะลืมไปแล้วเหมือนกัน อาจจะให้ข้อมูลได้ไม่มาก”
หลี่เจี่ยซินจึงเริ่มต้นถาม
“ตอนนั้นหนูหายไปกี่วันคะ”
ชายชราทำท่าคิดก่อนจะตอบว่า
“ก็เกือบสิบวันเหมือนกัน ตอนนั้นเราหากันแทบพลิกแผ่นดินแต่ก็ไม่มีวี่แวว จู่ ๆ วันหนึ่งพ่อของหนูก็มาแจ้งทางเราว่าหนูกลับมาแล้วพวกเราจึงตรงไปหาหนูที่โรงพยาบาล เพราะตอนนั้นเหมือนหนูจะได้รับบาดเจ็บไปทั้งตัว พันตัวด้วยผ้าพันแผลเป็นมัมมี่เลยล่ะ”
หลี่เจี่ยซินจำไม่ได้ว่าตัวเองในตอนนั้นได้รับบาดเจ็บ
“หนูจำไม่ได้ค่ะ”
คุณลุงยิ้มน้อย ๆ
“ใช่หนูจำอะไรไม่ได้เลย จนป่านนี้ก็ยังจำไม่ได้อีกแต่แผลของหนูคือแผลไฟไหม้ น่ากลัวมากลุงในตอนนั้นยังคิดว่าหนูจะไม่หายเสียอีก ดีใจมากที่หนูโตขึ้นมาแล้วสวยขนาดนี้ ขอบใจนะที่มาหาลุง”
หลิวไห่ถามต่อ
“แล้วตอนนั้นเธอลืมทุกอย่างเลยเหรอครับ พ่อแม่จำได้หรือเปล่าครับ”
คุณลุงส่ายหน้า
“รู้สึกจะลืมทุกอย่างจริง ๆ จำอะไรไม่ได้เลย แต่ดูเหมือนว่าหนูจะคุ้นหน้าพ่อกับแม่เลยไม่โวยวาย เป็นเด็กที่เข้มแข็งจริง ๆ”
หลี่เจี่ยซินถามต่อ
“แล้วหนูหายไปที่ไหนพอจะสืบได้หรือเปล่าคะ”
คุณลุงตำรวจส่ายหน้า
“เพราะหนูจำไม่ได้ สุดท้ายเรื่องเลยเงียบทางครอบครัวก็ไม่ได้ติดตามต่อ ลุงเองก็พยายามมากแล้วแต่สุดท้ายก็ตามสืบอะไรไม่ได้ จู่ ๆ วันหนึ่งหนูก็เดินกลับเข้ามาที่บ้านเอง สมัยนั้นกล้องวงจรปิดก็ไม่มี หนูมากลางดึกไม่มีใครเห็นไม่มีพยาน ไม่มีหลักฐาน ไม่รู้ว่าหนูเกิดรอยไหม้ได้ยังไง ที่น่าแปลกคือ แม้จะมีแผลไฟลวกทั่วตัวแบบนั้นหนูกลับไม่ร้องไห้สักแอะ ดูเหมือนไม่ทุกข์ทรมานเลยด้วยซ้ำ ประหลาดมากจริง ๆ”
หลิวไห่และหลี่เจี่ยซินมองหน้ากัน ทุกคนล้วนสงสัยว่าแผลที่เกิดขึ้นหลี่เจี่ยซินได้มาได้ยังไง ผ่านมานานจนป่านนี้เรื่องพวกนี้คล้ายจะหายไปจากความทรงจำของหลี่เจี่ยซินแล้ว
“รอลุงสักครู่นะ”
คุณลุงคนนั้นลุกขึ้น เมื่อจู่ ๆ เขาเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาหายไปสักพักแล้วกลับมาพร้อมกับป้ายห้อยคอแสดงหมายเลขป้ายหนึ่ง
“นี่ของหนูใช่หรือเปล่า จำได้ไหม?”
