รถแล่นเข้าสู่อาคารแห่งหนึ่ง ภายนอกมีบอดี้การ์ดคอยคุ้มกันอยู่หลายคน รถแล่นเข้าไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงตัวอาคาร พวกเขาลงจากรถทั้งยังมีคนมาต้อนรับอย่างนอบน้อม
“เชิญด้านในครับ”
ปกติแล้วการพบเจอคนของประธานกู้หลิวไห่มักทักทายด้วยลูกปืนและการต่อสู้เอาเป็นเอาตาย แต่ในตอนนี้กลับได้รับการต้อนรับอย่างดีเยี่ยมหลิวไห่จับมือของหลี่เจี่ยซินแน่น เขาจะมาไม้ไหนกันแน่
คนทั้งคู่เดินตามคนนำทางไปโดยไม่พูดจา กระทั่งเข้ามาข้างในหลิวไห่ก็พบว่าภายในอาคารถูกทาเป็นสีขาวจนสะท้อนเข้าไปในดวงตา ทั้งยังเห็นเครื่องมือบางอย่างติดไว้จนทั่วกำแพง เขาเข้าใจได้ไม่ยากมิน่าล่ะสถานที่แห่งนี้จึงไม่สามารถค้นพบได้ในกูเกิ้ลแมบ สถานที่แห่งนี้ถูกติดตั้งเครื่องมือที่ทำลายการจับภาพและสัญญาณดาวเทียม อีกทั้งผนักที่ดูแล้วน่าจะหนาจนไม่สามารถทำลายด้วยระเบิดได้เป็นแน่ ทำให้หลิวไห่ชักจะสงสัยในระเบิดที่ตัวเองนำติดตัวเข้ามาว่าจะสามารถทำลายมันลงได้หรือไม่
แต่เอาเถอะขอเพียงมีโอกาสเขาก็ย่อมไม่รีรอที่จะลองสักหน การทาสีผนังให้ขาวก็เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าใครจะนำสิ่งใดมาติดที่ผนังก็ย่อมมองออกได้ง่าย ทั้งรอยนิ้วมือหรือบางอย่างที่อาจจะเปรอะเปื้อนกำแพงสีขาวแห่งนี้
ประธานกู้คนนี้สมแล้วที่ก้าวขึ้นมาได้ในระดับนี้ เขาทำทุกอย่างล้วนระมัดระวัง เป็นอย่างมาก หลี่เจี่ยซินเองก็เห็นแล้วเช่นกัน กล้องวงจรปิดถูกติดเอาไว้ถี่ยิบทุกพื้นที่จึงทำให้เห็นการเคลื่อนไหวของทุกคนภายในนี้ แน่นอนว่าประธานกู้ย่อมกำลังมองพวกเขาจากที่ใดสักแห่ง
ในที่สุดพวกเขามาเข้ามาถึงห้องของประธานกู้ หลิวไห่คิดว่าที่นี่คงเป็นที่เดียวในตึกแห่งนี้ที่พอจะมีสีอื่นอยู่บ้าง ด้านหลังเก้าอี้นั่งของประธานกู้มีต้นไม้คู่หนึ่งวางอยู่ หลิวไห่ไม่ใช่พวกประเภทที่เล่นต้นไม้ แต่เขาดูแค่กระถางทองคำแท้ที่ใหญ่เอาการก็พอจะรู้ว่าต้นไม้สองต้นนั้นจะมีราคาสูงแค่ไหน
ในห้องนี้อุปกรณ์ส่วนใหญ่ล้วนทำจากทองคำ แม้กระทั่งที่รองแก้วหลิวไห่ก็เห็นว่าเป็นทอง ประธานกู้มองตามสายตาของหลิวไห่เขาเพียงแต่กวาดมองไปรอบ ๆ แล้วสบตากับประธานกู้
“นั่งก่อนสิ ยินดีที่ได้พบเราสองคนมีเรื่องต้องคุยกันมากเลยทีเดียว”
