ตำนานเทพยุทธ์ – ตอนที่ 42

ชายหนุ่มผู้ทุ่มเทเวลาหลายต่อหลายวันจนเวลาผ่านไปนาน ทำให้เฒ่าชราหลางจงผู้เฝ้ารอมานานเกือบเดือนเต็มๆ ชายหนุ่มผู้มีพลังลมปราณหยินที่แข็งแกร่งให้หวนกลับมารับเอาของที่เป็นของเขา ดอกราตรีกลืนวิญญาณ บัดนี้ชายชราได้เก็บรักษาสมุนไพรชิ้นนี้ให้แก่เขา พร้อมทั้งเด็กสาวที่ได้รับการช่วยเหลือจากเขาจนรอดชีวิตมาได้

“ท่านปู่ นี่ท่านยังรอผู้มีคุณอยู่อีกเหรอ หากเขาจะมาเดี๋ยวเขาก็มาเอง ข้าว่าท่านเอาเวลาไปปรุงยาให้แก่ พวกตระกูลชั้นสูงที่ใกล้จะมาดีกว่าหากเรายังอาศัยสถานที่แห่งนี้อยู่คงต้องทำเช่นนี้ตลอดไปเป็นแน่”

คำกล่าวของหลานสาวทำให้เฒ่าชราตัดสินใจได้ ด้วยการอยู่ยังสถานที่แห่งนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป อาการของหลานสาวก็ดีขึ้นมากแล้วหาก เจ้าหนุ่มเป่าฮู่กลับมาเฒ่าชราก็จะออกเดินทางทันที

“หลานปู่จงใช้เวลาที่เหลือดูดซับพลังลมปราณหยินจากสถานที่แห่งนี้ให้ได้มากที่สุดเพราะอีกไม่นานเราจะไปจากที่นี่กันแล้ว”

คำกล่าวนี้สร้างความดีใจแก่หลานสาวเป็นอย่างมาก เพราะนางไม่ชอบที่จะอยู่ในสถานที่อันเต็มไปด้วยซากศพนี้และอยากท่องเที่ยวทั่วแดนดิน นางใฝ่ฝันเช่นนั้นมาตลอด

อีกด้านหนึ่งหลังจากที่เป่าอู่ได้เดินทางลึกเข้าไปลึกเข้าไปสังหารอสรพิษฟ้าครามจนเกือบสิ้นเผ่าพันธุ์ จนทำให้ราชาของพวกอสรพิษฟ้าครามไม่อาจที่จะทนต่อสิ่งที่ถูกคุกคามนี้ได้

ณ ต้นไม้โบราณกลางป่าใหญ่

ด้วยลักษณะที่สูงเด่นลำต้นที่กว้างกว่า 30 คนโอบ ยืนต้นท้าทายแดดลมฝนมานานนับหมื่นปี เป่าฮู่ยืนมองผืนดินเบื้องล่างต้นไม้ที่แผ่กิ่งก้านสาขาออกมาจนให้ร่มเงามากมายแก่บรรดาหมู่สัตว์อสูรเบื้องล่าง

“เจ้าหนูวันนี้คงถึงเวลาที่เราจะต้องเผชิญหน้ากับราชาแห่งพิษแล้ว เจ้าสามารถสร้างแก่นแท้แห่งพิษและมีพิษแฝงในกระแสลมปราณจนทำให้ศัตรูได้รับผลของมันอย่างเด่นชัด ดังนั้นเจ้าไม่ต้องเกรงกลัวสิ่งใดอีกแล้ว”

คำกล่าวนั้นไม่ได้ทำให้เป่าฮู่รู้สึกอะไรแปลกไปเลย แต่กลับยิ่งทำให้ชายหนุ่มมีห้วงความคิดที่ลึกซึ้งมากกว่าเดิม

“เจ้าคิดอะไรของเจ้า เจ้าหนู ไม่ฟังสิ่งที่พูดข้าเลยหรือไร?”

เมื่อเป่าฮู่รับรู้ได้จากขอบเขตลมปราณที่กว้างขึ้น ตัวมันก็พบว่ายังทิศใต้ของตนเองอยู่มีบางสิ่งกำลังเคลื่อนที่เข้ามา และมาด้วยความเร็วที่ไม่ธรรมดาด้วยเช่นกัน

“กำลังมาแล้ว”

เพียงเท่านี้เต่าอักขระกลับพูดออกมาว่า

 

“อะไรกำลังมา จะมาล้ออะไรข้าเล่นหรืออย่างไร”

เป่าฮู่ไม่พูดอะไรนำกระบี่คู่ใจออกมาถือไว้ในมือมั่น โดยท่าทางเหล่านั้นทำให้เจ้าเต่าบ้าก็หันมาสำรวจรอบกายอีกครั้งด้วยพลังของตัวมันเองและในที่สุดสิ่งที่เจ้าเต่าได้รู้กลับทำให้สีหน้าเจ้าเทพเต่าเปลี่ยนไป

(ราชาแห่งพิษอสรฟ้าครามกำลังมา แต่ที่น่าตกใจเจ้าหนูมันรูได้เช่นไรทั้งที่ข้าเองเต่าผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ไม่สามารถรับรู้ได้ ขอบเขตพลังของเจ้ามนุษย์นี่มันพัฒนามาได้ไกลกว่าที่คิดอีกหรือ)

เมื่อเต่าอักขระได้สำรวจระดับลมปราณของเป่าฮู่ก็ยังคงเท่าเดิมแต่มีความเข้มข้นมากกว่าเดิมจนเกือบจะทะลวงไปยังขอบเขตราชันลมปราณได้แล้ว หากมีโอสถทิพย์เข้ามาช่วย

