ตอนที่ 264 เส้นทางกลับ
ฉู่จิ่งเหยาบอกว่าจะตอบโต้ เพราะสกุลอิ๋นจะมากล่าวโทษถึงที่ แม้คนจะยังมาไม่ถึง แต่ข่าวนี้แพร่มาถึงหูฉู่จิ่งเหยาแล้ว เขาจึงเตรียมวางแผนรับมือ รอเพียงคนของสกุลอิ๋นมาถึงเท่านั้น
เช้าตรู่ทุกคนกำลังเก็บข้าวของสัมภาระ ราวกับว่าเรื่องที่เกิดเมื่อคืนไม่ส่งผลต่ออารมณ์ความรู้สึกของพวกเขา หลังจากถังเฉียนตื่นนอน เหวินเยียนและฟางเอ๋อกำลังวุ่นอยู่กับการเก็บข้าวของ นางมีสัมภาระไม่มากจึงยืนสัปหงกพิงรถม้า
“เมื่อคืนพักผ่อนไม่พอหรืออย่างไร”
ในเวลานี้คนที่ว่างน่าจะเป็นฉู่จิ่งเหยา เมื่อหันมามองก็พบสีหน้ายิ้มแย้มของเขา
“เมื่อคืนคิดมากจนนอนไม่หลับ คิดว่าวันนี้นั่งรถม้าไปกับท่านอ๋องและขบวนใหญ่คงจะได้งีบบ้าง”
ถังเฉียนพูดจบก็ขยับเข้าใกล้ฉู่จิ่งเหยา และกระซิบว่า
“ท่านอ๋อง กำลังรอเรื่องสนุกของท่านอยู่นะ”
ฉู่จิ่งเหยาเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่เชิง เขากดศีรษะถังเฉียนแล้วไปทำอย่างอื่น ไม่รู้ว่าเพราะรู้สึกอายหรือไม่
ถังเฉียนกลับไม่ได้คิดอะไร แต่การจัดขบวนวันนี้แปลกออกไป มีเพียงฉู่จิ่งเหยากับถังเฉียนนั่งในรถม้าคันเดียวกันเพียงสองคน คนอื่นตามมาข้างหลัง ถังเฉียนเห็นท่านอ๋องก็วางตัวตามสบาย กอดผ้าห่มพิงไปด้านซ้ายเตรียมจะนอน
“เด็กคนนี้ กลับมาเซวียนกั๋วแล้วก็ยังไม่รู้จักแบบแผน นั่งให้ดี”
ถังเฉียนถูกตำหนิ แต่ยังคงนอนอยู่ นางพลิกตัวพลางพึมพำว่า
“ท่านอ๋องมีระเบียบมากมายเช่นนี้ มิน่า พวกนั้นถึงไม่อยากนั่งรถคันเดียวกับท่าน เส้นทางยังอีกไกล ท่านจะยึดถือแบบแผนตลอดหรือ”
ฉู่จิ่งเหยาตบศีรษะนางแล้วพูดว่า
“ไม่อาจละทิ้งแบบแผน”
ถังเฉียนเจ็บตัวจึงไม่กล้าแกล้งนอนตายอีก แล้วลุกขึ้นนั่งตามที่ฉู่จิ่งเหยาบอกอย่างว่าง่าย แต่ศีรษะโงนเงนไปมาตลอดเวลา เดี๋ยวก็ผงกหัวลง ท่าทางน่าเอ็นดู แต่ฉู่จิ่งเหยาต้องการให้นางนั่งสัปหงกไปอย่างนี้ ไม่ยอมให้นอนลง รถม้าสะเทือน ผ่านหลุมบนถนนอีกครั้ง ร่างถังเฉียนโผไปข้างหน้า ฉู่จิ่งเหยากลัวว่าศีรษะนางจะชนกับผนังฝั่งตรงข้าม จึงยื่นมือไปประคองคางนางไว้
ถึงตอนนี้ถังเฉียนเจอที่พักพิงแล้วจึงพิงลงไปบนนั้น จากนั้นก็โถมน้ำหนักตัวทั้งหมดลงไป ปล่อยให้ฉู่จิ่งเหยายันคางนางไว้เช่นนี้
ถังเฉียนดันตัวเล็กน้อย แล้วเอียงหน้า ริมฝีปากสัมผัสถูกนิ้วมือฉู่จิ่งเหยา สัมผัสที่อ่อนนุ่มทำให้หัวใจเขารู้สึกแปลกๆ
“ริมฝีปากผู้หญิงทุกคนอ่อนนุ่มเช่นนี้หรือ”
ฉู่จิ่งเหยาอดไม่ได้ที่จะคิดเช่นนี้ ยังอยากให้ถังเฉียนขยับตัวเล็กน้อย ดันนิ้วมือเขา
แต่น่าเสียดายที่หลังจากถังเฉียนขยับตัวแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่ขยับอีก ฉู่จิ่งเหยาจึงต้องประคองใบหน้าน้อยๆ นี้ไว้ในสภาพเช่นนี้ แล้วมองดูท่านอนที่ไม่ค่อยมีแบบแผนของนาง
“เมื่อคืนไม่รู้ว่าคิดเรื่องร้ายอะไร วันนี้ถึงกับง่วงหนักเช่นนี้”
ฉู่จิ่งเหยาเอ่ยขึ้น แล้วค่อยๆ ให้ศีรษะนางซบที่ไหล่ตนเอง ร่างเขาแนบชิดกับถังเฉียน ปล่อยให้นางนั่งพิงตนเองหลับไป นอนอย่างนี้ทำให้ถังเฉียนรู้สึกสบายขึ้น ส่วนเขาเองก็ไม่ต้องคอยประคองศีรษะนาง
“ฮี้!”