ประธานกู้พูดขึ้นทั้งยังผายมือให้หลิวไห่และหลี่เจี่ยซินนั่ง คนสองคนไม่ทักทายประธานกู้สักคำเดียว ในขณะที่คนของประธานกู้ออกไปแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าทิ้งประธานกู้เอาไว้กับพวกเขา
เมื่อเห็นแววตาอยากรู้อยากเห็นของหลี่เจี่ยซินประธานกู้จึงบอกเธอยิ้ม ๆ
“ดูให้ทั่วสิ ถ้าเธอชอบ”
หลี่เจี่ยซินนั่งไม่ติดแล้ว เธอในตอนนี้ได้แต่ร้อง ว๊าว ๆ ๆ ด้วยความตื่นตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังเดินดูห้องนี้จนรอบ เธอถือวิสาสะเข้าไปในห้องน้ำของประธานกู้ทั้งยังออกมาบอกด้วยความตื่นเต้น
“ที่รักในห้องนี้กระทั่งโถส้วมยังเป็นทอง อ่างล้างหน้าก็ทองคำ สุดยอดเลยถ้าต้องเผาทิ้งก็น่าเสียดายแย่ เราเอากลับบ้านได้หรือเปล่า”
แน่นอนว่าหลี่เจี่ยซินผู้ไม่เคยกลัวใคร คิดยังไงก็พูดแบบนั้น หลิวไห่อดยิ้มขำไม่ได้
“ถ้าเธออยากได้ฉันจะสั่งทำให้”
หลี่เจี่ยซินดวงตาเบิกกว้าง
“โถส้วมทองคำเหรอ ดูเป็นบุญตาได้แต่ไม่กล้าใช้หรอก”
หลี่เจี่ยซินกลับมานั่งข้าง ๆ หลิวไห่ ดูเหมือนว่าคนสองคนจะไม่สนใจจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ ทั้งหมดนั้นก็เพราะหลิวไห่ไม่ต้องการให้ประธานกู้รู้สึกว่าพวกเขาเห็นเรื่องยาสำคัญจนเกินไป ถือว่าได้ก็ดีหากไม่ได้พวกเขาก็จะเผาที่นี่ซะ
ประธานกู้กลับหัวเราะ
“เสี่ยวเจี่ยของเราชอบเหรอ ถ้าชอบลุงยกให้”
หลี่เจี่ยซินถลึงตามองประธานกู้
“เราสนิทสนมจนนับญาติกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ถ้าไม่ใช่เพราะยาฉันไม่มีทางมาที่นี่”
“ลุงรู้ว่ามันสำคัญสำหรับหนู และสำคัญสำหรับลุงเช่นกันทำไมลุงจะไม่ให้ของด้วยล่ะ ที่ลุงตามหาหนูเพราะต้องการให้หนูมีชีวิตยืนยาวอย่าสนใจพวกนักวิทยาศาสตร์เพี้ยน ๆ พวกนั้นเลย เขาทำเกินคำสั่งของลุงไปแล้ว เสี่ยวเจี่ยต้องเข้าใจว่าลุงไม่เคยคิดฆ่าหนูเลย”
หลี่เจี่ยซินกับหลิวไห่ไม่เชื่อ คนทั้งสองจึงได้แต่หัวเราะในใจ
“อ้อ งั้นเหรอลูกน้องของประธานกู้นี่ออกจะกล้าหาญทำเกินหน้าที่ไปหน่อยนะครับ”
ประธานกู้พยักหน้า “แบบนั้นแหละอาไห่เข้าใจถูกแล้ว”
หลิวไห่อยากจะหัวเราะเยาะเขากับการเรียกชื่อที่สนิทสนมแบบนั้น ประธานกู้กดที่แป้นสี่เหลี่ยมหน้าโต๊ะ
“นำของเข้ามา”
หลี่เจี่ยซินมองหน้าหลิวไห่ เขาคงไม่คิดนำยามาให้เธอง่าย ๆ หรอกนะ แต่แล้วสิ่งที่เธอคิดกลับเป็นความจริงเมื่อมีนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งถือกระเป๋าใบหนึ่งเข้ามา
