หนึ่งบุรุษวัยเยาว์กับหนึ่งชายชราผมขาววัย 130 ปี ที่เป็นคนจากยุค 100 ปีก่อน ได้ดำรงชีวิตอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ ได้เผชิญหน้ากันในศาลาเคียงตะวัน หลังจากที่หยุนเต๋อได้ทดสอบความสามารถของเป่าฮู่เพียงส่วนหนึ่งไปแล้ว
“ฮ่าๆๆวันนี้วันดีจริงๆ ที่พรรคใต้หล้าของข้า ได้ต้อนรับคุณชายรูปงามท่านนี้
มิทราบว่าท่านมีนามว่าอะไร?”
การถามชื่อแซ่ออกไปทำให้เป่าฮู่ลังเลใจอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจรองหยั่งเชิงเฒ่าชราจากยุค 100 ปีก่อนดูสักครั้งว่ารู้จักชื่อแซ่ของตนหรือไม่
ก่อนที่จะกล่าวอะไรออกไปเป่าฮู่ได้ก้มศีรษะลงคาราวะผู้เฒ่าผมขาวผู้นี้อย่างนอบน้อม
“เรียนท่านประมุขหยุนเต๋อ ผู้เยาว์นั่นมีแซ่ว่าเป่า นามว่าฮู่ เป็นคนจากแดนเสวียนอู่นี้แต่กำเนิด หากแต่ตอนนี้หมู่บ้านของข้าน้อยถูกลบไปจากดินแดนนี้แล้วขอรับ”
เมื่อเป่าฮู่กล่าวบางสิ่งออกไปทำให้ตัวของหยุนเต๋อนึกย้อนไปยังเรื่องราวที่น่าเศร้าของหมู่บ้านยอดยุทธ์แห่งหนึ่งนามว่าหมู่บ้านตระกูลเป่า เพียงไม่นานก็จำได้ว่าต้นสายปลายเหตุของการมาเยือนของกลุ่มแดนศักดิ์สิทธิ์ ก็เพราะผู้นำตระกูลเต้าในตอนนั้นต้องการช่วงชิงตำราลมปราณเทพและลบล้างเรื่องน่าอดสูของบุตรชายนามเต้าหวงเย่ ประมุขของหอยอดยุทธ์ในตอนนี้นั่นเอง
“ข้าจำได้แล้ว แซ่เป่า แซ่นี้เคยมีชื่อเสียงในอดีต แต่ตอนนี้รู้สึกว่า
จะต้องมาพบเรื่องที่เลวร้ายเพราะเรื่องน่าอับอายของเต้าหวงเย่ ประมุขหอยอดยุทธ์ เห็นว่า เต้าหวงเย่เคยแอบชอบสตรีนางหนึ่งในหมู่บ้านตระกูลเป่านั้น
แต่นางไม่รับไมตรีจึงทำการฆ่าล้างหมู่บ้าน อื่ม อื่ม ไม่น่าแปลกขนาดบรรพชนของเจ้ายังรอดมาได้จนมีเจ้าเช่นทุกวันนี้ ฮ่าๆๆๆ เช่นนั้นเรื่องที่ว่าคนแซ่เป่ายังมีตัวตนอยู่นอกด่านแดนเหนือคงเป็นจริง”
เพียงคำกล่าวนั้นทำเอาใบหน้าของเป่าฮู่ชาไปทั้งหน้า และความไม่น่าเชื่อที่พึ่งได้ยินไปนั่น ทำให้เป่าฮู่เกิดสติหลุดลอยไปชั่วขณะหนึ่ง
จากการกล่าวถึงสิ่งที่ตนเองรู้มาเล็กน้อยและ ต้องการดูปฏิกิริยาของเด็กหนุ่ม หยุนเต๋อหว่านเม็ดเพื่อรอผล ชายชราต้องการรู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นคนและใครสอนทักษะลมปราณธาตุน้ำที่ทรงพลังแก่เขากัน
เมื่อเป่าอู่ดึงสติกลับคืนมาก็กล่าวถามถึงสิ่งที่ตัวมันต้องการทันท่วงที และก็เป็นไปตามแผนที่ชายชราวางไว้
การที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งหากไม่ได้มาจากหมู่บ้านแซ่เป่า ก็คงเป็นคนแซ่เป่าที่อยู่นอกหมู่บ้าน นั่นต้องทำให้คนเหล่านั้นต้องการที่จะพบกันเป็นอย่างมาก ดังนั้นตัวชายชราจึงต้องการที่จะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้
“ดูเหมือนคุณชายคงไม่ใช่คนจากหมู่บ้านตระกูลเป่า แต่คงเป็นสายเลือดที่เติบโตจากนอกหมู่บ้านสินะ?”
