หลี่เจี่ยซินฟื้นขึ้นมาแล้วเธอพบว่าตัวเองนอนอยู่ที่ห้อง ๆ หนึ่งที่สะอาดตาเป็นอย่างยิ่ง และกลิ่นหอมที่อบอวลแตะเข้าจมูกก็ทำให้ผ่อนคลายและสดชื่นเป็นอย่างมาก คล้ายกลับว่าเธอกำลังอยู่ในสปาสุดหรู และเธอก็แน่ใจว่านี่คงเป็นหนึ่งในสถานที่กบดานของเฉินเฟยอวี๋เป็นแน่
หลี่เจี่ยซินย้อนกลับไปคิดถึงความทรงจำของตัวเองก่อนที่เธอจะนอนหลับไปก็ยิ่งมั่นใจ ในตอนนั้นเมื่อเห็นหน้าเขาพุ่งเข้ามาหาเธอ หลี่เจี่ยซินก็โผเข้าหาอ้อมกอดของเขาและเธอก็ไม่สามารถทนความง่วงได้อีกต่อไปแล้ว
เพียงแค่ซบใบหน้าเข้ากับอกอุ่น ๆ นั่นก็ทำให้เธอหลับเป็นตายและหลับลึกเสียด้วย เธอมองไปรอบ ๆ ห้อง ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรในห้องนี้มากมายนักนอกจากเตียงของเธอและแจกันดอกไม้ที่วางเอาไว้ค่อนข้างไกลพอสมควร ด้านข้างของเธอมีเครื่องฟอกอากาศตัวหนึ่งที่ทำงานด้วยเสียงอันเงียบกริบ ทั้งยังกลิ่นอโรม่าหอมกรุ่นที่ช่วยให้ผ่อนคลายนี่อีก
หลี่เจี่ยซินซาบซึ้งใจมากไม่คิดว่าเฉินเฟยอวี๋จะใส่ใจเธอถึงขนาดนี้
เธอเจอหน้าเขาในตอนนั้น เป็นเพราะความกังวลอยู่ลึก ๆ ในใจทำให้เธอไม่ได้นอนมาหลายวัน คอยควบคุมเด็กเกเรติดยาพวกนั้นให้ผลัดกันขับรถเพื่อมาหาเฉินเฟยอวี๋ เธอไม่ได้โทรหาเขาเพราะไม่รู้จะพูดยังไงดี
หากเขาถามว่าเธอหายไปไหน หลี่เจี่ยซินก็เหมือนน้ำที่เต็มปาก เธอสามารถเล่าให้เขาฟังได้ว่าเธอถูกจับและหนีออกมาได้ตอนนี้ก็กำลังโดนตามล่า แต่การโทรศัพท์หาเขาจะทำให้เขาไม่ปลอดภัย หลี่เจี่ยซินไม่ได้อยู่ข้าง ๆ เขา จึงทำให้เธอไม่วางใจ ดังนั้นเธอจึงคิดจะกลับไปหาเขาเงียบ ๆ ไม่ให้ใครจับได้ และเธอจะคอยดูแลเขาเงียบ ๆ
แต่สุดท้ายเธอก็ถูกดวงตาสวรรค์ของเฉินเฟยอวี๋จับได้อยู่ดี เธอลืมไปได้ยังไงกันนะว่าเขายังมีดวงตาสวรรค์อยู่ และการหาตัวเธอนั้นก็ง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ
เมื่อหลี่เจี่ยซินได้นอนเต็มอิ่มจึงรู้สึกสดชื่น ตอนนี้เธอไม่ได้รู้สึกปวดหัวอีกต่อไปแล้ว หลี่เจี่ยซินครุ่นคิดอย่างหนักเธอยอมรับว่าเธอหวาดกลัวความตาย แต่เมื่อรู้แล้วว่าตัวเองคล้ายจะเป็นเพียงแค่ตัวโคลนทดลองตัวหนึ่ง และการมีชึวิตของเธออาจจะทำให้โลกใบนี้ตกอยู่ในอันตรายหลี่เจี่ยซินกลับคิดว่าตัวเองขอตายไปเลยดีกว่า
ความคิดของหลี่เจี่ยซินเริ่มไล่ลำดับ สิ่งที่เธอต้องทำก่อนตายว่าเธอต้องทำอะไรบ้างเพื่อไม่ให้เป็นภาระของคนที่อยู่ข้างหลัง
อันดับแรกเธอจึงตั้งใจที่จะไปโรงพยาบาลและถามหมอให้แน่ใจว่าเธอสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่
จะเป็นปี เดือน หรือวันกันแน่ หลี่เจี่ยซินมั่นใจว่าก้อนเนื้อในสมองของตัวเธอจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และนั่นทำให้เวลาของเธอเหลือน้อยลงทุกที ในเวลาที่เหลือเธอจะทำอะไรดีล่ะ
ที่ผ่านมาคนเรามักไม่เห็นค่าของเวลา แต่เมื่อรู้วันตายของตัวเองว่าอยู่ใกล้แค่ปลายจมูกกลับรู้สึกว่าที่ผ่านมาเธอใช้เวลาไปโดยเปล่าประโยชน์มากเพียงใด เธอคิดถึงเฉินเฟยอวี๋ ถึงเขาจะไม่มีใจให้เธอ และไม่มีวันมีใจได้ แต่เธอก็มีความสุขเพราะอย่างน้อยเธอก็รู้เรียนรู้ว่าการมีความรู้สึกรักใครคนหนึ่งมันมีค่ามากมายแค่ไหน