“ยาของเธออยู่ข้างในแต่มีไม่มากแล้ว และเธอก็ได้ฆ่าคนที่ผลิตยาไปแล้วจะทำยังไงดีล่ะ”
หลิวไห่มองกระเป๋าใบนั้น เขากอดอกแล้วพูดว่า
“คุณมีหมอเก่ง ๆ อยู่ในมือเท่าไหร่หากคนหนึ่งตายแน่นอนว่าย่อมต้องมีสำรองเอาไว้เพื่อใช้งาน อย่าอ้างถึงผู้หญิงคนนั้นที่ตายไปแล้วผมไม่เชื่อว่าคุณจะทำยาพวกนี้ขึ้นมาใหม่ไม่ได้ หรือไม่คุณก็มีสูตรยาพวกนี้ในมืออยู่แล้ว เรามาวันนี้ไม่ได้ต้องการยาแต่เราต้องการสูตรยาเพื่อรักษาหลี่เจี่ยซิน”
หลิวไห่พูดยืดยาว ประธานกู้ยิ้มอบอุ่น
“เรื่องนี้ฉันเคยบอกหลี่เจี่ยซินไปแล้ว ว่าถ้าเธอรักษาความสามารถของเธอจะหายไปด้วย คนที่พิเศษแบบนี้จะยินยอมเหรอ ไม่สู้มาร่วมทดลองคิดค้นหาทางรักษาร่วมกับเราไม่ดีกว่าเหรอ”
หลิวไห่ถูมือของตัวเอง โน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ประธานกู้
“ผมคิดว่าระหว่างที่ทดลองยาคุณจะทดลองอย่างอื่นด้วยเป็นแน่ เด็กทดลองพวกนั้นคุณส่งออกไปตะวันออกกลาง ให้พวกเขาเป็นทหาร เป็นหน่วยรบ เป็นหน่วยพลีชีพ ล้างสมองพวกเขาให้ทำตามสิบกว่าปีมานี้คุณฆ่าเด็กไปเท่าไหร่แล้ว สิบคน ร้อยคน พันคน ไม่คิดละอายบ้างเลยหรือไง”
ประธานกู้หัวเราะ
“นายก็รู้ทุกอย่างแล้วนี่ ว่าฉันทำเพื่ออะไร”
หลี่เจี่ยซินจึงพูดว่า
“เงินคุณเยอะแยะขนาดนี้ใช้อีกกี่ชาติถึงจะหมดยังต้องการอะไรอีกล่ะ”
ประธานกู้ส่งเสียงจุ๊ ๆ เขารินน้ำชาให้ตัวเองและยังรินให้หลิวไห่กับหลี่เจี่ยซิน
“อำนาจยังไงล่ะ อำนาจที่จะเป็นที่หนึ่งในโลกนี้พวกเธอไม่สนใจเหรอ การที่มีโลกอยู่ในกำมือมันน่าสนุกสักแค่ไหนกันนะไม่คิดว่าอยากจะเป็นพระเจ้าของโลกใบนี้บ้างเหรอ ตำแหน่งที่มนุษย์คนเดียวที่เช่นฉันเท่านั้นที่เหมาะสม”
หลี่เจี่ยซินส่ายหน้าหัวเราะเบา ๆ
“นี่ประธานกู้คุณคิดว่าตัวเองเป็นธานอสจากการ์ตูนของมาร์เวลหรือยังไงถึงได้คิดเรื่องครองโลกขึ้นมา ประสาทแดกเสียจริง แค่ใช้ชีวิตไปอย่างคนอื่นไม่ได้หรือไง”
ประธานกู้หัวเราะกับคำพูดของหลีเจี่ยซินจนปวดท้อง
“นังหนูนี่สมแล้วที่ฉันได้สร้างขึ้นมา กระทั่งฝีปากยังกล้าหาญขนาดนี้”
หลี่เจี่ยซินยิ้มเย็น
“ฉันฉลาดด้วยตัวของฉันเอง ไม่มีใครมาสร้างฉันทั้งนั้น”
ประธานกู้เห็นด้วย
“แน่นอนว่าเซลของเธอสามารถวิวัฒนาการด้วยตัวเธอเองได้ เพราะแบบนี้เธอจึงเป็นมือหนึ่งยังไงล่ะ แต่ว่าในตอนนี้กลับมีคนที่แข็งแกร่งกว่าเกิดขึ้นแล้ว”
เขามองไปที่หลิวไห่อย่างเปิดเผย ในขณะที่หลิวไห่เองจ้องเขาไม่สะทกสะท้าน