หลังจากที่ได้รับรู้ถึงการมาของศัตรูเต่าอักขระก็รีบโคจรพลังและรีบกระโดดขึ้นไปบนชั้นฟ้าด้วยพลังของตัวมันเอง การสร้างอักขระที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ที่เหนือท้องฟ้าและผลักอักขระเหล่านั้นให้ครอบคลุม ยังต้นไม้ใหญ่นี้ไว้

“เอาหละเจ้าหนูข้าสร้างค่ายกลอักขระสังหารไว้แล้ว แม้ว่าระดับพลังของข้าจะไม่ได้โดดเด่นแต่ว่า ข้าก็เป็นอสูรลมปราณระดับวงแหวนม่วงเช่นกัน ค่ายกลนี้จะช่วยเจ้าในการจัดการเจ้าราชาแห่งพิษได้โดยง่าย”

 

เป่าฮู่รู้ว่าค่ายกลของเจ้าเต่าบ้าร้ายกาจแต่เป่าฮู่ก็อยากทดสอบว่า ตนเองเฝ้าทุ่มเทเวลาดูดซับพิษมานานนับเดือน หากคิดสู้กับราชาพิษจนสามารถกำราบมันลงได้และนำมันมาเป็นสัตว์ในวงแหวนลมปราณจะวิเศษขนาดไหนหากสยบมันลงได้ด้วยตนเองและทำให้มันยอมศิโรราบอย่างแท้จริง

“ข้าขอบคุณท่านมากแต่ว่าอย่างไรท่านก็เป็นอสูรในวงแหวนของข้าจงใช้พลังของท่านสร้างอักขระป้องกันในขณะที่ข้าเข้าแลกชีวิตกับเจ้าอสรพิษฟ้าครามตัวนี้ทำให้มันเหนื่อยล้าและข้าจะสบมันลงเองด้วยสองมือของข้า”

การที่คิดจะสร้างอักขระที่หน่วงพลังทางกายนั้น เจ้าหนุ่มผู้นี้สามารถคิดได้เช่นไร แต่อักขระเหล่านี้ก็มีขอบเขตของมัน เพราะอย่างไรเสียเต่าอักขระก็ไม่อาจทำได้ในทุกๆอย่าง

“ข้าคงทำไม่ได้หากแต่สร้างอักขระป้องกันกับอาภรณ์ที่เจ้าสวมใส่นั้นย่อมสามารถทำได้ในทันที”

เป่าฮู่หลังจากที่ได้รู้ว่าเต่าบ้านี้ก็มีขีดจำกัดและเมื่อพิจารณากลับดูเหมือนว่าจะเป็นขีดจำกัดที่สำคัญเสียด้วย แต่หากคิดดูแล้วหากไม่มีเจาเต่าตัวนี้เป่าฮู่ก็ไม่สามารถใช้พลังลมปราณเทพเต่าดำได้เพราะไม่สามารถไขความลับของจุดชีพจรได้

“ช่างมันเถอะท่านทำได้แค่ไหนก็แค่นั้นที่เหลือ ข้าจะจัดการเอง”

การที่เป่าฮู่ไม่สนทนาเพิ่มไปมากกว่านี้เพราะบัดนี้ เจ้าของดวงตาที่แดงฉานกำลังจ้องมองมาทางผู้บุกรุกดินแดน และเป็นเพียงมนุษย์ที่ยโสโอหังเพียงคนเดียว

ราชาแห่งอสรพิษ เจ้าแห่งพงไพรได้ยกส่วนหัวของมันขึ้นมาพร้อมกล่าวออกไปอย่างดูแคลน

“เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ กล้า กล้าบุกรุกเขตแดนของข้า อสรพิษฟ้าครามผู้นี้ ไม่อยากมีชีวิตก็ไม่บอก ข้าจะสงเคราะห์ให้”

ตำนานเทพยุทธ์

ตำนานเทพยุทธ์

ตำนานเทพยุทธ์
Status: Ongoing
อ่านนิยายตำนานเทพยุทธ์ “ข้าจะกลับไปแก้แค้นพวกเจ้าทุกคน” ชายหนุ่มที่มีวัย เพียง 18 ปี ผู้เป็นศิษย์ที่มีพรแสวงมากที่สุด จากจำนวนศิษย์ภายใน สำนักกว่า 200 คน นามของเขาก็คือ เป่าฮู่ ชายผู้เกิดมาพร้อมชะตาที่อาภัพ บิดามารดาทั้งสองตกตายไปอย่างอนาถ ทิ้งชายหนุ่มหาเลี้ยงตนเองตลอดระยะเวลาหลายปี โรคระบาดคร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย ดังนั้นบิดามารดาจึงได้ล้มตายจากไปอย่างมีเงื่อนงำ แต่เป่าฮู่ก็ไม่อับจนโชคชะตาซะทีเดียว สวรรค์มิได้รังแกเขามากนัก เด็กชายวัยเยาว์จึงถูกชุบเลี้ยงโดยอาวุโสระดับสูงของนิกายนักยุทธ์นาม เสวียนอู่ อันเป็นนิกายอันดับหนึ่งแห่งแดนเหนือ การพบเจอด้วยความบังเอิญ จึงได้รับตัวเข้ามาเป็นศิษย์ชุบเลี้ยงอย่างเอ็นดูรักใคร่ดั่งบุตรในสายตระกูล

Comment

Options

not work with dark mode
Reset