ทันใดนั้นรถม้าก็หยุดลง ร่างถังเฉียนเกือบพุ่งออกไป ถังเฉียนรีบคว้าคอฉู่จิ่งเหยาไว้ รั้งตัวเองกลับมา คราวนี้นางตาสว่างแล้ว ค่อยๆขยับริมฝีปาก แล้วหันมาช้าๆ มองดูฉู่จิ่งเหยาด้วยความประหลาดใจ
“ท่านอ๋อง นี่ท่าน…”
ไม่รู้ว่าฉู่จิ่งเหยาคิดอะไรอยู่ จึงผลักมือออกไป ทำให้ถังเฉียนถลาไปอยู่กลางรถม้า ล้มลงเข่ากระแทกพื้นจนรู้สึกเจ็บ นางน้ำตาไหล เตรียมจะพูดต่อว่าฉู่จิ่งเหยา แต่คิดไม่ถึงว่าหวังหลงจะเลิกม่านรถขึ้นแล้วพูดว่า
“ท่านอ๋อง สายมากแล้ว มาถึงเมืองมังกรหมอบแล้ว จะเข้าไปพักในเมืองไหมพ่ะย่ะค่ะ”
ตอนที่ 265 หาที่พัก
ฉู่จิ่งเหยาเลิกม่านรถขึ้น คิดไม่ถึงว่าเวลาจะผ่านไปเร็วเช่นนี้ เขาเหลือบมองถังเฉียนอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า
“ไปพักที่สถานีพักม้า เสด็จพ่อตามข้ากลับมาเพื่อร่วมการถวายพระพรวันคล้ายพระราชสมภพ นับแล้วยังมีเวลาอีกเจ็ดวัน ถ้ากลับไปถึงเร็วเกินไป อาจจะถูกคนสงสัยได้ ข้าไม่อยากตกเป็นคนร้าย”
หวังหลงขานรับ แล้วสั่งให้ทุกคนตั้งค่ายพัก ถังเฉียนรู้ดีว่านี่เป็นการพูดกับนาง
“ท่านอ๋อง ยังเช้าอยู่เลย จะไปต่ออีกหน่อยดีหรือไม่ แม้ที่นี่จะเป็นตัวเมือง แต่ถ้าไปอีกไม่ถึงครึ่งวันก็จะทันไปพักที่ผิงหลิงได้”
ถังเฉียนรู้ว่าฉู่จิ่งเหยาไม่รีบร้อน แต่ขณะนี้เพิ่งจะเลยเที่ยงวัน เหตุใดจึงบอกว่าสายแล้ว การพักที่นี่ออกจะฝืนความรู้สึกของทุกคน
ฉู่จิ่งเหยาลงจากรถม้า แต่ไม่ตอบคำถามนี้ ถังเฉียนเพียงแต่ร้องหึ เมื่อคืนยังบอกว่าไว้ใจนาง แต่วันนี้กลับไม่แยแสนางเลย ผู้ชายล้วนไม่น่าไว้ใจทั้งสิ้น
ถังเฉียนตามฉู่จิ่งเหยาลงจากรถม้า ทุกคนต่างแปลกใจกับการที่ฉู่จิ่งเหยาสั่งให้พัก แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถามการตัดสินใจของเขา จึงพากันยกข้าวของลงจากรถ พักที่นี่ชั่วคราว
ถังเฉียนได้งีบหลับก็รู้สึกสบายขึ้น ได้บิดขี้เกียจทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น หลังจากกินอาหารแล้วจึงไปเดินเล่นรอบๆ สำรวจสภาพภูมิประเทศ รู้สึกว่าเมืองมังกรหมอบเป็นที่ที่ฮวงจุ้ยดีมาก ล้อมรอบไปด้วยขุนเขาเขียวขจี มีน้ำโอบล้อม น่าจะเป็นพื้นที่ที่ผลผลิตอุดมสมบูรณ์ แต่พอเข้ามาในเมืองกลับพบว่าผู้คนบางตาจนน่าเวทนา