“รู้จนได้ เร็วกว่าที่คิด”
ประธานกู้พยักหน้า
“ยังมีอีกเรื่องที่นายสมควรได้รู้เจ้าลูกชาย”
หลิวไห่ขมวดคิ้ว หลี่เจี่ยซินสำลักน้ำชาที่กำลังยกขึ้นจิบ
“ประธานกู้คุณว่าอะไรนะ”
ผู้ชายแก่คนนี้กลับหัวเราะ
“ได้ข่าวก่อนผู้หญิงคนนั้นตายว่านายคือลูกชายของฉัน ว่ายังไงล่ะสนใจตรวจดีเอ็นเอหรือเปล่าเครื่องมือของที่นี่ก้าวหน้าแค่สิบนาทีก็รู้ผลแล้ว ถ้านายเป็นลูกของฉันจริงทุกอย่างของฉัน ทั้งอาณาจักรทั้งโลกนี้ในตอนนี้ย่อมเป็นนายที่คู่ควรจะรับมันต่อจากฉัน”
หลิวไห่หัวเราะไม่ออก เขาไม่เคยคิดตามหาพ่อและยังคิดว่าเรื่องที่ผู้หญิงคนนั้นพูดออกมาก่อนตายอาจจะเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ แต่ไม่คิดฝันมาก่อนว่าคนที่กำลังจะปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมดให้สมบูรณ์คือประธานกู้ ทั้งหมดเขาไม่ต้องลงมือเองให้เหนื่อยยาก
แต่หากรู้ว่าประธานกู้เป็นพ่อของเขาแล้วยังไงต่อล่ะ เขาจะยกโทษให้ประธานกู้พ่อที่แท้จริง ที่ฆ่าพ่อที่เลี้ยงเขามาได้เหรอ ผู้ให้กำเนิดที่เพิ่งรู้จักกันวันนี้กับคนที่เลี้ยงดูอบรมเขามาด้วยความรัก แน่นอนว่าหลิวไห่ย่อมไม่ใส่ใจสเปริมส์ของประธานกู้ที่กลายเป็นตัวเขาเลยแม้แต่น้อย
“ขอบายล่ะ ผมไม่สนใจวันนี้ผมมาแค่ต้องการสูตรยาของหลี่เจี่ยซิน”
ประธานกู้กลับบอกว่า
“เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ฉันจะให้เธอหลี่เจี่ยซินแต่ต้องแลกกับการที่หลิวไห่ยอมตรวจดีเอ็นเอแต่โดยดี ว่ายังไงล่ะหลี่เจี่ยซินจะเกลี้ยกล่อมเขาได้หรือเปล่าเพื่อตัวเธอเอง”
ประธานกู้ย่อมรู้ว่าหลิวไห่นั้นรักหลี่เจี่ยซินมากแค่ไหน หากเป็นเรื่องเกี่ยวกับหลี่เจี่ยซินแล้วหลิวไห่ไม่เคยลังเลแม้แต่ครั้งเดียว
“ไม่ ในเมื่อที่รักของฉันไม่ต้องการตรวจยานี่ฉันก็ไม่ต้องการเช่นกัน ไปเถอะที่รัก”
หลี่เจี่ยซินตั้งใจออกไปวางระเบิดเล่นแล้วเผ่นแน่บไปพร้อมกับหลิวไห่ อย่างน้อยมาแล้วต้องได้อะไรบ้างถึงไม่ได้ยาก็เถอะ เรื่องยาค่อยคิดกันวันหลัง แต่หลิวไห่กลับดึงมือของเธอเอาไว้
“ที่รักฉันเปลี่ยนใจแล้วอยากรู้ความจริงเหมือนกัน”
ประธานกู้หัวเราะ เขาคำนวณไว้ย่อมไม่ผิดพลาด หลิวไห่เป็นเแบบนี้จริง ๆ จุดอ่อนของเขาคือหลี่เจี่ยซิน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ง่ายแล้ว
“พูดง่าย ๆ แบบนี้สิจะได้ไม่ต้องเสียเวลากันทั้งสองฝ่าย”