หลี่เจี่ยซินรับมา ทำหน้าสงสัย
“ของหนูเหรอคะ”
คุณลุงพยักหน้า
“หนูให้ลุงบอกว่าเป็นที่ระลึก บอกว่าต่อไปจะไม่ได้ใช้มันอีกแล้ว ลุงยังเก็บเอาไว้เพราะว่าครั้งหนึ่งมันเคยช่วยชีวิตลุง ในตอนนั้นเพราะของที่ลุงเก็บเอาไว้ในกระเป๋าเสื้อ ทั้งหมดเพราะลืมเอาออก ลุงถูกลอบยิงกระสุนเจาะมาถูกป้ายนี้พอดี คิดว่ายังไงล่ะ มันคือของนำโชคเลยล่ะ ลุงรอดมาได้เพราะมัน”
หลี่เจี่ยซินส่งป้ายห้อยคอชิ้นนี้ให้หลิวไห่ เขารับมาดูเห็นว่ามีรอยกระสุนอยู่จริง แต่ป้ายกลับไม่ได้รับความเสียหาย ที่ป้ายห้อยนี้ยังมีเลยศูนย์จำนวนสี่ตัวสลักอยู่ ดูไปดูมาเหมือนป้ายห้อยคอทหารที่กำลังออกรบ และตัวเลขก็เหมือนรหัสประจำตัวของพวกเขา
“ลุงคืนให้ ขอบคุณมากที่มาวันนี้ อันที่จริงลุงอยากเจอหนูมาตลอด แต่พอไปถามกับคุณพ่อของหนู คุณพ่อก็ปฏิเสธบอกว่าไม่อยากให้หนูจดจำเรื่องพวกนี้อีก อันไหนที่ลืมได้ก็ขอให้ลืมเสีย เพราะแบบนี้เราสองคนเลยไม่ได้เจอกันอีกเลย”
หลิวไห่และหลี่เจี่ยซินออกมาจากบ้านหลังนั้นแล้ว หลี่เจี่ยซินนั่งมองป้ายห้อยคอปริศนานี้ตั้งแต่ออกจากบ้านของอดีตตำรวจจนกระทั่งกลับถึงบ้าน เธอก็ยังนึกอะไรไม่ออก หลิวไห่กุมมือของเธอเอาไว้แล้วปลอบเสียงเบา
“ทุกอย่างมันต้องกระจ่าง อย่ากดดันตัวเองให้มากนะ”
หลี่เจี่ยซินยิ้ม ในตอนนี้จู่ ๆ เธอก็รู้สึกปวดหัว หลี่เจี่ยซินพยายามอดกลั้นเอาไว้ เธอไม่อยากให้เฉินเฟยอวี๋รู้อาการของเธอ อดทนข่มกลั้นจนกระทั่งกลับมาถึงบ้านของคุณยาย โชคดีที่เฉินเฟยอวี๋มีธุระ เขาจึงรีบออกไป
หลี่เจี่ยซินรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำ เธออาเจียนออกมาจนท้องไม่มีอะไรเหลือ อีกทั้งยังกำเดาไหลไม่หยุด หลีเจี่ยซินรีบไปค้นยาที่หมอจัดมาไว้ให้มากิน เธอกินไปสองเม็ดต่อมาจึงรู้สึกว่าอาการทุเลาลง
ยาที่เธอกินมีส่วนผสมของมอฟีน เมื่อสักครู่เธอตาลายและรู้สึกว่าโลกหมุน อาการพวกนี้หมอได้เตือนเธอเอาไว้แล้วว่าอาจเกิดขึ้นได้ และหากมันเกิดขึ้นให้เธอรีบไปหาหมอทันที หลี่เจี่ยซินกลับรู้สึกกลัว เธอเองยังไม่รู้ความจริง หากเธอต้องตายก็คงจะตายเปล่าทั้งที่ยังค้างคา
หลี่เจี่ยซินรีบตรงไปโรงพยาบาล เธอรอพบหมอจนกระทั่งถึงเวลา
“เราต้องทำทีซีแสกนอีกรอบ ผมคิดว่ามันแปลก”
คุณหมอบอกเธอเท่านี้ หลี่เจี่ยซินจึงเข้าไปในอุโมงค์อีกครั้ง คราวนี้ผลตรวจของเธอออกมาภายในชั่วโมงต่อมา
“เนื้องอกที่ขึ้นในสมองโตขึ้นจากเมื่อวานมามาก มันค่อนข้างน่ากลัวที่มันโตเร็วขนาดนี้ เราต้องผ่าตัดมันออกครับ”
หลี่เจี่ยซินหน้าซีด
“แล้วจะหายหรือเปล่าครับ”
คุณหมอถอนหายใจ
“มันค่อนข้างที่จะอยู่ในตำแหน่งที่อันตรายครับ ผมขอนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมการผ่าตัด คุยกับผู้เชี่ยวชาญก่อน คุณหลี่ใจเย็น ๆ นะครับ คุณต้องบอกญาติหรือคนใกล้ชิดแล้ว”
หลี่เจี่ยซินเดินออกมาจากโรงพยาบาล และที่นั่นเองเธอได้พบกับผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง คนที่ปลอมเป็นนางพยาบาลมาเจาะเลือดของเธอ