“ก่อนนี้เจ้าคงไม่เคยมาที่เมืองมังกรหมอบ ในอดีตที่นี่เจริญมาก แต่เพราะครั้งนั้นเสียหายอย่างหนักในการสู้รบกับเผ่าม้ง ต่อมาเพราะที่นี่ถูกเผ่าหมอผีแก้แค้น จนแทบจะล่มสลายไปทั้งเผ่า ชาวเมืองมังกรหมอบฝึกวิชาหมัดมวยเพื่อทำให้ร่างกายแข็งแรง ดังนั้นจึงสู้รบเก่ง กลายเป็นหนามตำตาของชาวเผ่าม้ง”
จู่ๆ ถังเฉียนก็ได้ยินคนพูดอธิบายอยู่ข้างหลัง ทำให้ชะงักอยู่ครู่หนึ่ง นางยังไม่ได้เอ่ยปากพูด หรือว่านางพูดความคิดตนเองออกไปแล้ว
ขณะที่นางกำลังแปลกใจ แต่พอมองดูรอบๆ ก็ไม่เห็นมีใคร ทำให้ยิ่งแปลกใจมากขึ้น
ใครกัน
ถังเฉียนคิดในใจว่าหรือตนรุกเข้ามาในสถานที่ประหลาดเสียแล้ว หลังจากไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นางคิดเสมอว่าโลกนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวแปลกประหลาด ทำให้เรียนรู้สิ่งต่างๆไม่น้อย รอบๆ ไม่มีคน แต่กลับได้ยินเสียงคนพูดกับนาง นี่คงไม่ใช่ความมหัศจรรย์แต่เป็นเรื่องแปลกพิสดาร
“แม่นางไม่ต้องกลัว อาตมาฮุ่ยเหยี่ยนขอเชิญแม่นางมาพบที่วัดเมี่ยวอิน”
ฮุ่ยเหยี่ยน?
ถังเฉียนไม่เคยได้ยินฉายาของหลวงจีนที่ประหลาดเช่นนี้ วิชาเช่นนี้ คงไม่ใช่ง่ายๆ แค่วิชาส่งเสียงพันลี้เท่านั้น นางรู้สึกแปลกใจ แต่ที่มากกว่าคือความอยากรู้อยากเห็น นางเป็นคนที่ไม่อาจทนต่อความอยากรู้อยากเห็นได้ จากนั้นจึงสอบถามที่ตั้งวัดเมี่ยวอิน แล้วตรงไปยังที่นั่น
วัดเมี่ยวอินอยู่ทางทิศเหนือของค่ายพักพวกเขา เดินไปไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงระฆังดังกังวาน เป็นเสียงที่ชวนให้ผู้คนเลื่อมใส เมื่อถังเฉียนเข้ามาจึงพบว่าวัดเมี่ยวอินเป็นวัดเล็กๆ ที่แบ่งออกเป็นสามส่วน แยกเป็นวิหารสำหรับบูชาเจ้าแม่กวนอิม พระยูไลและสิบแปดอรหันต์ ถังเฉียนเปิดประตูเจดีย์พระธาตุ ช่างบังเอิญจริงๆ เห็นคนสองคนยืนอยู่ในนั้น
“ท่านอ๋อง?”
ถังเฉียนพูดขึ้น ฉู่จิ่งเหยาหันมาเห็นนาง สีหน้าดูผิดปกติ
“พระอาจารย์ ท่านเรียกข้ามาวัดเมี่ยวอินไม่ใช่หรือ”
ถังเฉียนยกมือไหว้ หลวงจีนฮุ่ยเหยี่ยนท่องคำว่าอมิตาภพุทธ แล้วพูดว่า
“ไม่ใช่อาตมาและใช่อาตมา ไม่ใช่พระพุทธองค์และใช่พระพุทธองค์ ทุกอย่างล้วนเป็นกิเลส ใยต้องยึดติดกิเลสด้วย”