“ที่รักเราหาทางอื่นกันเถอะ อย่าทำเพื่อฉันอีกเลย”
หลิวไห่ส่ายหน้า “ไม่เป็นไรแค่ตรวจดีเอ็นเอมีอะไรน่ากลัวกันล่ะ”
หลี่เจี่ยซินมีสีหน้าไม่สบายใจ หลิวไห่จึงดึงมือของเธอให้นั่งลง
“ผมพร้อมแล้ว”
ประธานกู้เรียกคนของเขาเข้ามา มีหมอคนหนึ่งเตรียมพร้อมมาแล้ว เขานำเลือดของหลิวไห่ไปตรวจ แม้ว่าภายนอกของคนทั้งคู่จะดูสงบนิ่งแต่ภายในใจของหลีเจี่ยซินและหลิวไห่กลับร้อนราวกับไฟ ในขณะที่ประธานกู้กลับนั่งอย่างผ่อนคลาย
“เรื่องรับช่วงต่อหากผลว่านายเป็นลูกของฉันนายก็ลองคิดดูให้ดี”
หลิวไห่ไม่ตอบ เขาไม่มีทางทำเรื่องสกปรกนี้ต่อจากประธานกู้เป็นอันขาด หากเขาจะรับช่วงต่อสิ่งที่เขาทำก็คือทำลายสถานที่วิจัยนี้ทิ้งไปซะ หลี่เจี่ยซินเอ่ยถามประธานกู้ตรง ๆ
“คุณทำการทดลองที่นี่เหรอ”
“ใช่ ด้านล่างของตึกนี้”
หลี่เจี่ยซินพยักหน้า
“คงเหมือนตึกที่หลิวไห่เพิ่งไปถล่มมา มาห้องใต้ดินใช่หรือเปล่า”
“ใช่ ถ้าพวกเธออยากดูฉันยินดีจะให้คนพาไปดู”
หากพวกเขาเข้าไปดูก็ย่อมเข้าทาง ไม่ต้องตีกันแล้วลากกันไปให้วุ่นวาย
ประธานกู้ไม่ปิดบัง คนสองคนนี้เข้ามาได้แต่เขาไม่คิดจะปล่อยหลี่เจี่ยซินและหลิวไห่ออกไปแน่นอน ไม่ว่ายังไงคนทั้งคู่ต้องอยู่นี่เพื่อเป็นหนูทดลองต่อไปให้เขา เขาเก่งขนาดนี้ย่อมรู้วิธีเปลี่ยนความคิดของหลิวไห่ให้กลายเป็นคนที่เชื่อฟัง
“ฉันอยากดู”
“เสี่ยวเจี่ยก่อนเธอไปแผ่นดินใหญ่จำได้หรือเปล่าว่าตัวเธอเองก็เคยเติบโตที่นี่”
หลี่เจี่ยซินส่ายหน้า
“ด็อกเตอร์คนนั้นคงบอกคุณแล้วว่าฉันความจำเสื่อม”
หลี่เจี่ยซินรู้ดีว่าวันนั้นด็อกเตอร์คนนั้นยังไม่ได้รายงานเรื่องความจำของเธอให้ประธานกู้ได้รู้ เขาจึงคิดว่าเธอยังความจำเสื่อมอยู่
“ใช่ฉันรู้ น่าเสียดายที่เธอจำไม่ได้ แต่ไม่ต้องห่วงฉันจะให้คนคิดค้นยาช่วยเธอเรื่องความทรงจำเอง”
และแล้วผลการตรวจดีเอ็นเอก็มาถึง หมอคนนั้นยืนอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขา
“ผลการตรวจมีความเข้ากันถึงเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นครับ ดังนั้นคุณหลิวไห่คือลูกชายของท่านประธานครับ”
หลิวไห่เองกลับไม่อยากเชื่อ หลี่เจี่ยซินตกตะลึง ประธานกู้หัวเราะอย่างพอใจในขณะที่หน้าประตูห้องในตอนนี้มีใครคนใดคนหนึ่งยืนกำมือแน่นด้วยความโกรธแค้น กระทั่งคุณหมอคนนั้นหลังจากแจ้งผลการตรวจแล้วจึงเดินออกมา
“อ้าวคุณกู้เมิ่งยินดีด้วยนะครับที่คุณมีพี่ชายอีกคน”