เพียงเท่านั้นเองเป่าฮู่ก็รับรู้ว่าตนเองได้ก้าวลงมาในแผนการบางอย่างของชายชราอย่างเต็มประตูและในตอนนั้น เป่าอู่ก็ทำทุกทางเพื่อที่จะระวังไม่ให้ตนเป็นผู้ที่เสียเปรียบแก่ชายชราคนนี้
“นับว่าท่านประมุขเป็นคนที่มีสติปัญญาเฉียบแหลม ท่านกล่าวถูกข้าน้อยเป็นบุตรบุญธรรมจากเมืองตระกูลหง ที่มาที่แห่งนี้เพียงต้องการทราบข่าวของบรรพบุรุษว่ามีที่มาจากสถานที่แห่งไหนเท่านั้น”
การทำตัวให้ลื่นไหลเป็นสิ่งที่จำเป็นในทุกโอกาส เป่าอู่ได้กล่าวออกไป ก่อนที่ชายชราจะเทน้ำชาลงใส่ในถ้วยใบเล็กก่อนที่จะยื่นให้แก่ชายหนุ่ม
“นี่พ่อหนุ่มแซ่เป่า รับเอาไป ข้ามีข้อเสนอให้เจ้า เพื่อแลกกับข้อมูลที่ข้าและคนของข้ารู้เกี่ยวกับที่ตั้งนอกด่านของหมู่บ้านตระกูลเป่าแห่งนั้น”
เมื่อเป่าฮู่ตกอยู่ในสภาพขอทานน้อยทางเลือก เพื่อให้ได้มาซึ่งเบาะแสอันสำคัญนั้น ต่อให้ต้องถูกหลอกใช้งาน นั่นก็เป็นสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการ
“เชิญท่านอาวุโสว่ามา”
คำกล่าวที่เปล่งออกมาจากผู้เยาว์ตรงหน้า ทำให้หยุนเต๋อยกยิ้มออกมา
“เรื่องนั้นไม่ยาก เพียงแค่ท่านช่วยคนของข้าจัดการสำนักเจ้าเมืองที่ใดก็ได้สักที่หนึ่งเท่านั้น ก็นับว่าท่านตอแทนค่าข่าวสารนั้นได้แล้วและจงรับเอา ข่าวสารจากทางเราไปได้เลย”
เมื่อมีข้อตกลงเป่าฮู่ที่ได้ฟังเช่นนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรให้มากความจึงหันไปมองชายชราก่อนที่จะกล่าวว่า
“ท่านประมุขต้องการให้ผู้เยาว์ช่วยคนของท่าน จัดการสำนักใดในแดนเสวียนอู่แห่งนี้?”
เพียงเท่านั้นเหมือนว่าทุกคนกำลังสงสัยว่า ทำไมท่านประมุขต้องมาขอร้องให้คนนอกและยังเป็นชายหนุ่มวัยเพียง 18 -19 ปีคนนี้ช่วยด้วยแต่ชายชรากลับกล่าวออกมาเพียงว่า
“ซื่อหม่า”
เมื่อนามของสำนักที่เป็นเป้าหมายดังออกมาทำให้เป่าฮู่ต้องยกยิ้ม เพราะสถานที่แห่งนั้นเดิมก็เป็นเป้าหมายของตนอยู่แล้ว แต่กลับได้ข้อมูลที่มีค่ามาเพิ่มเติมนั่นยิ่งเป็นการดีต่อชายหนุ่ม
แต่ทางด้านชายชราเหมือนรู้ว่าชายหนุ่มกำลังชอบใจ และเพียงไม่นานชายชราก็กล่าวออกไปว่า
“คุณชายเป่า ท่านต้องจัดการเด็ดหัว เจ้าสำนักเจ้าเมืองซื่อหมาและนำตำราเก้าหยินโคจรกลับมามอบให้ข้าที่ผาเคียงตะวัน ในอีก 15 วันข้างหน้า ไม่เช่นนั้นข้าจะไล่ล่าท่านทั่วทุกเขตแดนเสวียนอู่และตระกูลเป่ารวมถึงเมืองตระกูลหงด้วยเช่นกัน”
ตอนแรกเป็นการทำข้อตกลงแต่ไฉนกลับเป็นคำขู่ล้วนๆนี่ทำให้เป่าอู่ต้องตกใจ และที่สำคัญเป่าฮู่ก็ไม่สนใจว่าชายชราจะคิดเช่นไร 15 วันก็ 15 วัน มันจะยากอะไรกันนักหนา
เมื่อทุกสิ่งตกลงกันจบสิ้นเป่าฮู่ก็ลุกขึ้นพร้อมโค้งคำนับ เพื่อลาลงจากเขาผาเคียงตะวันอย่างมาดมั่น
“ท่านปู่ ท่านคิดจะทำอะไรกัน?”
เพียงหลานชายถามออกมา หยุนเต๋อก็กล่าว พร้อมกับยิ้มๆออกมา
“เชื่อปู่เถอะว่า สำนักซื่อหม่าจะไม่ได้ผงาดออกมา ในยุทธภพอีก สั่งคนของเราถอนกำลังออกมาจากระยะ ตัวเมือง 10 ลี้ และปล่อยให้คุณชายเป่าคนนี้เข้าไปจัดการ เรื่องราวด้านใน ข้าจะดูว่าสิ่งที่ข้าคิดมันไม่ผิด หากเป็นจริงข้าคงต้องขอมันมาแล้วกันของสิ่งนั้น”
เมื่อในใจที่ทราบดีถึงทักษะตำราลมปราณที่ควรจะเป็นของตนเอง และหากเจ้าบ้าลู่กวนไม่ให้ศิษย์บัดซบ คนหนึ่งนำสุดยอดตำราหนีออกไปจนสูญหายไปที่ทะเลดำนั่นคงไม่ทำให้
หยุนเต๋อเสียเวลาไปกว่า 50 ปี
การกลับมาของกลิ่นอายโบราณ และความรู้สึกที่อิ่มเอมจะรีบไปทำไมในเมื่อตอนนี้หยุนเต่อไม่ใช่คนเดิมที่อ่อนแออีกต่อไปแล้ว