หลี่เจี่ยซินรู้สึกคล้ายน้ำตาเอ่อล้นอยู่ที่ขอบตา เธอกำลังเศร้าซึมและกลัวว่าสุดท้ายแล้วจะตายอย่างโดดเดี่ยว ญาติของเธอที่สนิทด้วยมีเพียงคุณยายคนเดียว เธอไม่ได้ห่วงคุณยายเพราะคุณยายยังมีคนอีกหลายคนนอกจากเธอคอยดูแล
แต่เธอก็คิดที่จะไปลาคุณยายก่อนลาจาก แล้วจากไปอย่างสงบ หลี่เจี่ยซินวางแผนที่จะตายไปอย่างเงียบ ๆ และตั้งใจที่จะลาออกจากเฉินเฟยอวี๋ เธอไม่ต้องการให้เขาเสียใจเธอจะบอกเขาว่าเธอจะไปต่างประเทศ เดินทางรอบโลกดีหรือเปล่า ถ้าเธอทำแบบนั้นย่อมไม่มีใครสงสัย เฉินเฟยอวี๋ก็จะมีชีวิตเป็นของเขาเอง เขาไม่ได้รักผู้หญิงถึงพวกเขาจะมีอะไรกันบ่อยครั้งแต่ไม่ใช่ความสมัครใจของเฉินเฟยอวี๋ ทุกครั้งเป็นเธอที่เริ่มต้นก่อน เขาก็แค่ทำไปตามสัญชาตญาณของผู้ชายที่ยังมีอยู่ในร่างกาย
และเมื่อหลี่เจี่ยซินไม่ปล้ำเขา หลายครั้งที่เธอแต่งตัวอ่อยเขาเฉินเฟยอวี๋กลับเฉยชาและไม่แตะต้องเธอเลยสักครั้งเดียว
นั้นเป็นสิ่งยืนยันแล้วว่า เขาไม่ได้มีความรู้สึกอย่างอื่นนอกจากความห่วงใยแบบพี่น้องที่มีให้เธอเลยแม้แต่น้อย
คิดทบทวนไปมาหลี่เจี่ยซินที่ไม่ได้กินอะไรมาหลายวันกลับหิวแล้ว เธอลุกขึ้นเดินออกมานอกห้อง คิดว่าที่นี่น่าจะมีอะไรกินในครัวบ้าง ที่กบดานของเฉินเฟยอวี๋มักจะมีตู้เย็นที่เต็มไปด้วยอาหารน่ากินเสมอ
ด้านนอกเงียบสงบเธอไม่ได้ส่งเสียง เดินสำรวจบ้านหลังใหญ่โตนี่ช้า ๆ ตอนนี้เป็นเวลาที่ดึกมากแล้วไฟจึงถูกปิดจนมืด แต่เธอเห็นแสงไฟออกมาจากด้านหนึ่ง หลี่เจี่ยซินเดินไปตามแสงไฟ และแล้วเธอก็ได้พบภาพบาดตา
เฉินเฟยอวี๋กับแฟนหนุ่มของเขากำลังจูบกันอย่างดูดดื่มร้อนแรงอยู่หน้าตู้เย็น
หลี่เจี่ยซินตกใจ ใบหน้าซีดเผือด เธอจ้องพวกเขานิ่งนานอยู่แบบนั้นเงียบ ๆ มองคนสองคนที่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันทั้งยังแลกจูบอย่างถึงพริกถึงขิงแล้วก็รู้สึกเจ็บแปลบในอก ถึงเธอจะรู้ความสำพันธ์ของพวกเขาเป็นอย่างดีแต่ก็ไม่เคยเห็นภาพบาดใจเต็มสองตาแบบนี้มาก่อน ความเสียใจพรั่งพรูออกมาและเธอแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้
หลี่เจี่ยซินถอยออกมาอย่างช้า ๆ เสียใจเป็นอย่างยิ่ง เธอหันหลังกลับความหิวที่มีหายไปอย่างสิ้นเชิง แม้จะบอกตัวเองว่าจะไม่เสียใจแล้ว แม้จะพยายามแค่ไหนที่จะตัดเขาแต่เมื่อเห็นภาพนั้น ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นทำให้เธอกลับรับไม่ได้ เธอก้มหน้าเดินงุด ๆ ก่อนที่จะถึงห้องแต่แล้วเธอก็ชนกับบางสิ่งบางอย่าง ไม่ใช่สิ เป็นคนคนหนึ่งต่างหาก เขาตัวสูงและรูปร่างดีเป็นอย่างยิ่ง
หลี่เจี่ยซินเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายร่างสูงที่เธอชนเข้า ภายใต้ความมืดมิดเธอยังจำได้ชัดเจนว่าเป็นเขา เฉินเฟยอวี๋
หลี่เจี่ยซินเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ทำไมเฉินเฟยอวี๋ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ เมื่อสักครู่เธอเห็นเขาเต็มสองตาว่าเฉินเฟยอวี๋อยู่ในห้องครัง
เธอคิดว่าตัวเองตาฝาด เพราะที่นี่มืดมากเธออาจชนใครเข้าแล้วคิดว่าเป็นเขา แต่แล้วไฟก็ถูกเปิดขึ้นด้วยระบบอัตโนมัติเมื่อเฉินเฟยอวี่ตบมือ หลี่เจี่ยซินตาค้างเป็นเฉินเฟยอวี๋จริง ๆ เขายังถามเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ตื่นนานแล้วเหรอ? หิวหรือเปล่า?”